Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 150

Cover Renegade Immortal 1

150. ฆ่า

ขณะที่ลี่มู่หวานเห็นร่างนั้นพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก ร่างเธออ่อนยวบลงขณะยันตัวเองกับผนัง ทันใดนั้นมือเย็นเฉียบสอดเข้าใต้รักแร้ทำให้เธอประหลาดใจ ขณะเดียวกันก็พบว่าร่างตนเองกำลังลงไปบนพื้นดิน

กลิ่นอันคุ้นเคยแตะจมูกทำให้เธอผ่อนคลาย เมื่อเห็นสายหมอกด้านหน้าทำให้เธอคิดจะพูดออกมาแต่กลับได้ยินหวังหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป

“อย่าขยับ ข้ากำลังพาเจ้าไปสังหารคนอื่น”

หวังหลินอุ้มลี่มู่วานและหยุดกลางอากาศ เขานำเอ็นมังกรราวกับแส้ออกมาพร้อมกับแกว่งมัน ปลายแส้พันรอบศีรษะศพของเซียนหัวโตและแยกร่างมันออกจากกัน จากนั้นจับร่างศพของปู้หลิน

มือขวาหวังหลินถือเอ็นมังกรขณะที่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาไปยังตำแหน่งคนที่วิ่งหนีไป เขาเยาะเย้ยพลางเหาะร่างไปทางทิศเหนือ เอ็นมังกรด้านหลังหวังหลินมีร่างของเซียนขั้นแกนลมปราณสองร่าง

จิตใจคุนซางรู้สึกหวาดกลัว ในขณะที่เขาเห็นหวังหลินกลับรู้สึกว่าราวกับโดนมือขนาดยักษ์โอบวิญญาณเขาขึ้น สิ่งที่มันทำทั้งหมดคือใช้พลังเล็กน้อยเพื่อทำลายวิญญาณ

การตายอย่างลึกลับของปู้หลินทำให้เขาหวาดกลัวอย่างที่สุด ไม่มีคำใดอธิบายความรู้สึกเสียอกเสียใจในตอนนี้ได้ ส่วนเตาปรุงยา สองในสามคนนั้นได้ตายไปแล้ว ขณะที่คิดเรื่องนี้ร่างเขารู้สึกสั่นเทาพลางหยิบเม็ดยาออกมาหลายชนิดโยนเข้าปาก หลังจากพลังปราณได้ถูกเติมเต็ม เขากัดลิ้นตัวเองและกระจายเลือดออกมา ฝ่ามือสร้างผนึกอย่างรวดเร็ว ผนึกหลายชิ้นทำให้ร่างกายหดลีบอย่างรวดเร็วแต่ความรวดเร็วของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า

คุนซางหนีไปพร้อมกับทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังขณะที่ร่างกายพุ่งออกไปหลายร้อยเซี้ยะ

หวังหลินเยาะเย้ยในขณะที่เขาเหาะเหินผ่านท้องฟ้าราวกับอุกกาบาต เมื่อเห็นคุนซาง แสงเยือกเย็นกวาดผ่านนัยน์ตา เขาอ้าปากขึ้นและแสงผลึกลอยออกมา มันพุ่งออกหลายร้อยเซี้ยะในทันทีทันใด

ขณะที่คุนซางวิ่งหนี เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบนหน้าอกทันที เมื่อลดศีรษะต่ำลงพลันเห็นแสงผลึกเจาะทะลุหน้าอกเขา แกนพลังลอยออกมาจากหน้าอกและลอยย้อนกลับอย่างช้าๆ เขาอ้าปากขึ้นแต่ไม่อาจเปล่งเสียงใดได้ ดวงตาเริ่มมืดลงและมืดลงขณะที่เขาร่วงหล่นจากท้องฟ้า แม้กระทั่งที่เขาตายก็ไม่อาจเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะมันเร็วมาก เหยื่อได้กลายเป็นผู้ล่าในทันใด

เมื่อร่างเขาร่วงหล่นลง แสงสีทองเพรี้ยวบางยืดออกจากเส้นเอ็นมังกรเข้าหาร่างนั้น เมื่อหวังหลินเหาะผ่านไป ร่างนั้นอยู่ในระยะของเอ็นมังกรและลอยตามหลังเขาไป

