Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1374

ตอนที่ 1374 ภัยพิบัติสามรกร้าง 6

หลังจากไม้แห้งแห่งกาลเวลาแตกออก ผสมเข้ากับน้ำใสของกาลเวลา กลายเป็นความใสสะอาดของกระดาษ ไม่ว่าสีในอดีตจะเป็นอะไร เมื่อสาดไปด้วยน้ำหมึก ก็จะย้อมออกมาเป็นสีที่ขวางกั้นยุคสมัย…ทว่าไม่อาจย้อนกลับไปในตอนแรกสุดได้อีก

เต๋าของซูเซวียนอีคือให้บบุตรเขาเหลยเฉินยึดร่างผู้เฒ่าเมี่ยเซิง แต่ก่อนจะยึดร่าง เขาต้องการโอกาส ต้องการตัวช่วย ตัวช่วยนี้…ก็คือเขาที่กลายเป็นฝ่ามือตอนนี้ อยู่เหนือฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ปกคลุมสายตาที่แฝงไว้ด้วยความแค้นเหล่านั้นที่มาพร้อมกับความบ้าคลั่งก่อนวันสิ้นโลก เปลี่ยนกลิ่นอายความแค้นยากจะบรรยายให้เป็น…คำสาปจากทุกสิ่งมีชีวิต!

นี่คือกระดานหมากที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเป็นคนวางเอาไว้นานแล้ว โดยการรวม กลิ่นอายความแค้นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ภายใต้การจัดการของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่ใช้หน้าตาซูหมิงทำการสังหาร จึงทำให้ สามร้อยหกสิบโลกของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนทุกโลกอัดแน่นไปด้วยความแค้นต่อซูหมิง

พวกเขาเห็นญาติพี่น้องสหายถูกซูหมิงสังหารอย่างเหี้ยมโหด เห็นชาวเผ่าตัวเองร้องโหยหวนข้างหลังซูหมิง ต่อให้เป็นคนเหล่านั้นที่ยังไม่ตายก็ต้องถูกทรมานร่างกายและจิตใจ ทำให้ความแค้นของพวกเขาคงอยู่ยาวนานและอยู่ต่อไปได้ อีกทั้งตอนนี้ยังปะทุความบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงที่กำลังจะตายอย่างไม่ยินยอมก่อนโลกถูกทำลาย

กลิ่นอายความแค้นเหล่านี้เดิมทีเป็นสิ่งเลื่อนลอย แต่ว่า…การจะรวมกลิ่นอายความแค้นเหล่านี้เป็นจิตสำนึกหนึ่ง จิตสำนึกของคนเดียวคงมีพลานุภาพไม่พอ แต่หากเป็นสิบล้านคน ร้อยล้ายคน พันล้านคนหรือแสนล้านคนรวมถึงคนจาก ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนทั้งหมดสามร้อยหกสิบโลก

เช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะตาย ก็จะปะทุพลังที่แกร่งที่สุดในชีวิตออกมาเพื่อสาปคนคนหนึ่งพร้อมกัน ใช้ความบ้าคลั่งของจิตสำนึกหนึ่งพร้อมกัน ดังนั้นแล้ว…นี่ก็จะเป็นจริง!

นี่คือความจริงที่มีอยู่ในความไม่มี!

กระทั่งพลังนี้ ในบางด้านยังมองว่าเป็นเต๋าได้ หากมองในมุมอาณาจักร ตอนที่ประชาชนของอาณาจักรนี้ปรารถนาจะให้อาณาจักรล่มสลาย เช่นนั้นอาณาจักรนี้จะต้องล่มสลายแน่!

นี่มองในแบบโลกมนุษย์ ในโลกการฝึกฝนก็มีหลักการนี้อยู่เช่นกัน หลังจากถูกคนใช้ประโยชน์แล้วก็จะกลายเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่จะทำการโจมตีที่แกร่งที่สุดในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

ภายใต้การรวมกลิ่นอายความแค้นของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน มือใหญ่ร่างแปลงซูเซวียนอีพลันสูบกลิ่นอายความแค้นเหล่านี้เข้ามา ทำให้มือใหญ่เป็นสีดำทึบยิ่งกว่าเดิม ราวกับแฝงไว้ด้วยพลังฟ้าดิน ตอนนี้เองมือใหญ่ขยับไหว พลันเกิดเงามายาซ้อนทับขึ้นบนมือ

มันแบ่งเป็นสองส่วน!

