92. สำนักซากศพ (1)
หวังหลินหัวเราะ เขาไม่รู้สึกเป็นศัตรูกับร่างประหลาดสีฟ้าคนนี้อีกแล้วเขารู้สึกราวกับร่างกายตั้งตรง ดังนั้นจึงพุ่งเข้าหารวดเร็วราวกับกระต่าย
ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อร่างประหลาดสีฟ้านั้นเห็นหวังหลินพุ่งเข้ามาหาเขาสายตาเขาจ้องไปที่หวังหลินพร้อมจะปะทะทว่าเขาหัวเราะออกมาเมื่อสังเกตเห็นว่าหวังหลินไม่ได้ใช้กระบี่เขียวจึงหยุดร่างลงลืมเหตุผลแรกที่เข้ามาที่นี่อย่างสิ้นเชิงและเตรียมพร้อมต่อสู้โดยไม่ลังเล เขาฉีกยันต์เซียนออกมาหนึ่งอัน มันปลดปล่อยควันสีฟ้าควันนั้นดูดเข้าไปในร่างกายและกลิ่นอายเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
สายตาเผยแววเคร่งเครียดขณะที่ปล่อยคำพูดออกมาไม่กี่ประโยคด้วยภาษาประหลาด ราวกับกำลังพยายามบอกอะไรสักอย่างกับหวังหลิน
หวังหลินรู้ว่ายันต์เซียนบนร่างสีฟ้านั้นประหลาดมากตอนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากหวังหลิน เพียงแค่ยันต์เซียนใบเดียวร่างสีฟ้านั้นก็ฟื้นฟูจนหายเป็นปลิดทิ้งหลังจากตอนนั้นหวังหลินก็เริ่มจะอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นกับยันต์เซียนนั้น
ร่างสีฟ้านั้นฉีกยันต์เซียนสีเหลืองออกอีกอันและความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันที
หวังหลินกวาดแขนขึ้น พลังวิญญาณโคจรเป็นวงกลมผ่านร่างกายเขาและกลิ่นอายได้เปลี่ยนไป
เศษพลังสีฟ้าได้ลอยรอบตัวเขา กลิ่นอายรอบๆร่างและใบหน้ากลายเป็นสงบนิ่งและเยือกเย็นขึ้น
สายตาร่างประหลาดเรืองแสงขึ้นเขาเปิดปากและปล่อยคำพูดหนึ่งคำที่หวังหลินเข้าใจ “แข็งแกร่ง!” ด้วยเช่นนั้นเขากำหมัดขึ้นหมัดนั้นส่องแสงและขยายใหญ่ขึ้นขณะที่ชกมาที่หวังหลิน
สายตาหวังหลินสว่างวาบพลังปราณหยินในร่างกายปล่อยออกมาและสร้างเป็นหมัดหนึ่งชนเข้ากับหมัดของร่างประหลาดนั้นกลางอากาศจังหวะที่ปะทะกันนั้น ร่างสีฟ้าได้ร่ายท่วงท่าประหลาดออกมาเขายืนเท้าเดียวบนพื้นขณะที่พิงไปทางซ้ายและเริ่มหายใจด้วยรูปแบบที่แตกต่างไปทันใดนั้นสายลมหอบหนึ่งได้พัดรอบๆตัวเขาที่เป็นจุดศูนย์กลางก้อนหินใกล้ๆทั้งหมดได้ลอยขึ้น สร้างเป็นพื้นที่พิเศษรอบตัวเขา
ใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนเป็นสีแดงกำขณะที่เขาถอยหลังออกมาสามก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจและจ้องร่างสีฟ้านั้นไปด้วย
ร่างประหลาดนั้นตกใจมากกว่าหวังหลินเขารู้สึกได้ชัดว่าพลังปราณหยินอันแปลกประหลาดกำลังเข้ามาในร่างเขาผ่านหมัดของหวังหลินพลังงานเย็นได้ปลดปล่อยออกมาผ่านร่างกายด้วยคลื่นแห่งความหนาวเหน็บรุนแรง
หากว่าเขาไม่มีสัญลักษณ์ประหลาดทั้งหมดนั่นบนร่างกายที่ช่วยให้ทนพลังงานเย็นนี้ได้ร่างทั้งร่างของเขาก็คงกลายเป็นผลึกแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว
มองจากมือขวาที่ถูกแช่แข็งไปเรียบร้อยเขาตกใจมากกว่าที่พบว่ากล้ามเนื้อและกระดูกทั้งหมดบนมือขวากลายเป็นน้ำแข็งไปแล้วเขามองดูหวังหลินด้วยใบหน้าซีดเผือดและพูดอีกคำหนึ่งที่หวังหลินเข้าใจได้ “จวี่?”
หวังหลินไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าจวี่หมายถึงอะไร หวังหลินจึงส่ายหัวขึ้น
ร่างสีฟ้านั้นตกตะลึงเขาฉีกยันต์เซียนออกมาอีกอันขณะที่ควันสีเขียวและขาวปรากฎขึ้นหลังจากควันหายไป มือข้างขวาก็หายเป็นปกติแต่หวังหลินเห็นได้ว่าแขนเขากำลังสั่น
เขามองไปที่หวังหลินและปล่อยลมเย็นออกมาร่างสีฟ้าพูดอะไรไม่รู้อยู่พักหนึ่งจนในที่สุดก็จากไปหวังหลินมองร่างประหลาดนั้นจนเขาหายลับจากนั้นก็นั่งลงเพื่อรื้อฟื้นการต่อสู้
พลังหมัดของร่างสีฟ้านั้นช่างประหลาดเกินไป มันไม่เหมือนกับพลังปราณแต่เป็นพลังงานชนิดอื่น
“แข็งแกร่ง?” เขาจดจำคำพูดที่ร่างสีฟ้าตะโกนขึ้นมาได้ก่อนจะชกหมัดออกมาหากข้ามพลังแปลกๆที่ร่างสีฟ้าชกออกมาหวังหลินรู้สึกมีความสุขมากกับพลังของปราณหยินของเขาเขาตั้งชื่อชนิดพลังปราณหยินที่เปลี่ยนโครงสร้างนี้ได้ว่า “พลังปราณจวี่หยาน”
“จวี่?” อีกหนึ่งคำที่ร่างประหลาดพูดขึ้นมาหลังจากเห็นพลังเขา
หวังหลินพึมพำกับตัวเอง “เมื่อข้าได้ถึงขั้นห้าของวิถีเซียนนรก มันก็ถึงเวลาที่จะต้องจากไป”
“ข้าต้องหาตำแหน่งพลังหยินปฐพีที่แข็งแกร่ง ข้าต้องทำให้ได้!” หวังหลินรู้ว่าเขาต้องหาพลังหยินเข้มเข้นรุนแรงเนื่องจากต้องทะลวงขั้นที่สูงขึ้นเขาจึงต้องการพลังหยินที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิม
แม้ว่าซากปรักหักพังนี้จะมีพลังงานหยินคุณภาพหนาแน่นเขารู้ได้ว่าพลังงานหยินที่นี้คุณภาพประมาณหนาแน่นอันดับ 10 กระทั่งอาจจะถึงคุณภาพหนาแน่นพิเศษอันดับ 1
พูดได้ว่าเหล่าพลังงานหยินสวรรค์ ปฐพี ลึกลับ และนรกนั้นความแตกต่างระหว่างพลังงานหยินลึกลับ และพลังงานหยินนรกไม่ได้ใหญ่มากแต่ความแตกต่างระหว่างปฐพีและสวรรค์นั้นมหาศาลพลังงานหยินปฐพีคุณภาพดีอันดับ 1 เทียบเท่ากับพลังงานหยินลึกลับหรือนรกคุณภาพดีเยี่ยมอันดับ 1
ส่วนพลังงานหยินสวรรค์เพียงแค่คุณภาพธรรมดาอันดับ 1 เทียบเท่ากับพลังงานหยินลึกลับหรือนรกคุณภาพดีเยี่ยมอันดับ 1
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขายกศีรษะขึ้นและเห็นร่างสีฟ้ากำลังกลับมาหลังจากร่างนั้นกลับมาถึง เขาทำท่าทางให้กับหวังหลินชั่วครู่ร่างสีฟ้าชี้ไปรอบๆ สูดหายใจลึกขณะส่ายหัวไปมา
จากนั้นเขาชี้ไปที่หวังหลิน ขี้ไปที่ตัวเองและทำท่าทางมากมายหวังหลินเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่ร่างสีฟ้านี้ต้องการดูเหมือนว่าเขาต้องการให้หวังหลินติดตามไปด้วย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหวังหลินจึงพยักหน้าตกลง
ร่างสีฟ้าเคลื่อนอย่างรวดเร็ว เขาคุ้นเคยกับพื้นที่รอบๆและหลบหลีกหลุมทั้งหมดในบึงอย่างคล่องแคล่ว
ร่างประหลาดนั้นเข้าไปในรอยแยกบนพื้นและเข้าไปในอุโมงใต้ผืนดินหลังจากนั้นชั่วครู่หวังหลินก็ตกตะลึงเมื่อพวกเขาผ่านพื้นที่บึงกว้างใหญ่อย่างรวดเร็ว
สองวันผ่านไป ทั้งสองร่างก็ได้มาถึงมุมร่างของซากปรักหักพัง ระหว่างสองวันนี้ทั้งคู่ได้หยุดพักเพียงครั้งเดียว
หลังจากมาถึง หวังหลินสังเกตหอคอยอันสมบูรณ์ใกล้ๆ บนยอดหอคอยนั้นมีหินลูกปัดที่ความกว้างเกือบสองเมตร
สายตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นลูกปัดนี้แทบจะเหมือนกับลูกปัดอันเดียวกันกับซากปรักหักพังข้างนอกร่างสีฟ้าไม่ได้หยุดลงและปืนขึ้นไปบนยอดหอคอยเขาสร้างผนึกไม่กี่อันและสัมผัสบนหินลูกปัดลำแสงพุ่งออกมาจากหินลูกปัดมาที่ใจกลางซากปรักหักพัง
จากระยะไกล เสาลำแสงดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
หวังจากทำสิ่งพวกนั้น ร่างประหลาดก็กระโดดลงมา เขาชี้ไม้ชี้มือไปที่หวังหลินและทั้งคู่ก็ออกมาจากที่แห่งนั้น
เวลาได้ผ่านไปอีกครั้งหวังหลินติดตามร่างสีฟ้าจากหินลูกปัดหนึ่งไปอีกอันหนึ่งส่วนใหญ่แม้หอคอยจะหักพังไปแล้วแต่หินลูกปัดทั้งหมดยังอยู่สมบูรณ์ดีหมด
จากหนึ่งไปหนึ่ง หินลูกปัดเริ่มจะส่องแสงตรงไปใจกลางเมืองเมื่อเสร็จสิ้นหินลูกสุดท้ายนั่นก็เป็นครั้งแรกที่หวังหลินเห็นว่าทั้งเมืองเริ่มจะเปลี่ยนไป
ระหว่างทาง หวังหลินลอบคำนวณได้ว่ามีหินลูกปัดทั้งหมดแปดก้อน
ร่างประหลาดเหงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าและเผยใบหน้าวิตกกังวลทั้งสองคนรีบเร่งไปที่ใจกลางเมืองโดดยไม่หยุดพัก เวลาค่ำของวันที่สี่ทั้งสองมาก็ถึงด้านนอกของกลางเมือง
แสงของทั้งแปดเสารวมกันมาที่นี่ ร่างสีฟ้าหยุดลงและโค้งคำนับ สายตาเต็มไปด้วยความเคารพขณะที่ปล่อยเสียงร้องเพลงออกมา
ขณะที่น้ำเสียงเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆบนพื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่รูปปั้นสูงหนึ่งร้อยเมตรได้ผุดขึ้นมาจากพื้นรูปปั้นขึ้นมาได้ครึ่งทางก่อนจะหยุดลง
รูปปั้นนั้นเป็นชายหนุ่มผมยาว ดูแปลกตาสายตาเต็มไปด้วยปัญญาและมือกำลังถือหอยาวมองไปพื้นที่ห่างไกลรอบร่างกายถูกล้อมด้วยมังกรอ้าปากออกมาราวกับกำลังจะโจมตีเกล็ดมังกรนั้นดูมีรายละเอียดที่ดูสมจริงอย่างมาก
ลำแสงแปดเส้นรวมกันไปที่รูปปั้นและสายตาได้เปลี่ยนเป็นส่องสว่างขึ้นสว่างขึ้นเรื่อยๆหวังหลินรู้สึกราวกับร่างชายหนุ่มผมยาวนี้กำลังมีชีวิตเหมือนภาพลวงตา
