Skip to content

สู่วิถีอสุรา 772

ตอนที่ 772 ปัญหาเล็กน้อย

เขารู้ว่าซูหมิงจะต้องปิดซ่อนพลังอย่างแน่นอน หากในเวลาปกติยังไม่เท่าไร ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่าคนที่ซ่อนพลังหรือกลอุบายไว้ นอกจากซูหมิงแล้วคนส่วนใหญ่ก็ทำเช่นนี้กัน เรื่องนี้จึงพูดค่อนข้างยาก

ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต หากใช้กลอุบายทั้งหมดไป นอกจากตัวเราจะไม่มีความลับอีกแล้ว ขั้นพลังยังยากจะฟื้นฟูกลับมาในเวลาอันสั้นอีก จึงมีผลเสียตามมามากมาย

ทว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาเป็นตาย เถียนหลินไม่สนอะไรมากนัก ยามนี้เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาด และยังแฝงไว้ด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวหลังจากจิตแรกสลับกายเนื้อ

โดยเฉพาะตอนนี้ เสียงลากยาวแสบหูด้านหลังทุกคนเข้ามาใกล้และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเส้นสีแดงที่ถูกทิ้งห่างเมื่อครู่นี้กำลังย่นระยะเข้ามาอย่างรวดเร็ว

หากเส้นสีแดงนับไม่ถ้วนเหล่านี้ตามมาทัน เช่นนั้นสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือหายนะ

นัยน์ตาหลงลี่เปล่งแสงมืดหม่น ตรงระหว่างคิ้วปรากฏเกล็ดสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนขึ้นห้าชิ้น ขณะมันเปล่งแสงประหลาด เขายกมือขวาขึ้นเรียกน้ำเต้าที่เคยถือก่อนหน้านี้ออกมา

จากนั้นก็ใช้มือซ้ายป้ายบนน้ำเต้า แล้วยังกัดปลายลิ้นพ่นโลหิต ฉับพลันนั้นมีเงาดำห้าร่างบินออกมาจากน้ำเต้า หลงลี่คำรามเสียงต่ำ เงาดำห้าคนนั้นพลันแผ่กระจายพลังของเจ้าปกครองโลกพร้อมกัน ก่อนตรงไปยังม่านแสงจุดที่สาม

เวลานี้คนแคระซุนคุนมีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่งเช่นกัน เขาใช้มือขวาตบหน้าผากทีหนึ่ง ตัวสั่นสะท้านโดยพลัน เล็บสิบนิ้วมือยาวขึ้นถึงเจ็ดชุ่นและคบกริบอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ตอนที่เล็บยาวขึ้นเขายังใช้กรงเล็บฉีกอากาศพร้อมกับร้องคำราม ต่อจากนั้นก็พ่นแสงสีต่างกันเก้าสีออกมาจากปาก

ดาบ ทวน กระบี่ ง้าว ขวาน ขวานโบราณ ตะขอ ฉมวก เสริมด้วยกระบองเขี้ยวสัตว์ ของวิเศษต่างกันเก้าชนิดอยู่ในแสงเก้าสีนั้น แผ่กระจายระลอกคลื่นและพลานุภาพไม่ธรรมดาออกมา ช่วงที่ซุนคุนโบกสองมือ ของวิเศษเก้าชนิดกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปยังม่านแสงจุดที่สาม ส่วนตัวซุนคุนเองงอสิบนิ้วมือเป็นกรงเล็บแล้วบินตามไป

เยียเซินถงแววตาเดือดดาล ภายในดวงตามีแสงทองส่องสว่าง แสงทองแทบจะสมจริง มันปกคลุมทั้งใบหน้าแล้วลามไปถึงคอ สุดท้ายไม่กี่ลมหายใจก็ปกคลุมไปมากกว่าครึ่งตัว

เพียงแต่ว่าตอนนี้ ผิวหนังที่มีแสงทองปกคลุมแผ่กระจายกลิ่นอายพลังแก่กล้าน่าสะพรึงกลัว ประหนึ่งแฝงไว้ด้วยพลังแห่งเลือดเนื้อทรงพลังที่สามารถพลิกฟ้าดินได้