ขณะเดียวกับที่ฝ่ามือแบ่งเป็นสองส่วน ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือโบราณในโลกปีกที่สี่พลันหรี่ตาลง ยามนี้เองฝ่ามือที่แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งพาดวงจิตของ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงทะลวงผ่านมวลอากาศไปยังมหาโลกสามรกร้าง อีกส่วนก็ทะลวง มวลอากาศ แต่ว่าไปยัง…โลกปีกที่สี่ นั่นคือ จุดที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงอยู่!

“ซูเซวียนอี!” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงดวงตาขยับประกายวาว แทบเป็นทันทีที่กล่าวขึ้น มือใหญ่ร่างแปลงซูเซวียนอีทะลวงผ่านมวลอากาศมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเรือโบราณ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง มือใหญ่นั้นปรากฏใบหน้าซูเซวียนอีขึ้น บนใบหน้ามีความยึดมั่นและ บ้าคลั่ง ซ้ำยังมีความแค้นที่ฝังอยู่ในใจมาไม่รู้กี่ปี

“สร้างยมโลก ยึดร่าง!” ซูเซวียนอีเงยหน้าคำรามเสียงต่ำ ฝ่ามือร่างแปลงเขาแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความแค้นไม่มีสิ้นสุด มันเข้าปะทะเรือโบราณ พุ่งตรงไปหาผู้เฒ่าเมี่ยเซิง

“ไม่รู้จักประมาณตน!” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงแค่นเสียงขึ้นจมูก

“ข้าเป็นคนสร้างเผ่าพันธุ์เจ้าขึ้นมา แต่เจ้า…กลับจะยึดร่างข้าอย่างนั้นรึ!” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นมีพายุสีดำพุ่งตรงเข้ามา ชั่ววูบเดียวก็กลายเป็นหัวกะโหลกยักษ์ตรงหน้า บนหัวกะโหลกมีคนเล็กนั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง หน้าตา คนเล็กเหมือนกับผู้เฒ่าเมี่ยเซิง นั่นตือจิตเต๋าของเขา!

เวลานี้คนเล็กมีสีหน้าปกติ หัวกะโหลกข้างใต้อ้าปากกว้างเขมือบไปทางซูเซวียนอี

แต่ทันทีที่หัวกะโหลกเข้าไปใกล้ซูเซวียนอี ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงขมวดคิ้ว ยกมือขวาคว้าลงไป หัวกะโหลกพลันหายไป

“หึ จะมาเสียกลิ่นอายความแค้นที่รวมมาเหล่านี้กับเจ้าไม่ได้ หากเจ้าส่งผลถึงแผนการของข้าต่อซูหมิง ต่อให้เจ้าตายหมื่นครั้งก็ชดใช้ไม่ได้!

ในเมื่อเจ้าชอบยึดร่าง เช่นนั้นข้าจะให้รางวัลเจ้า ให้เกียรติแก่เจ้าถูกข้ายึดร่าง!” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงยิ้มเยาะมุมปาก กล่าวขึ้นพร้อมสะบัดแขนเสื้อ จิตเต๋าของเขามาอยู่ตรงหน้าเขา อ้าปากกว้างเผยความเหี้ยมโหด กลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งพุ่งตรงไปหาฝ่ามือร่างแปลงซูเซวียนอี

ท่ามกลางเสียงครึกโครม จิตเต๋าของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงปะทะกับมือใหญ่กลิ่นอายความแค้นร่างแปลงซูเซวียนอี ทันใดนั้นสองฝ่ายเริ่มทำการยึดร่างกัน แต่เห็นได้ชัดว่าซูเซวียนอีสู้ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงไม่ได้ เพียงไม่กี่ลมหายใจมือใหญ่ครึ่งหนึ่งก็ถูกผู้เฒ่าเมี่ยเซิงยึดไป

