Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 162

Cover Renegade Immortal 1

162. บรรลุข้อตกลง

 

ขณะที่ชายชราพูดเรื่องนี้เขาพลันสะบัดแขนและสายฟ้าออกมาทุกทิศทาง ในไม่ช้ากรงสายฟ้าได้กักขังหวังหลินไว้ภายใน

ใบหน้าหวังหลินมืดหม่น เขาหยุดเคลื่อนไหวพลางหันหน้าเข้าหาชายชราและถามอย่างเยือกเย็น “ผู้อาวุโสต้องการสิ่งใด?”

ชายชราจ้องหวังหลินอยู่นานก่อนจะพูดขึ้น “ข้าต้องการยืมมนต์แห่งความตายของเจ้า” หวังหลินไตร่ตรองเล็กน้อยจากนั้นมองกรงสายฟ้ารอบด้าน เสียงแตกเปรี๊ยะดังออกมาจากสายฟ้ารอบๆเขา

“ข้าต้องการรู้ว่าทำไม”

ชายชราวิเคราะห์ก่อนจะส่ายศีรษะ “ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องนี้ทว่าเจ้าไม่ต้องกังวล ชายชราผู้นี้ไม่ให้เจ้าทำเสียเปล่า หากเจ้ามากับข้า ข้าจะให้ของขวัญเจ้าเป็นเม็ดยาแปลงปฐพี!”

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งแต่รู้สึกถูกล่อตาล่อใจ เขาเคยได้ยินเม็ดยาแปลงปฐพีจากลี่มู่หวานและรู้ได้ว่ามันหายากมากขนาดไหน มันคือเม็ดยาที่ใช้ช่วยเพิ่มระดับฝึกตนหนึ่งระดับระหว่างขั้นแกนลมปราณ มันจะมีโอกาสสูงที่จะยกระดับขั้นจากเซียนขั้นแกนลมปราณระดับต้นไปสู่ระดับกลาง ขณะเดียวกันโอกาสเพิ่มจากระดับกลางไประดับปลายไม่ได้สูงนักทั้งมันยังเพิ่มพลังปราณและรากฐานในอนาคตอีกด้วย

หวังหลินครุ่นคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายชรา เขาไม่ได้พูดคำใดทว่าสงสัยยิ่งนัก แม้เขาจะไม่อาจเห็นระดับฝึกตนของชายชราได้ทว่าเขาสามารถทำลายค่ายกลป้องกันสำนักของสมาพันธ์ฮัวเฝินได้ในฝ่ามือเดียวและยังทำให้เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดหวาดกลัวด้วยเสียงคำรามหนึ่งครา เขาควรจะอยู่จุดสูงสุดขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายหรืออาจจะก้าวเข้าสู่ขั้นตัดวิญญาณไปแล้ว

ด้วยระดับฝึกตนของเขาสามารถกำหนดข้อห้ามเพื่อข่มขู่หวังหลินได้ง่ายๆหรือเพียงแค่หลอมหวังหลินไปเป็นตุ๊กตาที่สามารถฟังคำสั่งเขาทุกอย่าง ตอนนี้มันดูไม่เหมือนว่าชายชราจำเป็นต้องคุยกับหวังหลินเพื่อการเจรจาต่อรอง

หวังหลินลอบคิด “ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ๆ” ทว่าเขาไม่ได้เผยสิ่งผิดปกติบนใบหน้า หวังหลินไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนจะจ้องกลับที่ชายชราและส่ายศีรษะ

ชายชราพูดอย่างใจเย็น “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย” เขาปิดฝ่ามือขวาและกรงสายฟ้ารอบด้านหวังหลินเริ่มหดลง หวังหลินจ้องชายชราเผยท่าทางเยาะเย้ย

กรงสายฟ้าเข้าใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นจนกระทั่งมันเกือบจะสัมผัสเขา ปลายผมและเสื้อที่สัมผัสกับกรงได้ถูกลมพัดและมันกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที

ขณะที่กรงกำลังเข้ามาสัมผัสกับหวังหลิน ชายชราหยุดลงและมองเขา “ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเจ้าดีมากแต่เจ้าไม่รู้จักสถานที่แห่งนั้น เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่สังหารเจ้า?”

