Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 149

Cover Renegade Immortal 1

149. ขั้นแกนลมปราณ (6)

หวังหลินฝึกฝนตลอดเวลาเขาเพียงชำเลืองออกไปข้างนอกและสายตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆกลิ่นหอมของยาลอยขึ้นแตะจมูกหวังหลินเปิดกระเป๋าและเริ่มจัดเรียงสิ่งของข้างใน

เมื่อเขานำเส้นเอ็นมังกรออกมา ดวงตาหรี่แคบสมบัติชิ้นนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากแม้ว่ามันจะแยกตัวเองออกไปหลายร่างเพื่อมัดรอบเป้าหมายหากมันเจอกระบี่เหินที่คมกริบอาจะถูกตัดขาดครึ่งได้

แม้แต่วิชาอัคคีอันทรงพลังก็อาจเผาเส้นเอ็นมังกรเส้นนี้ได้เมื่อคิดเรื่องนี้หวังหลินยิ้มเย็นเยือกออกมาเมื่อเขาบรรลุขั้นแกนลมปราณคงได้ใช้เส้นเอ็นมังกรเส้นนี้

เสียงจากข้างนอกเริ่มดังขึ้นราวกับมันอยู่ข้างหูเขา เมื่อหวังหลินมองไปที่ห้องของลี่มู่หวาน หัวใจเขาเริ่มเต้นหนักและถอนหายใจ

ลี่มู่หวานกัดริมฝีปากจนเลือดออกและสายตาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา เม็ดยาเส้นทางสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ได้ล้มเหลว

ในฐานะนักปรุงยา เธอล้มเหลวมาหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกแย่เช่นนี้ นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เธอไม่อาจล้มเหลวได้

ลี่มู่หวานมองหวังหลินที่กำลังฝึกฝนข้างนอกและในที่สุดเธอก็เริ่มหลั่งน้ำตาออกมาตอนนี้เธอดูอ่อนแอมากหลังจากนั้นชั่วครู่เธอกัดฟันตัวเองแน่นและนำเถาโลหิตมารออกมานับที่ครั้งแรกล้มเหลวเธอต้องเร่งรีบและใช้เถาโลหิตมารเพื่อทำอีกอันใหม่

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและถ้ำเริ่มพังทลาย เศษหินหล่นจากเพดานและหมอกข้างนอกค่อยๆลดลง ดูเหมือนมันจะพังทลายได้ตลอดเวลา

ใบหน้าสงบนิ่งของหวังหลินค่อยๆเผยความกังวลขณะนั้นลี่มู่หวานพุ่งออกมาจากห้องเธอ ผมตั้งตรงมีน้ำหนักดวงตาเปื้อนเลือดและดูเหมือนเหน็ดเหนื่อยอย่างมากขณะที่โยนเม็ดยาโลหิตแดงไปให้หวังหลินมันมีร่องรอยพลังปราณอันทรงพลังออกมา นั่นทำให้หวังหลินตื่นเต้น

“นี่คือเม็ดยาเส้นทางสวรรค์ที่สร้างจากเถาโลหิตมาร ผลของมันไม่ได้…ก็ดี”

หวังหลินหยิมันขึ้นมาและมองตรวจสอบเขามองกลับไปที่ลี่มู่หวานและโยนเม็ดยาเข้าไปในปากตนเองหลังจากเม็ดยาเข้าไปในร่าง หวังหลินรู้สึกถึงไฟดวงหนึ่งในจุดตันเถียน

หวังหลินตบกระเป๋าและดื่มน้ำพลังปราณเข้าไปอึกใหญ่ จากนั้นหลับตาและเริ่มทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นแกนลมปราณ

ถ้ำหินสั่นอีกครั้งขณะที่ก้อนหินหล่นจากเพดานมากขั้นมีเพียงชั้นหมอกบางๆทิ้งไว้ภายนอกลี่มู่หวานจ้องอย่างตะลึงเล็กน้อยก่อนจะนำกระบี่เหินของตัวเองออกมาเธอยืนเบื้องหน้าหวังหลิน ปกป้องเขาและปัดก้อนหินที่กำลังร่วงหล่น