ทว่า…ใบหน้าซูเซวียนอีที่ปรากฏในฝ่ามือนั้นกลับไม่มีความตระหนกแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มเยาะมุมปาก ในรอยยิ้มเยาะมีความโอหัง มีความมั่นใจที่ไม่มีตกหล่น ซ้ำยังไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อชีวิตอีก แต่มีสีหน้าเฝ้าปรารถนาให้อนาคตดีกว่านี้

“เมี่ยเซิง เจ้าแพ้แล้ว!” ซูเซวียนอีหัวเราะเสียงดังขณะถูกยึดร่าง

ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเองผู้เฒ่าเมี่ยเซิงหน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้มีกลิ่นอายพลังคนที่สามปรากฏขึ้นในตัวซูเซวียนอี

กลิ่นอายพลังของคนที่สามนั้นคือ เหลยเฉิน!

เหลยเฉินในตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ในพระราชวังในโลกแท้จริงที่สี่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยเข็มเล็กสีดำ เขาตัวสั่น ดวงตามีน้ำตารินไหล ร่างกายแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว จิตสำนึก วิญญาณ ชีวิตรวมถึงทุกอย่าง เวลานี้ใช้วิธีแห่งสายเลือดมาปรากฏอยู่ในตัว ซูเซวียนอี!

นี่คือแผนการของซูเซวียนอี เขารู้ว่าตนไม่อาจต่อต้านผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือความสามารถในการยึดร่างก็ห่างไกลกันมาก เขารู้ว่าตนยึดร่างแล้วต้อง ตายแน่ แต่เขาต้องการโอกาส โอกาสนี้แบ่งเป็นสองจุด จุดแรกคือผู้เฒ่าเมี่ยเซิงจะไม่ลงมือสังหารตนแน่ และไม่ให้โอกาสในการยึดร่างแม้แต่น้อย

ดังนั้นเพื่อให้จุดนี้สมบูรณ์ ก่อนยึดร่างซูเซวียนอีเลยสูบกลิ่นอายความแค้นให้มากพอก่อน แล้วแบ่งกลิ่นอายความแค้นนี้เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไปยังซูหมิงตามคำสั่ง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง อีกส่วน…ซูเซวียนอีนำมาใช้เพื่อให้ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเกิดความลังเลไม่ สังหารเขา!

ขอเพียงเกิดความลังเล เช่นนั้นด้วยนิสัยของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่ต้องมั่นใจว่าแผนการต่อซูหมิงสำเร็จแล้ว เขาจะต้องเลือกยึดร่างแน่ๆ เพื่อไม่ให้กลิ่นอายความแค้นนี้หายไป ให้กลิ่นอายความแค้นยังคงครบสมบูรณ์!

นี่คือจุดแรกของซูเซวียนอี!

จุดที่สองคือผู้เฒ่าเมี่ยเซิงจะไม่ต่อต้านตนอย่างเต็มที่ เพราะศัตรูของเขาคือซูหมิง! เมื่อกุมความได้เปรียบในสองข้อนี้แล้ว ซูเซวียนอีจะมีโอกาสลงมือก่อน จะดำเนินการก้าวที่สองได้…

นั่นคือการยึดร่าง แต่ซูเซวียนอีไม่ได้เป็นคนยึดร่างเอง เขายอมใช้ร่างกายตนเป็นสื่อกลางเพื่อให้เหลยเฉินบุตรของเขาเข้าใกล้ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง!

