Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1303

ตอนที่ 1303 ระยะห่างของหนึ่งกระบี่

เหตุการณ์นี้สะเทือนฟ้าดิน จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ยามที่มองซูหมิงมีสีหน้าหวาดกลัวและตะลึงเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม เดิมทีเขาคิดว่าซูหมิงสูสีกับร่างเงาสีโลหิตนั่น แต่ผลสุดท้ายร่างเงาสีโลหิตกลับถูกซูหมิงกำราบด้วยตัวคนเดียว

ระหว่างการกำราบกับการทำลาย ในมุมมองจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการกำราบยากกว่า!

“ขะ…เขาเป็น…ผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้จริงๆ ไม่มีใครทัดเทียม!” จักรพรรดิ รุ่งอรุณเหยียนเผยพึมพำ

ซูเซวียนอีมองทุกอย่างด้วยใบหน้าซีดขาว ดวงตาวาววับ สีหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง ร่างเงาโลหิตนั้นคือ ความลับที่สุดของเขา แต่ยามนี้ต่อให้เรียกอีกฝ่ายมาก็ยังไม่ใช่ คู่ต่อสู้ซูหมิง นี่จึงทำให้ความมืดทะมึนของเขากลายเป็นการฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว

ส่วนการตายของผู้ฝึกฌานล้านคนนั้น เขาไม่สนใจ แม้คนทั้งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกจะสิ้นชีพ ก็ไม่ทำให้เขาซูเซวียนอีสงสารแม้แต่น้อย

เขามีแต่เพียงความขมขื่น ซูหมิงตรงหน้า…แกร่งถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้…

จากการที่ซูหมิงหลอมรวมดวงจิตสี่โลกแท้จริง พลังในการกำราบหรือผนึกขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะทัดเทียมกับสามรกร้าง ดังนั้นแล้ว ร่างเงาสีโลหิตนั่นจะต่อต้าน ได้อย่างไร ได้แต่ตะโกนด่าทออย่างบ้าคลั่ง ร่างเขาถูกกดลงไปในรอยแยกแผ่นดินพร้อมด้วยกลิ่นอายมารรุนแรงและความไม่ยินยอม จนกลับไปในแดนที่เขาหลับใหล

เป็นอย่างที่ซูหมิงว่าไว้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาตื่น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีใด ตื่นขึ้นมาก่อนเวลา แต่ว่า…ก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงจุดจบต้องหลับใหลต่อไป

ซูหมิงสังหารเขาไม่ได้ จุดนี้เขาสังเกตเห็นก่อนแล้ว อภินิหารที่ลงมือก็ดี ดวงจิตก็ดี ตอนที่ใช้กับร่างเงาสีโลหิตล้วนเหมือนมีเยื่อกั้นอยู่หนึ่งชั้น ทำให้พลานุภาพของเขาถูกลดไปมากกว่าครึ่ง เหมือนว่าเยื่อกั้นนั้นคือเวลา เป็นความต่างของกฏระหว่างยุค ดังนั้น…ซูหมิงที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้จึงผนึกร่างเงาสีโลหิตได้ แต่สังหารอีกฝ่ายไม่ได้

“เว้นแต่…” ซูหมิงมองมหาสมุทร ดวงตาเผยประกายเย็นเยียบ แต่ไม่นานประกายเย็นชาก็หายไป เขารู้สึกได้ว่าระหว่างเขากับผู้แข็งแกร่งยุคก่อนมีเวลาที่ต่างกันอยู่ เหมือนกับอยู่ในโลกต่างกัน เว้นแต่เขาจะอยู่ในยุคใหม่หลังจากโลกที่เขาอยู่ตายลงในมหันตภัย เขากับร่างเงาสีโลหิตจะไม่มีเยื่อกั้นอีก ถึงตอนนั้น เขาจะสังหารอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

แต่จุดจบแบบนี้ ซูหมิงไม่ต้องการ

เขามองไปยังส่วนลึกมหาสมุทรเงียบๆ ครั้งนี้เขาผนึกเพียงร่างกายของร่างเงาสีโลหิตนี้เท่านั้น รอยแยกบนแผ่นดินยังอยู่ โลหิตจากการตายของผู้ฝึกฌานล้านคนยังคงเป็น สีแดงฉานเต็มฟ้า