เฉียนคุนทุบภูเขาเล็กลงบนค่ายกลอย่างต่อเนื่องสายตากวาดผ่านเซียนคนอื่นๆเขาพบว่าทั้งหมดกำลังโจมตีค่ายกลด้วยความตื่นเต้นที่เผยออกมาทางหน้าตา

ปากเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อยเผยรอยยิ้มร้ายกาจ “เจ้าหัวโตเราจะให้สตรีคนนั้นกับเจ้า แต่เมื่อค่ายกลนี้พังทะลายออกเจ้าต้องปล่อยให้พวกเราเล่นกับเธอก่อน”

เซียนหัวโตหยุดกึกชั่วขณะจากนั้นยิ้มออกอย่างขมขื่น “ท่านหัวหน้าผู้อาวุโส นับตั้งแต่ที่ท่านพูดออกมา ข้าจะกล้าปฏิเสธได้เช่นไร?”

เฉียนคุนเหยียดยิ้มเขาควบคุมภูเขาลูกเล็กให้ทุบลงอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น “เจ้าเด็กเหลือขอนี่เพียงอยู่ขั้นแกนลมปราณเทียมเท่านั้นแต่มันกลับมีวิชาที่สามารถสังหารขั้นแกนลมปราณได้มันไม่ใช่คนที่สังหารได้ง่ายๆ แต่ในวันนี้มันจะตายแน่นอน” จบคำพูดสายตาเขาสว่างขึ้นและคิดขึ้นมา “ข้าต้องการเปลวไฟสีฟ้านั่นโดยเฉพาะมันต้องเป็นสมบัติหายากแน่ๆ”

เซียนหัวโตรู้สึกเศร้าหมอง ตอนที่เขาเห็นสตรีคนนั้นคราแรกเขาเห็นเพียงแวบเดียวแต่กลับรู้สึกคันในหัวใจดังนั้นจึงได้พูดประโยคเหล่านั้น เดิมทีเขาคิดว่าไม่มีใครจะแย่งเขาแต่ไม่คิดว่าหัวหน้าผู้อาวุโสที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องอิสตรีจะพูดออกมาเองเขาโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสมบัติเซียนเพื่อระบาย

หมอกที่สร้างโดยค่ายกลเริ่มบางลงมากร่างมังกรหมอกที่สร้างขึ้นในคราแรกยาวนับสามร้อยเซี้ยะแต่ขณะนี้เหลือเพียงสิบเซี้ยะเท่านั้นเฉียนคุนสะบัดแขนตราประทับเปลี่ยนกลับมาเป็นรูปร่างปกติและกลับเข้าไปที่แขนของคุนซาง

หลังจากตราประทับกลับมา เฉียนคุนร้องคำรามและมาถึงถัดจากมังกรเขาบังแขนตัวเองและเมื่อเปิดออกอีกครั้งตาข่ายสายฟ้าปรากฎขึ้นครอบคลุมมังกรเขาหัวเราะออกมาและตะโกนขึ้น “ทำลาย!”

มังกรสายหมอกกรีดร้องโหยหวนขณะที่มันสูญสลายไปพร้อมกับหมอกที่กำลังสร้างค่ายกลเก้าโครงกระดูกแม้ว่าค่ายกลแห่งนี้จะทรงพลังภายใต้การโจมตีของเซียนขั้นแกนลมปราณนับสิบคนมันพังทลายหลังจากถ่วงเวลาไว้ได้สามวัน

หากลี่มู่หวานไม่ได้ปรุงเม็ดยาและควบคุมค่ายกลแทน ค่ายกลจะไม่ถูกทำลายเช่นนี้

เมื่อค่ายกลพังทลาย ถ้ำแห่งหนึ่งเปิดเผยออกมาเซียนขั้นแกนลมปราณทั้งสิบรีบพุ่งเข้าไปแต่ขณะที่พวกเขามาถึงในระยะยี่สิบเมตร อัสนีบาตตกมาจากท้องฟ้าแม้ว่าสายฟ้าไม่ได้รุนแรงแต่มีจำนวนมาก มันจึงดูอันตราย

