ตอนที่ 1241 รับการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว
ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานหกแสนคนใจสั่นสะท้านพร้อมกัน ข้างหูดังก้องไปด้วยเสียง ซูหมิง สายเลือดในตัวพวกเขาเดือดพล่านอย่างรุนแรง พวกเขาเห็นซูหมิงยกมือขวา ชี้ดวงตะวันที่ลาลับบนฟ้า
และยังเห็นอีกว่าพอซูหมิงชี้ไปแล้วก็ยกขึ้นช้าๆ ชั่วพริบตาเดียว ดวงตะวันที่อยู่ไกลออกไปเหมือนสั่นไหว ราวกับว่าต้องยอมศิโรราบภายใต้ดวงจิตเขา จากสภาวะแน่นิ่งค่อยๆ สูงขึ้น ค่อยๆ เปลี่ยนจากตะวันยามอัศดงเป็นดวงตะวันเจิดจ้าหลัง ยามบ่าย!
ภาพนี้ทำให้ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานทั้งหมดตาค้างอ้าปากกว้าง ขณะตกตะลึงในใจ ยังเกิดความตื่นเต้นยากจะบรรยาย ความฮึกเหิมต่อซูหมิงบรรลุถึงจุดสูงสุด เพราะพวกเขาเห็นถึงความแกร่งของเทพหมาน
ในพวกเขาโดยเฉพาะคนที่ไม่เคยพบซูหมิงมาก่อน พันกว่าปีมานี้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในตำนานของเทพหมานมาตลอด
เทพหมานในตำนานแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เป็นดั่งเทพเจ้าของเผ่าหมาน
ตำนานนี้ประทับตราลงในความคิดชาวเผ่าหมานทั้งหมด ไม่มีคนสงสัย โดยเฉพาะการกระทำของซูหมิงตอนนี้ยังเปลี่ยนจากตำนานเป็นตราประทับทำให้ชาวเผ่าหมานทั้งหมดลมหายใจกระชั้น ขณะมีสีหน้าตื่นเต้น พวกเขารู้แล้วว่า…ตำนานเป็นจริง
กระทั่งเทพหมานตรงหน้ายังแข็งแกร่งกว่าในตำนานมาก
เคลื่อนย้ายภูผาพลิกทะเลไม่เท่าไร คว่ำสายฝนม้วนเมฆาก็ไม่เท่าไร ต่อให้เด็ด ดวงดาราและจันทราแล้วอย่างไร สิ่งที่ซูหมิงทำตอนนี้เหนือกว่าขีดจำกัดที่บรรยายจากคำพูดเหล่านี้ เขา…ย้อนตะวันร้อนแรง เปลี่ยนกฏฟ้าดิน ให้ดวงตะวันที่เดิมทีลาลับย้อนกลับเป็นดวงตะวันเจิดจ้า
สำหรับซูหมิงแล้วไม่ได้มีความยากอะไร อีกทั้งเหมือนไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วย แต่เขาอยากให้เผ่าหมานทั้งหมดได้เห็น เพราะว่านี่คือความจริงที่ดีกว่าเขาบอกว่าจะให้เผ่าหมานผงาดขึ้นหนึ่งหมื่นครั้ง ใช้ดวงตะวันเปรียบเป็นเผ่าหมาน ให้ทุกคนเห็นการขึ้นของดวงตะวันด้วยตาตัวเอง
ดังนั้นแล้วจึงเป็นการประทับตราลงในใจอย่างเด่นชัด ตราประทับนี้ทำให้ชาว เผ่าหมานทั้งหมดรวมจิตและความคิดกันทั้งหมด จิตและความคิดนี้…คือการให้ เผ่าหมานผงาดขึ้น
ก็เหมือนกับตอนนั้นที่ศิษย์พี่รองกับพวกหยาหมานเสนอให้ฟางชางหลันเป็น พระชายาหมาน ให้เป็นสัญลักษณ์จิตใจของทั้งเผ่าหมานตอนนั้น ซูหมิงใช้วิธีของตัวเองให้สัญลักษณ์จิตใจของเผ่าหมานทั้งหมดเปลี่ยนเป็นพลังจริงๆ ที่สามารถสั่นคลอนนภา
ขณะเดียวกัน ตอนที่ดวงตะวันลอยขึ้นช้าๆ ตามนิ้วมือซูหมิงอีกครั้ง เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นก็ดังก้องมาจากเผ่าหมาน กึกก้องไปทั้งโลก
“เทพหมาน!”
