ตอนที่ 971 ธุลีแผดเผา
ภายในร่างกาย นอกจากสวี่ฮุ่ยที่ยังคงสงบนิ่งแล้ว ผู้ฝึกฌานสี่คนนั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสี ในใจพวกเขาค่อนข้างร้อนรน และไม่เข้าใจความคิดซูหมิงเล็กน้อย
ความจริงแล้วนี่ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ในกระดานหมาก จึงสนใจผลของเรื่องนี้มากเกินไป มิเช่นนั้นแล้ว ด้วยสติปัญญาของสี่คนคงไม่เกิดความสับสนวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น
เสวียนซางลังเลครู่หนึ่ง ก็ได้แต่ยิ้มเฝื่อน ตอนนี้เขาไม่มีทางแยกวิญญาณออกจากสมบัติล้ำค่าได้ ไม่อย่างนั้นแล้วทุกอย่างที่ทำมาจะสูญเปล่าไป เขาลอบถอนหายใจพลางสงบจิตใจลง แล้วตรึกตรองการกระทำของซูหมิงอย่างถี่ถ้วน จนเริ่มมีสีหน้าเข้าใจทีละน้อย
สามคนที่เหลือก็จำต้องสงบลงด้วยความจนปัญญา ขณะกำลังใคร่ครวญอยู่ก็เหมือนจะหาสาเหตุพบ
ใช้หลอกปนจริง!
เดิมทีแผนการของพวกเขาคือใช้ความเท็จทำให้ความจริงสับสนปนเป ทว่าภายใต้การควบคุมของซูหมิง ความเท็จที่ว่าใกล้ความจริงแบบไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งไม่ใช่ปะปนอยู่ในความจริงอีก แต่เปลี่ยนให้กลายเป็นความจริง!
ดังนั้นแล้ว นี่คือการเปลี่ยนความเท็จให้กลายเป็นความจริง ไม่ใช่….การทำให้สับสน!
ภายในหมอกทะเลเพลิง ซูหมิงควบคุมร่างกายให้พุ่งทะยานไป ในความโกรธแค้นทางสีหน้ามีความสลับซับซ้อน แฝงไว้ด้วยความรู้สึกระบายอารมณ์ เสียงตะโกนฟังออกว่าแหบพร่า
“เผ่าธุลีแผดเผา ออกมา!”
เสียงซูหมิงดังไปแบบเรียบๆ แต่มีพลังผ่านร่างกายที่ควบคุมอยู่ ดังก้องรอบทิศในหมอกทะเลเพลิงอยู่นานไม่หายไป
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ซูหมิงควบคุมร่างกายให้เดินหน้าไปด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะห้อเหยียดอยู่ในหมอก เขาก็ตะโกนด้วยความโกรธแค้น เสียงดังก้องไม่ หยุดหย่อน ทว่าร่างคนเผ่าธุลีแผดเผาก็ยังไม่เผยตัว
แต่ว่า หมอกทะเลเพลิงรอบๆ กลับเหมือนถูกเหนี่ยวนำขณะที่เขาห้อทะยานไป คล้ายกับว่าการเดินหน้าไปด้วยความเร็วกลายเป็นการเสียดสีอย่างหนึ่ง การเสียดสีนี้ทำให้หมอกข้างกายซูหมิงร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ถึงท้ายที่สุดก็ระเบิดเป็นเปลวเพลิงสีฟ้า
แรกเริ่มเปลวเพลิงยังเป็นลูกไฟอยู่ แต่ก็ขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา อบอวลรอบร่างที่ซูหมิงควบคุมอยู่ กลายเป็นเปลวเพลิงร้อนแรง เพลิงนี้มากจากหมอก ทว่าหมอกก็เปลี่ยนมาจากไฟ มวลอากาศบิดเบี้ยวเหมือนเป็นเส้นขอบเขตของมัน ตอนนี้หมอกกลับมาเป็นทะเลเพลิงอีกครั้ง มาพร้อมด้วยอุณหภูมิสูงและพลังการแผดเผาทุกสิ่ง ถาโถมเข้ามาหาซูหมิงจากรอบตัว
ทะเลเพลิงปกคลุมร่างที่ซูหมิงควบคุมอยู่ในพริบตา ทว่าช่วงที่จะจมร่างเขานั้น ซูหมิงกลับยิ้มเยาะ
