Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 108

Cover Renegade Immortal 1

108. สหายเก่า

ขณะที่เขาเดินออกมาจากในถ้ำหวังหลินมองรอบๆอย่างเย็นชาและเห็นคนร่วมร้อยคนนั้นแบ่งเป็นห้ากลุ่มพวกเขาทั้งหมดกำลังล้อมรอบชายหนุ่มคนหนึ่งบุรุษวัยกลางคนดินออกมาจากกลุ่มผู้คน เขาประสานทั้งสองมือและพูดขึ้น “น้องชายหลี่ซาน สำนักซวนต้าวของเจ้าก็มีอยู่หนึ่งสิทธิ์แล้วเจ้าต้องการอีกเยอะขึ้นทำไมกัน? หากเจ้ามอบมันมาพวกเราจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าอีกต่อไป”

ในกลุ่มเหล่าศิษย์ของหุบเขาหวู่เฟิง ศิษย์คนหนึ่งพ่นลมหายใจแรงและพูดขึ้น “หลี่ซาน ส่งตราสิทธิ์มาหรือเจ้าจะตายตรงนี้!”

คนที่คนกลุ่มนั้นล้อมรอบก็คือหลี่ซานคนที่หวังหลินเจอตอนที่กลับไปสำนักเหิงยั่วเขาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของสำนักซวนต้าวและเป็นเพียงศิษย์ขั้นรวบรวมลมปราณจากสำนักซวนต้าวหุบเขาจูหมิงเพียงจำกัดขั้นของผู้เข้าร่วมแต่ไม่จำกัดขั้นต่ำดังนั้นแม้จะมีศิษย์ขั้นรวบรวมลมปราณก็ยอมให้เข้ามาได้สำนักส่วนใหญ่จะไม่ส่งศิษย์ขั้นรวบรวมลมปราณออกมาแน่ๆ

หลี่ซานเข้ามาที่นี่ได้เพราะว่าเขาสร้างเม็ดยาปลอมตัวได้อย่างดีเยี่ยมและยังเป็นปรมาจารย์ด้านการลอบโจมตีอีกด้วย

ด้วยความสามารถพวกนี้ พั่วหนานจื่อจึงแหกกฎและให้เขาเข้าไปได้พั่วหนานจื่อทั้งได้ให้สมบัติเซียนที่ทำให้คนไม่สามารถตรวจสอบเขาได้ข้อเสียของสมบัติชิ้นนี้คือยิ่งเขาใช้มันผลลัพธ์ก็ยิ่งน้อยลง

หลี่ซานมีทักษะบางอย่างจริงๆต้องขอบคุณการป้องกันของเหล่าสหายศิษย์ของเขาจึงสามารถขโมยของบางอย่างระหว่างประลองได้นั่นรวมถึงป้ายสิทธิ์ทั้งสองชิ้นด้วย

รวมกันที่สำนักซวนต้าวได้มา พวกเขาจึงถือป้ายสิทธิ์อยู่สามชิ้นตอนนี้

สำนักที่เสียป้ายสิทธิ์ของตนได้พยายามโจมตีไม่หยุดพักเพื่อหวังหว่าจะได้ป้ายคืน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้มากมายมาก่อนหน้านี้

แต่เพราะว่าหลี่ซานเป็นคนโลภมาก หลังจากเขาเข้ามาในหุบเขาจูหมิงทุกครั้งที่เขาเห็นใครสักคนเขาจะใช้สมบัติเซียนเพื่อซ่อนพลังชีวิตและขโมยของมาขณะที่เขาใช้มันมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆสมบัติเซียนก็สูญเสียคุณสมบัติไปอย่างมากและเมื่อเขากำลังขโมยป้ายสิทธิ์ชิ้นที่สี่สมบัติเซียนก็ได้สูญเสียประสิทธิภาพไปหมดแล้วเขาถูกพบเจอทันทีแต่ศิษย์สำนักซวนต้าวตอบสนองได้เร็วพอที่จะช่วยชีวิตเขาเมื่อข่าวแพร่กระจายออกไปสำนักทั้งหมดที่สูญเสียป้ายสิทธิ์ได้หยุดสู้กันและพุ่งมาพื้นที่รวมตัวของสำนักซวนต้าวอย่างรวดเร็ว

