ตอนที่ 794 ดาวสมบัติสวรรค์
ดาวสมบัติสวรรค์ เป็นดาวสีมัวหมองในเขตทางตะวันออกเฉียงใต้ของดาราจักรวงแหวนบูรพา
บางทีมันอาจเคยรุ่งโรจน์ บางทีเคยมีอดีตที่แสงสว่างพร่างพราย ทว่าตอนนี้เป็นเพียงดาวถูกทิ้งร้าง เปลือกนอกเต็มไปด้วยหลุมเว้านูนกับยอดเขาเปล่าเปลี่ยว
ตอนที่ผู้คนมองจากนอกดาวจะเกิดความรู้สึกถึงการสูญสิ้นของสรรพสิ่งโดยไม่รู้ตัว
ดาวดวงนี้รูปทรงไม่กลม
ครึ่งหนึ่งของมันแตกออกเป็นเศษหินนับไม่ถ้วน ตอนนี้กำลังพังทลายลง การพังทลายดำเนินมาแต่โบราณกาลและยังคงดำเนินต่อไป ขอเพียงผู้ฝึกฌานอยู่ไม่ไกลก็จะเห็นว่าเศษหินแตกตัวออกอย่างช้าๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนฟ้ากระจ่างดาว
นี่คือดวงดาวที่กำลังก้าวสู่ความตาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น บนดาวสมบัติสวรรค์ก็ยังมีผู้ฝึกฌานอยู่จำนวนมาก ผู้ฝึกฌานเหล่านี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต จนเป็นส่วนหนึ่งของดาวไปแล้ว
ขณะเดียวกัน บนดาวสมบัติสวรรค์ก็มีแดนผนึกสัตว์เทพดุร้ายจำนวนมากเช่นเดียวกัน และมีผนึกของเผ่าประหลาดฝังอยู่ในส่วนลึกของดาวด้วย
ทั้งดาวสมบัติสวรรค์มีเพียงแผ่นดินใหญ่ผืนเดียว ที่เหลือล้วนเป็นเกาะจำนวนมากอยู่ในทุกที่ของดาว นอกจากนี้แล้วยังมีทะเลวายุดาราที่กระทั่งเจ้าปกครองโลกธรรมดายังหวาดกลัว
ทะเลนี้รวมขึ้นจากสายลม มีอยู่ทุกจุดนอกเกาะกับแผ่นดินใหญ่ ความคมและเสียงลากยาวของสายลมกลายเป็นเสียงเสียดสีแหลมเล็ก สามารถฉีกเลือดเนื้อของผู้ฝึกฌานระดับดินได้ง่ายดายจนแหลกละเอียด
สายลมเช่นนี้มีเฉพาะที่ดาวสมบัติสวรรค์ ทะเลซึ่งรวมขึ้นจากสายลมขวางกั้นอากาศ ทำให้ผู้คนบนดาวสมบัติสวรรค์มีน้อยนักที่จะเข้าไปใกล้พื้นที่ทะเลวายุดารา
ในวันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่เห็นตะวันหรือจันทรา แต่กลับมีแสงขมุกขมัวปกคลุมพื้นดิน ราวๆ ยามเที่ยงวัน ชั่วขณะที่ผู้ฝึกฌานบนดาวสมบัติสวรรค์กำลังนั่งฌานอยู่ จู่ๆ บนฟ้าก็มีเสียงเลื่อนลั่นคล้ายฟ้าผ่าดังกึกก้องอยู่นาน
เสียงสนั่นนี้ไม่ได้ดังครั้งเดียว แต่ดังต่อเนื่องกันไม่หยุด อีกทั้งยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจึงสนใจ ไม่มีใครไม่ได้ยิน และไม่มีใครไม่เงยหน้ามอง!
ดาวตกสีแดงเส้นหนึ่งกำลังลากยาวลงมาจากฟ้าพุ่งลงสู่พื้นดิน จะเห็นรางๆ ว่าดาวตกดวงนี้คือโลงศพสีแดงยักษ์ บนโลงศพมีอักขระขยับวูบวาบ เห็นได้ชัดว่ามันทะลวงผ่านชั้นพายุหมุนของดาวนี้มาจากข้างนอก และด้วยความเร็วสูงของมัน ระหว่างพุ่งลงมาจึงเกิดการเสียดสีจนเกิดเปลวไฟขึ้น พอมองโลงศพสีแดงจากไกลๆ จะเห็นว่าเผาไหม้จนน่ากลัว
ฟิ้ว!
