Skip to content

สู่วิถีอสุรา 762

ตอนที่ 762 เหี้ยมโหด

กลิ่นอายชั่วร้ายทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่กลางเงามืดอันไร้ที่สิ้นสุด ความมืดนี้มาจากตอนที่วิญญาณของเขาในความทรงจำยังอยู่ในกายเนื้อ มันคือความมืดที่ไร้พรมแดน

คือหากข้ามองเห็น ข้าจะรู้ได้ว่าสีครามของฟ้าคือความยึดมั่นอะไร

ในกลิ่นอายชั่วร้ายยังมีรสชาติของความตายจากวิญญาณของเขาอยู่ มันคือวิญญาณที่เดิมทีตายไปแล้ว และเป็นความคลุ้มคลั่งจากฤดูหนาวเหน็บซึ่งมุ่งหน้าไปสู่ฤดูใบไม้ผลิ

ความรู้สึกถึงความตายแผ่กระจายสู่โดยรอบอย่างชัดเจนยิ่ง ขณะเดียวกัน ทุกคนก็รู้สึกเหมือนกันว่าระดับความเข้มข้นของกลิ่นอายชั่วร้ายนี้ ไม่ใช่การสั่งสมมาเพียงชาติเดียว!

ตอนซูหมิงอยู่ยอดเขาลำดับเก้า ศิษย์พี่กับอาจารย์เทียนเสียจื่อก็รู้สึกถึงกลิ่นอายชั่วร้ายอันน่าสะพรึงจากตัวซูหมิง จากนั้นเขาอยู่ที่โลกอมตะและต่อสู้อีกนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็หาจุดนั้นของวัฏจักรหลายสิบครั้งก่อนหน้านี้ของตนพบ ทำให้กลิ่นอายชั่วร้ายของเขาเข้มข้นอย่างยิ่ง

เพียงแต่ว่าในเวลาปกติเขาจะซ่อนมันไว้ในวิญญาณ ไม่ได้เผยออกมาง่ายๆ อย่างมากสุดก็ปล่อยมาเพียงส่วนเดียว

กระทั่งต่อให้ปล่อยมาก็ไม่มีทางเข้มข้นอย่างตอนนี้ ถึงอย่างไรซูหมิงตอนอยู่แดนมรณะหยินก็ไม่มีกายเนื้อจริงๆ ทำได้เพียงแผ่วิญญาณเท่านั้น เหมือนกับแหนไม่มีรากที่ยากจะแสดงออกมาได้ครบด้าน อีกทั้งเขาในตอนนั้นยังมีความรู้สึก ยังมีความเจ็บปวดอยู่

ทว่าตอนนี้อยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต หลังจากสร้างร่างกายขึ้นจากหงส์งูเพลิงและให้ร่างกายผสานรวมกับวิญญาณแล้ว ด้วยความไร้อารมณ์และความเจ็บปวด จึงทำให้กลิ่นอายชั่วร้ายของเขาแผ่กระจายออกมาโดยไม่กักไว้ในวิญญาณแม้แต่น้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงระเบิดกลิ่นอายชั่วร้ายที่รวมจากวัฏจักรหลายครั้งหรือกระทั่งตอนยังเป็นทารกมรณะออกมาทั้งหมด ช่วงที่กลิ่นอายชั่วร้ายกระจายไปรอบๆ เถียนหลินหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ตอนที่มองซูหมิง นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย

ด้วยฐานะและขั้นพลังอย่างเขา ไม่เคยเจอคนที่มีกลิ่นอายชั่วร้ายอย่างซูหมิงมาก่อน สิ่งนี้สร้างความรู้สึกคิดไปเองอย่างรุนแรงให้กับเขา

‘ต้องสังหารคนเท่าไรกันถึงจะมีกลิ่นอายชั่วร้ายขนาดนี้!’ เถียนหลินตกตะลึง ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตขั้นพลังไม่ใช่วิธีเดียวที่จะแบ่งแยกความแกร่ง บางครั้งการสังหารมามากน้อยเท่าไรก็เป็นตัววัดความแกร่งของคนได้อย่างแม่นยำ

คนที่หน้าเปลี่ยนสียังมีหญิงชรา เดิมทีนางจะไปแล้ว แต่ตอนที่ซูหมิงแผ่กระจายกลิ่นอายชั่วร้าย นางพลันหันมามองซูหมิง ม่านตาพลันหรี่ลง ทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกไปทั้งตัว

พวกเขาสองคนยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนโดยรอบ พวกเขาล้วนมีสีหน้าหวาดกลัวและถอยไปพร้อมกัน สายตาที่มองซูหมิงแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

ต่อให้เป็นเยวี่ยหงปังในยามนี้ก็ยังตัวสั่นพลางมองซูหมิงราวกับเห็นภูตผี ความรู้สึกนั้นคล้ายกับตัวเราอยู่ในความหนาวเหน็บและมืดมิด ตกอยู่ในห้วงความตาย และยังมีไอหนาวเยือกแช่แข็งเลือดเนื้อวิญญาณ

กระทั่งหงส์งูเพลิงใต้ร่างซูหมิง ความร้อนทั่วร่างมันสลายไปไม่น้อย ร่างกายบิดเบี้ยวคล้ายกับไม่คุ้นชินกลิ่นอายชั่วร้าย

กระเรียนขนร่วงที่อยู่ไกลออกไปเบิกตากว้าง มันมองซูหมิงด้วยสีหน้าสับสน เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก แต่กลับไม่มีอะไร

กระบี่สังหารในมือซูหมิงร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นเต้นและยินดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันสูบกินกลิ่นอายชั่วร้ายจากตัวซูหมิงอย่างบ้าคลั่ง ในเสียงร้องของมันแฝงไว้ด้วยความกระหายเลือด กระทั่งสียังเปลี่ยนจากสีแดงจนเกือบเป็นสีม่วง

ช่วงที่ซูหมิงเอ่ยหนึ่งประโยคและแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายทั่วร่างนั้น เขาเดินหน้าหนึ่งก้าวไปหาหญิงชราที่กำลังหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ขณะเดียวกับที่ก้าวเดิน หงส์งูเพลิงก็ร้องคำรามและพุ่งออกไปเช่นกัน

ซูหมิงในตอนนี้แกร่งกว่าตอนสู้กับทาสเต๋าในแดนมรณะหยินมาก เขาในตอนนั้นอยู่เพียงรูปแบบชะตาตอนต้น จากนั้นเพราะปราณยมโลกจากปากอวี่เซวียนจึงทำให้วิญญาณสมบูรณ์และคลายผนึกสามจุดออก แต่เขาในตอนนั้นก็ยังอ่อนแอมากอยู่ดี ไม่อาจรับมือกับทาสเต๋าหลายพันคนได้

ทว่าตอนนี้ วินาทีที่สวมหน้ากากนั้นเขาก็ทะลวงจากรูปแบบชะตาสู่ขั้นขาดชะตาและเป็นผู้ฝึกฌานระดับดิน มีกายหยาบแท้จริง มิหนำซ้ำสองปีมานี้ก็ใช้อภินิหารของเผ่าหมีซื่อขัดเกลามาตลอด จึงมีกำลังรบมากกว่าตอนอยู่แดนมรณะหยิน

เวลานี้เขาก้าวเดินออกไป ยกมือซ้ายกดไปทางพื้นดิน การกดครั้งนี้เป็นการใช้อภินิหารของเผ่าหมีซื่อ มือซ้ายแห้งเหี่ยว แม้แต่ร่างกายกับมือขวาที่ถือกระบี่ยังแห้งจนคล้ายกับหนังหุ้มกระดูก ก่อนจะใช้มือซ้ายกดตรงระหว่างคิ้วตัวเอง

หลังจากนั้นก็แผ่กระจายหมอกดำออกมา ก่อรูปเป็นหัวภูตผีร้ายหมอกดำยักษ์หนึ่งหัว มันร้องคำรามพลางม้วนซูหมิง ส่งผลให้ความเร็วเขาเพิ่มขึ้นในเสี้ยววินาที พริบตาเดียวก็เข้าประชิดหญิงชราพร้อมด้วยจิตสังหารจากกระบี่สังหาร

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เถียนหลินยังคงตกตะลึงกับกลิ่นอายชั่วร้ายจากซูหมิง ระหว่างที่ลังเลใจอยู่นี้ ซูหมิงก็มาอยู่ตรงหน้าหญิงชราแล้ว

