Skip to content

สู่วิถีอสุรา 992

ตอนที่ 992 เขา…ยังไม่ตาย?

ตอนนี้พวกเสวียนซางสี่คนในร่างสมบัติล้ำค่าที่ซูหมิงควบคุมอยู่พากันตื่นตกใจ พวกเขาสัมผัสว่าพลังอำนาจที่ทำให้พวกเขาหายใจติดขัดจากตัวซูหมิงพลันปะทุขึ้น

พวกเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก ความจริงนอกเตาหลอมลำดับห้า ตอนที่ทะเลเพลิงปะทุ พวกเขาก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนระหว่างที่ซูหมิงกำราบย่วนเว่ยในโลกน้ำวน

ทว่าความรู้สึกครั้งก่อนห่างไกลจนไม่อาจเปรียบได้กับตอนนี้ ยามนี้ในพลังอำนาจที่แผ่มาจากตัวซูหมิงมีความบ้าคลั่ง บ้าอำนาจ หัวแข็ง และชั่วร้ายไม่มีสิ้นสุด ทำให้พวกเสวียนซางสี่คนใจสั่นสะท้าน แม้แต่จิตวิญญาณยังถูกกดอย่างรุนแรง

พวกเขากระทั่งมีความรู้สึกที่ไม่เลือนหายไปว่า หากซูหมิงคิดจะทำลายพวกเขา ตอนนี้พวกเขาก็จะถูกกลืนกินในทันทีโดยที่ไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย!

ก็เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูที่แกร่งจนไม่อาจต่อต้าน คล้ายกับว่า….เมื่ออยู่ต่อหน้าซูหมิง พวกเขากลายเป็นเพียงมดปลวก แต่ซูหมิงกลายเป็นจักรวาลที่จะกินมดปลวกเพื่อมีชีวิต!

สวี่ฮุ่ยรู้สึกเบาบางกว่าพวกเสวียนซางสี่คนเล็กน้อย แต่ก็ใจสั่นไหวด้วยเช่นกัน ที่ต่างกันคือในใจนางไม่มีความหวาดกลัว แต่สวามิภักดิ์อยู่ลึกๆ

สวามิภักดิ์ต่อผู้แข็งแกร่ง ทำให้คนไม่เกิดความคิดต่อต้านแม้แต่น้อย นี่คือในใจนางตอนนี้

ทว่าสิ่งเหล่านี้มีเพียงพวกเขาในร่างสมบัติล้ำค่านี้เท่านั้นถึงจะรู้สึก ความจริงหากอยู่ข้างนอก หากตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูหมิงในสายตาพวกเขาจะมีเส้นผมยาว ปลิวไสว ก้าวเดินไปบนอากาศ ทั่วร่างแผ่กระจายพลังและแรงกดดัน ก่อให้มวลอากาศรอบๆ บิดเบี้ยวไม่มีสิ้นสุด คลื่นอากาศบิดเบี้ยวลุกลามไปทั่วฟ้าดิน อัดแน่นอยู่ในมิติอย่างสมบูรณ์

ทว่า….ทุกอย่างในสายตาของต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง กลับเป็นความต่างกันราวพลิกฟ้าดิน ความตื่นตะลึงรุนแรง รวมถึงความเหลือเชื่อและตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนสำหรับมัน

ในสายตามัน ตอนนี้ในอากาศบิดเบี้ยวไม่มีสิ้นสุดข้างกายซูหมิงมีร่างยักษ์อยู่ร่างหนึ่ง ภาพเงานี้มีรูปลักษณ์เป็นต้นไม้ใหญ่เช่นกัน เป็นต้นไม้ที่มีความโอหัง หยิ่งยโสและ บ้าคลั่งในแบบที่บนฟ้าและใต้หล้ามีข้าเป็นใหญ่เพียงคนเดียว

ส่วนความชั่วร้ายที่อัดแน่นอยู่เต็มมิตินั้น สิ่งที่ปรากฏในสายตาต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งคือความตื่นตกใจที่เห็นกิ่งไม้นับไม่ถ้วนรวมถึงทั้งฟ้าดินถูกต้นไม้ยักษ์เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์

ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งตัวสั่นไหว ขณะโคลงเคลงอย่างรุนแรง ในใจมันยังเกิดคลื่นลูกใหญ่สูงเทียมฟ้า ราวกับกระแสน้ำโหมกระหน่ำ ทำให้ขณะมันรู้สึกเหลือเชื่อ จิตใจแทบจะแหลกสลาย