ซูหมิงถอนหายใจเบา ต่อให้ผู้ฝึกฌานที่นี่ล้วนเป็นผู้ฝึกฌานของโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก และแทบจะไม่เกี่ยวกับเขาเลยก็ตาม ทว่าตั้งแต่ที่เขายึดครอง โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกเป็นดวงจิตจักรพรรดิยมโลกนั้น คนของโลกนี้จะไม่ใช่ ไม่เกี่ยวข้องกับซูหมิงอีก แต่เป็นประชากรในโลกแท้จริงของเขา

ขณะส่ายศีรษะ ซูหมิงยกมือขวาโบกไปข้างหน้า

“เวลา…” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ ก่อนใช้พลังแห่งพรสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของเผ่ายมโลกหรือวิชาแห่งการย้อนเวลาด้วยดวงจิตมหึมาที่เป็นรองเพียงดวงจิตสามรกร้าง วิชานี้อยู่ในมือเขา เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าซูเซวียนอีมากๆ

ระหว่างที่โบกมือ ทั้งดาวแท้จริงพลันเกิดเส้นถี่นับไม่ถ้วน เส้นถี่เหล่านี้เหมือนกับระลอกคลื่นหมุนวนช้าๆ ประหนึ่งว่าพวกมันคือเส้นแห่งชีวิตของทุกคน ตอนนี้ เส้นเหล่านี้ส่วนใหญ่แตกชำรุด พวกมันล้อมเข้าด้วยกันกลายเป็นน้ำวนแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้น้ำวนสั่นสะเทือนแล้วพลันหมุนย้อนกลับ

เมื่อย้อนกลับ เส้นเหล่านั้นค่อยๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน ปลิวกระจายอยู่กลางฟ้า บนดาวแท้จริงดวงนี้ บ้างก็หายไป โลหิตที่ถูกทำลายก่อนหน้านี้ตอนนี้โผล่ขึ้นมา ทีละหยดแล้วพุ่งตรงไปหาต้นไม้โบราณพร้อมกัน ร่างผู้ฝึกฌานล้านคนที่แหลกสลายบนแมกไม้ก็ถูกย้อนเวลากลับในพริบตา จากสภาพเละย้อนกลับมาสมบูรณ์

หลังร่างผู้ฝึกฌานล้านคนสมบูรณ์ โลหิตจำนวนมากตรงเข้ามาจากบนฟ้า เมื่อกลับเข้าไปในร่างผู้ฝึกฌานทุกคนแล้ว สุดท้ายดวงตาผู้ฝึกฌานเหล่านั้นจาก ไร้ประกายกลับมาเป็นประกายแห่งการมีชีวิต ร่างกายและจิตใจพวกเขาทั้งหมด สั่นสะท้าน เหมือนตื่นจากฝันร้าย

วิชาแห่งเวลา ย้อนกลับความเป็นตาย สร้างชีวิต…

ตอนที่ซูหมิงใช้วิชานี้ ชายหนุ่มคนนั้นที่มองต้นไม้โบราณอยู่ใต้ต้นไม้เงยหน้าขึ้นมองข้างบนแวบหนึ่งอย่างสงบนิ่ง เหมือนว่าสายตาเขาอยู่ทุกที่ มองเห็นทุกอย่างที่เขาอยากจะเห็นได้

“เหมือนกับข้าในตอนนั้นเล็กน้อย…” ชายหนุ่มคนนี้พูดเสียงเบา ระหว่างที่ ละสายตากลับ ภาพหนึ่งก่อนตายโผล่ขึ้นในความคิดผู้ฝึกฌานล้านคนบนแมกไม้ ต่อมาก็กลายเป็นสีหน้าหวาดกลัวและตกตะลึง ทุกสายตาเหม่อมองซูหมิง…

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาก้มหน้ามองรอยแยกบนแผ่นดินที่ยืดยาวออกไปไกลกลางมหาสมุทรข้างล่าง แล้วยกมือขวาขึ้นกดไปยังรอยแยกนั้น

ซูหมิงใช้วิชาแห่งเวลาในการย้อนเวลาอีกครั้ง หลังจากที่พลังแห่งเวลาอบอวลและปกคลุมทั้งดาวแล้ว รอยแยกนั้นผสานกันอย่างรวดเร็วยิ่ง มหาสมุทรไม่มีรอยแยก แผ่นดินกลายเป็นหนึ่งเดียว ภูเขาที่พังลงเพราะรอยแยกเหล่านั้น ทุกอย่างที่แหลก เป็นเสี่ยงๆ กลับมาดังเดิมทั้งหมดในพริบตานี้ เหมือนว่าไม่เคยเกิดรอยแยกนี้มาก่อน