ช่วงภยันตรายนี้ เยียเซินถงไม่กักพลังเอาไว้เช่นกัน เขาใช้พลังแท้จริงของตน วินาทีที่เกือบครึ่งร่างอยู่ในสีทอง ดินใต้เท้าเขาขยับยึกยือเข้ามารวมกันหลายชั้น ร่างกายถูกดินปกคลุมจนกลายเป็นมนุษย์ดินขนาดเกือบสิบจั้ง ที่แปลกคือต่อให้กลายเป็นมนุษย์ดินแล้ว เกือบครึ่งร่างยังคงเปล่งแสงสีทองสว่างอยู่

เยียเซินถงตะโกนด้วยความโกรธ เดินหน้าตรงไปยังม่านแสงจุดที่สาม

เห็นสามคนใช้พลังทั้งหมด เถียนหลินก็ย่อมไม่เก็บงำเอาไว้เช่นกัน ผิวหนังร่างจิตแรกพลันแห้งเหี่ยวหนึ่งชั้น ดูแล้วเหมือนกลายเป็นผิวต้นไม้แก่ หนำซ้ำนอกตัวเขายังมีร่างเงามายาต้นไม่ใหญ่ปรากฏ กิ่งไม้ตวัดไปมารอบๆ อย่างเร็วไว นัยน์ตาเขาฉายแววพิลึก ยกสองมือขึ้นผลักไปข้างหน้า จากนั้นร่างเงาต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเหมือนอยากจะเจริญเติบโตจากส่วนลึกของใต้ดินแล้วพุ่งออกจากเส้นทางนี้ พอมันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็ล้มลงทันใด

กิ่งไม้นับไม่ถ้วนมุดเข้าไปในผนังหินโดยรอบ หายเข้าไปสักพักหนึ่งแล้วก็มุดออกมาจากผนังหินนอกม่านแสง ก่อนจะพุ่งแทงม่านแสงอย่างรุนแรงคล้ายกับอสรพิษหลายตัว

ซูหมิงมีสีหน้าจริงจัง ในช่วงเวลาเป็นตายนี้ เสียงลากยาวจากด้านหลังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ครั้นเห็นคนอื่นใช้พลังกันอย่างสุดกำลัง เขาจึงย่อมไม่กักพลังเอาไว้ ทว่ากลับไม่ได้ให้กระเรียนขนร่วงทำลายผนึก แต่เรียกกระบี่สังหารขึ้นมาในมือขวาแทน

ส่วนมือซ้ายกดไปทางพื้นดินทันใด ร่างกายเขาเหมือนยังปกติ แต่ขั้นพลังในร่างกลับมารวมอยู่ในตัวกระบี่สังหารทั้งหมด กระบี่เล่มนี้ส่งเสียงเล็กแหลมแล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งตรงไปหาม่านแสง

ในเวลาเดียวกัน มือซ้ายซูหมิงแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับสายตาเห็น พริบตาเดียวก็ลุกลามไปถึงหัวไหล่และลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกาย ขาสองข้าง ศีรษะ รวมถึงทุกส่วนเว้นแต่นิ้วชี้มือขวา เลือดเนื้อทั้งหมดแห้งเหี่ยวอย่างเร็วรี่

ทว่านิ้วชี้มือขวากลับเปล่งแสงสีดำในตอนนี้ นี่คือขีดจำกัดอภินิหารเผ่าหมีซื่อที่เขาใช้ได้ ดัชนีนี้ไม่เพียงแฝงไว้ด้วยพลังแห่งเลือดเนื้อทั้งตัวในความหมายแท้จริงเท่านั้น แต่มันยังแฝงความรู้สึกจากการสูบกินอย่างรุนแรง ประหนึ่งว่านิ้วมือกลายเป็นหลุมดำที่กลืนกินทุกอย่าง

ชั่วขณะเดียวกัน ในนิ้วซูหมิงยังมีอภินิหารพรสวรรค์ที่รับสืบทอดมาจากหงส์งูเพลิงด้วย มันคือพลังแห่งกฎที่สามารถสลายทุกสิ่ง ระหว่างที่รอบนิ้วมือเกิดระลอกคลื่น เขาก็กดนิ้วบนม่านแสงพร้อมกับพลังของทุกคน

โครม โครม โครม!

