Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 23

Cover Renegade Immortal 1

23. เมฆาทั้งสิบ

หวังหลินปรือตาขึ้น เขาไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน มองออกไปนอกหน้าต่างก็ยังพบแต่ความมืดสงัด ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงแล้วลองขยับตัวไปมา ไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ จากนั้นจึงหาชามหินใต้เตียง แล้วพบว่าน้ำในนั้นได้เลือนหายไปหมดสิ้น เขาหยิบลูกปัดขึ้นมาดูใกล้ๆ แล้วก็สังเกตเห็น ด้วยความรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบกับลายเมฆทั้งสิบ ในที่สุดก็ปรากฎขึ้น

หวังหลินเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขามองไปที่ลูกปัดจากนั้นวิ่งออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว เขาออกไปเก้บน้ำแร่ธรรมชาติก่อนจะวิ่งกลับมา วางหินลูกปัดแช่ไว้ในน้ำแร่และผสมเข้าด้วยกัน

หนนี้เขาจึงลอง จิบน้ำที่แช่ลูกปัด แล้วรอเวลาไปครู่หนึ่ง ทว่ามันก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากที่เคย เขามองลูกปัดอย่างงุนงงอยู่นาน แล้วจึงลองนำเข้าปาก แต่มันก็ยังคงแข็งและเคี้ยวไม่ได้อยู่ดี

เขาหยดเลือดตัวเองบนลูกปัดแต่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนอยู่ดี

แล้วก็ไม่เต็มใจ เขาหยิบชามหิน พร้อมนำมันมาทุบลูกปัด เขาคิดว่าที่ครั้งนี้ลูกปัดมีลายเมฆขึ้นมาสิบก้อน มันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ได้

ตึง!..ตึง!..ตึง!..จนชามหินแตก มือของหวังหลินถึงกับชา ทว่าลูกปัดกลับไร้ซึ่งร่องรอยของความเสียหาย

ทดลองจนหมด ลูกปัดก็ยังคงไม่แสดงอะไรที่มันต่างจากเดิม ทั้งที่เมฆขึ้นมาถึงสิบลายแล้วแท้ๆ หวังหลินรู้สึกปลงตกที่เสียน้ำเต้าไปถึงสองขวดเต็มๆและเริ่มโมโหจึงปาลูกปัดทิ้งออกไปอีกทางหนึ่ง

จากนั้นแม้เขาจะไม่อภัยให้มันแต่เขาก็หยิบเจ้าลูกปัดขึ้นมา หลังจากจ้องมันอยู่ชั่วครู่เขาก็เริ่มรู้สึกง่วงกะทันหันจนแทบจะสลบไป เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำไมถึงรู้สึกง่วงนอนได้ขนาดนี้กัน? ชายหนุ่มขยี้ตา แล้วจ้องมองมันต่อ

เขาเริ่มง่วงมากขึ้นอย่างช้าๆ หินลูกปัดกลายเป็นเบลอและมัวมากขึ้นเรื่อยๆในที่สุดก็พลอยตกลงบนพื้นขณะที่หวัวหลินยังถือมันไว้ในมือ

จากนั้นเขาฝันขึ้น ในความฝันเขามาถึงในสถานที่อันกว้างใหญ่ ที่นั่นไม่มีดวงอาทิตย์ พระจันทร์หรือหมู่ดาว แต่มีแสงสว่างอันโชติช่วงจำนวนมากอยู่ประปรายแทน แม้จะรู้สึกว่ามันคือห้วงของความฝัน แต่ทัศนียภาพของเขากลับแจ่มแจ้งจนเด่นชัด ตัวเขายังประหลาดใจอยู่เลยว่าที่นี่คือฝันแน่รึเปล่า

ถึงกระนั้นหวังหลินก็ไม่ได้รู้สึกมีอะไรผิดแปลกบนร่างกายเขาที่นี่ เขายอมรับว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่ ทว่ากลับกันก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไรจึงจะตื่นขึ้นได้ ในความมืดทั้งแปดด้านนี้เขาจึงเดินไปรอบๆ มันเป็นสถานที่อันไร้ขอบเขต ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บแรงเท้าไปอยู่พักใหญ่

หลังจากไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหน เขาก็รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก รอบด้านสั่นสะเทือนราวกับกำลังเขย่า มันเป็นความรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะถูกฉีกออกจากกันเป็นส่วนๆ หอบหายใจแรง แล้วชายหนุ่มก็โพลงตาขึ้นทันที

กวาดมองไปรอบจึงพบว่านี่คือห้องของเขาเอง หวังหลินหายใจเข้าลึกๆพลางปาดเหงื่อบนใบหน้า ทบทวนคิดถึงฝันแปลกๆและสิ่งที่ทำให้เขาตื่นขึ้น ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นก้อนเมฆทั้งสิบซึ่งควรอยู่บนลูกปัด ยามนี้ได้จางหายโดยสมบูรณ์และกลายเป็นตัวอักษรขนาดเล็กจำนวนมากเข้ามาแทนที่

“นี่มัน..” หวังหลินหยิบมันเข้ามาดูใกล้ๆอย่างระมัดระวัง ลักษณะตัวอักษรนั้นคดงอ ค่อนข้างต่างจากทั่วๆไป เขารักการอ่านมาตั้งแต่วัยเด็ก ฉะนั้นจึงสามารถจดจำตัวอักษรได้หลายรูปแบบ เขาขบคิดและเปรียบเทียบมันกับตัวหนังสือหลากหลายประเภทอยู่นาน จึงทราบโดยกึ่งหนึ่งแบบไม่ชัดเจนนัก

“เจ้าพวกนี้น่าจะเป็นตัวเลข..แต่ดูไม่สมเหตุสมผลเลยแฮะ” หวังหลินพึมพำขณะถือลูกปัด ตอนนั้นเองในหัวจึงแล่นวาบ เขานึกถึงเรื่องในฝันแปลกประหลาด

“หรือว่าฝันนั่นกับเจ้าลูกปัดมันจะเกี่ยวข้องกัน?” หวังหลินเปรย เขาทิ้งตัวลงกับเตียงและพยายามข่มตาหลับ ทว่าเขาก็ยังรู้สึกตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าอยู่ ซึ่งในสภาพนี้ยังไงก็คงไม่สามารถหลับได้ลงแน่

หวังหลินจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เขาหลับลงไปมาจากที่เขาจ้องลูกปัดนั่น ฉะนั้นเขาจึงเริ่มเพ่งมองลูกปัด ทีละน้อย เขาก็รู้สึกสะลึมสะลือแล้วดวงตาจึงเริ่มล้าๆ ไม่นานเขาก็สิ้นสติสัมปชัญญะและตาก็หรี่ลงจนปิดสนิท

เขาพบพื้นโล่งอันไร้ขอบเขตอีกครั้ง หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น หนนี้เขาไม่ได้เดินไปรอบๆอีก หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง เขาจึงเริ่มเดินวน กระโดดและนั่ง วนสลับไปมา

เมื่อเวลาผ่านไป ความสูงในการกระโดดของเขาก็เพิ่มขึ้น แรกเริ่มเขาโดดได้ครึ่งเมตร ทว่ายามนี้กลับกลายเป็นสูงเกินหนึ่งเมตร หลังจากร่างกายเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย ความรู้สึกถูกกระชากก็กลับมาอีกครั้ง

จากนั้นจึงตื่นขึ้น

จังหวะที่เขาตื่น หวังหลินลุกจากเตียง แล้วเริ่มลองกระโดดสูงดู เขากระโจนขึ้นสูงแล้วพบว่าระดับความสูงนั้นเทียบเท่ากับในฝันแทบไม่ต่างกัน

