Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 126

Cover Renegade Immortal 1

126. แคว้นต่างแดน

เพราะมือยักษ์จู่ๆก็หยุดชะงักลงเนื่องจากวิญญาณขอบเขตจวี่ ร่างหวังหลินจึงหายเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายในจังหวะที่มันเปิดออก

มือยักษ์ได้กลายเป็นเส้นแสงสีดำนับไม่ถ้วน พวกมันลอยไปมารอบค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นเวลานานก่อนที่จะหายไป

เป็นเพราะการคงอยู่ของขอบเขตจวี่หวังหลินจึงเป็นวิญญาณกลืนกินตนแรกที่มาจากโลกแห่งการล่มสลายไปสู่โลกมนุษย์ได้แม้ว่าวิญญาณเขาจะถูกขัดเกลาจนเป็นเศษเสี้ยววิญญาณขอบเขตจวี่ขนาดเล็กแกนวิญญาณกลืนกินยังอยู่กับเขา

ฮัวเฝินเป็นแคว้นเซียนอันดับสามที่เป็นส่วนหนึ่งของทิศใต้ดาวเคราะห์ซูซาคุและเป็นทิศใต้ของทะเลปิศาจ

วันนี้ที่ยอดภูเขาไฟซึ่งอยู่ใจกลางของฮัวเฝิน มีกลุ่มคนหนึ่งกลุ่มจากเจดีย์เทพสงครามยืนอยู่

บรรพชนขั้นผลิดอกจำนวนหกคนของเจดีย์เทพสงครามกำลังนั่งอย่างสบายใจบนยอดภูเขาไฟตอนที่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิทธิ์การเข้าร่วมสนามรบต่างแดนได้เริ่มขึ้นเจดีย์เทพสงครามได้บดขยี้การแข่งขันและเป็นสำนักเดียวที่ได้เข้าไป

คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่ได้เป็นเซียนขั้นผลิดอกแต่เป็นเซียนขั้นแตกหน่อระดับต้นนามว่าฮั่วหงเฟยมันอาจจะเป็นเพราะว่าวิถีฝึกตนของเขาคือเส้นทางสวรรค์แต่เขาดูไม่แก่เลยทั้งที่อายุนับสองร้อยปีแล้วเขาดูค่อนข้างจะเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา

วิถีเส้นทางสวรรค์เป็นวิธีฝึกเซียนอันดับต้นๆของสำนักเจดีย์เทพสงครามมีเพียงคนที่เข้าถึงขั้นสร้างลำต้นได้เท่านั้นถึงจะสามารถฝึกฝนวิธีนี้ได้ซึ่งกล่าวกันว่ามันจะช่วยในการผ่านถึงขั้นแตกหน่อได้ส่วนทำได้เช่นไรนั้นคนภายนอกไม่มีทางรู้

แต่ว่าเหล่าเซียนขั้นแตกหน่อและผลิดอกทั้งหมดจากสำนักเจดีย์เทพสงครามนั้นเป็นชาวฮัวเฝินอยู่แล้วต้องมีบางสิ่งพิเศษเกี่ยวกับวิธีนี้แน่ๆ

หากเส้นทางสวรรค์มีผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งเมื่อนั้นจะไม่ประหลาดใจเลยที่คนอื่นอยากขโมยมันแต่หากสำนักอื่นพยายามทำเช่นนั้นพวกเขาคงทำไม่ได้เพราะสำนักเจดีย์เทพสงครามแข็งแกร่งเกินไป

แต่ด้วยมีคนพยายามจะชิงมันมาโดยตลอดสำนักเจดีย์เทพสงครามในที่สุดก็ยอมแพ้และตัดสินใจให้มีการชุมนุมทุกยี่สิบปีสำหรับคนที่จะอ่านเส้นทางสวรรค์แน่นอนว่าทุกคนต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง และไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง

ผลลัพธ์ก็คือสำนักเจดีย์เทพสงครามได้หยุดกังวล พวกเขาทั้งยังมีรายรับจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีความสุขมาก

วิถีเส้นทางสวรรค์นี้มีเพียงร้อยคำ แต่ละคำยากที่จะเข้าใจและน้อยคนนักที่เข้าใจมันได้