ค่ายกลพื้นฐานนับร้อยที่หวังหลินวางไว้เริ่มแสดงผลทว่าพวกมันเป็นเพียงค่ายกลขั้นพื้นฐานดังนั้นจึงแตกสลายด้วยความโกรธเกรี้ยวของเซียนขั้นแกนลมปราณ

เฉียนคุนมองไปข้างหน้าอย่างหนาวเหน็บแต่เขาไม่ได้ทำอะไรเป้าหมายของเขาคือเจ้าเด็กขั้นแกนลมปราณเทียมเขาเตรียมตาข่ายในมือไว้แล้วและตัดสินใจจับเจ้าเด็กนั่นเมื่อมันปรากฎตัวขึ้น

เมื่อค่ายกลพื้นฐานถูกแตกสลายไป ตัวถ้ำก็ไม่มีสิ่งใดป้องกันอีก ดังนั้นเซียนมารพวกนี้จึงเข้าไปข้างใน

ร่างอันงดงามปรากฎที่ทางเข้าถ้ำ เสื้อผ้าของเธอธรรมดาแต่กลับดูสง่างามผิวกายขาวและแก้มแดงระเรื่อ ภาพลักษณ์ของเธอทำให้หัวใจทุกผู้คนเต้นรัว

แม้กระทั่งเฉียนคุนก็หรี่สายตา ทว่าเขามองผ่านเธอเข้าไปในถ้ำแต่ถ้ำกลับมืดมิดและไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้

ลี่มู่หวานมองไปที่เซียนมาขั้นแกนลมปราณเธอสะบัดมือและเตาปรุงยาร้อยอสูรปรากฎขึ้นพลางถามอย่างเยือกเย็น “ท่านมาที่นี่เพื่อสิ่งนี้หรือ?”

เฉียนคุนเห็นของสิ่งนี้และยิ้มขึ้นคุนซางเป็นคนที่เริ่มไล่ล่าหวังหลินได้จ้องเตาปรุงยาและหัวเราะ “ข้าไม่คิดว่าไอ้เด็กเหลือขอคนนั้นจะมีเตาปรุงยาจริงๆและมันเป็นเตาปรุงยาร้อยอสูรที่มีราคาหนึ่งแสนหินวิญญาณระดับสูงจากศาลาหลอมสมบัติเสียอีกเจ้าพูดถูกต้อง เดิมที่เป้าหมายของเราคือเตาปรุงยา หนูน้อยส่งเตาปรุงยาออกมา” สิ้นคำพูดเขายื่นมืออกมาพร้อมจะจับเตาปรุงยาจากลี่มู่หวานทุกคนที่นี่รู้มูลค่าของเตาปรุงยาอันนี้ว่ามีค่าแค่ไหนดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยื่นมืออกมาเบื้องหน้าทุกคน

คุนซางและผู้อาวุโสคนอื่นที่ไล่ล่าหวังหลินตั้งแต่ต้นต่างคารวะด้วยสองมือและพูดขึ้น “ท่านหัวหน้าอาวุโส เตาปรุงยาตัวนี้อยู่กับเราสองคนแล้วในอนาคตเราจะส่งของขวัญขอบคุณทุกท่านทั้งหมด จะว่าอย่างไรเล่า?”

เฉียนคุนกวาดสายตาผ่านเตาปรุงยาจากนั้นพยักหน้าเงียบๆเซียนหัวโตยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะที่ยื่นมืออกไปจับลี่มู่หวาน “สาวน้อยหลังจากเจ้าปรณิบัติเซียนสำนักข้าที่นี่เจ้าจะได้เป็นเตาหลอมเซียนส่วนตัวของข้า”

ใบหน้าลี่มู่วานซีดเผือด ขณะที่เธอกำลังจะจบชีวิตของตัวเอง เซียนหัวโตหยุดกึกและกรีดร้องอย่างโหยหวน