เหล่าศิษย์ของสำนักซวนต้าวต่างถูกขังไว้ที่นั่นดังนั้นเขาจึงลอบหนีออกมาโดยใช้อุโมงค์ที่ขุดไว้ล่วงหน้าทว่าเขาไม่คาดคิดว่าจะถูกค้นพบและบังคับให้หนีไปขณะที่ออกมาจากอุโมงค์

เขาเพียงวิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวเมื่อหันหลังกลับมาพบกับแสงกระบี่มากกว่าร้อยเล่มตามล่าด้านหลังเขาหลี่ซานแทบจะลงไปทรุดกับพื้นนั่นก็เพราะคนพวกนั้นทุกคนอยู่ที่ขั้นสร้างลำต้นกันทั้งนั้น

และนี่คือสถานการณ์ที่เขาแสดงออกมา หลี่ซานคุกเข่าและโยนป้ายสิทธิ์สองอันลงกับพื้นโดยไม่ลังเล

รอบด้านเงียบกริบสำนักทั้งสองที่สูญเสียป้ายสิทธิ์ได้มีผู้คนจำนวนมากพุ่งออกมาปะทะกันแต่สำนักอื่นเพียงแค่ปล่อยให้เขาเอาป้ายสิทธิ์กลับไปได้เช่นไร? ดังนั้นจึงได้ส่งคนออกมาเพื่อคุมเชิง

สายตาหวังหลินหรี่เล็กขณะที่จ้องบนป้ายทั้งสองบนพื้นเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปทางป้ายสิทธิ์มีบางคนสังเกตเขาที่กำลังเข้ามาได้และต้องการจะหยุดแต่หวังหลินกระตุ้นวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงและโยนคนนั้นออกไปไกลๆ

หลังจากก้าวไม่กี่ครั้ง หวังหลินก็เกือบถึงป้ายสิทธิ์แล้ว

ทั้งสองกลุ่มที่กำลังสู้กันอยู่ในที่สุดก็สังเกตเห็นหวังหลินเหล่าผู้คนที่รายงานข่าวที่เกิดขึ้นในหุบเขาจูหมิงกลับจดจำหวังหลินได้ทั้งหมดลอบคร่ำครวญแต่หยุดกึกและไม่กล้าเคลื่อนไหวไปข้างหน้า

ทว่ายังมีเหล่าเซียนที่เพียงแค่ได้ยินเรื่องหวังหลินแต่ไม่เคยเห็นเขาดังนั้นจึงได้พุ่งเข้าหาโดยไม่ลังเลสายตาหวังหลินหรี่ขึ้นและทันใดนั้นกระบี่สีเขียวเล็กปรากฎออกมาทันทีและเริ่มเป็นแสงกระพริบทุกครั้งที่กระบี่ส่องประกายเซียนหนึ่งคนจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งและตายทันที

หวังหลินลอบถอนหายใจเขาสังเกตมาหลายวันแล้วว่ามีบางสิ่งผิดพลาดกับกระบี่เหินของเขาตั้งแต่ที่พลังปราณเขาเปลี่ยนไปมันก็เริ่มควบคุมกระบี่ให้ได้ดั่งใจคิดยากขึ้นทว่าเมื่อเขาตั้งสมาธิควบคุมกระบี่มากขึ้นจะไม่มีปัญหาใดใด

ด้วยพลังของพลังปราณขอบเขตจวี่จะไม่มีเซียนขั้นสร้างลำต้นคนไหนจะขัดขวางเขาได้แม้แต่สมบัติเซียนที่เหล่าผู้อาวุโสให้พวกเขาทั้งหมดต่างมีพลังถดถอยเมื่อเผชิญหน้ากับพลังปราณขอบเขตจวี่