ในความจริงสิ่งที่ฮั่วหงเฟยกำลังฝึกฝนเป็นวิธีที่คนของเจดีย์เทพสงครามได้สร้างขึ้นหลังจากเรียนรู้วิถีเส้นทางสวรรค์มามากกว่าครึ่งชีวิตไม่เพียงแต่วิธีนี้จะทรงพลังมากมันยังมีความสามารถทำให้ดูยังเยาว์วัยหลังจากฝึกไปเป็นเวลานานดังนั้นมันจึงเป็นที่ชื่นชอบแก่เหล่าศิษย์ของสำนัก

ด้านข้างที่ฮั่วหงเฟยยืนเป็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งคนที่ดูสะดุดตามากที่สุดเป็นสตรีเยาว์วัยรูปลักษณ์สง่างามเธอสวยราวกับนกยูงและใบหน้าบอบบางราวกับนางฟ้าริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยขณะที่เธอพูดคุยกับชายหนุ่มร่างสูงดูหล่อเหลาถัดจากเธอมีแววตาอ่อนโยนในสายตาเธอ

ทันใดนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดออกและทุกคนจับจ้องไปบนนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายส่องสว่างขึ้นและสว่างขึ้นขณะที่ร่างสามคนปรากฎออกมาก็ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น

ฮั่วหงเฟยขมวดคิ้วและลอบถอนหายใจเขาได้รู้มาว่าที่ผ่านมาสนามรบต่างแดนกำลังล่มสลายและเขาก็เตรียมใจได้แล้วว่าอาจจะมีศิษย์เหลือรอดไม่มากนักแต่เมื่อเห็นเพียงสามคนนี้แม้แต่เขาที่เตรียมใจไว้แล้วก็ยังรู้ศึกเศร้าโศก

แต่เมื่อเห็นโจวซื่อจงในทั้งสามคน เขารู้สึกโล่งใจโจวซื่อจงเป็นศิษย์ของเขาและดื้อรั้นตอนที่เธอบอกเขาว่าอยากจะไปสนามรบต่างแดน เขาปฏิเสธเสียงแข็งแต่เด็กน้อยคนนี้ยังคงไปให้ได้

ฮั่วหงเฟยรู้สึกทำอะไรไม่ถูก หลังให้สมบัติเซียนเธอไปหลายอย่าง เขาได้ปล่อยเธอไป เมื่อเห็นเธอกลับมาได้เขาก็ผ่อนคลายเล็กน้อย

หลังจากทั้งสามคนปรากฎตัวพวกเขามองฉากอันคุ้นเคยด้านหน้าและรู้สึกเหลือเชื่อมากทว่าทั้งสามคนมองหน้ากันเองและหัวใจบีบรัดแน่นอีกครั้ง

สิ่งที่พวกเขากังวลที่สุดตอนนี้ก็คือหวังหลินจะอยู่หรือตายพูดได้ว่าทั้งสามคนได้ให้แกนวิญญาณโลหิตกับหวังหลินไปแล้ว หากหวังหลินตายเมื่อนั้นพวกเขาก็ยากที่จะรอดพ้นความตายไปด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากคารวะผู้อาวุโสฮั่วหงเฟย ฮั่วหงเฟยกวาดสายตาผ่านทั้งสามคนจากนั้นพูดขึ้น “ไม่เลว ระดับฝึกตนของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างมากซื่อจงและหยางเซี่ยงได้เข้าสู่ขั้นสร้างลำต้นระดับปลายหลินท่าวตามหลังเล็กน้อยแต่ก็ใกล้จะทะลวงขั้นแล้ว ยอดเยี่ยมมาก!หลังผ่านประสบการณ์ในบททดสอบสนามรบต่างแดนแห่งนี้ความเร็วการฝึกตนของพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นมหาศาลอา…น่าเสียดายนักที่มีศิษย์กลับมาได้เพียงไม่กี่คน…”

โจวซื่อจงถอนหายใจและกระซิบ ‘ท่านอาจารย์ตอนที่สนามรบต่างแดนกำลังล่มสลาย มีสิ่งมีชีวิตประหลาดหลายตัวปรากฎขึ้นเมื่อพวกมันกระโดดเข้าหาท่าน ท่านคงตายทันทีไม่มีใครในสนามรบต่างแดนจะต่อต้านมันได้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เดิมทีผลลัพธ์ของพวกเราได้มาเยอะมากแต่ตอนนี้…’ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอกลายเป็นเศร้าหมอง

ฮั่วหงเฟยสะบมัดมือ มองทั้งสามคน เขาขมวดคิ้วและพูดขึ้น “เราจะพูดเรื่องนี้กันทีหลังตอนนี้บอกข้าได้ไหมว่าทำไมลักษณะภายนอกพวกเจ้าถึงไม่เปลี่ยนไป?”

