Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1285

ตอนที่ 1285 โชคชะตา ต้องชิงมาด้วยตัวเอง

มหาโลกสามรกร้าง โลกแท้จริงดาราสัจธรรม!

สำนักยอดเขาลำดับเก้า ในแดนสำนักดาราสัจธรรมในอดีต ตรงใจกลางวงแหวนอาคมร้อยกว่าแห่งที่ซ่อนอยู่กลางอากาศ ตอนนี้กำลังถูกผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณปิดล้อม

กลางผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีมวลอากาศราวหมื่นจั้งบิดเบี้ยว เห็นได้รางๆ ว่ามีแม่น้ำภูเขารวมถึงแผ่นดินลอยอยู่ข้างใน ตรงนั้น…คือยอดเขาลำดับเก้า

และมวลอากาศบิดเบี้ยวหมื่นจั้งก็คือช่องโหว่ที่ถูกผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณเปิดออก หากช่องโหว่แตกออก ผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับ เงามืดรุ่งอรุณจะเฮโลกันเข้าไปในมวลอากาศฉีกตรงนั้นได้ทันที เข้าสู่…สำนักยอดเขาลำดับเก้า เข้าไปในมิติของสำนักดาราสัจธรรมในอดีต

ภายในมวลอากาศบิดเบี้ยว มองไกลๆ เหมือนกับจุดหนึ่งที่เบาบางของอากาศ มีสายฟ้านับไม่ถ้วนไหลเวียน เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าอย่างต่อเนื่อง วิชาอภินิหารต่างๆ แสงจากของวิเศษสว่างวูบวาบตลอดเวลาในอากาศบิดเบี้ยว

การโจมตีเช่นนี้ดำเนินอยู่นานมาก แต่ในสามวันล่าสุด เพราะปรากฏตัวของคน ไร้ใบหน้าสวมชุดคลุมขาวเก้าคนจึงทำให้สงครามนี้บรรลุถึงจุดสูงสุด

เก้าคนนี้สวมเสื้อคลุมขาว มีใบหน้าประหลาดยิ่ง นั่นคือใบหน้าว่างเปล่า ไม่มีดวงตา ไม่มีเครื่องหน้า เหมือนกับแผ่นหยกสีขาว

เก้าคนนี้ยังไม่มีพลังราวกับเป็นคนธรรมดา แต่แรงกดดันที่แผ่จากพวกเขากลับ น่าตะลึงอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำในสายตาผู้ฝึกฌานรอบๆ ที่มองเก้าคนนี้ยังมีความเคารพต่อพวกเขา

เก้าคนล้วนสวมชุดคลุมขาว แต่กลับมีความต่างกันเล็กน้อย ห้าคนในนั้นมีรอยสัญลักษณ์ดวงจันทร์ประทับบนเสื้อคลุม อีกสี่คนเป็นสัญลักษณ์ดวงตะวัน

พวกเขาล้อมรอบตรงชายขอบมวลอากาศบิดเบี้ยวหมื่นจั้ง ไม่ได้ใช้อภินิหารใดๆ แต่หากมองดีๆ จะเห็นว่าตำแหน่งของพวกเขาคือตรงจุดที่ระลอกคลื่นอากาศบิดเบี้ยวรุนแรงที่สุด เหมือนกับว่า…มวลอากาศหมื่นจั้งนี้ ชั้นสุดท้ายของวงแหวนอาคมที่หู่จื่อเป็นคนวางบิดเบี้ยวเพราะเก้าคนนี้ เกิดเป็นมวลอากาศขึ้นเพราะตำแหน่งของเก้าคนนี้ กระทั่งมองไกลๆ จะเกิดความรู้สึกเด่นชัด…

ประหนึ่งว่าเก้าคนนี้คือตะปูเก้าดอกตอกวงแหวนอาคมชั้นสุดท้ายที่หู่จื่อวางนอกยอดเขาลำดับเก้าแน่น และเพราะเก้าคนนี้เองที่ทำให้วงแหวนอาคมอ่อนกำลังลงตลอดเวลา