“กับอีแค่เพลิงธรรมดา มีหน้าที่แค่เฝ้าประตูเท่านั้น ยังกล้าใช้มาก่อกวนข้า!” ร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่ยกมือขวาขึ้นสะบัดไปข้างหน้า เส้นเพลิงสีฟ้าเก้าสายบนแขนขวาพลันเปล่งแสงสีฟ้า ในนั้นมีเส้นเพลิงสองสายขยับแสงวูบวาบ เมื่อสะบัดมือออกไป โดยรอบก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ทะเลเพลิงที่ถาโถมเข้ามาไหลไปรวมยังแขนขวาของร่างกายนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน เสี้ยวพริบตาเดียวก็ถูกเส้นสีฟ้าสูบหายไปจนหมด
แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงสูบเปลวเพลิงจากรอบๆ ไป มีเสียงหึเย็นชาและน่าพรั่นพรึงดังก้องมาจากในหมอกอย่างรวดเร็ว ต่อจากเสียงนี้ก็เป็นร่างคนลากยาวออกมาจากในหมอกไกลๆ
ซูหมิงหยุดชะงักครู่หนึ่ง สายตามองไปอย่างเย็นชา เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง อีกฝ่ายมีสีหน้าโอหัง ตรงระหว่างคิ้วมีตราประทับเปลวเพลิงหกจุด สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงเพลิง ระหว่างก้าวเดินก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าซูหมิงในพริบตา
ชั่วขณะที่เขามองซูหมิงก็หน้าเปลี่ยนสีในทันใด เสียงแค่นเยาะหยันเงียบหาย กระทั่งยังถอยไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก สายตาจ้องซูหมิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ จ้องใบหน้าร่างที่ซูหมิงควบคุมอยู่ แล้วก็จ้องตราประทับเปลวเพลิงเก้าจุดนั้น
รูปลักษณ์ร่างกายนี้ของซูหมิง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา โดยเฉพาะตราประทับเปลวเพลิงเก้าจุดตรงระหว่างคิ้ว ทำให้เขาเหมือนนึกอะไรออกในฉับพลัน
“จะ….จ้าวเผ่า!” ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสี ปากหลุดเสียงเอ่ย
ร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่นี้มีหน้าตาเลียนแบบมาจากศพที่ตระกูลเสวียนได้มาในอดีต เพียงแต่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยให้ดูหนุ่มขึ้น อีกทั้งเพียงแค่คล้ายเท่านั้น ไม่ได้เหมือนทุกประการ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการเลียนแบบสายสัมพันธ์พ่อลูก ไม่ใช่ตัวจ้าวเผ่าเอง
ทว่าความคล้ายกันของพ่อลูกนี้ต้องแก้ไขไปมาก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก ดังนั้นอีกฝ่ายมองมาแวบแรกจึงเกิดความรู้สึกเหมือนเจอกับจ้าวเผ่าในอดีต
ชายหนุ่มไม่เคยเจอตัวจริงของจ้าวเผ่ารุ่นก่อน ดังนั้นจึงแยกแยะไม่ออกในทันที แต่ด้วยการเซ่นไหว้บรรพบุรุษหนึ่งครั้งในทุกปี จึงกล่าวได้ว่าในความทรงจำตั้งแต่เยาว์วัยของเขา ในภาพเสมือนของจ้าวเผ่าสี่สิบกว่าสมัยที่ตนคารวะ รูปร่างหน้าตาของจ้าวเผ่ารุ่นก่อนเป็นเช่นนี้
ในนั้น ตราประทับเปลวเพลิงเก้าจุดตรงระหว่างคิ้วร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่มีผลต่อการโน้มนำให้ตัดสินใจ
ทว่าไม่นาน หลังจากหลุดเสียงออกไป ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ คนตรงหน้าเพียงแค่คล้าย แต่กลับไม่ใช่คนในภาพเสมือน ดังนั้นพอนึกโยงไปถึงเรื่องของจ้าวเผ่ารุ่นก่อน ฐานะของคนตรงหน้าจึงถูกบรรยายออกมาอย่างสมจริง!
