Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1269

ตอนที่ 1269 มันมาแล้ว!

“ซูหมิง มัน…มาแล้ว มัน…กำลังเคลื่อนไหว…การคาดเดาของข้าถูกต้อง แต่ก็ผิดเหมือนกัน ข้าตายอย่างคุ้มค่าแล้ว เพราะถึงจะตาย ข้าก็รู้ความลับที่สุดของสามรกร้างกับซางเซียง…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ในระหว่างที่ชายชราวิญญาณสวรรค์กำลังคลุ้มคลั่ง ใบหน้าเขาพลันแตกออกดังโครม ดวงจิตบรรพชนวิญญาณประหนึ่งโลหิตพรมกระจาย มีโลหิตจากบรรพชนวิญญาณหยดหนึ่งพุ่งไปยังน้ำวนมรณะหยิน ด้านหลังโลหิตนั้นมีสายฟ้าสีแดงสายหนึ่งตามไป ก่อนหายไปในน้ำวนพร้อมกัน

ภัยพิบัติสิ้นสุดลง!

ซูหมิงไม่เห็นภาพนี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าชายชราวิญญาณสวรรค์เห็นอะไรใน ภัยพิบัติสวรรค์ในตอนสุดท้าย เหตุใดถึงสับสน เหตุใดถึงคลุ้มคลั่ง และเหตุใดการ คาดเดาของเขาถึงถูกต้องและก็ผิดพลาด

ซูหมิงไม่รู้สิ่งเหล่านี้ หากโลหิตจากดวงจิตบรรพชนวิญญาณชายชราวิญญาณสวรรค์หยดนั้นไม่ถูกสายฟ้าสีแดงนั้นลบไป บางที…หากซูหมิงได้มันก็อาจจะเข้าใจเล็กน้อย

แทบเป็นทันทีที่ภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณในน้ำวนมรณะหยินหายไป ภายในมหาโลกสามรกร้าง ทั้งมหาโลกที่เดิมทีถูกผนึกไว้ชั่วนิรันดร์พลันกลับมาเป็นปกติ สำหรับทุกคนแล้ว ความเงียบสงบในช่วงเวลานี้เกิดขึ้นเพียงพริบตา ไม่สังเกตและไม่อาจสังเกตเห็นได้แม้แต่น้อย

พวกเขาไม่รู้เลยว่าตอนที่กระพริบตามันแฝงไว้กี่พริบตา แฝงความงามของกาลเวลาไว้นานเท่าไร ช่วงเวลานี้เหมือนกับถูกลบหายไปอย่างเงียบเชียบ ทำให้คนยากจะรู้ ยากจะ…รับรู้

ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ บางทีนอกจากซูหมิงเพียงคนเดียวแล้ว ก็มีผู้ฝึกฌาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณที่หยุดอยู่นอกช่องโหว่มหาโลกสามรกร้างเพราะการมาของภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณ ตอนนี้หลังมหันตภัยสามรกร้างกลับมาเป็นปกติแล้ว ผู้ฝึกฌานจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณต่างกลายเป็นสายรุ้งยาว ก่อเกิดเสียงดังสนั่นฟ้า ล้วนหลั่งไหลเข้าไปในช่องโหว่สามรกร้างกันจำนวนมาก

ภัยพิบัติสามรกร้าง…มาถึงเป็นครั้งที่สอง!

ครั้งแรกคือภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณของซูหมิง ครั้งที่สองคือมหันตภัยบุกรุกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ ผู้ฝึกฌานจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับ เงามืดรุ่งอรุณรอวันนี้มานานมาก สำหรับพวกเขาแล้ว วันนี้คือการกลับมาที่เฝ้าใฝ่หา!