แม้ม่านแสงจุดที่สามจะหนาถึงหนึ่งจั้ง ทว่าด้วยอภินิหารของทั้งห้าคน มันขยับแสงวูบวาบอยู่หลายครั้งก่อนจะพังทลายลง หลังจากนั้นกลิ่นอายพลังแห่งโลกจำนวนมากก็พวยพุ่งออกมา คลื่นลมโชยกระทบใบหน้า พัดผ่านร่างห้าคนนี้ไป

ความจริงแล้วหากอาคมผนึกสัตว์ร้ายข้างนอกยังอยู่ครบ ผนึกที่นี่จะไม่ถูกทำลายแบบนี้แน่นอน แต่ตอนนี้มันเหมือนกับพืชน้ำไม่มีราก บวกกับผนึกภายในเสียหายแล้วด้วย ฉะนั้นห้าคนนี้จึงทำลายลงได้

อันที่จริงไม่ควรบอกว่ามันถูกพวกซูหมิงทำลาย ควรบอกว่าถูกทำลายจากทั้งภายในและภายนอกพร้อมกันเลยพังทลายลงมากกว่า

ขณะเดียวกับที่ม่านแสงพังลงมา สายรุ้งห้าสายพลันห้อเหยียดเข้าไป เพียงแต่เข้ามาได้เจ็ดลมหายใจ ตรงจุดที่ม่านแสงพังลงก็พลันมีเส้นสีแดงแน่นขนัดกรูกันเข้ามา

อันตรายยังไม่สิ้นสุดลง แต่กลับร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ห้าคนนี้ไม่ลดความเร็วลงเลย ทว่าไม่ถึงหนึ่งก้านธูปต่อมา ตรงหน้าพวกเขามีม่านแสงอีกครั้ง ครั้งนี้หนาหลายสิบจั้ง ห้าคนโจมตีพร้อมกันยังเพียงขยับวูบวาบหลายทีแล้วสะท้อนพลังกลับมา ทำให้คนทั้งห้าถูกอัดจนกระเด็นถอยเหมือนกับหลงลี่ตอนแรก

ยามเห็นม่านแสงหนาสิบกว่าจั้ง เถียนหลินสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาหลงลี่ขยับประกายเย็นชาอย่างรวดเร็ว ส่วนซุนคุนหายใจกระชั้น เอ่ยเสียงเล็กว่า

“ไม่รู้ว่าด้านหลังยังมีผนึกแบบนี้อีกเท่าไร แต่ผนึกจุดนี้ข้าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม!”

เยียเซินถงจ้องม่านแสงเขม็ง หันไปมองเส้นทางด้านหลัง ก่อนจะมองทุกคน

“เวลามีจำกัด แซ่เยียมีอะไรอยากจะบอก ข้ามั่นใจว่าจะทำลายผนึกนี้ได้ภายในสามสิบลมหายใจ แต่ราคาที่ต้องจ่ายหลังจากใช้วิชานี้สูงยิ่งนัก ไม่อาจฟื้นกลับมาในเวลาสามเค่อ อย่าว่าแต่เข้าไปรับโชควาสนาเลย เกรงว่าหากอ่อนแรงก็มีโอกาสสูงมากที่ข้าจะตายที่นี่!”

“สหายเยียวางใจได้ ขอแค่เจ้าทำลายผนึกนี้ ข้าสาบานว่าจะปกป้องเจ้าเอง” เถียนหลินได้ยินเยียเซินถงเอ่ยจึงกล่าวอย่างเด็ดขาด

“สหายเยียแค่ลงมือก็พอ แซ่หลงรับปากว่าจะคุ้มกันเจ้าเช่นกัน!” หลงลี่เอ่ยเสียงต่ำ

ซุนคุนข้างๆ ก็พยักหน้าด้วย ส่วนในใจสามคนนี้คิดอย่างไร ไม่ได้เผยออกมาภายนอกแม้แต่นิด

“เฮอะๆ ทุกท่านคิดว่าแซ่เยียเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร ชั่วชีวิตนี้ข้าเอ่ยรับปากแบบนี้มาไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ทุกครั้งกระทั่งตัวข้าเองยังไม่เชื่อเลย

ข้าลงมือได้ ทว่าข้าต้องกินพลังแห่งเลือดเนื้อมากกว่าครึ่งจากหนึ่งคนในพวกเจ้า แบบนี้พอข้าทำลายม่านแสงแล้วจะได้ไม่ส่งผลกระทบถึงตัวข้าเอง แต่พวกท่านวางใจได้ หลังจากถูกแซ่เยียกินเลือดเนื้อแล้วจะไม่ตาย เพียงแค่ปราณก่อกำเนิดจะเสียหายหนัก แล้วอ่อนแรงแทนข้าเท่านั้น” เยียเซินถงกล่าวพลางมองซูหมิง ไม่ได้ปกปิดนัยน์ตาเหี้ยมโหดแม้แต่น้อย