สามร่างของเซียนขั้นแกนลมปราณกลายเป็นราวกับขนนกยูงและหวังหลินเป็นหัว

“คนที่สาม!” ใบหน้าหวังหลินมืดมนขณะที่เขานำแกนทองคำใส่ในกระเป๋าและเหาะเหินไปที่เป้าหมายถัดไป

ลี่มู่หวานมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แม้เธอจะเตรียมตัวมาก่อนแล้วก็ช่วยไม่ได้ที่จะตกใจ ความแข็งแกร่งของหวังหลินได้สลักลึกในใจเธอ

เฉินฮ่ายเป็นผู้อาวุโสของสำนักมารปิศาจรบที่ปกติมีคนชื่นชมเคารพมากมาย เขารู้ว่าความเร็วของตัวเองไม่เร็วพอ ดังนั้นหลังจากวิ่งหนีได้ชั่วขณะ เขากลับขุดหลุมใหญ่บนพื้น ถอนจิตออกและฝังตัวเอง

เมื่อเขาอยู่ขั้นพื้นฐานลมปราณได้ใช้กลยุทธ์นี้หลายครั้ง ขณะที่เขานอนอยู่ใต้ผืนดินจึงช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมาและคิดว่านานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่ที่เขาใช้วิชาช่วยชีวิตนี้

เฉินฮ่ายถอนหายใจแต่ลมหายใจถูกแช่แข็งตั้งแต่ในปากขณะที่สายตาเบิกกว้างเผยให้เห็นอัสนีแดงวาดผ่าน โลหิตทะลุออกจากทวารทั้งเก้าและอัสนีแดงพุ่งใส่วิญญาณเขา

เส้นใยสีทองขุดลงไปบนพื้นจับร่างเฉินฮ่ายออกมาและลากร่างขึ้นพร้อมกับก้อนโคลนขนาดใหญ่

“คนที่สี่!” เอ็นมังกรแบ่งออกเป็นสี่เส้นแต่ละเส้นถือร่างไว้หนึ่งร่าง นอกจากร่างไร้ศีรษะ ร่างท่ีเหลือล้วนสมบูรณ์และปกคลุมไปด้วยโลหิตจนทำให้ทั้งหมดดูขนลุกมาก

หลังจากสังหารไปสองคน ดวงตาอันหนาวเหน็บของหวังหลินไม่เพียงแต่อ่อนลงแต่กลับแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับที่เขาไล่ล่าต่อไป

หนึ่งชั่วโมงถัดมา จำนวนร่างด้านหลังหวังหลินเพิ่มจากสี่เป็นเก้า

คนที่เหลือคนสุดท้ายคือหัวหน้าผู้อาวุโสเฉียนคุนที่วิ่งหนีเป็นคนแรก ยิ่งเขาวิ่งหนีก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก ความกลัวพุ่งไปถึงจุดสูงสุดเมื่อสัมผัสวิญญาณของเขาตรวจจับหวังหลินและร่างศพข้างหลังเขาได้ สมองเขาอึ้งไปเมื่อเห็นฉากพวกนั้น

ในชั่วเวลาอันสั้น หวังหลินสามารถสังหารเซียนขั้นแกนลมปราณคนอื่นได้ทั้งหมด ระดับฝึกตนแบบไหนถึงสามารถทำเรื่องราวเช่นนี้ได้?

“หรือเขาจะเป็นเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด?” จิตใจเฉียนคุนสั่นสะท้านขณะความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่เขาไล่ความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาไล่ล่าหวังหลินคราก่อน พวกเขาเห็นชัดเจนว่าระดับฝึกตนของหวังหลินเป็นเพียงจุดสูงสุดของขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น

หากไม่ใช่กรณีนั้นพวกเขาคงไม่ไล่ล่าอย่างสบายใจ ทว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนมาถึงจนที่เฉียนคุนยังคิดว่าเขากำลังฝัน เพียงแต่ฝันนั้นเป็นฝันร้ายเท่านั้น

ยิ่งหวังหลินเข้าใกล้เขามากขึ้น ดวงตากระทั่งเย็นเยือกมากกว่าเดิม เขาเหยียดยิ้มขณะที่มองเฉียนคุนด้านหน้า นอกจากนี้เฉียนคุนเป็นเซียนขั้นแกนลมปราณระดับกลาง เช่นนั้นเขาจึงเร็วมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ทว่าการเหาะเหินด้วยความเร็วเช่นนี้ทำให้สูญเสียพลังปราณอย่างมากดังนั้นหวังหลินจึงไม่ได้รีบเร่งนัก เมื่อเฉียนคุนเริ่มพลังปราณหมดลง เขาจะต้องชะลอตัวลง