ในความทรงจำของมัน มันคิดมาตลอดว่าตนคือบรรพบุรุษของต้นไม้ทั้งปวงในจักรวาล จุดนี้มันเชื่ออย่างสนิทใจ แต่ตรงส่วนลึกในใจ มันรู้มาตลอดว่าในจักรวาลนี้ หากบอกว่ามีต้นไม้ที่เหนือกว่าตนอย่างสมบูรณ์จริงๆ กระทั่งในใจมันยังกระหายจะเป็นอย่างนั้นมากที่สุด เช่นนั้นจะต้องเป็น…

บรรพบุรุษต้นไม้ในตำนานอย่างแท้จริง…และเป็นเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่เรียกมันว่าต้นกล้าได้!

“เอ้อชาง!” เสียงตื่นตะลึงจากต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง ดังก้องฟ้าดินโดยรอบ ตัวมันโคลงเคลง ใบไม้บนยอดไม้ปลิวว่อน สายตามองภาพตรงหน้าอย่างหวาดกลัว

“ต้นกล้าเล็กจ้อย ยังกล้ามาเรียกตัวเองว่าบรรพบุรุษต้นไม้ต่อหน้าข้าอีกรึ!” นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหารวูบผ่าน เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว หนึ่งก้าวเหยียบลง ฟ้าดินพลันเกิดเสียงดังสนั่น พลังบีบเข้าไปหาต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งอย่างรุนแรงดุจน้ำหลาก

เพียงก้าวเดินง่ายๆ แต่ในสายตาต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง ต้นไม้ใหญ่ยักษ์ที่ยึดครองฟ้าดินแห่งนี้กำลังคำรามเสียงต่ำใส่ตน หนำซ้ำในเสียงคำรามยังมีการกดข่มและความน่าพรั่นพรึงจากจิตวิญญาณฝ่ายตรงข้าม

“เจ้ากล้าเสียมารยาท?” ซูหมิงเดินหน้าอีกก้าว แล้วยกมือขวาขึ้นฟ้าไปยังต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง ขณะที่ฟันลงไป พลังของสามมารพลันอบอวล การฟันครั้งนี้ทำให้พื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งสั่นไหวพร้อมกัน ก่อนจะพังทลายลงกลายเป็นความว่างเปล่า

แผ่นดินนี้รวมขึ้นจากกฎชะตาของต้นไม้ใหญ่ แต่การฟันด้วยสามตัดสังหารของ ซูหมิงสามารถตัดดวงชะตาของบรรพบุรุษขวางสวรรค์ หรืออีกอย่างมันคือปฏิปักษ์ต่อดวงชะตาที่ไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมด ดังนั้นตอนที่ฟันฝ่ามือลงไป แผ่นดินที่รวมจาก กฎชะตาของต้นกล้าเล็กจ้อยจึงพังทลายลง!

“เจ้ากล้าไม่คารวะ!” ซูหมิงเดินก้าวที่สาม ช่วงที่ใช้วิชาสามตัดสังหารฟันลงครั้งที่สาม รอบต้นกล้าร้อยจั้งกลายเป็นความว่างเปล่า นี่คือการตัดกฎชะตาทั้งหมดของต้นไม้นี้ ทำให้มันแยกออกจากมิติรอบตัว ทำให้ความสามารถของขั้นชะตาหมุนโคจรไม่ได้อีก

เสียงโครมดังขึ้น ร่างต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งสั่นไหว ใบไม้แทบจะร่วงลงมาทั้งหมด ทั้งตัวมันยังสั่นเหมือนจะระเบิดออกอีก นี่เป็นเพราะว่ามันถูกตัดดวงชะตาไป และถูกซูหมิงบดขยี้ทั้งเป็น!

นี่ไม่ใช่การกดข่มขั้นพลัง แต่เป็นการกดข่มวิญญาณ กดข่มกลิ่นอายพลังและระดับชีวิตที่เป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนกัน!