“เทพหมาน!”
“เทพหมาน!” ท่ามกลางเสียงดังกังวาน ภายใต้ความฮึกเหิมและตื่นเต้น พลังแห่งกฏชะตาที่แผ่มาจากชาวเผ่าหมานทั้งหมดมหาศาล ทำให้ทั้งโลกขมุกขมัวพร้อมกับม้วนเข้ามาหาซูหมิงในพริบตา
แทบเป็นขณะเดียวกับที่ดวงตะวันลอยขึ้น ตรงส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยิน นอกโลกหมาน มีดวงจิตโกรธแค้นสามดวงกำลังวนเวียนอยู่ ดวงจิตสามดวงนี้ยังไม่ตื่นอย่างสมบูรณ์ ยังคงติดขัดเล็กน้อย แต่กลับกระจายออกมาอย่างไม่ลังเล พุ่งไปยัง โลกหมานกลางมิติจำนวนมากในน้ำวนมรณะหยิน
ตอนนั้นดวงจิตสามดวงนี้คือดวงจิตโบราณที่บีบให้ซูหมิงต้องไปทะเลดารา ต้นกำเนิดจิต พวกเขาอยู่มาแล้วไม่รู้กี่ปี ผ่านโลกมานานและเสื่อมโทรม ตอนนี้ที่พุ่งออกไปไม่ใช่จิตเดิมของพวกเขา ยังคงเป็นเพียงจิตแยก
ไม่ใช่ว่าพวกเขาดูถูกซูหมิง แต่การหลับใหลทุกครั้งต้องใช้เวลานานมากถึงจะตื่น ตอนนี้ตื่นมาแค่ส่วนหนึ่ง ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาก็สนใจซูหมิงในระดับสูงแล้ว จึงเริ่มขั้นตอนการตื่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่ว่าการตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ต้องใช้เวลา เว้นแต่จะมีศัตรูข้างนอกเข้ามาใกล้พวกเขา ดังนั้นภายใต้การกระตุ้นจึงตื่นได้อย่างสมบูรณ์ทันที มิเช่นนั้นแล้วต้องใช้เวลาถึงจะตื่นมาได้
จิตแยกที่แผ่จากดวงจิตสามดวงหาทางเข้าแผ่นดินหมานพบในพริบตา ก่อนเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล ทว่าทันทีที่จะเข้าไปยังแผ่นดินหมานนั้น ซูหมิงที่อยู่นอกพระราชวังเทพหมานเงยหน้าขึ้นแล้วแค่นเสียงหึเย็นชา
เสียงหึเย็นชาก่อให้เกิดพลังแห่งกฏชะตาที่เทียบได้กับหนึ่งร้อยหบสิบล้านคนจากโลกข้างนอก พลังแห่งกฏชะตาวนเวียนอย่างไร้รูป ก่อนกลายเป็นระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นหลายชั้นพุ่งไปยังดวงจิตสามดวงนั้นพร้อมกับเสียงดังสนั่นที่คนอื่นไม่ได้ยิน
การแผ่ขยายระลอกคลื่นทำให้ดวงจิตสามดวงนี้ตกใจใหญ่ พวกเขาไม่สนใจระลอกคลื่นแห่งกฏชะตา แต่ดวงจิตในระลอกคลื่นนี้กลับมาพร้อมแรงกดดันที่พวกเขาต้องตกใจ หลังปะทะแบบง่ายๆ แล้วทั้งผืนฟ้าพลันมืดลง
