Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1278

ตอนที่ 1278 นามของเขาคือ…สามรกร้าง!

ซูหมิงลืมตาขึ้น

ดวงตาขวาเขาประหนึ่งแฝงไว้ด้วยดาราเหลือคณานับ ในดาวแต่ละดวงมีกลิ่นอายพลังมรณะหยินเหลือล้น นั่นคือ…โลกแท้จริงพรรคเซียนแห่งมหาโลกซางเซียง

ดวงตาซ้ายเขาเป็นอากาศธาตุ ว่างเปล่าราวกับซากปรักหักพัง มีความสงบนิ่งเหมือนเงียบเป็นเป่าสาก แต่ในความว่างเปล่านี้กลับมีแสงสว่างหยาง นั่นคือ… โลกแท้จริงดาราสัจธรรมตอนนี้

สองโลกแท้จริงหลอมรวมอยู่ในดวงจิตของซูหมิงอย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนว่า ซูหมิงหลับตา เขาคือโลกแท้จริง เมื่อลืมตา เขาคือซูหมิง

โดยเฉพาะเส้นตั้งขึ้นในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้ว ภาพราวกับผีเสื้อกางปีกนั้นทำให้เขาในตอนนี้ดูเหมือนผู้แข็งแกร่งที่สุดในมหาโลกสามรกร้าง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นบุตรแห่งซางของมหาโลกซางเซียง

แต่ว่า…กลับเป็นบุตรแห่งซางที่ต่างจากทุกคนและไม่เคยมีมาก่อน

ร่างกายเขายังดูขาวซีดมากเหมือนกับสีผิว คล้ายว่าไม่ได้แฝงไว้ด้วยพลังอะไรมากนัก กระทั่งยังให้ความรู้สึกอ่อนแอมาก แต่ร่างกายแบบนี้ ทันทีที่ซูหมิงลืมตาขึ้น ยื่นมือขวาออกจากรังไหมฉีกออกไปข้างนอกเบาๆ นั้น ร่างกายที่ดูเหมือนอ่อนแอพลันปะทุพลังน่าสะพรึงที่ใครเห็นแล้วดวงตาสองข้างจะเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับถูกดาบคมกริบฟาดฟัน

เกิดเสียงกึกๆ ดังแว่วมา ซูหมิงฉีกรอยแยกรังไหมให้กว้างขึ้นก่อนยกมือซ้ายขึ้นฉีกตามไป รังไหมพลันถูกฉีกออกสองด้าน ซูหมิงจึงค่อยๆ เดินออกมาจากข้างใน

ทันทีที่ร่างเปลือยเปล่าเดินออกมาจากรังไหม เขาหันหน้ากลับพร้อมโบกมือขวา ฉับพลันนั้นรังไหมละลายกลายเป็นชุดคลุมขาวปกคลุมตัวเขา

เขามองฟ้ากระจ่างดาวก่อนค่อยๆ หลับตาลง เขารู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นคือความสมบูรณ์แบบหลังหลอมรวมกับตัวเองอีกคน ภายใต้ความสมบูรณ์แบบนี้ พละกำลังของเขาเหมือนว่าจะ…ไม่มีข้อบกพร่อง!

ทุกสิ่งล้วนฝึกฝน สิ่งที่ฝึกฝนล้วนเป็นข้อบกพร่องของตัวเอง ทว่าซูหมิงในยามนี้ เห็นได้ชัดว่าในด้านร่างกายไม่มีข้อบกพร่องใดๆ แล้ว เพราะว่า…เขาสมบูรณ์แบบแล้ว!

ร่างกายที่ไม่มีข้อบกพร่องทำให้ซูหมิงมีความรู้สึกเด่นชัดว่า ต่อให้เป็นขั้น ไม่อาจกล่าว…ก็ยังยากจะหาร่างกายที่สั่นคลอนเขาได้

วิญญาณเขาก็สมบูรณ์แบบตามไปเช่นกัน แม้ขั้นพลังยังอยู่ที่ยกระดับวิญญาณหนึ่งครั้ง แต่ซูหมิงในเวลานี้ เขามั่นใจว่าตนสามารถยกระดับวิญญาณถึงครั้งที่ห้า ได้แล้ว

เส้นทางมุ่งสู่ผู้แข็งแกร่งมากมายเผยมาอยู่ตรงหน้าซูหมิงอย่างชัดเจน ผ่านไป พักใหญ่…เขาลืมตาขึ้น ทันใดนั้นเองเขารู้สึกว่าทั้งโลกแท้จริงกำลังสั่นไหวอีกครั้ง