หลังจากอู๋โบราณกับสู่โบราณในอดีตออกไปไม่รู้กี่หมื่นปี ในที่สุด…ก็กลับมาเป็นกองทัพใหญ่

ภายใต้การลงมือเยือนของผู้ฝึกฌานจากเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนทั้งหมด จึงก่อให้เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นไปทั้งสามรกร้าง ผู้ฝึกฌานยอดเขา ลำดับเก้าที่เฝ้าอยู่กลางพายุหมุนถูกแรงปะทะอัดใส่จนร่างระเบิดในพริบตา แต่ก่อนตายพวกเขายังส่งข้อมูลออกไป

คนที่รับมือกับผู้มาเยือนเหล่านี้คือผู้ฝึกฌานจากสามโลกแท้จริงที่ประจำการอยู่นอกช่องโหว่ ภารกิจของพวกเขาคือต่อให้ตายก็ต้องถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด

สงครามดุเดือดแทบจะเริ่มทันทีที่ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณลงมาเยือน…

ความสงบของสามรกร้างถูกพังลงในทันใด เคราะห์ภัยที่กวาดล้างไปทั้ง สามรกร้างเผยความเหี้ยมโหดออกมาเพราะเหตุนี้

ในทางตรงกันข้าม โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับโลกแท้จริงที่สี่ รวมถึงยอดเขาลำดับเก้าของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีการเตรียมตัวมาอย่างดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ทั้งโลกแท้จริงคงอยู่ตามดวงจิตของซูหมิงหรือประตูสำนักดาราสัจธรรมในอดีตที่ป้องกันง่ายแต่บุกเข้ามายาก สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ยอดเขาลำดับเก้ากุมความได้เปรียบที่แน่นอน

วงแหวนอาคมถูกเปิดออกแล้ว การเตรียมการมาหลายปีของหู่จื่อส่งผลให้การป้องกันหลังเปิดวงแหวนอาคมเหนือกว่าเดิมหลายเท่า วงแหวนอาคมเคลื่อนย้าย ร้อยกว่าแห่งปิดลงมากกว่าครึ่ง ยอดเขาลำดับเก้าไม่ได้เผยความตระหนกในทุกการกระทำเลย ทุกอย่าง…ได้ผ่านการฝึกซ้อมหลายครั้งภายใต้การนำของศิษย์พี่รอง

บางทีตอนที่พวกเขาอยู่ข้างนอกอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ แต่ตอนที่พวกเขาปิดผนึกและป้องกันนั้น มีดวงจิตของทั้งโลกแท้จริงโอบล้อม ย่อม

ไม่มีทางที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณจะทำลายเข้ามาได้ในเวลาสั้นๆ

เว้นแต่…ผู้แข็งแกร่งขั้นไม่อาจกล่าวจะลงมือด้วยตัวเอง แต่ว่าในช่วงต้นของสงครามนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้

ขณะเดียวกับที่ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกลายเป็นสนามรบและเกิดสงครามครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกกับพวกนอกโลกนั้น ไม่รู้ว่านี่เกี่ยวกับด้านตรงและกลับของกระจกหรือไม่ ในมหาโลกซางเซียง กลางโลกแท้จริงดาราโบราณก็เกิดสงครามอยู่เช่นกัน

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ มองระลอกคลื่นสีทองกระจายอยู่ไกลๆ เป็นการผนึกโดยรอบ มันกำลังขับเคลื่อนมาทางตนเป็นวงกว้าง มีร่างเงาประหนึ่งภูเขาเล็กสี่คนกำลังคำรามเสียงต่ำพร้อมพุ่งเข้ามา

โดยรอบมีผู้ฝึกฌานห้าแสนคน พวกเขาล้วนสวมชุดเกราะ ซูหมิงรู้ว่าพวกเขาคือทหารนภาพระราชวังหยกที่เฉียนเฉินเคยเอ่ยถึง

‘เอาชีวิตมากองรวมกันอย่างนั้นรึ’ ซูหมิงมีสีหน้ำเย็นชา เขายกมือมือขวาโบกไปข้างหน้า ทันใดนั้นท้องนภาสั่นสะเทือน ยังไม่ทันที่พลทหารนภาแสนคนที่พุ่งเข้ามาอย่างเร็วไวตรงหน้าซูหมิงจะเข้ามาใกล้ มวลอากาศตรงหน้าพวกเขากระเพื่อมขึ้น กลายเป็นคลื่นใหญ่ไร้รูปม้วนทหารนภาแสนคนนี้เข้าไปข้างใน หลังห่อหุ้มเอาไว้ด้วยกันแล้ว ซูหมิงกำหมัดขวา เกิดเสียงดังสนั่น พลทหารนภาแสนคนที่ถูกม้วนอยู่กลางอากาศร่างสั่นสะท้าน ก่อกแหลกสลายไปท่ามกลางเสียงดังสนั่น