ดวงจิตสามดวงถูกตีแตกในทันใด เพราะจิตเดิมพวกเขายังอยู่ในขั้นตอนการตื่น จิตแยกสามสายนี้จึงไม่มีสติปัญญา มีเพียงสัญชาตญาณ ตอนนี้ถูกตีแตก พวกเขาจึงรวมกันตามสัญชาตญาณก่อนแยกเป็นอีกสามส่วน
ส่วนแรกพุ่งเข้าไปในมวลอากาศ ออกจากปากทางเข้าเผ่าหมานเข้าไปใน น้ำวนมรณะหยิน ก่อนส่งเสียงตะโกนที่ดังไปมากกว่าครึ่งน้ำวนมรณะหยิน
ทันทีที่ตะโกนไป มีมิติในน้ำวนมรณะหยินมากกว่าร้อยแห่งขานรับ จากนั้นมีสิ่งมีชีวิตประหลาดจำนวนมากพุ่งออกมาจากในมิติร้อยกว่าแห่งนั้น ก่อนพุ่งไปยัง โลกหมานตามทิศทางที่มาของเสียงคำรามและความประสงค์ของดวงจิตโบราณนั้น
ส่วนสองพุ่งไปยังทะเลมรณะข้างล่างในโลกหมานแล้วหลอมรวมกับทะเลมรณะในพริบตา จิตแยกพลันแบ่งออกเป็นร้อยล้านสายมุดเข้าไปในสัตว์ทะเลทุกตัว ทำให้พวกมันตัวสั่นกลางทะเลมรณะ จากนั้นส่งเสียงคำรามกันทั้งทะเลมรณะ
เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น ทะเลมรณะไหลเชี่ยวอย่างรุนแรงราวกับน้ำทะเลเดือด สัตว์ทะเลต่างพุ่งออกมา เงยหน้าคำรามเสียงดัง พวกมันดวงตาแดงก่ำ มีสีหน้า คลุ้มคลั่ง คนยักษ์ทะเลเหล่านั้นร้องคำราม มังกรทะเลตัวบิดเบี้ยวเหมือนรับความเจ็บปวดรุนแรง มีแต่ต้องสังหารเท่านั้นถึงจะระบำยความเจ็บปวดได้
จิตส่วนที่สามไม่ได้พุ่งขึ้นฟ้าและไม่ได้ลงทะเล หนึ่งส่วนที่รวมกับดวงจิตสามส่วนใหญ่นี้คือส่วนที่มากที่สุด พูดได้ว่าสองส่วนนั้นรวมกันก็เทียบกับส่วนนี้ไม่ได้
มันรวมเป็นร่างเงาหนึ่ง สวมชุดคลุมดำ ร่างกายเกิดจากหมอก ดวงตาสองข้างกลางหมอกขยับแสงสีแดงเย็นชา กำลังจ้องซูหมิงกลางอากาศตาเขม็ง
“เจ้า…ไม่ควร…กลับมา…” เสียงแหบแห้งราวกับเสียดสีดังมาจากร่างเงาหมอกชุดคลุมดำ เพราะมันเป็นส่วนที่มากกว่าหลังหลอมรวมดวงจิตสามดวง ดังนั้นร่างเงานี้จึงมีสติปัญญาและความทรงจำเล็กน้อย ยามนี้ตอนที่กล่าวออกไป ทั้งแผ่นดินหมานหนาวเยือก ซ้ำยังมีแรงกดดันลงมา ทำให้ดวงตะวันที่กำลังลอยขึ้นเหมือนจะหยุดชะงัก
ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก เขาโบกมือขวาไป ทันใดนั้นดวงตะวันที่กำลังลอยขึ้นกลางฟ้าเกิดเสียงดังสนั่น มันบดทำลายแรง
กดดันจากภายนอกทั้งหมด ชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งขึ้นฟ้าจนมาถึงตำแหน่งที่ ดวงตะวันเจิดจรัสแล้ว แสงที่เปล่งออกมาเป็นแสงยามรุ่งอรุณ!