ในตอนนั้น ดวงตาก็วาวโรจน์ เขาแสดงสีหน้าถึงความดีใจ หายใจเข้าลึกๆ พลางควบคุมความตื่นเต้น โดยเดินไปรอบห้องแล้วเก็บสีหน้าเอาไว้ พร้อมกับครุ่นคิดถึงปัญหาบางส่วนแล้วก็กระจ่าง เหงื่อกาฬนั้นผุดขึ้นเต็มหน้าผากแล้วไหลหยดลงกับพื้น

“ถ้าเราแค่ออกกำลังในฝันได้ งั้นมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะเราเองก็สามารถออกกำลังกายในความจริงได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฝันเพื่อทำแบบนั้นซักหน่อย” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง

“นี่มันไม่น่าจะถูก ลูกปัดมันดูดน้ำไปตั้งเยอะจนเมฆโผล่ออกมาถึงสิบก้อน มันไม่น่าจะไร้ประโยชน์แค่นี้แน่ มันอาจจะใช้ทำอย่างอื่นได้อีก ต้องมีแน่! แต่ที่ว่านั่นมันคืออะไรกัน?” หวังหลินคิดอย่างบ้าคลั่ง จนลืมเลือนสิ่งรอบข้าง แล้วทิ้งตัวเองลงสู่ห้วงภวังค์

“มันน่าจะเป็น..” เขาหยุดคิดเรื่องอื่น ในหัวของเขาเหมือนได้จับความคิดหนึ่งได้ แล้วถามกับตัวเอง “มันอาจจะเป็นเวลา?”

หลังคิดได้เช่นนั้นเขาก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีกต่อไป เขาตื่นเต้นจนอยากจะแผดร้องออกมาให้สุดเสียง กำหมัดแน่น พร้อมสั่นระริกไปทั้งตัวพลางจ้องลูกปัด

“ถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องเวลาจริงล่ะก็ งั้น..ตัวเรา..ข้าไท้จูคนนี้แม้จะไร้พรสวรรค์แต่ก็สามารถกลายเป็นเซียนได้!” หวังหลินหายใจถี่รัว แล้วจึงค่อยผ่อนหายใจช้าๆกลับมาดังเดิม ไม่มีคำใดจะเอ่ย เขารีบกลับไปไขตะเกียงจากนั้นจึงเติมน้ำมันลงไป นำลูกปัดขึ้นถือไว้ก่อนจะคำนวณเรื่องช่วงเวลาในใจ

ประมาณห้าชั่วโมง น้ำมันในตะเกียงถึงจะหมด

หวังหลินเติมน้ำมันใหม่ ในขณะถือลูกปัด แล้วกลับเข้าสู่ความฝันอีกครั้ง

คราวนี้เขาไม่ได้กระโดด ที่ทำแทนคือการนั่งลงบนพื้นแล้วนับเลขเพื่อคำนวณเวลา

หนึ่งชั่วโมง ห้าชั่วโมง สิบชั่วโมง ยี่สิบชั่วโมง สามสิบห้าชั่วโมง ห้าสิบชั่วโมง!

อาการเจ็บราวกับถูกฉีกกระชากปรากฏ หวังหลินเปิดตาขึ้นแล้วมองตะเกียงที่ดับมอดไป

“เวลาสิบเท่า เวลาในความฝันมีสิบเท่าของเวลาแห่งความจริง!” หวังหลินลุกขึ้นพรวด มือกำลูกปัดปริศนาไว้แน่น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกมั่นใจเหมือนสำเร็จการฝึกเซียนของตัวเอง

ในขณะนั้น เวลาก็เข้าช่วงสาย หวังหลินควบคุมความตื่นเต้นไว้ในใจ ไม่สามารถใช้ลูกปัดได้ ชายหนุ่มเข้าใจดี ว่าถ้าใช้ลูกปัดในช่วงกลางวันนี้เขาอาจจะถูกพบได้โดยบังเอิญ ถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเขาคงไม่สามารถรักษามันไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงนำมันเก็บลงเข้าช่องกระเป๋าถือ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!