ความต่างของพลัง การสังเกตเห็นต่อขอบเขตชีวิต สำหรับทหารนภาเหล่านี้แล้ว การคงอยู่ของซูหมิงเป็นดั่งท้องฟ้า แต่พวกเขาเป็นเพียงมดปลวกใต้หล้า

แทบเป็นทันทีที่เกิดเสียงดังสนั่น มวลอากาศข้างบนซูหมิงเกิดเสียงระเบิดเหมือนถูกคนฉีกออก ก่อนมีแสงทองส่องลงมาเป็นวงกว้างจากภายใน ปรากฏเป็นมังกรยาว สีทองสามตัว หลังมังกรทองสามตัวนี้ปรากฏก็พุ่งตรงไปหาซูหมิง รอบตัวพวกมันมี ผู้ฝึกฌานสวมเกราะทองสามแสนคนพุ่งทะยานเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชั่วพริบตาที่พวกมันทั้งหมดปรากฏกาย สิ้นเสียงคำรามมังกรทองสามตัว พื้นที่รอบตัวซูหมิงพลันแข็งค้าง ต่อมาแม้แต่เวลายังเกิดเค้าลางหยุดนิ่ง

คล้ายกับว่าพื้นที่เล็กที่ซูหมิงอยู่ถูกแยกออกจากโลกแท้จริงดาราโบราณ เวลาของพื้นที่นี้ต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง เป็นการเข้าไปอยู่ในห้วงนิรันดร์ที่แทบจะหยุดนิ่ง

ตอนนี้เองมีเสียงแหลมดังแว่วมาไกลๆ ภายในแสงพายุเพลิงเป็นเด็กชายชุดคลุมแดงคนหนึ่งถือทวนยาวสามจั้งเล่มหนึ่ง ใต้เท้าเป็นวงแหวนอาคมหมุนวน ก่อให้เกิดพายุทะเลเพลิง ด้วยความเร็วของเขาจึงเข้าไปใกล้ซูหมิงในทันใด ทวนยาวพุ่งตรงไปยังระหว่างคิ้วซูหมิง

เด็กชายคนนี้มีพลังขั้นดับระดับสูง ยามนี้ปรากฏกายย่อมสะเทือนฟ้าดิน

อีกทั้งในตอนนี้ ชั่วขณะที่มังกรทองสามตัวเหนือซูหมิงร้องคำราม มีชายหนุ่มอาภรณ์ฟ้าคนหนึ่ง อาภรณ์ของเขาพลันกลายเป็นชุดเกราะ มือถือง้าวภาพสวรรค์ ระหว่างกวัดแกว่ง ใต้เท้าอบอวลไปด้วยเมฆแดงฉาน ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเปิดออกทั้งหมด เผยเป็นประกายพิลึก พร้อมกันนั้นทั้งตัวเขากลายเป็นกลิ่นอายความ กล้าหาญยากจะบรรยายพุ่งเข้าไปใกล้ซูหมิง

ในเวลาเดียวกันเกิดเสียงระเบิดตรงหน้าซูหมิง ก่อนปรากฏรูปปั้นโบราณสีทองยักษ์ขนาดพันจั้งรูปหนึ่ง มันเปล่งแสงทองหมื่นจั้ง เมื่อปรากฏแล้วก็ห่อหุ้มฟ้ากระจ่างดาวให้เป็นสีทองทันที ปากยังบริกรรมคาถาเบาๆ มือขวารูปปั้นชูขึ้นตบไปทางซูหมิงราวกับกำแพงเมืองมหึมา

การปรากฏตัวของรูปปั้นส่งผลให้ท้องนภาคล้ายจะพังพินาศลง ราวกับว่ายากจะต่อต้านแรงกดดันของรูปปั้นนี้ได้ ขั้นพลังมันยังเหนือกว่าขั้นดับ ในความรู้สึกซูหมิงที่เทียบเท่ากับยกระดับวิญญาณหนึ่งถึงสองครั้ง!

“สายเลือดพระราชวังหยก สายเลือดเทพเซียน พิทักษ์กำจัดมาร แสงทองสามโลก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!