68. อสูรร้าย
จางขวงส่ายหัวและพูดขึ้น “พี่ใหญ่ ทั้งสำนักซวนต้าวมีเพียงเราสองคนที่รู้เรื่องนี้ ข้าไม่ได้บอกคนอื่นเลย”
สายตาโจวเผิงหรี่แคบ เขาจับคอจางขวงและตะโกนขึ้น “จางขวง เจ้ากำลังโกหก!”
จางขวงไม่กล้าโต้ตอบใบหน้าเขาขึ้นสีแดงเมื่อเห็นจิตสังหารในดวงตาโจวเผิง เขากัดฟันและพูดขึ้น “พี่ใหญ่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านใช้วิชาค้นหาวิญญาณกับข้าได้เลยสิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงแน่นอน ข้าไม่ได้บอกคนอื่นเลย”
ดวงตาโจวเผิงสว่างขึ้น “ตอนนี้ข้าจะเชื่อเจ้าก่อนไปจับครอบครัวหวังหลินและฆ่าพวกมันซะข้าสามารถปรับแต่งวิญญาณพวกมันเป็นธงวิญญาณเพื่อเอาไว้ใช้ค้นหาหวัหลินจากนั้นก็ใช้วิญญาณครอบครัวมันโจมตีหวังหลินเว้นแต่มันจะอยู่ขั้นสร้างลำต้น ไม่เช่นนั้นวิญญาณมันจะแตกสลายแน่นอน”
ร่างจางขวงสั่นสะท้าน เขาไม่เคยได้ยินวิชาเซียนที่โหดร้ายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงครุ่นคิดเล็กน้อย
ดวงตาโจวเผิงหรี่แคบและตะโกนขึ้น “ไปได้แล้ว!”
จางขวงกัดฟันกรอดและวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน
สายตาของหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหารนี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องการจะฆ่าใครสักคนจริงๆ ซือถูหนานตะโกนขึ้นทันที “ใช่แล้ว! ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่ามันให้หมดด! ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไปแต่ถ้าเจ้าแข็งแกร่งพอเจ้าก็ควรจะฆ่าเส้นทางพวกสำนักซวนต้าวและฆ่าพวกมันให้หมดเมื่อก่อนข้าก็รักที่จะทำแบบนี้นั่นแหละ”
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินมีความคิดไม่ตรงกันข้ามกันซือถูหนาน เขาเคลื่อนไหวและไล่ตามหลังจางขวง
จางขวงก้าวช้าลงจนหยุดในที่สุด แต่ยังไม่จบ เขาสูดหายใจลึกจนมีความหนักแน่นมากขึ้น จากนั้นก็เคลื่อนไหวรวดเร็วไปทางหมู่บ้าน
ในขณะนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาหันศีรษะกลับมาและเห็นหวังหลินติดตามเขาราวกับผี
จางขวงก้าวถอยหลังและฝืนยิ้มขึ้น “พี่ใหญ่ ท่าน…ท่าน…”
หวังหลินเงียบเสียง ลงเหลือแต่เพียงรอยยิ้มเยือกเย็น
“พี่ใหญ่ ข้า…” เมื่อจางขวงเห็นการแสดงออกของหวังหลินหัวใจเขาหยุดเต้นชั่วครู่และจากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังขณะที่มือวางอยู่บนกระเป๋าถือ
“จางขวง เจ้าไม่ได้กำลังมองหาบ้านข้าอยู่หรือ? มันอยู่ตรงนั้นไง” หวังหลินชี้ไปทางบ้านของตัวเอง
หัวใจจางขวงเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งเขาล้มลงคุกเข่ากับพื้นด้วยใบหน้าละอายใจ “พี่ใหญ่ข้าผิดไปแล้วมันเป็นความผิดของโจวเผิง มันบังคับข้าให้มาที่นี่ ข้า…” ขณะเดียวกันเขาหยิบเศษหยกออกมาและโยนไปบนอากาศด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เศษหยกกลายร่างเป็นกระบี่เหินและพุ่งเข้าหาหวังหลินจางขวงรีบเริ่มร่ายบทสวดเมื่อเขาหยิบไม้ดำออกมาหลายชิ้นไม้ดำพวกนั้นรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นแส้เส้นหนึ่ง
ขณะที่แส้ปรากฎขึ้น มันปลดปล่อยกลิ่นอายอันตราย จางขวงโยนแส้ไปหาหวังหลิน โดยไม่รอดูผลลัพธ์ เขาก็วิ่งหนีห่างออกไป
หวังหลินเผยแววเยาะเย้ย เขากระตุ้นวิชาแรงโน้มถ่วงของเขาจากนั้นก็เคลื่อนกายไปด้านข้างส่งมือล่องหนออกไปหนึ่งในนั้นจับกระบี่และอีกข้างพุ่งเข้าหาจางขวงจางขวงรู้สึกเจ็บปวดรอบคอตัวเองราวกับมีมือแน่นหนาจับไว้ ใบหน้าขึ้นสีม่วงจางขวงปลดปล่อยวิชาเซียนที่ผนึกจากฝ่ามือเข้าหาคอตัวเอง
สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร เสียงดังแคร๊กคอจางขวงโก่งงอและสายตามีแต่ความสิ้นหวังเลือดกระอักไหลออกมาจากปากและหลังจากที่หวังหลินถอนวิชาแรงโน้มถ่วงออกมาร่างเขาก็หล่นไปบนพื้นร่างกายบิดเบี้ยวเล็กน้อยก่อนที่ในสุดท้ายจะไม่มีแรงอีกต่อไป
ขณะที่จางขวงตาย กระบี่เหินสั่นสะท้านและกลับร่างเป็นเศษหยก หวังหลินจับเศษหยกบนอากาศได้ทัน
ส่วนแส้ดำนั้นเมื่อสูญเสียการควบคุมก็กลับกลายเป็นไม้ดำหลายชิ้นเหมือนเดิมหวังหลินเก็บทั้งหมดนั้นกลับลงไปด้วย หลังจากหยิบกระเป๋าของจางขวงไว้ได้เขาก็ใช้วิชาบอลอัคคีเพื่อเผาร่างจากนั้นมุ่งหน้าไปหาที่โจวเผิงอยู่อย่างรวดเร็ว
โจวเผิงรออยู่ครึ่งวัน เขาลอบสาปแช่งจางขวงในใจว่าทำไมช้านักเขากำลังจะสอดส่องดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเขารู้สึกว่ามีพลังปราณผันผวนเกิดขึ้นจากหมู่บ้าน แค่กำลังจะออกไปตรวจสอบเขาก็รู้สึกถึงจิตสังหารอันหนึ่งพุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
โจวเผิงตกใจ เขาตะโกนขึ้น “ใครฆ่าจางขวงกัน? พลังชีวิตของมันหายไปนั่นแปลว่ามันตายแล้ว” ก่อนที่จะได้คิดอะไรอื่นหวังปลินก็ปรากฎในระยะสายตา
ใบหน้าโจวเผิงเปลี่ยนเป็นตาโต โดยไร้คำพูดเขาหันหน้าและวิ่งหนีออกไปลอบสาปแช่งในใจ ‘จางขวงเอ้ยจางขวงงงงง แกกำลังจะทำให้ข้าถูกฆ่า!ไอ้หวังหลินมันกลับมาที่นี่ได้ยังไงกัน?’
สายตาหวังหลินเย็นเฉียบ เขาตั้งใจจะสังหารโจวเผิงแน่นอน จึงห่อหุ้มตัวเองด้วยวิชาแรงโน้มถ่วงและไล่ล่าตามหลังโจวเผิง
โจวเผิงไม่ได้หันหน้ากลับมา เขาหยิบกระบี่เหินและมุ่งหน้าไปทางยอดเขาเหิงยั่ว
“เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้!” น้ำเสียงหวังหลินดังเข้าโสตประสาทของโจวเผิงราวกับภูตผี เส้นผมตั้งชูขึ้นเขาตัวสั่นและหวาดกลัวหวังหลินที่กำลังใกล้เข้ามา จึงตะโกนอย่างสิ้นคิด “หวังหลิน ไม่มีเรื่องแค้นระหว่างเราสองคน เจ้ากำลังทำอะไร?!”
หวังหลินยิ้มเยือกเย็น “ไม่มีความแค้นระหว่างเราหรือ? เจ้ารู้ตัวเองดีโจวเผิง วันนี้เจ้าต้องตาย!”
โจวเผิงครางในใจ เขากัดฟันและบังคับกระบี่เหินให้ถึงขีดจำกัดพลางคิด ‘ตราบใดที่ข้าถึงสำนัก ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็ไม่อาจสังหารข้าได้’
ดวงตาหวังหลินเจิดจ้า เขากระตุ้นวิชาแรงโน้มถ่วงและจับเข้าหาโจวเผิงโจวเผิงมีวิชาหัตถ์จับมังกรเพื่อต่อต้านเวลานี้ได้ทุกครั้งเมื่อใช้วิชาหัตถ์จับมังกรออกมาเขาก็เหาะลงไปใกล้กับพื้นดินและหลบวิชาเขาได้เป็นส่วนใหญ่ร่างกายจึงปลอดภัยแต่กระบี่ถูกโจมตีมุนคว้างหนึ่งรอบก่อนจะทรงตัวกลับคืนดังเดิม
ใบหน้าโจวเผิงมืดหม่น กระบี่เหินของเขาไม่หยุดเช่นเดียวกับที่เขาหนีอย่างต่อเนื่อง
หวังหลินเริ่มเคร่งเครียด วิชาแรงโน้มถ่วงของเขามีระยะที่แน่นอนเมื่อผ่านสิ่งของไปความแข็งแกร่งจะลดลงไปอย่างมาก จึงเร่ิมเป็นกังวลขึ้น
เขาอาจจะจับโจวเผิงไม่ได้ก่อนที่มันจะกลับไปถึงสำนักหวังหลินรู้ว่าเขาไม่ควรปล่อยให้โจวเผิงหนีไปเนื่องจากไม่แค่เขาจะตกอยู่ในอันตรายแต่ครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน
เขารีบพูดกับซือถูหนานทันที “อาวุโสซือถู มีทางไหนที่ข้าจะจับเขาได้ทันทีไหม?”
ซือถูหนานพูดอย่างใจเย็น “มี..เพียงแต่..”
หวังหลินขมวดคิ้วและพูดทันที “หากโจวเผิงหนีไปได้จากนั้นข้าต้องนำครอบครัวข้าหนีไปด้วยเรื่องการฝึกเซียนข้าคงจะยอมแพ้และอยู่อย่างมนุษย์ปกติ”
ซือถูหนานรีบพูดทันที “เจ้าจะรีบไปไหน? ข้าแค่พูดช้านิดหน่อยถ้าเป็นข้าเมื่อก่อน ข้าคงจะฆ่ามันด้วยการตบหนึ่งฉาดเช่นศิษย์ไม่เคารพแล้ว”
“ศิษย์อะไรนะ? ท่านผายลมหรือ? รีบเข้า!” หวังหลินเริ่มกระวนกระวายมากขึ้น เขาแม้แต่สูญเสียน้ำเสียงที่เคารพ