หรืออาจพูดได้ว่าทั้งมหาโลกซางเซียงกำลังสั่นไหว การสั่นไหวคงอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ด้วยความที่ร่างกายอยู่ในโลกนี้จึงไม่สังเกตเห็น

และก็มีเพียงซูหมิง ด้วยความที่ดวงจิตเขามีสองโลกแท้จริง ดังนั้นเขาถึงรู้สึกได้ และก็เพราะชีวิตเขาในยามนี้สมบูรณ์แบบ ความรู้สึกนี้เลยชัดเจนขึ้น

ไม่เพียงแต่มหาโลกซางเซียงกำลังสั่นไหว แต่ยังมีมหาโลกสามรกร้าง…ก็สั่นไหวเช่นเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างเคลื่อนไหวตามกฏที่แน่นอนบางอย่าง

“บอกความจริงกับข้า” ผ่านไปพักหนึ่งซูหมิงถึงพูดขึ้นเนิบๆ โดยรอบไม่มีใครอื่น แต่เสียงเขายังคงดังก้อง เพราะเขารู้สึกว่ารอบตัวมีดวงจิตมหึมายากจะบรรยายอยู่ดวงหนึ่ง เขาไม่ได้รู้สึกแปลกตากับดวงจิตนี้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคย

เขาเข้าใจ ความคุ้นเคยนี้มาจากตัวเองอีกคนที่ถูกหลอมรวม และดวงจิตมหึมาที่ทำให้ตัวเองอีกคนคุ้นเคยในมหาโลกนี้มีเพียง…ซางเซียง

“ไม่มีความจริง…” เสียงเลือนรางแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเวลาเข้มข้นดังก้องรอบตัวซูหมิง แม้เสียงนั้นจะดังขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนว่าเดิมทีอยู่ในผืนฟ้าแห่งนี้อยู่แล้ว

“หากจะมีจริงๆ…เจ้าสัมผัสด้วยตัวเองได้ ข้าจะให้เจ้า…ได้สัมผัส” เสียงเลือนรางดังก้องเรียบๆ เหมือนไม่มีคลื่นอารมณ์ใดแฝงอยู่ภายใน แต่เมื่อเข้าถึงจิตใจซูหมิงกลับเหมือนสังเกตเห็นอารมณ์ความคิดมากมายในเสียงนี้ เหมือนกับขมขื่น จำใจ ถอนหายใจและห่อเหี่ยว…

พร้อมกันนั้น ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น ดวงจิตซางเซียงรอบๆ พลันม้วนมาหาซูหมิง ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมเขาเอาไว้กลางดวงจิตมหึมา ยืดยาวเข้าไปสัมผัสกับ ร่างกายเขา ทว่าไม่ได้ฝืนมุดเข้าไป แต่หยุดลง

ซูหมิงใจสั่นไหว เขาเลือกไม่ต่อต้านอยู่เงียบๆ แต่แผ่ดวงจิตจิตสัมผัสของตน ส่งผลให้ดวงจิตซางเซียงหลอมรวมเข้าไปในร่างกาย จากนั้นก็เชื่อมต่อกับดวงจิตเขาโดยพลัน

เกิดเสียงครึกโครมดังในความคิดซูหมิง ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ตรงหน้าเขาเป็น สีขาวเหมือนวิญญาณออกจากร่าง วิญญาณลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้น สูงขึ้น…

เหมือนว่าเวลาผ่านไปหมื่นปีเพียงพริบตา ตอนที่ซูหมิงได้สติกลับมา เขาเห็น…ภาพที่ทำให้เขายากจะลืมไปชั่วชีวิตและสั่นคลอนจิตวิญญาณ

นั่นคือมวลอากาศกว้างใหญ่ มองไม่เห็นดวงดาว ไม่เห็นแสงสว่างพร่างพราว ราวกับเป็นตอนแรกสุดของผืนฟ้า…กว้างไกลไม่มีสุดแดน ไม่มีขอบเขต มีเพียงความกว้างใหญ่ไพศาลที่ยากจะบรรยายขนาด

กลางความกว้างใหญ่นี้ ซูหมิงมองไกลออกไป เขาเห็นแสงสว่าง นั่นคือแสงหลากสี เป็นแสงที่เมื่อปีกกระพือแล้วจะค่อยๆ สะท้อนเข้ามาในดวงตา

นั่นคือ…ผีเสื้อเก้าตัว!