หลังจากรูปปั้นปรากฎขึ้น สายตาของร่างสีฟ้าก็ยิ่งเคารพสูงขึ้น เขาผายมือไปที่หวังหลินและชี้ไปที่ปากของมังกรทันที
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย โดยไม่ต้องพูดเขากระโดดหลายครั้งและได้มาถึงจุดที่ใกล้กับหัวมังกรที่สุดขณะที่เขามาถึงตรงนี้เขารู้สึกว่าพลังหยินอันแข็งแกร่งกำลังผุดขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า
หวังหลินนั่งลงทันทีและผนึกเป็นแสงสีแดงออกมาแสงสีแดงนั้นแบ่งออกมาเป็นสี่เส้นทันทีและทั้งหมดก็ระเบิดขึ้นหวังหลินตกตะลึงเขารู้ว่านั่นหมายถึงพลังในสถานที่แห่งนี้ได้ถึงขีดจำกัดพลังงานหยินใต้ภิภพมันมีคุณภาพหนาแน่นพิเศษ
น่าประหลาดใจ เขาเริ่มฝึกฝนอย่างรวดเร็วและดูดซับพลังงานหยินถึงเช่นนั้นเวลานี้ระยะการดูดซับก็ไม่ได้ใหญ่มากและมีสมาธิได้เพียงไม่กี่เมตรรอบตัวเขาเท่านั้นมองจากระยะไกลจะดูเหมือนมีบอลแสงสีแดงปรากฎขึ้นและวนรอบหัวมังกรเท่านั้น
หวังหลินนั่งอยู่ตรงนี้ห้าวัน
ในห้าวันนี้ ร่างบุรุษสีฟ้าที่รออยู่ยิ่งกระวนกระวายขึ้นในแต่ละวันเขามองไปบนท้องฟ้าราวกับมีบางสิ่งบางอย่างถูกดึงดูดไปยันต์เซียนเก้าใบบนร่างกายเขาเคลื่อนไหวโดยไม่มีแรงลมเห็นได้ชัดว่าเขาสามารถนำมันออกมาเวลาไหนก็ได้
จุดฉีไห่ในที่สุดก็ได้เปิดขึ้นในวันที่สามและกลับเป็นภาพเหมือนเดิมในตอนเช้าวันที่ห้า ในที่สุดวิถีเซียนนรกขั้นที่ห้าก็สำเร็จ!
เพียงอีกก้าวเดียว เมื่อนั้นเขาจะสร้างแกนเย็นอันที่สองได้เมื่อใดที่สร้างได้สำเร็จเขาก็ไม่ต้องกลัวเซียนขั้นสร้างลำต้นขั้นปลายอีกต่อไปกระทั่งตอนนี้เขาก็ไม่ต้องกลัวเซียนขั้นสร้างลำต้นระดับกลางแล้วก็เถอะ
ขั้นต่อไป เขาพยายามยกระดับคุณภาพของพลังปราณหยินของเขาโดยการผสมพลังงานหยินคุณภาพหนาแน่นดีเยี่ยมเข้าด้วยกัน
ขณะที่หวังหลินกำลังควบคุมการหลอมเข้าด้วยกันนั้นเขาก็สังเกตพลังปราณของตัวเองไปด้วยสังเกตได้ว่าพลังปราณของเขาเริ่มจะเข้มขึ้นและเข้มขึ้นเรื่อยมันเปลี่ยนจากสีฟ้าไปสีฟ้าเข้ม
เขาไม่รู้ว่าพลังปราณของเขายิ่งเข้าใกล้สู่ขอบเขตจวี่อย่างมาก
ขณะเดียวกันนั้น โลกได้เปลี่ยนไปท้องฟ้ามืดครึ้มและเมฆได้เคลื่อนออกไปราวกับมีใครบางคนผลักพวกมันด้วยมือยักษ์หมอกสีดำรวมตัวเข้าด้วยกันจนมันกลายเป็นรูปร่างของโลงศพใบหนึ่ง
ร่างลวงตาปรากฎขึ้นอย่างช้าๆบนยอดของโลงศพ กายเนื้อกลายเป็นเด่นชัดอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงแหบพร่าดังออกมาจากบนท้องฟ้า
“เจ้าต้องการจะบอกว่าปรมาจารย์ขั้นผลิดอกได้ซ่อนอยู่ในรูปปั้นนี้หรือ?”
ใบหน้าบุรุษผิวสีฟ้าได้เปลี่ยนไปอย่างมาก