หวังหลินแสดงใบหน้าเยาะเย้ยมากกว่าเดิมขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็น “ยาเปลี่ยนปฐพีหนึ่งเม็ดไม่เพียงพอ”

ชายชราจ้องหวังหลินและลอบสาปแช่ง หากไม่ใช่ว่าคนที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นมีเงื่อนไขบางอย่าง เขาคงละทิ้งเงื่อนไขเจ้าเด็กเหลือขอและหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งหมดไปแล้ว

ไม่ว่าเขาจะวางข้อจำกัดแบบไหน ทั้งหมดคงถูกทำลายไปเมื่อเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นรวมถึงสถานที่ที่จำเป็นต้องใช้มนต์แห่งความตายด้วย หากเจ้าเด็กสารเลวคนนี้เกิดไม่พอใจขึ้นมาคงสังหารผู้นำทุกคนตายได้ง่ายๆ

เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเกือบตายเมื่อเข้าไปครั้งแรกตอนหนึ่งพันปีก่อน จนทำให้เขาใช้เวลาหนึ่งพันปีเพื่อฟื้นฟูระดับฝึกตนของตัวเอง และแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีระดับสูงกว่าครั้งก่อนแต่กลับสั่นสะท้านทุกครั้งที่คิดถึงสถานที่เช่นนั้น

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถวางเงื่อนไขอะไรกับหวังหลินได้ หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหลินเขาผ่อนคลายเล็กน้อยขณะที่สะบัดแขนและกรงสายฟ้าคลายออกทันที

หวังหลินไม่แม้แต่กระพริบตาหรือมองไปที่กรงสายฟ้า เขาเพียงจ้องมองชายชราอย่างเยือกเย็น

ชายชราพูดอย่างมั่นเหมาะ “แค่พูดสิ่งที่เจ้าคิดมาว่าต้องการอะไร?”

“ข้าต้องการรู้ว่าสถานที่ที่ข้าจะเข้าไปนั้นอันตรายแค่ไหน” หวังหลินพูดด้วยความสงบและน้ำเสียงหนักแน่น

ชายชราหัวเราะ “ตาเฒ่าคนนี้จะไม่โกหกเจ้าหรอกว่ามันอันตรายขนาดไหน เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับต้นมีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่จะร่อแร่ ขณะที่ระดับกลางเพียงโชคดีที่สามารถเอาตัวรอดได้ มีเพียงระดับปลายที่บรรลุขั้นตัดวิญญาณที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยรอบๆที่แห่งนั้นแต่หากไม่ระมัดระวังพวกเขาคงจะตายอยู่ดี”

“แม้ว่าสถานที่แห่งนั้นจะอันตราย การเก็บเชี่ยวช่างมหาศาลเช่นกัน สมบัติวิเศษ เม็ดยา วิธีฝึกตน…พูดได้ว่าอะไรก็ตามที่เจ้าต้องการอยู่ที่นั่น มีเรื่องเล่าลือกันว่าเม็ดยาขั้นเปลี่ยนวิญญาณเพียงเม็ดเดียวก็มีโอกาสทำให้เจ้ากลายเป็นเซียนขั้นเปลี่ยนวิญญาณได้”

“ส่วนเรื่องอันตรายพวกนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลมากนัก การใช้มนต์แห่งความตายของเจ้ามีประโยชน์มหาศาล อย่างน้อยเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่เจออันตรายใดๆ นอกจากนั้นตราบใดที่เจ้าไม่โลภเกินไปและรอคอยไว้ เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เจ้าจะสามารถเคลื่อนย้ายออกมาข้างนอกได้”