แสงยามรุ่งอรุณส่องสว่างหมื่นจั้ง เป็นตัวแทนว่าเผ่าหมานต้องผงาดขึ้น และยังหมายถึงพลังที่ขับไล่เงามืดทุกอย่างที่ขวางหน้าตอนผงาดขึ้น
ทะเลมรณะไหลเชี่ยว เสียงคำรามดังสนั่นฟ้า คลื่นทะเลสูงหลายร้อยจั้งราวกับทั้งทะเลเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ตอนนี้กำลังร้องคำราม
บนทะเล สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนคำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ มองไปบนทะเลกว้างใหญ่เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลคล้ายกระแสน้ำ เป็นกลุ่มไม่มีจำกัด หากเป็นก่อนหน้าที่ซูหมิงมาจะต้องเป็นภัยพิบัติของทั้งเผ่าหมานแน่
บางทีสุดท้ายแล้วเผ่าหมานอาจจะผ่านมหันตภัยสัตว์ร้ายไปได้ แต่ก็ต้องจ่ายไปในราคาที่อนาถายิ่ง สัตว์ร้ายในอดีตมีแค่ราวๆ สามส่วนของตอนนี้เท่านั้น นี่คือสัตว์ร้ายทะเลมรณะที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์พันกว่าปีมานี้
คาดการณ์ได้ว่าเกาะนับไม่ถ้วนจะถูกจม บ้างอาจจะปรากฏอีกครั้ง บ้างก็อาจ จมหายไปเป็นนิรันดร์ เด็กและคนชราเหล่านั้นต้องตายอย่างน่าอนาถยิ่ง…
แต่สิ่งเหล่านี้คือก่อนที่ซูหมิงจะกลับมา!
และตอนนี้ เมื่อซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก คำพูดเบาๆ ก็ดังก้องเข้าไปในหูผู้ฝึกฌานหกแสนคนที่มีสีหน้าร้อนรน
“พลังของแสงหิ่งห้อย” ซูหมิงเอ่ยพร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นกดไปทางทะเลมรณะข้างล่าง
เมื่อกดไปกฏชะตาของทั้งโลกหมานพลันรวมอยู่บนทะเลมรณะ ฝ่ามือใหญ่ยักษ์โผล่ตามมา ก่อนขยายออกอย่างบ้าคลั่ง กว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุดจนมีขนาดยากจะบรรยาย คนที่นี่ไม่มีใครเห็นชัดว่ามันมีขนาดเท่าใด
พวกเขาตกตะลึงกับภาพนี้จนความคิดขาวโพลน
ทว่าหากอยู่ตรงจุดสูงสุดของแผ่นดินหมาน หากมองลงจากที่สูงแล้วเห็นพื้นดินทั้งหมดก็จะเห็นว่าฝ่ามือนั้นบนทะเลมรณะเผ่าหมานมีขนาดเท่ากับทั้งโลกหมาน
ฝ่ามือนั้นเกิดจากเจตนารมณ์สวรรค์ของซูหมิง เป็นพลังแห่งกฎชะตาของ เผ่าหมาน เป็นความคิดแห่งบรรพชนวิญญาณของเขา และยังเป็น…ฝ่ามือแห่ง เทพหมานที่ปกป้องเผ่าหมาน!
เส้นลายมือราวกับเทือกเขา เส้นสายในนั้นคล้ายกับแม่น้ำเจียง ยามที่ฝ่ามือ กดลงมา มังกรทะเลที่กำลังคำรามต่างร้องโหยหวน ร่างละเอียดในทันใด คนยักษ์ทะเลเหล่านั้นหมายจะต่อต้าน แต่ร่างกลับถูกอัดจนระเบิดออก เลือดเนื้อกระจาย โลหิตสาด ทำให้น้ำทะเลสีดำมีสีโลหิตเพิ่มมา กลายเป็นสีม่วงจางๆ
และยังมีสัตว์ทะเลอื่นๆ สัตว์ทะเลพันตัว หมื่นตัว แสนตัว ล้านตัวไปจนมากกว่าสิบล้านตัวร้องโหยหวนพร้อมร่างระเบิดออกทั้งหมดในตอนที่ฝ่ามือยักษ์กดลงมา ส่งผลให้ทะเลมรณะ…กลายเป็นสีม่วงทั้งหมด!
อ่อนแอจน…รับการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว!
สีม่วงในทะเลนี้เกิดจากการรวมกันของสีดำเดิมกับโลหิตจำนวนมาก สีนี้มีความชั่วร้ายและพิลึก ทำให้ผืนฟ้าเหมือนถูกสะท้อนเป็นสีม่วงไปด้วย
ตอนนี้ทั้งโลกเงียบลง…