ต่อจากเก้าคนนี้แล้วก็เป็นผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ ต่อจากผู้ฝึกฌานเหล่านี้ ห่างไปไกลมาก จะเห็นอยู่ไกลๆ ว่าตรงจุดหนึ่งที่มองเห็นสนามรบชัดเจนทุกอย่างมีทะเลกระดูกขาวลอยอยู่

บนกระดูกขาวจำนวนมากมีชายผมยาวชุดคลุมดำนั่งพิงกระดูกอยู่ข้างๆ เขาคนนี้หน้าตาหล่อเหลา เต็มไปด้วยความประหลาด ในมือถือแก้วสุรา ดื่มเป็นบางครั้ง เหมือนว่ามวลอากาศผืนฟ้าที่นี่มีผลกระทบต่อเขาน้อยจนเหมือนไม่มี

รอบตัวชายชุดคลุมดำมีคนชุดคลุมดำยืนด้วยความเคารพอยู่สิบคนปานองครักษ์ สายตามองไปยังมวลอากาศบิดเบี้ยวหมื่นจั้งไกลๆ

“น่าสนใจ อีกวันเดียววงแหวนอาคมนี้จะถูกทำลาย ค่อยๆ ทรมานผู้ฝึกฌานในนั้นในความสิ้นหวัง แบบนี้พอฆ่าพวกมันแล้วจะได้ลิ้มลองวิญญาณพวกมันได้อร่อยยิ่งกว่าเดิม” ชายชุดคลุมดำยิ้มเล็กน้อย จิบสุราในแก้วไปอึกหนึ่งแล้วพูดขึ้นราบเรียบ

ความแกร่งของพลังเขา ถึงขั้นที่ไม่ต้องแผ่ออกมาข้างนอกก็ทำให้มวลอากาศเหมือนยากจะรับไหวแล้ว เกิดเค้าลางจะพังลงอย่างต่อเนื่องรอบตัว

คนผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดที่มาเยือนจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยหนึ่งในสามจักรพรรดิรุ่งอรุณ!

เพียงแต่ว่าที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่ร่างจริง แต่เป็นหนึ่งในสองร่างแยกใหญ่ของเขา ทันทีที่ร่างจริงเขามาเยือนก็ไม่รู้ว่าไปที่ใดแล้ว ส่วนสองร่างแยกหนึ่งอยู่โลกแท้จริง ดาราสัจธรรม อีกหนึ่งไปโลกแท้จริงที่สี่อันลึกลับ

แม้ว่าจะเป็นร่างแยก แต่ก็ก้าวสู่ขั้นไม่อาจกล่าวเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว เหยียนเผยไม่มีทางถูกเรียกว่าหนึ่งในสามจักรพรรดิรุ่งอรุณแห่งฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณได้

ขณะที่จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยกำลังดื่มสุราพลางมองวงแหวนอาคมบิดเบี้ยวของสำนักยอดเขาลำดับเก้าอยู่ไกลๆ ภายในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม แม้แต่จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยยังไม่พบว่าอีกด้านหนึ่งของวงแหวนอาคมบิดเบี้ยวหมื่นจั้ง มีร่าง เงาหนึ่งในมวลอากาศ กำลังยืนมองทุกอย่างด้วยแววตาเย็นชา

ซูหมิงมาถึงเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ที่นี่คือโลกแท้จริงของเขา ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับที่นี่ไม่มีทางพ้นไปจากมือเขา กระทั่งไม่ว่าที่ใด ขอเพียงซูหมิงใช้ดวงจิตก็จะไปถึงได้ หลังออกมาจากน้ำวนมรณะหยินเขาก็รู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกแท้จริง ดาราสัจธรรมทันที

เขาไม่ได้ขับไล่ผู้ฝึกฌานจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณเหล่านั้น แต่ยืนอยู่กลางอากาศเงียบๆ มองวงแหวนอาคมบิดเบี้ยวของยอดเขาลำดับเก้ากำลังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง

เมื่อฝึกฝนมาถึงระดับอย่างซูหมิง โดยเฉพาะมีดวงจิตสามโลกแท้จริง ในสายตาเขา ชีวิตเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ขึ้นลงเท่านั้น มีเกิดมีตาย มีตายถึงมีเกิด นี่คือกฎ ซูหมิงไม่อยากเปลี่ยนและก็ไม่อยากรบกวนมากเกินไป