หวังหลินได้ยินเช่นนั้นและเริ่มไตร่ตรอง คำพูดนั้นเขาเชื่อราวๆสามส่วนเท่านั้น

“ข้าเห็นได้ว่าเจ้าพึ่งจะบรรลุขั้นแกนลมปราณ ลืมมันซะเถิด ข้าจะให้เม็ดยาสร้างวิญญาณกับเจ้าหากเจ้าตอบตกลงมากับข้า พร้อมกับที่ข้าสัญญาว่าจะให้สมบัติวิเศษเจ้าหนึ่งชิ้นเมื่อข้าได้มันมาจากสถานที่แห่งนั้น ว่าอย่างไรเล่า?”

เขาเคยได้ยินเม็ดยาสร้างวิญญาณจากลี่มู่หวานมาก่อน มันสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างวิญญาณเซียนได้เล็กน้อย ขาดแคลนอย่างมากในแคว้นเซียนอันดับสามและยังหายากในแคว้นอันดับสี่ ขณะที่สูตรยากลับถูกแคว้นอันดับห้าควบคุมไว้

หวังหลินไตร่ตรองชั่วครู่ เขาถูกสถานที่ลึกลับที่ชายชราพูดถึงล่อใจเล็กน้อยหวังหลินไม่คิดถึงเรื่องการได้รับเม็ดยาเปลี่ยนวิญญาณจริงๆ แต่เขาหวังว่าจะหาเม็ดยาได้บางส่วนและวิธีฝึกฝนที่ช่วยเขาบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้ ไม่เช่นนั้นการที่ไม่มีตัวช่วยภายนอกเลย หวังหลินไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เขาจะฝึกฝนจนบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้

และหาเขาปฏิเสธข้อตกลงต่อไป ชายชราคงสังหารเขาด้วยความโกรธเคือง มีเพียงเส้นทางเดียวเบื้องหน้าเขาตอนนี้

หวังหลินพยักหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ก็ได้ ข้าตกลง!”

ชายชราจ้องหวังหลินชั่วครู่ก่อนจะถามขึ้นทันที “ที่เจ้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยสองครั้งนั้น เจ้าทำได้เช่นไร?”

หวังหลินจ้องชายชราและไม่ได้ตอบคำถาม ทั้งสองเพียงมองหน้ากันและกันชั่วครู่ ชายชราถอนสายตาออกมาและไม่ถามคำถามหวังหลินอีกพลันพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ไปเถอะ มีเวลาน้อยกว่าครึ่งปีก่อนที่สถานที่แห่งนั้นจะเปิดขึ้น หากเจ้าพยายามหนีจะไม่ได้รับโอกาสซ้ำสองอีก ข้าจะหลอมเจ้าซะ” จากนั้นชายชราวาดสัญลักาณ์ชิ้นหนึ่งบนอากาศและมันลอยเข้าร่างกายหวังหลิน

“นี่คือเครื่องหมายสัมผัสวิญญาณ มันไม่มีอันตรายและใช้เพียงติดตามเจ้าเท่านั้น เมื่อเราไปถึงสถานที่แห่งนั้นข้าจะปล่อยมันออกให้”

หวังหลินเตรียมพร้อมกับเรื่องนี้ไว้แล้ว หากเป็นเขาคงทำสิ่งเดียวกัน หากชายชราต้องการตั้งเงื่อนไขอันตรายคงไม่ต้องรอให้จนถึงตอนนี้

หวังหลินไม่ขยับกาย เขามองไปทางฮัวเฝินและพูดขึ้น “ผู้น้อยยังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะรอได้สักสองสามวัน”

ชายชราขมวดคิ้วขณะที่เขาจ้องหวังหลินและถามขึ้น “เรื่องอะไร?”