หากเป็นผู้ฝึกฌานคนอื่นก็ต้องมีขั้นพลังสูงส่งกว่าต้นไม้ใหญ่นี้ ถึงจะใช้วิธีแบบนี้มากำราบมันได้ แต่หากไม่มีขั้นพลังสูงส่งกว่า ต่อให้สองฝ่ายเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีทางข่มมันจนตัวสั่นแบบนี้ได้แน่

ทว่าซูหมิงต่างออกไป ตัวเขาไม่ได้กดขั้นพลังของต้นไม้ แต่ใช้กลิ่นอายพลังของร่างแยกเอ้อชาง ใช้ระดับชีวิตของร่างแยกเอ้อชาง ใช้ความน่าเกรงขามของบรรพบุรุษต้นไม้ที่ต้นไม้ทุกต้นในจักรวาลต้องตัวสั่นและปฏิบัติตาม

เทียบกับร่างแยกเอ้อชางของซูหมิงแล้ว ต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งนี้เป็นเพียงต้นกล้าเล็กจ้อยเท่านั้น!

ขณะที่มันตัวสั่น ซูหมิงเดินสามก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมกันนั้นต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งยังล้มเลิกความคิดต่อต้านทุกอย่างไป มันต้องล้มเลิกเพราะกฎชะตารอบตัวถูกฟันขาด วิญญาณถูกกดจนดิ้นรนไม่ได้ หนำซ้ำในใจยังมีความเคารพยำเกรงต่อตำนานของเอ้อชาง ทำให้จิตใจมันแทบจะแหลกละเอียด

มันไม่นึกเลยว่าตนจะมาเจอกับบรรพบุรุษต้นไม้ของจริง เจอกับเอ้อชางผู้ที่มันเฝ้าปรารถนาจะเป็นแบบนั้นมากที่สุดในชีวิต!

ก็เหมือนกับแมวตัวหนึ่ง คิดว่าตนเป็นพยัคฆ์แล้ว แต่วันหนึ่งมาเจอกับพยัคฆ์เข้าจริงๆ มันจึงรู้สึกตื่นตะลึงอย่างรุนแรงและเสียจิตใจในการต่อต้านทุกอย่างไป

“มนุษย์ต้นไม้ถ่าหลัว คารวะ….บรรพบุรุษต้นไม้เอ้อชาง!” ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งร่วงหล่นทั้งหมด มีเพียงยอดไม้ที่ยังมีพืชสามใบอยู่ มันเปล่งแสงสีเขียว พร้อมกันนั้นลำต้นไม้ร้อยจั้งก็โค้งตัวลง อีกทั้งยังมีกิ่งไม้สีแดงมุดออกมาจากลำต้นอย่างรวดเร็ว และยืดยาวออกมา ซ้ำยังมีใบไม้สีแดงงอกออกมาจากกิ่งไม้นั้นด้วย กล่าวได้ว่านี่คือการคารวะที่สูงส่งที่สุดของเผ่ามนุษย์ต้นไม้

ใบไม้ร่วงลงหมายถึงชื่นชมศรัทธาอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง หมายถึงสวามิภักดิ์ ลำต้นโค้งงอหมายถึงการเคารพให้อยู่สูงสุด และกิ่งไม้สีแดงที่ยื่นออกมาเกิดจากวิญญาณต้นไม้ ส่วนใบไม้สีแดงที่งอกออกมาจากกิ่งไม้ก็คือ….วิญญาณกิ่งไม้ของต้นไม้!

ใช้วิญญาณเป็นตัวแทน และยังยกใบไม้สีแดงขึ้นมาตรงหน้าซูหมิง หากมองไกลๆ หากเปรียบต้นไม้ใหญ่เป็นคน เช่นนั้นภาพนี้ก็เหมือนกับคนหนึ่งกำลังคุกเข่าคารวะอยู่ตรงหน้าซูหมิง อีกทั้งยังก้มหน้ายกมือขวาขึ้น เอาฝ่ามือตั้งขึ้น เหมือนเป็นมารยาทแปลกๆ บางอย่าง และก็เหมือนกำลังรออะไรบางอย่างด้วย

ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ เขารู้สึกถึงการสวามิภักดิ์จากต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง สะท้อนให้เห็นว่ามันถูกเอ้อชางข่ม ยามนี้ตอนที่เดินเข้าไปใกล้ ความทรงจำโบราณในวิญญาณ เอ้อชางจากดวงจิตของร่างแยก ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งรอด้วยท่าทีแบบนี้หมายถึงอะไร