หญิงชราเหมยหลันหรี่ม่านตา ก่อนเปล่งเสียงตะโกนแหลมสะเทือนขวัญ นางยกมือขวาอย่างรวดเร็ว พลังเจ้าปกครองโลกปะทุออกมา ฉับพลันนั้นในมือขวานางปรากฏธงใบใหญ่ มันเป็นสีขาวและยังชำรุด ด้านบนมีวงกลมจากเส้นสีดำหนึ่งวง เวลานี้วงกลมหมุนโคจรราวกับมีชีวิต ครั้นนางสะบัดธงในมือขวา วงกลมเส้นดำก็ปรากฏขึ้น ก่อเป็นเส้นสีดำวงกลมหลายสิบวงตรงไปหาซูหมิง

เสียงครึกโครมดังสนั่นกลางฟ้าดิน เสียงดังกังวานเกิดจากเจ้าปกครองโลกลงมือหรือไม่ก็การปะทะกันของยอดวิชา น้อยครั้งมากกว่าจะมีให้เห็นบนดาวแดงเพลิงสักครั้ง ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีทรัพยากรขาดแคลน ทำให้การฟื้นฟูพลังช้า ฉะนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ ก็มีน้อยคนนักที่จะสิ้นเปลืองพลังในร่างกาย

เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้าดิน เสียงครึกโครมรุนแรงรวมถึงคลื่นเสียงแผ่กระจายเป็นวงกว้าง บนฟ้าปรากฏรอยแยกของมิติจำนวนมาก มีแรงปะทะบ้าคลั่งหนึ่งชั้นถาโถมออกโดยรอบ ก่อให้เกิดพายุทำให้ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนรอบๆ ส่งเสียงหายใจกระชั้น นี่ต่างหาก…คือการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกฌานอย่างแท้จริง ไม่ใช่การเล่นแบบเด็กๆ ที่ไม่กล้าสิ้นเปลืองพลัง

ภายใต้เสียงระเบิด เส้นสีดำวงกลมหลายสิบวงหายไปมากกว่าครึ่ง

กระบี่สังหารของซูหมิงฟันเส้นสีดำไม่หยุด ทว่ากลับยากจะทะลวงผ่านโดยสมบูรณ์ ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่แรงดูดรุนแรงจากกระบี่สังหารกลับทำให้มือขวาหญิงชราที่ถือธงอยู่แห้งเหี่ยวโดยพลัน คล้ายกับเลือดเนื้อถูกสูบไปส่วนหนึ่ง แต่ร่างกายหนังหุ้มกระดูกของซูหมิงกลับมีเลือดเนื้อคืนมาเล็กน้อย

วิชาพิลึกนี้ทำให้หญิงชราหน้าเปลี่ยนสี ตรงหน้านางยังมีหัวภูตผีหมอกดำจากซูหมิงคำรามตรงเข้ามาอีก นางจึงโบกธงใหญ่ไปด้านหลัง ไม่ถอยแต่กลับเดินหน้าหนึ่งก้าวแล้วยกมือซ้ายขึ้น ห้าเล็บนิ้วมือพลันยาวขึ้น แล้วจึงคว้าอากาศไปทางซูหมิงคล้ายหนามแหลม

ส่วนหัวภูตผี หลังจากปะทะกับมือซ้ายหญิงชราก็ถูกทะลวงจนฉีกขาด

ทางด้านซูหมิงโซเซถอยไปหลายก้าว กระบี่สังหารไม่อาจทำลายเส้นสีดำทั้งหมด และยังมีเส้นสีดำห้าเส้นทะลวงผ่านกระบี่สังหารและเข้าถึงหน้าอกจนเกิดเป็นแผลเหวอะหวะ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ควรจะมีเลย กระทั่งไม่มองแม้แต่หางตา สีหน้ายังคงเย็นชาตลอด ขณะเดียวกันก็ยังเดินหน้าหนึ่งก้าว กำหมัดซ้ายแล้วชกห้านิ้วมือที่คว้ามาของหญิงชรา

ตอนที่เสียงระเบิดดังอีกครั้ง แขนซ้ายซูหมิงเป็นแผวเหวอะ กระดูกหัก ดูแล้วน่าอนาถยิ่งนัก ห้านิ้วมือของหญิงชราก็แห้งเหี่ยวอย่างเร็วรี่ เลือดเนื้อจำนวนมากถูกสูบไป ทว่านางกลับแค่นเสียงหึเย็นชา ก่อนคว้าห้านิ้วมือไปทางซูหมิงอีกครั้ง