อภินิหารแห่งเวลานี้ เทียบกับที่ซูเซวียนอีใช้ก่อนหน้านี้แล้ว คนอื่นมองแวบเดียวก็เห็นถึงความสูงต่ำ เพราะนี่ต่างกันชัดเจนเกินไป

ทันทีที่แผ่นดินสมานรวม ผิวทะเลไม่มีรอยแยกอีก วิชาแห่งเวลาของซูหมิง ยังไม่จบลง แต่ย้อนกลับ ในที่สุดก็ส่งผลไปถึงซูเซวียนอี ทำให้กาลเวลาทั้งหมดกลับมาอยู่ในตอนที่ซูเซวียนอีกระอักเลือดถอยไปและกำลังอัญเชิญร่างเงาสีโลหิต

ทันทีที่กาลเวลากลับมาถึงตอนนี้ ซูหมิงพลันหมุนตัวกลับ กระบี่ตัดดวงจิตในมือเปล่งแสงม่วงขึ้นฟ้า ส่องแสงสว่างจ้าแสบตาในมือ เหมือนหลอมรวมกับร่างเงาเขา จนเมื่อเขาเดินออกมาแล้วก็พุ่งตรงไปหาซูเซวียนอีดั่งสายรุ้งม่วงทะลวงผ่านฟ้า

ซูเซวียนอีถอยไปด้วยใบหน้าขาวซีด สีหน้าขมขื่น ไม่ได้ไม่ยอมอะไร มีเพียงแต่ความขมขื่นและเสียใจ เขามองซูหมิงเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มองความตายมาเยือนพลางถอนหายใจ สีหน้าสงบลงทีละน้อย

เขานึกถึงภรรยาของตนในเตาหลอมลำดับห้า นึกถึงซูจ้าน นึกถึงทารกที่เขารวมวิญญาณกับร่างกลางอากาศโลกแท้จริงที่ห้าที่ถูกทำลายในตอนนั้น

เหมือนว่าสิ่งเหล่านี้คือฝันในภพก่อน ยามนี้มองไปไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในใจ ซูเซวียนอีถึงเกิดความซับซ้อน บางทีความซับซ้อนนี้อาจจะคงอยู่มาตลอด แต่เพราะความบ้าคลั่งที่จะให้เผ่ายมโลกผงาดขึ้นเขาจึงมองข้ามไป ถูกเขาควบคุมไว้ เขาคิดว่าตนไม่มีความซับซ้อนแล้ว แต่ตอนนี้กลับเพิ่งจะพบว่าที่แท้…ความรู้สึกซับซ้อนคงอยู่ มาตลอด

“ภรรยาหลับใหล ทายาทโกรธไม่ยอมพูด สหายสนิทรบจนตัวตาย…บุตรของเขาเป็นผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม…” ซูเซวียนอีพึมพำ ความคิดทั้งหมดรวมอยู่ในลมหายใจนั้น ดังก้องในใจ

‘ข้าผิดรึ…’ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูเซวียนอีพูดแบบนี้ แต่มีเพียงครั้งนี้ที่เขากำลังถามความจริงกับตัวเอง

‘ข้าไม่ผิด!’ ใบหน้าเรียบนิ่งของซูเซวียนอีถูกแทนด้วยความแน่วแน่ ความซับซ้อนกับความสับสนก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปในพริบตา

‘ข้าไม่ผิด ข้าซูเซวียนอีไม่มีวันผิด เส้นทางที่ข้าเดินไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้ เผ่ายมโลกผงาดขึ้น เพื่อให้โลกแท้จริงที่ห้ากำเนิดขึ้นอีกครั้ง!

ข้า…ไม่ผิดเลย ต่อให้ผิดจริงๆ แต่ผู้ทำการใหญ่จะเป็นผู้ดีได้อย่างไร สละชีพภรรยา สละชีพสหายสนิท ใช้ประโยชน์จากซูหมิง สิ่งเหล่านี้…ล้วนเป็นชะตาของพวกเจ้า เพราะว่า…ข้าไม่ผิด!