โลงศพสีแดงแหวกผ่านอากาศของฟ้าดินเข้ามา ขณะเดียวกับที่แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายยังมาพร้อมกับเปลวเพลิง ความเร็ว และสีแดงฉาน ชั่ววินาทีที่สร้างความตื่นตระหนกกับผู้ฝึกฌานบนดาวนี้ทั้งหมด มันกลับไม่ได้พุ่งลงพื้นดิน แต่กลับไปลงตรงกลางทะเลวายุดารานอกแผ่นดินใหญ่
“นั่นมันอะไร รวดเร็วยิ่งนัก พุ่งมาจากนอกฟ้า หรือว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าบางอย่าง?”
“มีความเร็วน่าทึ่งมาก แถมยังมีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นมากด้วย ขนาดมองจากที่ไกลๆ ก็ยังน่ากลัว นี่จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดคนหนึ่งแน่นอน”
“มีอานุภาพยิ่งใหญ่นัก น่าเสียดายที่ไปตกตรงทะเลสายลมดารา มิเช่นนั้นจะต้องไปดูสักหน่อย” ผู้ฝึกฌานบนดาวสมบัติสวรรค์ส่งเสียงอื้ออึงจากทุกจุด ภาพเมื่อครู่นี้หายากในชีวิตพวกเขา แต่ละคนจึงพากันตื่นตกใจ
โครม!
เสียงโครมดังจากที่ห่างไกลเข้ามาใกล้ เสียงอึกทึกแว่วมาจากทะเลวายุดาราราวกับพายุคลั่งถาโถมมา เสียงนั้นดังกึกก้อง ทั้งยังมีคลื่นลมม้วนตลบ
เวลานี้หากมองจากบนฟ้า จะเห็นว่าจุดหนึ่งของทะเลวายุดาราตรงที่โลงศพตกลงมาเมื่อครู่นี้ มีระลอกคลื่นวงแหวนกำลังกระจายออกรอบด้าน จุดที่ผ่านจะเกิดเสียงโครมครามไม่หยุด
และเป็นตอนนี้เอง ในบรรดาผู้ฝึกฌานบนดาวสมบัติสวรรค์ ขอเพียงเป็นผู้ฝึกฌานระดับฟ้า ไข่มุกโลหิตจำแนกของพวกเขาที่ผู้รักษาการณ์มอบให้ล้วนเปล่งแสงสีโลหิตอย่างเด่นชัด
มันล้วนชี้นำไปยังทะเลวายุดารา
พวกเขาต่างหน้าเปลี่ยนสีและมองไปยังทะเลวายุดาราพร้อมกัน โดยเฉพาะเจ้าปกครองโลกหลายคนบนดาวดวงนี้
“ไข่มุกโลหิตขยับแสง นะ….นี่มันสัญญาณการปรากฏตัวของผู้ถูกสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับ”
“รางวัลคือหินโลก ถ้าต้องสังหารบุคคลนี้ บางทีด้วยขั้นพลังของข้าคงยากจะทำสำเร็จ แต่หากอาศัยจังหวะดีๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“โอกาสหายากในรอบหลายพันปีคือตอนนี้แหละ!”
เมื่อไข่มุกโลหิตขยับแสงวูบวาบ ผู้ฝึกฌานที่รู้เรื่องนี้ทั้งดาวสมบัติสวรรค์ล้วนฮึกเหิม ต่างกลายเป็นสายรุ้งยาวบินขึ้นฟ้าจากทุกมุม มุ่งหน้าไปใกล้กับจุดที่เกิดเสียงกระหึ่มบนทะเลวายุดารา
ภายในทะเลวายุดารา ตรงกลางวงแหวนระลอกคลื่นที่แผ่ขยายไปรอบๆ บริเวณพื้นดินใต้ทะเลวายุซึ่งไม่มีสิ้นสุด มีโลงศพสีแดงฝังเข้าไปในดินลึกเกือบครึ่ง ผิวดินรอบๆ ปริแตกลุกลามไปหลายหมื่นจั้ง
พายุคลั่งไร้ที่สิ้นสุดพัดผ่านไปรอบๆ อย่างรุนแรง เหมือนกับดาบคมกริบตัดบนโลงศพไม่หยุดหย่อน ส่งเสียงโครมครามประหนึ่งไม่มีจุดจบ
“ดาวนี้มีเจ้าปกครองโลกสี่คน ระดับฟ้าสิบเจ็ดคน บวกกับพวกที่กำลังเร่งรุดตามมาอีก ซูหมิง คู่ต่อสู้ของเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และปัญญาไม่ด้อยด้วย เจ้าจะทำอย่างไร?” ภายในโลงศพที่ถูกดาบวายุเหลือคณานับโอบล้อม มีเสียงชื่อหั่วโหวดังขึ้น