พูดได้ว่าระหว่างที่อยู่ภายในสนามรบต่างแดนลักษณะภายนอกของท่านจะไม่เปลี่ยนไปแต่อายุจะเพิ่มขึ้นทันทีห้าสิบปีหลังจากที่ออกมาแม้ว่าวิถีฝึกเซียนของทั้งสามคนจะช่วยให้ชะลอความเยาว์วัยพวกเขาจะไม่ดูเหมือนก่อนที่จะเข้าไป

หยางเซี่ยงเป็นศิษย์อาวุโสและทั้งยังเป็นศิษย์ที่หัวหน้าสำนักภูมิใจหลังจากเขาได้ยินคำพูดของฮั่วหงเฟย เขาจึงรีบพูดขึ้นมา “ท่านผู้อาวุโสไม่ทราบแต่ศิษย์น้องหม่าเหลียงได้รับเม็ดยาที่สามารถคงความเยาว์วัยของพวกเราได้ร้อยปีต่อเม็ดพวกเราทั้งสามคนกินยาคนละสองเม็ด”

เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆได้ยินเช่นนั้นต่างมองทั้งสามด้วยความอิจฉาโดยเฉพาะสตรีสาวสวยคนนั้นที่มองโจวซื่อจงด้วยความข้องใจในสายตาเธอตลอดเวลาทันใดนั้นเธอพูดขึ้น “ศิษย์พี่หญิงโจว ท่านยังมีเม็ดยานั้นบ้างไหม?”

โจวซื่อจงมองเธออย่างเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้น “เจ้าถามน้องหม่าเหลียงเอาเถอะ”

สตรีสาวสวยโกรธขึ้นแต่เธอเพียงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีกเธอลอบคิดได้ว่าหม่าเหลียงขี้อายนั่นต้องตายไปแล้วดังนั้นเธอจะถามใครกันเล่า? เห็นได้ชัดว่าโจวซื่อจงไม่ได้อยากจะบอกเธอ

บุรุษหนุ่มถัดจากเธอกระซิบบางอย่างข้างหู สตรีสาวสวยแนบริมฝีปากเธอกับเขาและใบหน้าแดงระเรื่อ

ฮั่วหงเฟยมองมองทั้งสองคนนั้นและมองข้ามไปจากนั้นเขามองไปที่กลุ่มของโจวซื่อจงและพูดขึ้น “เอาหล่ะตั้งแต่ที่ทุกคนกลับมา เราก็ควรกลับได้แล้วท่านบรรพชนหลวนเฟิงออกมาจากการปิดประตูฝึกตนเพื่อฟังเรื่องราวของสนามรบต่างแดนจากพวกเจ้า” เขามองมาที่ทั้งสามคน

หลินท่าวลังเลเล็กน้อยและกระซิบขึ้น “น้องหม่าเหลียงยังอยู่ที่นั่น สถานการณ์แย่มาก ดังนั้นเขาจึงบอกให้เรากลับไปก่อนและเขาจะตามมา”

ฮั่วหงเฟยเลิกคิ้วขึ้นและพูดด้วยความแปลกใจ “หม่าเหลียง? เขาเป็นคนโชคดีที่รอดชีวิตคนนั้นน่ะหรือ?”

ขณะที่เขาพูดประโยคเหล่านั้นใบหน้าของเหล่าศิษย์เจดีย์เทพสงครามกลายเป็นแปลกประหลาดโดยเฉพาะสตรีสาวสวยคนนั้น เธอถามขึ้น “หม่าเหลียงไม่ได้ตายหรือ?”

ท่าทางโจวซื่อจงกลับแปลกไปจากเดิม เธอมองสตรีสาวสวยคนนั้นและพูดขึ้น “ศิษย์น้องสาวสบายใจเถิด หลายปีมานี้ในสนามรบต่างแดน นิสัยเขาได้เปลี่ยนไปเขาตอนนี้จะไม่ก่อกวนศิษย์น้องอีกต่อไป”

สตรีสาวสวยขมวดคิ้ว เธอส่ายหัวและพูดขึ้น “พวกท่านไม่เข้าใจ อา…หม่าเหลียงมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”

ฮั่วหงเฟยจ้องเธอและตะโกนขึ้น “ไร้สาระ! เจ้าต้องการให้หม่าเหลียงตาย? นี่คือสิ่งที่อาจารย์เจ้าสอน?!”