“รู้ว่าข้าเป็นใครรึ?” นัยน์ตาซูหมิงฉายแววโกรธแค้น เขาเดินหน้าหนึ่งก้าวแล้วยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศไปทางชายหนุ่ม ชายหนุ่มใจสั่นสะท้าน ตอนนี้ไม่มีความคิดจะสู้แม้แต่น้อย เขาถอยหลังไปอย่างเร็วรี่พลางยกมือขวาวางตรงริมฝีปากแล้วเป่าออกไป
เสียงเป่าปากแหลมดังกังวาน ทันทีที่ดังออกไป หมอกรอบตัวพลันม้วนตลบ มีเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งโผล่ขึ้นมาและพุ่งไปยังระหว่างคิ้วชายหนุ่ม มันหมุนวนในระหว่างคิ้วรอบหนึ่งแล้วก็กลายเป็นนกเพลิงตัวหนึ่งบินเข้าไปยังส่วนลึกของหมอกด้วยความเร็วสูงยิ่ง
จากนั้นชายหนุ่มก็ถอยไปอีกครั้ง
ซูหมิงมองนกเพลิงแวบหนึ่ง ด้วยขั้นพลังของเขาสามารถหยุดมันได้ แต่จะเห็นได้ชัดว่านกเพลิงมีหน้าที่ส่งสาร ดวงตาเขาจึงวาววับ รู้สึกว่าเรื่องราวเหมือนจะไม่ถูกต้องเล็กน้อย เขาจึงใคร่ครวญชั่วขณะ แล้วขยับวูบไหวตามชายหนุ่มไป
ชายหนุ่มถอยไปด้วยสีหน้าตึงเครียดอย่างยิ่ง เห็นซูหมิงไล่ตามมาจึงยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า ปากบริกรรมคาถา ทันใดนั้นหมอกรอบๆ ก็เกิดเสียงโครม แล้วกลายเป็นเงาเพลิงยักษ์กลุ่มหนึ่งตรงหน้าตน ก่อนตรงไปหาซูหมิง
ซูหมิงไม่กล่าวใดๆ เขาไม่มองเงาเพลิงที่เข้ามาใกล้ แต่พุ่งไปข้างหน้าและชนกับเงาเพลิงนั้น ท่ามกลางเสียงโครมครามดังก้อง เสียงระเบิดดังสนั่นแก้วหู เงาเพลิงสั่นสะท้าน ร่างกายซูหมิงทะลวงออกมาจากในตัวมัน จากนั้นยกมือขวาคว้าไปยัง ชายหนุ่ม
เพียงคว้าไป หมอกรอบๆ เหมือนกับถูกซูหมิงเหนี่ยวนำแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ามือเปลวเพลิงยักษ์ข้างหนึ่งคว้าไปยังชายหนุ่ม
ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว เห็นฝ่ามือใกล้จะเข้ามาแล้วจึงกัดฟัน สองมือกอดอกไว้ ลำตัวโค้งงอ หลังจากอยู่ในลักษณะห่อตัวเป็นก้อนแล้ว แขนและขาก็ยื่นออกไป ตราประทับเปลวเพลิงหกจุดตรงระหว่างคิ้วขยับแสงวูบวาบเด่นชัด พริบตาเดียวก็เหมือนหลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นร่องรอยเปลวเพลิงยักษ์
ขณะเดียวกันมีเพลิงร้อนแรงสีแดงฉานเข้มข้นแผ่กระจายมาจากในตราประทับเปลวเพลิง วูบเดียวก็อาบไปทั่วร่างชายหนุ่ม ลุกแผดเผาโชติช่วง ร่างชายหนุ่มเปลี่ยนไป จากคนกลายเป็นคนยักษ์เปลวเพลิงขนาดหลายจั้ง
มองไม่เห็นอาภรณ์ มองไม่เห็นรูปลักษณ์ เห็นเพียงคนยักษ์ที่รวมขึ้นจากเปลวเพลิง และยังมีตราประทับเปลวเพลิงตรงระหว่างคิ้วที่ชัดเจนอย่างยิ่ง เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าแล้วพุ่งไปยังฝ่ามือที่คว้ามาของซูหมิง
ท่ามกลางเสียงครึกโครมดังก้อง นัยน์ตาซูหมิงเป็นสมาธิ ด้วยวิชาแปลงกายนี้ เขาจึงรู้ว่านี่คือวิชาพรสวรรค์ของเผ่าธุลีแผดเผาเหมือนกับเผ่าขวางสวรรค์ที่มีปีก ที่เผ่าธุลีแผดเผาเป็นหนึ่งในสี่เผ่าใหญ่และอาศัยอยู่ตรงขอบศูนย์กลางทะเลดาราต้นกำเนิดจิตได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเผ่าเขามีพรสวรรค์แปลงกายดังนี้อยู่
กล่าวได้ว่าเดิมทีชายหนุ่มยังมีขั้นพลังเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แต่จากการแปลงกายขั้นพลังจึงพุ่งทะยานขึ้นไม่รู้กี่เท่า จนบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลาย
ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าซูหมิงก็ยัง…อ่อนแอจนรับการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว!