พูดได้ว่าเซียนขอบเขตจวี่ อาวุธที่ดีที่สุดของเขาก็คือขอบเขตจวี่

หวังหลินเดินไปอีกห้าก้าว ทุกก้าวจะมีเหล่าผู้คนตายภายใต้กระบี่เหินจากนั้นก็ค่อยๆมีคนน้อยลงและน้อยลงเรื่อยๆรอบตัวเขาขณะที่คนเกือบทั้งหมดได้ถอยห่างอย่างรวดเร็วไม่กล้าเคลื่อนไหวไปข้างหน้า

หวังหลินมาถึงด้านหน้าหลี่ซานได้ง่ายๆหลี่ซานกลัวมากจนไม่กล้ายกศีรษะขึ้นหวังหลินนำมือขวาออกมาหยิบป้ายสิทธิ์ทั้งสอง เขาครุ่นคิดชั่วขณะจากนั้นเก็บเข้าไปในกระเป๋า ขณะที่สายตาเย็นเยือกกวาดผ่านทุกคน เขาพูดขึ้น “นำป้ายสิทธิ์ทั้งหมดของพวกเจ้ามา ไม่งั้นก็ตาย!”

หลี่ซานที่นอนอยู่บนพื้น สังเกตว่าน้ำเสียงนั้นคุ้นเคยยิ่งดังนั้นเขาจึงตื่นขึ้น ด้วยความกล้าหาญจึงหันศีรษะขึ้นมาทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าดูด “เจ้า….หวังหลิน!”

หวังหลินจ้องไปที่หลี่ซานหลี่ซานกลัวมากจนตัวสั่นและเขาหุบปากเงียบทันที แต่มีพายุลูกนึงในใจเขาพูดได้ว่าชื่อหวังหลินมีชื่อเสียงมากในสำนักซวนต้าวหวังหลินคนที่ราวกับม้ามืดในการประลองระหว่างสำนักซวนต้าวและเหิงยั่วเป็นเป้าหมายของเหล่าศิษย์หลักหลายคนของสำนักซวนต้าว

เขาทั้งเป็นคนที่หลี่ซานต้องการเอาชนะให้ได้มากที่สุดแม้กระทั่งความฝันโดยเฉพาะหลังจากผลระเบิดกลิ่นเหม็นคราวนั้น ชีวิตหลี่ซานอยู่ยากมากขึ้นระหว่างช่วงเวลานั้นหลี่ซานได้สาปแช่งหวังหลินทุกคน

แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงเชื่อว่าจะมีสักวันนึงที่สามารถเอาชนะหวังหลินได้และหลังจากผ่านมาถึงขั้นรวบรวมลมปราณระดับสิบสี่นี่จึงทำให้เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้น

แต่ตอนนี้เขากลับตกตะลึงที่พบว่ายังมีความแตกต่างราวกับสวรรค์และปฐพีอยู่เพียงไม่กี่ปีหวังหลินกลับสามารถสังหารเซียนขั้นสร้างลำต้นได้ง่ายๆในสายตาของหลี่ซาน ความก้าวหน้าของหวังหลินมันบ้าเกินไป

หลังจากได้ยินประโยคของหวังหลินช่วยไม่ได้ที่ผู้คนรอบๆจะจดจำชื่อเสียงหวังหลินในหุบเขาจูหมิงได้และรู้ได้ว่าเขาสังหารเหล่าเซียนขั้นสร้างลำต้นได้ง่ายๆยังไงเช่นตอนนี้หัวใจแต่ละคนเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ หลังจากผ่านไปเวลานานชายหนุ่มขุดขาวถอนหายใจ เขามองหวังหลินอย่างละเอียดและถามขึ้น “สหายเซียนท่านบอกข้าได้ไหมว่าระดับฝึกคนอยู่ที่ขั้นไหนกัน?”

หวังหลินตอบอย่างเรียบๆ “สร้างลำต้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!