ยามนี้ เสียงลากยาวจากเส้นทางด้านหลังดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เส้นสีแดงกลุ่มนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว

ช่วงที่เยียเซินถงมองซูหมิง หลงลี่มองมาเช่นกัน ซุนคุนก็ด้วย กระทั่งเถียนหลินยังลังเลครู่หนึ่งแล้วก็มองเขา

“สหายซู เจ้ามีขั้นพลังอ่อนที่สุด ยอมเสียสละเพื่อช่วยพวกเราได้หรือไม่ แบบนี้ถึงจะมีโอกาสได้รับโชควาสนามา เจ้าไม่ต้องกังวลไป แซ่เยียจะสูบเลือดเนื้อเพียงเก้าส่วน มันจะไม่ส่งผลถึงชีวิต” เยียเซินถงแสยะปากยิ้ม เดิมทีบนใบหน้ามีรอยแผลเป็นอยู่แล้ว ตอนนี้รอยยิ้มจึงดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม

“อ้อ? ดูท่าเจ้าคงคิดว่าแซ่ซูเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม” ซูหมิงมองเยียเซินถงพลางกล่าวเนิบช้า

เยียเซินถงยิ้มชั่วร้าย ไม่เอ่ยอะไร แต่ขยับกายวูบไหวตรงไปหาซูหมิง

หลงลี่ถอยหลังไปเงียบๆ หนึ่งก้าว เขาไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนคุนดวงตาแวววาวและถอยไปเช่นกัน ส่วนเถียนหลินมีสีหน้าลังเลใจ แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เขาไม่ห้าม แต่ก็ไม่เตือนเยียเซินถงเรื่องที่ซูหมิงมีหินผลึกแปดสีเช่นกัน

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง แทบทันทีที่เยียเซินถงสาวเท้าเข้ามา ในดวงตาซ้ายพลันปรากฏดวงตะวัน ในดวงตาขวาปรากฏเงาดวงจันทร์ ส่วนตรงระหว่างคิ้วเป็นดวงดาว พวกมันรวมกันเป็นวงโคจรพิลึก ช่วงที่มองเยียเซินถงก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูหมิงใช้วิชาซึ่งตระหนักรู้มาจากดาวแดงเพลิง นั่นคือภาพมายาตะวันจันทราและดารา!

ชั่วขณะที่ใช้วิชานี้ เยียเซินถงหน้าเปลี่ยนสี ตอนที่นัยน์ตาเขาเผยแววฉงน ซูหมิงก็ตรงเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าทะมึนไร้ความรู้สึก พอเข้ามาใกล้ในพริบตาแล้วก็ชกหมัดเข้าไป

หนึ่งหมัดนี้เยียเซินถงกระอักเลือด ระหว่างที่เขาอยู่ในห้วงภาพมายาของดวงตาซูหมิง ก็พลันกัดปลายลิ้นเรียกสติกลับมา ก่อนคำรามด้วยความโกรธ เกือบครึ่งร่างขยับแสงทองวูบวาบพร้อมกับชกหมัดเข้าใส่

โครม!

ซูหมิงมีโลหิตไหลตรงมุมปาก ร่างกระเด็นถอยไป ทว่าสีหน้ากลับเย็นชายิ่งกว่าเดิม ภายในแววตามีการเหยียดหยามและจิตสังหารเล็กน้อย

เยียเซินถงยิ้มเยาะ แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลยว่าวินาทีที่ปะทะกับหมัดซูหมิง มีเงาดำปรากฏขึ้นแล้วหายไปในพริบตา กระทั่งพวกเถียนหลินยังไม่สังเกตเห็น

“เจ้าหนุ่มน้อย ข้ารู้นานแล้วว่าเจ้าซ่อนกลอุบายเอาไว้…หืม?” เยียเซินถงเดินมาหนึ่งก้าวก็หน้าเปลี่ยนสี ตรงข้อมือขวาเกิดจุดเน่าพุพองสีดำหนึ่งจุด เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างกัดต่อย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!