สตรีสาวสวยลดศีรษะลงต่ำและไม่กล้าพูด ชายหนุ่มถัดจากเธอพูดขึ้น “เจ้าจะกลัวอะไรเล่า? หากเขายังกล้าตอแยเจ้า ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”

หยางเซี่ยงถอนหายใจและพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ศิษย์น้องสาวน้องหม่าเหลียงไม่ตอแยท่านอีกต่อไปหรอก เจ้ามั่นใจได้” จบคำพูดเขาลอบคิดในใจ ‘บุคลิกท่านอาวุโสเย็นชาขนาดนั้นเขาจะชอบเธอได้ยังไง?’

ขณะนั้นเอง ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ส่องแสงขึ้นอีกครั้ง ทุกคนมองดูค่ายกลเคลื่อนย้ายเห็นแต่เพียงร่างผอมและอ่อนแอเดินออกมา

ในทันทีทุกคนรู้สึกหนาวเย็นภายในร่างขณะที่คนผู้นั้นปรากฎตัว ความหนาวเย็นไม่ใช่กายเนื้อ แต่เป็นในวิญญาณของพวกเขา

ราวกับว่าคนด้านหน้าพวกเขาเป็นเศษน้ำแข็งที่สามารถแช่ได้กระทั่งวิญญาณ ความรู้สึกนี้ช่างกดดันอย่างมาก

เหล่าศิษย์ของเจดีย์เทพสงครามเป็นกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสกับการกดขี่ตามธรรมชาติของขอบเขตจวี่ จึงช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะสูดหายใจลึก

สตรีสาวสวยนามว่าฉีซือ(徐思 Xú sī) ร่างสั่นสะท้านและรู้สึกสับสนมากแม้ว่าคนผู้นี้ดูคล้ายคลึงกับหม่าเหลียงทว่ากลิ่นอายของเขาต่างจากครั้งก่อนโดนสิ้นเชิง

หวังหลินเดินออกมาและมองรอบๆ เมื่อเขาสังเกตฮั่วหงเฟยได้เขารีบประสานมือคารวะอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “ศิษย์หม่าเหลียงขอทักทายผู้อาวุโสฮั่ว”

ดวงตาฮั่วหงเฟยสว่างขึ้นขณะที่เขาตอบกลับ “ดีแล้วที่เจ้ากลับมา” เช่นนั้นเขาจ้องไปที่หวังหลิน

ท่าทางของหวังหลินเยือกเย็นขณะที่เขาพูดขึ้น “ศิษย์ยังมีบางสิ่งสำคัญมากที่ต้องไปทำ เมื่อข้าเสร็จแล้วจะกลับไปที่สำนัก”

ฮั่วหงเฟยขมวดคิ้วและกำลังจะพูดแต่หวังหลินโยนกระเป๋าใบหนึ่งออกมาและพูดขึ้น “นี่เป็นของที่ศิษย์ได้เก็บรวบรวมมาทั้งหมดห้าสิบปีสมบัติเซียนทั้งหมดถูกทำลายไปแล้วดังนั้นมันเหลือเพียงวัตถุดิบเท่านั้น”

จบคำพูด หวังหลินกระโดดขึ้นไปบนอากาศและเหาะเหินห่างไกลทันที

ฮั่วหงเฟยรับกระเป๋ามาเขาตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณและท่าทีเขากลายเป็นประหลาดใจของที่อยู่ภายในกระเป๋ามีคุณค่ามากมายนัก เมื่อเขายกศีรษะขึ้นหวังหลินก็หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่ได้ติดตามไปเขามีข้อสงสัยแต่รู้สึกได้ว่าควรจะกลับและรายงานต่อจ้าวสำนัก

เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่เขารู้สึกได้ก็คือเพราะว่าเขาไม่รู้สึกว่าจะทำให้หวังหลินอยู่ที่นี่ได้ง่ายๆความหนาวเย็นที่เขารู้สึกนั้นทำให้เขาหวาดหวั่นหวังหลิน

แม้ว่าเขาพยายามบังคับหวังหลินให้อยู่ที่นี่ หากมันจบลงด้วยการขอโทษเขาคงจะเสียหน้าต่อเหล่าศิษย์จำนวนมาก หลังจากคิดเรื่องนั้นได้เขาจึงตัดสินใจได้ว่ามันไม่คุ้มค่าและไม่ตามล่าหวังหลิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!