ผีเสื้อเก้าตัวอยู่ในฟ้ากว้างใหญ่ คงอยู่เพียงสิ่งเดียว บินอยู่เพียงสิ่งเดียว และเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ซูหมิงเพ่งตามอง!

ผีเสื้อเก้าตัวนี้มีขนาดต่างกัน แม้สีของปีกจะหลากสี แต่กลับมีความต่างกันเล็กน้อย พวกมันบินอยู่ในฟ้าแห่งนี้ เป็นทัศนียภาพที่เด่นตาที่สุดในความกว้างใหญ่แห่งนี้

“พวกมัน…ล้วนเป็นซางเซียง ถือกำเนิดตามความกว้างใหญ่ สร้างร่างแห่งจักรวาล…” เสียงเลือนรางของดวงจิตซางเซียงดังแว่วมาข้างหูซูหมิง เสียงนั้นยืดยาวเหมือนแฝง ไว้ด้วยการคะนึงคิด

ซูหมิงเหม่อมองทุกอย่าง เขาแยกไม่ออกว่าตัวใดคือซางเซียงที่เขาอยู่ จากการเพ่งมองเงียบๆ เขาเห็นว่าผีเสื้อเก้าตัวนี้ค่อยๆ บินไกลออกไป เหมือนว่าแม้แต่พวกมันยังไม่รู้ว่าที่จะกลับไปของตนอยู่ที่ใด

จนกระทั่ง…มีผีเสื้อตัวหนึ่ง มันคล้ายว่าจะคิดถึงความกว้างใหญ่แห่งนี้ ความเร็วของมันช้าลงเรื่อยๆ จนหยุดลง เหมือนว่ามันไม่อยากไปไกล ผีเสื้อแปดตัวข้างๆ วนเวียนอยู่หลายรอบเป็นการกล่าวลาก่อนบินจากไปไกล

มองไปทั้งความกว้างใหญ่ตอนนี้มีเพียงผีเสื้อตัวเดียว มันวนเวียนอยู่ที่นี่ บินไปมาอยู่ที่นี่ ตอนที่มันกางปีกออก เหมือนว่าทั้งความกว้างใหญ่กำลังสั่นไหว แต่ตอนที่ ปีกของมันซ้อนทับกันเหมือนกลายเป็นปีกเดียว ทั้งความกว้างใหญ่พลันเงียบสงัด

ร่างกายมันค่อยๆ หยุดลง ไม่บินอีก ไม่วนเวียนอีก แต่หยุดนิ่งอยู่ในความกว้างใหญ่เงียบๆ ราวกับ…หลับตาลง

ทว่าปีกมันกลับยังขยับไหวเบาๆ

“มันก็คือข้า…” เสียงดวงจิตซางเซียงดังก้องข้างหูซูหมิง ในเสียงนั้นมีความห่อเหี่ยว และยังมีความซับซ้อนอยู่ลึกๆ เหมือนว่ากำลังปลงอนิจจังกาลเวลาในอดีต

สองปีกของมันหลากสี ดูซับซ้อนมาก แต่หากมองดีๆ จะเห็นชัดว่าภาพของ ปีกสองข้างนั้นเหมือนกัน ตอนที่ซ้อนทับกันยากจะแยกออก…

เห็นถึงตรงนี้ในใจซูหมิงสั่นสะท้าน เขามองผีเสื้อตรงหน้า ปีกขวามันขยายใหญ่อย่างต่อเนื่องตรงหน้าเขา ภาพหลากสีในนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นตาม ภายใต้การ ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซูหมิงเห็นผืนฟ้าในนั้น

ปีกนั้นก็คือ หนึ่งฟ้ากระจ่างดาว!