ต่อให้ข้าตายลงในเคราะห์ภัยครั้งนี้ ข้าซูเซวียนอีก็ไม่เคยผิด!’ ในใจซูเซวียนอีสั่นคลอน จนกระทั่งเขามีสีหน้าแน่วแน่ ระหว่างนี้ดูเหมือนช้า แต่ความจริงเป็น เพียงพริบตา ช่วงที่กระบี่ของซูหมิงพุ่งตรงเข้ามาใกล้ ซูเซวียนอีได้สติกลับมาจากความสับสนชั่วคราวนั้นแล้ว

เขาจ้องแสงม่วงบนกระบี่ซูหมิง แสงม่วงนี้เหมือนกลายเป็นทุกอย่างของลูกตาเขา แต่สุดท้าย…กลับทำไม่ได้ เพราะนัยน์ตาซูเซวียนอีจุดประกายความทะเยอทะยาน จุดประกายความดื้อรั้นและเย่อหยิ่งที่ตนเป็นผู้เหี้ยมโหดไร้ความปรานี!

นั่นคือความมั่นใจว่าตนไม่ผิด แม้ตายก็ต้องยืนตาย นั่นคือประกายแสงสว่างจ้าที่สุดในชีวิตหลังจากฝึกพลังถึงระดับอย่างเขาแล้ว

ซูหมิงมองซูเซวียนอี ช่วงที่กระบี่เขาเข้ามาใกล้พลันหยุดลง เพราะว่าตรงปลายกระบี่…องค์ชายสาม….หรือพูดได้ว่าเหลยเฉินปรากฏกายขึ้นขวางกระบี่เอาไว้ ปกป้องอยู่หน้าซูเซวียนอี

เหลยเฉินเงียบ ซูหมิงก็เงียบเช่นกัน สองคนมองกัน มีกระบี่กั้นกลางเหมือนกับขวางไว้ด้วยหนึ่งยุค ราวกับว่าทุกอย่างในวัยเยาว์นั้น ตอนนี้กลายเป็นระยะห่างเพียงหนึ่งกระบี่

“ขอบคุณ” ผ่านไปนานซูหมิงถึงพูดขึ้นเบาๆ

“นางเป็นสตรีของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา” เหลยเฉินมองซูหมิงพลางถอนหายใจเบา

“ขอบคุณ” ซูหมิงพูดขึ้นอีกครั้ง

“เขาก็เป็นท่านปู่ของข้าเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องขอบคุณ” เหลยเฉินเงียบแล้วส่ายศีรษะ คนนอกจะไม่เข้าใจคำขอบคุณต่างกันสองครั้งของซูหมิง มีเพียงเหลยเฉินที่เข้าใจ คำขอบคุณครั้งแรกคือ ขอบคุณที่ปล่อยให้ท่านปู่พาอวี่เซวียนไป

ขอบคุณครั้งที่สองคือ ขอบคุณตอนที่ท่านปู่ถูกมัดด้วยเส้นแห่งเวลา แต่เหลยเฉินรวมจิตสัมผัสเอาไว้สายหนึ่งที่ท่านปู่ เขาจะไม่ยอมให้ท่านปู่เป็นอะไร แม้อีกฝ่ายจะเป็นจักรพรรดิรุ่งอรุณก็ตาม

คนอื่นมองไม่ออก แต่ทันทีที่ซูหมิงมองท่านปู่ เขารู้สึกถึงจิตสัมผัสของเหลยเฉิน

“ขอบคุณ” ซูหมิงเงียบไปอีกครั้ง เขามองเหลยเฉินด้วยสีหน้าซับซ้อนแล้วพูดต่อ

ครั้งนี้เหลยเฉินไม่ตอบ แต่เงียบ เขาเข้าใจว่าที่ซูหมิงขอบคุณครั้งนี้คือตนไม่ได้บอกเรื่องที่พบซูหมิงในมหาโลกซางเซียงกับคนอื่นๆ

สองคนกับอีกครึ่งคนที่ร่างเงาสีแดงกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ หนึ่งคือซูหมิง ครึ่งคนคือท่านปู่ และอีกคนคือ…เหลยเฉิน เหลยเฉินหลอมรวมกับตัวเองอีกโลกเหมือนกับซูหมิง มีคุณสมบัติข้ามผ่านสองโลก ไม่ดับสูญไปในมหันตภัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!