ความมุ่งมั่นของเขาคือไม่ใช่ว่าจะยึดร่างผู้เฒ่าเมี่ยเซิงทั้งหมด แต่จะยึดร่างส่วนเดียว ขอเพียงยึดร่างส่วนเดียวได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว มีส่วนนี้อยู่เขาเชื่อว่าด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตที่หลอมรวมกับเหลยเฉินจะต้องมีจุดที่เป็นอมตะแล้ว เพราะว่า…ในบางด้าน เหลยเฉินที่มีเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตมีความคล้ายบางอย่างกับ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงแล้ว

ส่วนเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงใช้โลหิตตัวเองส่งให้วิญญาณชีวิตสร้างขึ้น การใช้งานจริงๆ ของมันคือเพื่อให้เผ่ายมโลกกำเนิดผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ แล้วนำไปเซ่นไหว้แก่เสวียนจั้ง ในของเซ่นไหว่นี้ก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตของเขาอยู่ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการท้ารบกับเสวียนจั้ง

และคนที่เขาเลือกก็คือเหลยเฉิน นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าเพราะเหตุใดทารกในครรภ์ภรรยาซูเซวียนอีตอนนั้นถึงถูกสาป ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่คำสาป แต่นั่นคือผลจากการหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต

ทว่าผู้เฒ่าเมี่ยเซิงคาดเดาพลาดไปเล็กน้อย เขาคาดเดาความทะเยอทะยานและบ้าคลั่งของซูเซวียนอีพลาด เขาไม่คิดเลยว่าซูเซวียนอีจะใช้ความลับของน้ำวน มรณะหยิน ใช้พื้นที่ที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงไม่อาจสำรวจดึงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตออกจากตัวเหลยเฉินไปปลูกในตัวซูหมิง

จากนั้นก็ปลูกในตัวอวี่เซวียน เพราะสายเลือดอวี่เซวียนมาจากเทพหมานรุ่นสอง ส่วนเทพหมานรุ่นสอง แม้จะเป็นเผ่าหมาน แต่ก็อยู่ในน้ำวนมรณะหยิน เป็นสิ่งมีชีวิตระหว่างความเป็นกับความตาย ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตถูกซูเซวียนอีปรับแก้ในระดับบางอย่าง จนกระทั่ง…ให้เหลยเฉินหลอมรวมอีกครั้ง การรวมครั้งนี้เปลี่ยนจุดสำคัญของแผนการเขา

“เมี่ยเซิง เจ้าแพ้แล้ว เจ้าจะควบคุมกลิ่นอายความแค้นผนึกซูหมิงหรือว่าจะต่อต้านการยึดร่างของเผ่ายมโลก สำหรับเจ้าแล้วเป็นการตัดสินใจเลือกที่ง่ายมาก!

ไม่ว่าเจ้าจะเลือกอย่างไร ความหมายสุดท้ายของการยึดร่างคือไม่มีทางที่ตัวเองจะยึดร่างตัวเองได้ แต่สิ่งที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้คือกำลังยึดร่างตัวเอง เจ้ากำลังยึดร่าง บุตรข้าซูเซวียนอี ยึดร่างเขาที่หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตจนสมบูรณ์ เจ้ากำลังยึดร่างตัวเอง!” ซูเซวียนอีหัวเราะเสียงแหลม กลิ่นอายพลังเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ จิตเต๋าของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงในร่างกายเขาหดกลับมาอย่างรวดเร็วหมายจะล้มเลิกการยึดร่าง แต่ว่า…

ซูเซวียนอีเตรียมการมาหลายปี ร่างกายเขาเป็นทั้งสื่อกลาง และยังให้เหลยเฉินยึดร่างตนหลายครั้ง ในตัวเขามีอยู่ส่วนหนึ่งเป็นของเหลยเฉิน

กลิ่นอายพลังเขาหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เสียงหัวเราะยังคงดังก้อง เขารู้ว่า ตนสำเร็จแล้ว ตอนนั้นที่เลือกยึดร่าง เขาได้สำเร็จแล้ว!

“ซูเซวียนอี!” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงลืมตาขึ้นด้วยความโกรธ ระหว่างที่จิตเต๋าเขาหดกลับมา กลิ่นอายพลังเหลยเฉินรวมกับจิตเต๋าราวกับหลอมเข้ากระดูก จากนั้นก็หลอมรวมเข้าไปในร่างผู้เฒ่าเมี่ยเซิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!