ฟ้ากระจ่างดาวนี้ดูเหมือนไม่มีสุดขอบเขต แต่ความจริงยากจะหาสุดขอบเขต พบในฟ้าแห่งนี้ ซูหมิงเห็นสิ่งมีชีวิตกำเนิด เห็นการแยกของผืนฟ้า จนกระทั่งปรากฏ ยอดฝีมือ ควบคุมทุกสิ่งมีชีวิต…

ผู้แข็งแกร่งมากมาย กระทั่งมีบางคนที่ซูหมิงเห็นแล้วยังรู้สึกตกใจ กาลเวลาเหมือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนแสนปี ล้านปี หรือนานกว่านั้น

จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตภายในผืนฟ้าของปีกขวาพัฒนาจนถึงจุดสูงสุด หลังจาก ยอดฝีมือบรรลุถึงระดับที่มั่นคงแล้ว มีวันหนึ่ง สองปีกของผีเสื้อตัวนี้กระพือช้าๆ จนซ้อนทับกัน

ทันทีที่ซ้อนทับกัน…ซูหมิงเห็นการถูกทำลายล้างของทุกสรรพสัตว์ ที่ถูกทำลายไปพร้อมกันยังมีผืนฟ้าของปีกขวา รวมถึงสามรกร้างทางปีกซ้าย

นี่คือ…หนึ่งยุค!

“นี่คือมูลเหตุที่มาของความจริงที่เจ้าอยากรู้” ดวงจิตซางถอนหายใจเบา เสียงดังก้องในใจซูหมิงอีกครั้ง มาพร้อมกับความรู้สึกยาวนาน แฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมา เนิ่นนาน

ปีกของซางเซียงซ้อนทับกันหนึ่งครั้งคือหนึ่งยุค ซูหมิงเหม่อมองทุกอย่าง สองปีกคือสองผืนฟ้า ร่างผีเสื้อตรงกลางนั้น ซูหมิงก็นึกออกแล้ว นั่นคือ…แดนน้ำวนที่ถูกเรียกว่าแดนมรณะหยิน และก็เป็นแดนแสงสว่างหยาง!

หลังจากเขามองอยู่ไม่รู้นานเท่าไร สองปีกของผีเสื้อแยกออก ยุคสมัยใหม่…เริ่มขึ้น

ปรากฏสิ่งมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง มียอดฝีมือปรากฏขึ้น จนสองปีกซ้อนทับกันอีกครั้ง ก็เป็น…อีกหนึ่งยุค!

การดับสูญและเกิดใหม่หลายครั้ง แต่ละยุคตัดสลับกัน ซูหมิงเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก จนกระทั่งเขาลืมไปว่าผ่านไปกี่ยุคแล้ว

เขาเห็นต้นกำเนิดของผืนฟ้าทางปีกซ้าย เห็นการดับสูญของผืนฟ้าทางปีกขวา เห็นภัยพิบัติหลังสองปีกซ้อนทับกันหลายครั้งรวมถึงการกำเนิดพร้อมกันของสิ่งมีชีวิตในสองมหาโลก

เป็นดั่งกระจกบานหนึ่งจริงๆ ในนอกกระจกเหมือนกัน

เหมือนว่านี่คือกฏโบราณของความกว้างใหญ่ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ทำได้เพียงหมุนโคจรไปไม่มีหยุดแบบนี้ ตามหาความนิรันดร์ที่หาไม่พบแต่เฝ้าปรารถนาระหว่างการดับสูญและเกิดใหม่

จนกระทั่งมียุคหนึ่ง กลางฟ้าของปีกซ้าย ซูหมิงเห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งกำเนิดขึ้น สิ่งมีชีวิตนี้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง จนกระทั่งชีวิตเขา…บรรลุถึงจุดสูงสุดก็กลายเป็นโอรสสวรรค์ของทั้งฟ้ากระจ่างดาว

ขั้นพลังเขาไม่มีใครเทียบเคียงได้ ถึงขั้นในมุมมองซูหมิง คนนี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ปรากฏมาในรอบไม่รู้กี่ปีในสองโลกสองปีกของซางเซียง!

ขณะเดียวกับที่คนนี้ถือกำเนิด ภายในฟ้ากระจ่างดาวปีกขวาก็กำเนิดตัวเขาอีกคน เดิมทีพวกเขาคือร่างเดียวกัน ดังนั้นตอนที่เขาในปีกทางซ้ายกลายเป็นโอรสสวรรค์ ตัวเขาอีกคนในปีกทางขวาจึงยืนอยู่จุดสูงสุดเช่นกัน

ยุคสมัยนี้เกิดขึ้นทันทีเมื่อสองปีกซ้อนทับกัน ก่อนที่โลกนี้จะดับสูญ…เขาเลือกหลอมรวมกับตัวเองอีกคนในปีกทางขวา กลายเป็นสิ่งมีชีวิตสมบูรณ์แบบคนแรกในโลกของผีเสื้อตัวนี้!

“นามของเขาคือ…สามรกร้าง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!