เงามืดรุ่งอรุณก็ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ดี พวกเขาเคยเป็นของสามรกร้าง ต่อให้ตอนนี้ก็ยังเป็นของสามรกร้าง เพียงแต่ว่าเพิ่งมาที่โลกแรกจากโลกที่สองของ สามรกร้างก็เท่านั้น

สำหรับการรุกรานเข้ามาในมหาโลกสามรกร้างนี้ ในความรู้สึกซูหมิง เพราะการยกระดับชีวิต เพราะยิ่งเขาเข้าใจมากเท่าไร ความรู้สึกที่ถูกรุกรานก็น้อยลงมากเท่านั้น ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการของดวงจิตสามรกร้างเพื่อบุกเข้าไปยึดร่างดวงจิตซางเซียงในตอนสุดท้าย

ทุกสิ่งมีชีวิตคือตัวหมาก ต่อให้มีตัวหมากบางตัวคิดว่าตนเป็นคนวางหมากก็ตาม แต่ว่าในสภาพการณ์ที่ใหญ่ยิ่งกว่า พวกเขาก็ยังเป็นตัวหมากในสายตาคนอื่น

นี่คือความน่าเศร้า ขณะเดียวกันก็เป็นกฏตายตัว

‘ไม่ผ่านพายุฝนจะเติบโตได้อย่างไร ไม่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักแล้วจะผงาดขึ้นได้อย่างไร ไม่ผ่าน…ความเป็นตาย ก็เหมือนกับกระบี่ล้ำค่าไม่มีคม!’ ซูหมิงมองยอดเขาลำดับเก้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาขวางทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ ให้ยอดเขาลำดับเก้าไม่เกิดการสูญเสียแม้แต่น้อยได้ ให้มหันตภัยครั้งนี้ถูกยับยั้งไว้ทั้งหมดได้

แต่การทำแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร ซูหมิงหยุดได้เพียงมหันตภัยครั้งแรกเท่านั้น ต่อให้มีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม แต่สุดท้ายแล้วต้องมีครั้งหนึ่งที่เขาขวางไม่ได้

อย่างไรคนที่ถูกปกป้องก็ยากจะเติบโต มีเพียงให้ผ่านความเป็นตาย ผ่านพายุฝน ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักแล้วเท่านั้นถึงจะกำเนิดเป็นความกล้าหาญและพลังอันแข็งแกร่ง ถึงจะทำให้คนคนหนึ่งค้ำยันท้องฟ้าได้

เหมือนกับทัศนคติที่เขามีต่อเผ่าหมาน ซูหมิงในตอนนี้มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ มอบบททดสอบครั้งหนึ่งให้กับยอดเขาลำดับเก้า

นี่คือสงคราม จากนี้จะเกิดสงครามมากกว่าเดิม หากยอดเขาลำดับเก้ากับเผ่าหมาน อยากจะเหมาะสมในสงคราม เหมาะสมกับโลกผู้ฝึกฌานที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เช่นนั้นพวกเขาต้องผ่านทุกอย่างไป

หากพวกเขาไม่เหมาะสม ซูหมิงจะลงมือ มอบการปกป้องที่บางทีพวกเขาอาจจะไม่มีอนาคตและคงอยู่ได้เพียงห้าร้อยปีที่เหลือ แต่การปกป้องแบบนี้ก็อยู่ได้ห้าร้อยปีเท่านั้น ภัยพิบัติห้าร้อยปีจากนี้ ซูหมิงสำเร็จก็ดี ล้มเหลวก็ดี บางทีทุกอย่างอาจกลายเป็นความว่างเปล่า

ชะตาชีวิต ต้องช่วงชิงมาด้วยตัวเอง สิ่งที่คนอื่นมอบให้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ซูหมิงไม่เข้าใจหลักการนี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

บางทีอาจจะเจ็บปวด บางทีอาจจะต้องมีคนตายไม่น้อย แต่ว่า…นี่คือขั้นตอนจำเป็นที่หนึ่งชีวิตจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง

เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือให้สงครามยุติธรรมขึ้นเล็กน้อย ซูหมิงไม่อาจให้ ผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้ากับเผ่าหมานในนั้นทะลวงพลังได้ในพริบตา แต่เขา… ให้คนจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ ให้พลังพวกเขาถูกลดลงได้ ทำให้พลังพวกเขาสูสีกับยอดเขาลำดับเก้า

สำหรับซูหมิงแล้ว จุดนี้ง่ายมาก

เวลาผ่านไปจนครบหนึ่งวัน ตอนที่เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น เสียงคำรามเหี้ยมโหดจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณดังก้องตามเสียงครึกโครม เสียงครึกโครมนั้นคือเสียงวงแหวนอาคมสุดท้ายของยอดเขาลำดับเก้าที่หู่จื่อวางพังลง พริบตาที่วงแหวนอาคมพังลง ผู้ฝึกฌานจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณจำนวนมากพลันบุกเข้าไปในสำนักยอดเขาลำดับเก้าผ่านช่องโหว่วงแหวนอาคมนั้น

เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่าหลังวงแหวนอาคมพังลง ผู้ฝึกฌานหลายแสนคนที่ตอนนี้รวมพลอยู่กลางสำนักยอดเขาลำดับเก้ากำลังรอข้าศึกบุกเข้ามา จิตสังหารที่เกิดขึ้นจากการต่อต้านและต่อสู้ดิ้นรนลอยขึ้นฟ้า

ตอนนี้เอง ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ซูหมิงที่ไม่มีใครมีสิทธิ์เห็นเขายกมือขวาขึ้นกดไปทางผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเบาๆ แบบตามอำเภอใจ

เพียงกดไป ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมสั่นสะเทือน การสั่นสะเทือนเงียบเชียบ แต่กลับก่อเป็นแรงกดดันรุนแรงยากจะบรรยาย แรงกดดันนี้ลงมาเยือนในพริบตา ทำให้โลกแท้จริงดาราสัจธรรมเหมือนหนักขึ้นหลายเท่า ทำให้ผู้ฝึกฌานจาก ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณใจสั่นสะท้านกันทั้งหมดในเวลานี้ จังหวะก้าวหยุดลง สีหน้าดูตกใจ

ผู้ฝึกฌานทุกคนเหมือนหนักขึ้นหลายเท่าในพริบตา ส่งผลให้พวกเขารู้สึกหนักไปทั่วร่าง ถึงขนาดยังเกิดความรู้สึกว่าการโคจรพลังในร่างกายติดขัด ราวกับว่าตอนนี้ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกดทับใส่ตัวพวกเขา

และยังมีผู้ฝึกฌานหลายแสนคนจากยอดเขาลำดับเก้าหลังวงแหวนอาคมนั้นพังลง คนเหล่านี้ตัวสั่นสะท้านเช่นกัน มีสีหน้าตกใจ ทุกคนต่างหยุดฝีเท้าที่จะพุ่งออกไป

เมื่อผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนตกใจ คนไร้ใบหน้าเก้าคนนั้นตัวสั่น คล้ายกับว่าในร่างกายเกิดเสียงระเบิดดังก้องเหมือนกำลังต่อต้านอยู่

ไกลออกไปยิ่งกว่า คนชุดคลุมดำสิบคนรอบๆ จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย หน้าเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัดทุกคน ดวงตาสองข้างหรี่ลงเผยประกายสว่างวาบ จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยที่ยกแก้วสุราขึ้นกำลังจะดื่มพลันหยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มุมปากเผยความเหี้ยมโหด

“สหายท่านใดมาเยือนกัน มารวบกวนการกำราบดวงจิตของโลกแท้จริงนี้ เจ้า…กินยากล้าหาญอะไรมาถึงกล้าต่อกรกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณของข้า กล้ามาล่วงเกินข้า!” จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยพูดด้วยเสียงน่ากลัว ขณะที่เสียงดังก้องยังทำให้ทั้งผืนฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้แรงกดดันที่ลงมาเยือนรอบๆ เกิดการคลายออก มือซ้ายเขายังคงถือแก้วสุรา มือขวาวางบนกระดูกขาวข้างๆ ในดวงตาเผยแสงหม่นสีเขียว ปกคลุมไปทั่วฟ้า แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!