เฉียนคุนกัดฟันแน่นและหันศีรษะกลับมา เขาจำได้ว่ามีสำนักมารปิศาจสาขาใกล้ๆที่มีเซียนขั้นแกนลมปราณสองคนรับผิดชอบอยู่ เขาหวังว่าสองคนนั้นจะสามารถรั้งหวังหลินได้นานพอที่จะช่วยชีวิตตนเอง

เขาใช้พลังปราณถึง 1.2 เท่าขณะที่มุ่งหน้าไปที่สำนักสาขาของปิศาจรบ

ภูเขาหวู่ติงเป็นภูเขาขนาดใหญ่ประกอบด้วยเรือนพำนักหลายเรือนสร้างบนยอด มันถูกใช้เป็นบ้านของสำนักขนาดใหญ่เมื่อหลายพันปีก่อน แต่หลังจากความแข็งแกร่งลดลงได้ถูกสำนักปิศาจรบกวาดล้างและกลายเป็นสำนักสาขาของสำนักปิศาจรบแทน

ในวันนี้ลูกศิษย์ของสำนักสาขาที่กำลังฝึกฝนอยู่เป็นเซียนขั้นแกนพลังปราณที่รับผิดชอบที่นี่ สองพี่น้องมู่หนานและมู่เป่ย เปิดประตูและเดินออกมา

บนอากาศ เฉียนคุนถูกทุบตีและหมดแรง เขาไม่อาจรอจนเข้าใกล้ได้จึงตะโกนขึ้น “มู่หนาน มู่เป่ย ข้าสั่งให้เจ้าทั้งสองรวบรวมศิษย์ทุกคนมาที่หวู่ติงและหยุดคนด้านหลังข้าไว้ อย่าให้คนผู้นี้ออกจากภูเขาหวู่ติงได้! หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะตอบแทนเจ้าทั้งสองด้วยหินวิญญาณระดับสูงหมื่นก้อน” จบคำพูด เขาหนีไปด้วยความหวาดกลัว

ขณะที่มู่หนานและมู่เป่ยเดินออกมา เขาได้ยินคำพูดของหัวหน้าผู้อาวุโสพลันตื่นตกใจทันที ทั้งคู่จะสามารถหยุดคนที่กระทั่งหัวหน้าผู้อาวุโสต้องหนีไปได้เช่นไร?

ขณะเดียวกันหวังหลินปรากฎกายขึ้นเบื้องหน้าสายตาของทั้งคู่ ทั้งสองคนสงสัยว่าคนแบบไหนที่บังคับให้กระทั่งหัวหน้าผู้อาวุโสวิ่งหนีหางจุกตูดได้ เมื่อเห็นหวังหลินทั้งคู่ตกใจตาค้างโดยเฉพาะหลังจากที่เห็นร่างทั้งเก้าลอยด้านหลังเขา

ทั้งสองมองหน้ากันเอง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนสีซ้ำไปซ้ำมา มู่หนานโพล่งขึ้น “เก้าผู้อาวุโสจากสำนักหลัก…นี่…นี่มัน…”

มู่เป่ยสูดหายใจลึก เขารู้สึกหนาวเหน็บทั่วร่างกายพลันดึงมู่หนานเข้าใกล้และพูดอย่างเคารพ “ผู้น้อยมู่เป่ย ขอคารวะท่านอาวุโส”

ร่างมู่หนานสั่นสะท้านและพูดอย่างรวดเร็ว “ผู้น้อยมู่หนาน ขอคารวะท่านอาวุโส”

หวังหลินมองทั้งสองอย่างเยือกเย็น เขาเหินร่างผ่านทั้งสองไปโดยไม่ชะลอตัว คนผู้นั้นทำให้ผิวกายพวกเขาขนลุกพร้อมกันแผ่นหลังพรั่งพรูไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เฉียนคุนเหาะร่างด้วยความเร็วเต็มที่เป็นเวลานานจนทำให้พลังปราณในร่างกำลังจะหมดลง เขานำเม็ดยาออกมาอย่างรวดเร็ว แต่เพียงหยุดชั่วขณะนี้ทำให้หวังหลินเข้าใกล้เขาเพิ่มขึ้น