เขาเอามือขวาวางบนใบไม้สีแดง เพียงสัมผัสด้านบนเบาๆ

ทันทีที่สัมผัส ซูหมิงก็รู้สึกถึงวิญญาณของต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้ง และวิญญาณของมันก็รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเอ้อชางที่บริสุทธิ์จากเขาเช่นกัน นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นระลอกคลื่นที่ทำให้มันหน้าเปลี่ยนสีซ่อนอยู่ภายใต้กลิ่นอายพลังนี้ด้วย ระลอกคลื่นนี้ทำให้มันตัวสั่นอีกครั้ง ตอนที่ยกลำต้นขึ้น สายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัวชัดเจนและตื่นตกใจมากกว่าก่อนหน้านี้

“ทะ…ท่าน…” ต้นไม้ใหญ่ร้อยจั้งเอ่ยเสียงสั่น มันตัวบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนร่างไปไม่หยุดอยู่ตรงหน้าซูหมิง พริบตาเดียวก็กลายเป็นชายร่างกำยำคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ใต้เท้าเขา และยังยกสองมือขึ้น ดันพืชสามใบมอบให้ซูหมิงด้วยความเคารพ

“มนุษย์ต้นไม้ถ่าหลัว ข้าเฝ้าสมบัติชิ้นนี้มาแต่โบราณกาล รอคอยการมาของท่านมาโดยตลอด ข้าปฏิบัติตามดวงจิตเจ้าของเตาหลอมลำดับห้ารุ่นก่อน ไม่ว่าท่านประสงค์สิ่งใด พวกเราจะปฏิบัติตามด้วยชีวิต!”

ดวงตาซูหมิงขยับประกาย เขามองชายร่างกำยำร่างแปลงจากต้นกล้าร้อยจั้งตรงหน้า

“เจ้าเห็นอะไร” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ

“ท่านคือบรรพบุรุษเอ้อชาง แต่ก็ไม่ใช่บรรพบุรุษเอ้อชาง ท่านคือ…เจ้าของ เตาหลอมลำดับห้า!” ชายร่างกำยำมีสีหน้าหวาดกลัวและฮึกเหิม แววตาฮึกเหิมนั้นเหมือนกับว่าเพียงซูหมิงเอ่ยประโยคเดียวก็ทำให้เขาคลุ้มคลั่ง

คำพูดของเขาก็ทำให้ดวงตาซูหมิงเป็นประกายเด่นชัดเช่นกัน

ถึงเขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นมองความว่างเปล่าเงียบๆ ในหัวดังก้องเป็นเสียงบรรพบุรุษธุลีแผดเผา

ซูเซวียนอีคือ เจ้าของเตาหลอมลำดับห้าคนก่อน มีเพียงทายาทที่ถูกสาปของเขาคนเดียวเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของคนใหม่เตาหลอมลำดับห้า

ซูหมิงมองความว่างเปล่าเงียบๆ ผ่านไปพักใหญ่ก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจอยู่ภายใน ทว่าไม่นานหลังจากถอนหายใจ นัยน์ตาเขาพลันเพ่งสมาธิ เมื่อพิจารณาคำพูดชายร่างกำยำอย่างละเอียดแล้ว แววตาก็เป็นประกายเฉียบคมโดยพลัน

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารอข้ามาตลอด?”

“ไม่ใช่แค่ข้า แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเตาหลอมลำดับห้ารอการมาเยือนของท่าน รอผู้สืบทอดจากเจ้าของคนก่อนมาเป็นเจ้าของเตาหลอมลำดับห้าคนใหม่” ชายร่างกำยำเงยหน้าขึ้นมองซูหมิงด้วยความฮึกเหิม

“ใครบอกเจ้าว่าข้าจะมา” ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง ทว่าในเสียงเรียบนิ่งแฝงไว้ด้วยความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในหัว ความคิดนี้ทำให้เขาหายใจกระชั้นและเหมือนได้เข้าใจทุกอย่าง

“เป็นตอนที่นายท่านคนก่อนกลับมาเตาหลอมครั้งสุดท้าย เขาบอกพวกเราทั้งหมดในเตาหลอมผ่านดวงจิตอย่างเหนื่อยล้าว่า…ให้พวกเรารอต่อไป ทายาทของเขาจะมาเตาหลอมลำดับห้าในอีกหลายปีหลังจากนี้!”

เกิดเสียงโครมดังในความคิดซูหมิง เขาตัวสั่นไหวเบาๆ นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ

‘เขา….ยังไม่ตาย….’ ในใจซูหมิง ความคิดที่ทำให้เขาหายใจกระชั้นรวมออกมาเป็นประโยคนี้ท่ามกลางเสียงครึกโครม แล้วดังก้องในหัวไม่หยุดหย่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!