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เหมือนคนบาดเจ็บเลย เขาไม่ถอยแต่บุกเข้าไป ใช้มือซ้ายที่เป็นแผลเหวอะชกเข้าใส่ห้านิ้วมือของหญิงชราอีกครั้ง

เสียงโครมดังขึ้น แขนซ้ายครึ่งหนึ่งของซูหมิงแตกหักและยังมีโลหิตสาดกระจาย กระทั่งตรงหัวไหล่ยังเห็นเป็นกระดูกขาวกับเศษเนื้อ

แต่หญิงชรากลับมีสีหน้าหวาดกลัว เพราะนางไม่เห็นถึงความเจ็บปวดของซูหมิงเลย ราวกับว่าร่างกายไม่ใช่ของอีกฝ่าย กระทั่งนางยังเห็นซูหมิงใช้มือขวากระชากกระดูกแตกหักสีขาวตรงแขนซ้าย หลังจากฉีกแขนซ้ายออกมาแล้วก็โยนไว้ข้างๆ ตอนที่ห้ามเลือดยังยิ้มเยาะอีกด้วย

ภาพนี้ไม่เพียงสร้างความตื่นกลัวให้กับหญิงชราเท่านั้น แม้แต่เถียนหลินยังสูดลมหายใจเข้าลึก ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนรอบๆ ต่างมองซูหมิงด้วยความหวาดกลัว ทั้งยังมีความตื่นตะลึงอย่างน่าเหลือเชื่อ

ต้องเป็นคนเหี้ยมโหดขนาดใดกันถึงไร้ความรู้สึกกับตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ไม่สนใจความเจ็บปวดใดๆ แต่กลับ….ยิ้มมุมปาก

ขนาดกับตัวเองยังเหี้ยมโหดขนาดนี้ แล้วถ้ากับศัตรู…..จะเป็นอย่างไร!

‘คนแบบนี้ เหมาะจะอยู่แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตโดยธรรมชาติ!’ หญิงชรามองซูหมิง ในความคิดมีประโยคนี้ผุดขึ้น

โดยเฉพาะอภินิหารของซูหมิงทำให้นางรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก การต่อสู้เพียงครู่เดียว สองมือนางแห้งเหี่ยว สูญเสียเลือดเนื้อเกือบหนึ่งส่วน กระทั่งตอนโคจรพลังขั้นพลังยังหายไปเล็กน้อย ถึงอย่างไรการฟื้นพลังที่นี่ก็ช้าอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นนางยังรู้สึกปวดใจ

ทว่าความรู้สึกปวดใจคงอยู่ไม่นานนัก นางก็พลันเบิกตากว้าง เพราะซูหมิงในตอนนี้คลายกระบี่สังหารในมือขวา ขณะเดียวกับที่กระบี่วนเวียนอยู่รอบตัว ในมือขวาเขาพลันปรากฏหินผลึกที่มีพลังวิญญาณเข้มข้นหลายสิบก้อน เขาบีบหินผลึกเหล่านั้นจนแตกทีละก้อน ครั้นพลังวิญญาณจำนวนมากหลั่งทะลักเข้าสู่ร่างกายแล้ว เขาก็เงยหน้ายิ้มเหี้ยมโหดให้หญิงชรา ก่อนพุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันหงส์งูเพลิงก็เข้ามาใกล้แล้ว หัวใหญ่ยักษ์ร้องคำรามพร้อมกับพุ่งชนหญิงชรา พลังสลายทุกสรรพสิ่งจากอภินิหารพรสวรรค์ของมันแฝงอยู่ในหัวที่พุ่งชน ทำให้นางมีสีหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง

เสียงโครมครามดังอย่างต่อเนื่อง สิบลมหายใจต่อมา หญิงชราตะโกนเสียงแหลมเล็ก นางถอยไปอย่างเร็วรี่ ตอนนี้ทั้งตัวนางแห้งเหี่ยวไปครึ่งหนึ่งแล้ว และมีสีหน้าหวาดกลัวราวกับเห็นภูตผี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!