เมื่อเห็นหวังหลินเข้าใกล้เขามากขึ้น เขายิ้มอย่างน่าสมเพชก่อนจะหันร่างกลับมาและทำให้หวังหลินมองอย่างชั่วร้าย เขากัดฟันแน่นและนำป้ายสิทธิ์สีแดงออกมาจากกระเป๋า บนป้ายสิทธิ์เขียนคำว่า “ลงโทษ” เป็นสีแดงเข้ม

ป้ายสิทธิ์นี้คือป้ายอาญาสิทธิ์สั่งตายร้อยวันหมื่นปิศาจอันโด่งดังในทะเลปิศาจ ป้ายอาญาสิทธิ์ป้ายส่งต่อมาจากยุคโบราณและวิธีสร้างหายสาบสูญไปนานแล้ว แม้กระทั่งในทะเลปิศาจเหลืออีกแค่สิบป้ายเท่านั้น เฉียนคุนได้มันมาโดยบังเอิญและหลอมมันทันที เขากลัวว่าคนอื่นจะหามันพบและเก็บไว้เป็นของตัวเอง เฉียนคุนหวังว่าจะใช้มันเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งวิชาของเขาในอนาคต

ความต้องการในการกระตุ้นป้ายนี้เข้มงวดอย่างมาก มันต้องใช้เซียนขั้นแกนลมปราณขึ้นไปแลกชีวิตเพื่อกระตุ้นให้ใช้งาน คนที่เปิดใช้งานจะนำระดับฝึกเซียนของตัวเองกลั่นเป็นเม็ดยาฝึกฝนหนึ่งเม็ด ซึ่งมันจะกลายเป็นของขวัญสำหรับคนที่จัดการสังหารเป้าหมายได้

เพราะความสามารถพิเศษของป้ายสิทธิ์นี้ ตราบเท่าที่เซียนมารคนหนึ่งเห็นคนที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ พวกเขาจะโจมตีทันที ด้วยข้อกำหนดอันเข้มงวดเช่นนี้ เจ้าของป้ายสิทธิ์แทบจะไม่เคยใช้มันกับตัวเอง เขาจะหาเซียนขั้นแกนลมปราณมาหนึ่งคนและบังคับให้ใช้มัน ส่วนเป้าหมายเพียงแค่หาคนที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยวิธีนั้นพวกเขาจะได้รับเม็ดยาฝึกฝนได้ง่ายๆ

เป็นผลให้จำนวนป้ายสิทธิ์ลดลงอย่างมาก ดังนั้นการที่มีป้ายสิทธิ์เหลืออยู่สิบป้ายอาจจะน้อยเกินไป เฉียนคุนเดิมทีจะวางแผนเพื่อบังคับให้ใครสักคนใช้ป้ายสิทธิ์นี้ แต่ตอนนี้เขากำลังจะตายก็ยิ่งโหดเหี้ยมและรอให้หวังหลินตามทัน

คนที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วยป้ายสิทธิ์หายากนักที่จะอยู่ได้ร้อยวันหากอยู่ในทะเลปิศาจ ทว่าหากเขาสามารถอยู่ได้เกินหนึ่งร้อยวัน เมื่อนั้นเขาสามารถกลืนเม็ดยาได้ด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นหวังเลินเข้ามาใกล้ เฉียนคุนถือป้ายอาญาสิทธิ์ร้อยวันหมื่นอสูรขึ้นและตะโกน “หยุดซะ! เจ้ารู้จัดป้ายนี้ไหม?​ข้าหลอมมันกับวิญญาณข้าไปแล้ว หากเจ้าสังหารข้า เจ้าจะถูกหมายหัวด้วยอาญาสิทธิ์สังหาร! เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้า แต่เจ้าได้สังหารผู้อาวุโสทั้งเก้าคนไปแล้ว เช่นไรถึงสังหารเพิ่มอีกเล่า? หากเจ้าไว้ชีวิตข้า ข้าสามารถแนะนำเจ้าและอนุญาติให้เจ้ากลายเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักปิศาจรบเช่นข้า ว่าอย่างไร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!