“สังหาร” ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา น้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่ากลิ่นอายชั่วร้ายในความนิ่งสงบกลับทำให้ชื่อหั่วโหวแอบตื่นตกใจ
“สังหารจนไม่มีใครกล้าไล่ตาม สังหารจนมืดฟ้ามัวดิน สังหารจนโลหิตไหลเป็นสายน้ำ…ให้ท้องฟ้ากลายเป็นฤดูใบไม้ร่วง นี่คือความสำเร็จเบื้องต้นแห่งสีฤดูใบไม้ร่วงของข้า” ขณะซูหมิงกล่าวอยู่นี้ โลงศพสีแดงก็ละลายโดยเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ครู่ต่อมาเขาในเสื้อคลุมขาวก็เดินออกมาจากโลงศพสีแดงทีละก้าว
วินาทีที่เดินออกมา ดาบวายุรอบๆ โอบล้อมเขาเอาไว้ ดาบวายุนับไม่ถ้วนพุ่งชนร่าง แต่กลับเกิดเสียงกระทบคล้ายเหล็กชนกัน ซูหมิงถอยไปหลายก้าว ทว่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
‘ที่นี่ค่อนข้างเหมาะกับการขัดเกลาร่างกาย ส่วนนอกก็คมกริบขนาดนี้แล้ว หากเข้าไปใกล้ใจกลางทะเลวายุ ดาบวายุจะคมยิ่งกว่านี้’
ซูหมิงกดมือขวาบนโลงศพสีแดงด้านข้าง โลงศพพลันหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีแดงไหลปกคลุมมือขวา ก่อนจะกลายเป็นเกราะแขน
ตรงจุดที่เคยสลักคำว่าผู้รักษาการณ์ไว้ภายนอก ตอนนี้ถูกรอยสักของชื่อหั่วโหวกลบเอาไว้
ซูหมิงเงยหน้ามองฟ้า เสื้อคลุมขาวค่อยๆ เปลี่ยนสีจนกลายเป็นเสื้อคลุมแดง เมื่อรวมกับเส้นผมเทาแล้วทำให้เขาดูเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาล
เวลานี้เอง สายรุ้งยาวจากแผ่นดินใหญ่ตรงมาถึงแล้ว เป็นสายรุ้งยาวเก้าสาย ในนั้นมีคนหนึ่งเป็นเจ้าปกครองโลก คนที่เหลือเป็นระดับฟ้า เหตุที่พวกเขามาเร็วเช่นนี้เพราะถ้ำอาศัยอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นจึงมาถึงก่อนคนอื่น
เก้าคนระเบิดพลังทั่วร่าง เดินออกจากชายแดนแผ่นดินใหญ่อย่างไม่ลังเล จากนั้นก้าวเดินสู่กลางอากาศเหนือทะเลวายุดารา ตรงนี้ก็เป็นชายขอบของทะเลวายุดาราเช่นกัน ระดับดินไม่อาจรับดาบวายุที่นี่ไหว ทว่าพวกเขาอยู่ได้ในเวลาสั้นๆ
แทบเป็นช่วงที่เก้าคนนี้ห้อเหยียดเข้ามา ซูหมิงเส้นผมเทาในเสื้อคลุมแดง ใบหน้าเขาขยับแสงหม่นวูบวาบ หน้ากากสีดำลอยขึ้นมาจากเลือดเนื้อ เหมือนกับงอกมาจากใบหน้า
เมื่อสวมหน้ากาก ทั่วร่างเขาไม่มีอุณหภูมิใดๆ หนาวเยือกประดุจน้ำแข็ง ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความเจ็บปวด มีเพียงจิตสังหารที่เยือกเย็น
“สีของฤดูใบไม้ร่วง” ซูหมิงพึมพำเสียงเบา
ฟิ้ว! กลางทะเลวายุดาราห่างไปหลายร้อยจั้ง มีผู้ฝึกฌานจุดสูงสุดระดับฟ้าปรากฏตัวขึ้น นอกตัวมีเแสงหุ้มขวางดาบวายุเอาไว้ พอเห็นซูหมิงแล้วนัยน์ตาพลันฉายแววดีใจจนคลั่ง