เขาบ้วนเลือดจำนวนมากออกมาและจากนั้นโลหิตออกจากทวารทั้งหมดร่างกายลอยกลับไปราวกับโดนโจมตีด้วยพลังอันรุนแรงแต่ก่อนที่เขาจะร่อนถึงพื้นกลับถูกจับด้วยพลังอีกสายหนึ่งและดึงกลับมาศีรษะระเบิดออกและแกนพลังสีทองลอยผ่านลี่มู่หวานเข้าไปในถ้ำ

“นับจากนี้เป็นต้นไปข้าเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในเซียนที่ขั้นต่ำกว่าวิญญาณแรกกำเนิดหากไม่มีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดซ่อนระดับฝึกตนอยู่ที่นี่พวกเจ้าทั้งหมด…ตาย!!”

เสียงอันหนาวเหน็บดังออกมาจากจุดลึกสุดภายในถ้ำ จากนั้นร่างดำมืดเดินออกมาปรากฎตัวต่อหน้าคนทุกคน

ศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมดำขลิบ ใบหน้าเยือกเย็นและสายตาเผยความโหดเหี้ยม ราวกับเขาเป็นเศษน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย

ความรู้สึกราวกับพบเจอศัตรูตามธรรมชาติได้จับหัวใจของทุกผู้คน ความรู้สึกจากจิตวิญญาณราวกับเจอสัตว์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์

การสั่นสะเทือนทางวิญญาณทำให้วิญญาณของทุกคนยุ่งเหยิงวุ่นวายกลายเป็นหลุมยุบความโกลาหลนี้เกิดขึ้นภายในราวกับฟ้าคำรามก้องไปที่ใบหูทุกคน

วิญญาณของปู้หลินได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของขอบเขตจวี่ครั้งก่อนมาแล้วและแม้เขาจะระงับมันไว้ได้ก็ไม่มีเวลาฟื้นฟูอย่างเต็มที่ขณะเดียวกันวิญญาณเขาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ไออกมาเป็นเลือดก่อนจะสูญสลายร่างกายสั่นกระตุกอยู่บนพื้นและทุกครั้งโลหิตจะพุ่งออกมาจากทวารทั้งเก้า

จิตใจเฉียนคุนสั่นเทาต้องขอบคุณอาการตกใจนี้ทำให้เพียงตาข่ายไฟฟ้าในมือพังทลายไปใบหน้าเผยความยุ่งเหยิงขณะที่เขาก้าวถอยหลังกลับและพยายามหลบหนีความคิดที่จะขโมยเปลวไฟสีฟ้าได้หายไปเรียบร้อย

เขารู้สึกกลัว แม้จะเป็นเซียนขั้นแกนลมปราณระดับกลางในเมืองหนานต้าวสำหรับเขาไม่เคยกลัวเช่นนี้มาก่อนเขากระทั่งเคยพบกับเซียนขั้นแกนลมปราณระดับปลายซึ่งเป็นผู้ส่งสาส์นจากส่วนลึกของทะเลปิศาจที่ออกมารับวัตถุดิบทุกปีแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ก็ไม่เคยรู้สึกเกรงกลัว

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาบรรลุขั้นแกนลมปราณเป็นผลให้เขาตัดสินใจหนีโดยไม่ลังเล ตามปกติเขาจะไม่หนีเป็นคนแรกเขาจะรอให้คนอื่นหนีก่อนจากนั้นจึงเลือกทิศทางหนีที่ปลอดภัยที่สุด

แต่ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าไม่อาจหนีรอดได้และมีเพียงผลลัพธ์เดียวคือความตาย

ส่วนคนที่เหลือ หลังจากเห็นแต่ละคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปปู้หลินตายอย่างลึกลับและหัวหน้าผู้อาวุโสเฉียนคุนวิ่งหนีโดยไม่ลังเลทั้งหมดกระตุ้นพลังปราณในร่างและหนีไปทุกทิศทุกทางพวกเขากลัวว่าหากช้าไปเพียงเล็กน้อยคงต้องตายเป็นศพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!