หากไม่ใช่เพราะเขาอยากสังเกตชาวเผ่าธุลีแผดเผาอย่างละเอียด หากคิดจะสังหารก็ทำได้ทันที
ซูหมิงตาวาววับ เขาเปลี่ยนมุมมือขวา จากคว้าเป็นฝ่ามือ ก่อนปะทะกับชายหนุ่มในทันที ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ชายหนุ่มร้องโหยหวนเสียงแหลม ขณะเดียวกับที่กระอักเลือด ตัวเขายังถูกฝ่ามือใหญ่เปลวเพลิงที่สร้างจากฝ่ามือมายาของซูหมิงตบจนกระเด็นออกไป
กระทั่งพรสวรรค์การแปลงกายยังสลายไปด้วย เปลวเพลิงกระจายออกไปรอบๆ แล้วกลับมาเป็นชายหนุ่มอีกครั้ง เขาหน้าซีดขาวและกระอักเลือดอีกรอบ กระทั่งยังไม่ทันเช็ดคราบโลหิต เขาก็ออกแรงถอยไปอีกครั้ง
ซูหมิงขยับพุ่งไล่ตามไป ทว่าตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่หนีไปไกลพลันเหมือนผ่อนคลายลง ก่อนมีเสียงลากยาวหลายสิบเสียงดังแว่วมาจากในหมอก นั่นคือสายรุ้งสิบกว่าสาย
ซูหมิงหยุดชะงัก เขามองไปอย่างเย็นชา ก็เห็นชาวเผ่าธุลีแผดเผาสิบกว่าคนในสายรุ้งยาวสิบกว่าสาย ในนั้นส่วนใหญ่เป็นชายวัยกลางคน มีเพียงคนนำหน้าที่เป็นชายชรา
เขามีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง กระทั่งยังมีความเหลือเชื่อและสงสัยอยู่ลึกๆ เมื่อเข้ามาใกล้แล้ว ชายชราก็ประคองชายหนุ่มที่บาดเจ็บเอาไว้ พอเห็นอาการบาดเจ็บชายหนุ่มแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่
ทว่ามองไปเขาก็หน้าเปลี่ยนสี หลายคนด้านหลังก็มีสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน
“เจ้าคือ…” ชายชราจ้องใบหน้าร่างกายที่ซูหมิงควบคุมตาเขม็ง ใบหน้านั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย โดยเฉพาะตราประทับเปลวเพลิงเก้าจุดตรงระหว่างคิ้วที่เขาเพ่งมองไป
ทุกอย่างทำให้ชายชรามีสีหน้าซับซ้อนยิ่ง
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร!” เจอกับคำถามของชายชรา ซูหมิงกลับเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความแค้น แฝงไว้ด้วยความแหลม และยังมีการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนกับความขมขื่นที่สั่งสมมาตลอดหลายพันปี
ชายชราเงียบ ทว่าแวบเดียวนัยน์ตาก็ฉายแววเด็ดขาด
“จับตัวเขาเอาไว้!” สิ้นเสียง สิบกว่าคนด้านหลังต่างพากันหยุดชะงัก เหมือนกำลังลังเลใจ
“จับเขา!” ชายชราตะโกนเสียงดังอีกครั้ง สิบกว่าคนด้านหลังจึงพากันกัดฟันบินตรงไปหาซูหมิง