“ข้าเจอเขาแล้ว เขาอยู่ตรงนี้!” ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าคนนี้เป็นชายวัยกลางคน ดวงตาเป็นประกาย ขณะร้องตะโกนกลับไม่เดินหน้ามา แต่ถอยหลังไปเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคนอื่นมาสมทบก่อนค่อยลงมือพร้อมกัน เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะดูเหมือนผู้ฝึกฌานระดับดิน ทว่าการพุ่งลงมายังดาวสมบัติสวรรค์เมื่อครู่ช่างน่าตะลึงอย่างยิ่ง ทำให้เขาดีใจระคนหวาดกลัว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าพวกเขามีคนมากกว่า ความหวาดกลัวก็น้อยลงจนไม่อาจตรวจจับ
ชั่วขณะที่บุรุษผู้ฝึกฌานระดับฟ้าส่งเสียง พลันมีสายรุ้งยาวสามสายพุ่งมาจากด้านหลัง กลายเป็นคนสามคน สามคนนี้คือผู้ฝึกฌานระดับฟ้าเช่นกัน ครั้นปรากฏตัวแล้วก็มองซูหมิงที่ยืนอยู่กลางทะเลวายุดาราห่างไปหลายร้อยจั้งทันที
ข้างหลังพวกเขายังมีกลิ่นอายพลังระดับเจ้าปกครองโลกกำลังตรงเข้ามาอย่างเร็วรี่ ดูจากความเร็วแล้ว เกรงว่าอีกไม่กี่ลมหายใจก็จะตามมาถึง
“ลงมือ พวกเราสี่คนลงมือพร้อมกัน”
“ต่อให้เขาแกร่งกว่านี้อีก ก็ไม่มีทางสังหารพวกเราสี่คนได้ในพริบตา เจ้าปกครองโลกก็กำลังมาแล้วด้วย!”
สี่คนนี้มองตากันและกันก่อนจะปะทุพลัง แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งตรงไปหาซูหมิง ระยะทางหลายร้อยจั้งเป็นเรื่องเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นสำหรับพวกเขา
ตอนที่สี่คนนี้เข้ามาใกล้ซูหมิงห่างไปไม่ถึงหลายสิบจั้ง ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ยกเท้าขวากระทืบลงพื้น
โครม!
แผ่นดินในระยะหลายหมื่นจั้งเดิมทีปริแตกเป็นวงกว้างเพราะโลงศพแดงมาเยือนอยู่แล้ว ตอนนี้จากการกระทืบเท้า พื้นดินในระยะหลายหมื่นจั้งจึงถล่มลงโดยพลัน กลายเป็นเศษดินนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นฟ้า
อีกทั้งซูหมิงยังหายตัวไป
“หายไปแล้ว?”
“เร็วมาก!”
“แย่แล้ว!”
สี่คนนั้นหน้าเปลี่ยนสี ดาบวายุบริเวณนี้ลากผ่านไปมา เศษหินและดินอัดแน่นโดยรอบ ซูหมิงที่พวกตนจับจ้องไว้ยังหายวับไปในพริบตาอีก ตอนที่สี่คนหัวใจเต้นระรัว ก็เกิดเสียงร้องโหยหวนดังก้องกังวาน
บุรุษวัยกลางคนที่พบซูหมิงคนแรกสุด เวลานี้ศีรษะแยกออกจากร่าง ซูหมิงที่อยู่ด้านหลังวาดมือขวาเข้ามา ใช้ร่างกายแกร่งกล้าบดขยี้เกราะป้องกันของอีกฝ่ายจนละเอียด แล้วฟันผ่านคอดุจดั่งดาบ
โลหิตสดพุ่งฉีด ขณะเดียวกับที่สามคนที่เหลือหน้าเปลี่ยนสี ซูหมิงขยับกายวูบไหวอย่างเย็นชา กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งชนใส่อีกคน
ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าอีกคนที่เขาพุ่งชนคำรามด้วยความโกรธ ใช้อภินิหารสองมือโจมตีใส่ซูหมิงโดยไม่สนสิ่งใด แต่การโจมตีกลับหยุดเขาไม่ได้แม้แต่น้อย หลังจากถูกชนร่างกายก็ระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ
อีกสองคนที่เหลือมีสีหน้าหวาดกลัว พวกเขาถอยหลังไปอย่างเร็วรี่และไม่ลังเล พร้อมกันนั้นกลิ่นอายพลังเจ้าปกครองโลกก็พลันเข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงคำรามต่ำเหี้ยมเกรียม
“หากสังหารเจ้า จะแลกหินโลกได้สามก้อน งานนี้คุ้มจริงๆ จำเอาไว้ ผู้สังหารเจ้าคือ โม่อั๋ง!”