ทันใดนั้นหวังหลินคิดถึงสิ่งหนึ่งและถามขึ้น “ผู้อาวุโสเคยได้ยินเส้นทางสวรรค์ของเจดีย์เทพสงครามหรือไม่?”

ชายชราเยาะเย้ย “วิชาฝึกฝนที่สามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างวิญญาณเซียน ตอนนั้นเจ้าเด็กน้อยพบมันจนทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ทว่าแม้เจ้าจะออกตามหาคงไม่พบเส้นทางสวรรค์ดั้งเดิมยกเว้นว่าเจ้าจะไปแคว้นเซียนอันดับสี่ที่ชื่อว่าเทียนกาง”

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งเช่นเดียวกับภายนอกทว่าหัวใจเต้นรัว เดิมทีเขาคิดว่าเจดีย์เทพสงครามคงไม่เหลือเส้นทางสวรรค์ฉบับดั้งเดิมไว้แล้ว

ทว่าหวังหลินไม่เชื่อก่อนจะออกไปตรวจสอบมันด้วยตัวเอง ผลก็คือเขาเหาะไปทางสมาพันธ์ฮัวเฝิน ดวงตาชายชราสว่างขึ้นก่อนจะติดตามเบื้องหลังหวังหลินอย่างลวกๆ

ไม่นานหลังจากนั้นภูเขาของสมาพันธ์ฮัวเฝินปรากฎเบื้องหน้าเขา หวังหลินรอจนกระทั่งชายชรามาถึงก่อนจะตะโกนขึ้น “หม่าเหลียงขอคารวะผู้อาวุโสเฟิ่งหลวนจากเจดีย์เทพสงคราม!”

น้ำเสียงเขากระจายออกราวกับฟ้าร้องข้ามผ่านภูเขา ไม่นานนักผู้คนจำนวนสองสามคนเหาะเหินออกมาจากภูเขา มีสตรีสุดสวยนางหนึ่งนำกลุ่ม เธอคือเฟิ่งหลวน

สิ่งแรกที่เธอสังเกตได้คือชายชราด้านหลังหวังหลินทำให้รูม่านตาเธอหดเล็กลง ก่อนเธอจะจ้องไปบนหวังหลินพลันลอบตกใจ เวลาไม่กี่ปีเขาได้สร้างแกนพลังปราณแล้ว ถึงอย่างนั้นเมื่อคิดว่าคนที่ควบคุมร่างหม่าเหลียงไว้อยู่ต้องเคยบรรลุขั้นแกนลมปราณมาแล้วเป็นแน่ ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลว่าทำไมเขาถึงสามารถบรรลุมันได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว เธอวิเคราะห์เล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นน้ำเสียงเยือกเย็น “คนที่ชายผู้นั้นค้นหามาสามปีเป็นเจ้าเช่นนั้นหรือ?”

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะที่เขาหลบเลี่ยงคำถาม “ผู้อาวุโสเฟิ่งหลวน ผู้น้อยมีเรื่องขอร้องหนึ่งเรื่องที่หวังว่าท่านจะตอบตกลง”

เฟิ่งหลวนมองชายชราด้วยความกลัวเกรงก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น “พูดมา”

หวังหลินสงบนิ่งและพูดช้าๆ “ผู้น้อยต้องการดูเส้นทางสวรรค์”

เฟิ่งหลวนไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนจะมองชายชราเพื่อค้นหา ขณะเดียวกันเขากลับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ในสามปีนี้พวกเขาได้ทราบว่าระดับฝึกตนของชายชรานี้อยู่ที่ขั้นไหน เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาที่หน้าประตูจึงช่วยไม่ได้ที่จะลอบตกใจ

ขณะเดียวกันชายชราใบหน้าแดงก่ำเดินออกมาจากเบื้องหลังเฟิ่งหลวน เขามองไปที่หวังหลินด้วยสายตาเคร่งเครียด “นับตั้งแต่เจ้าเป็นศิษย์ของเจดีย์เทพสงครามของเรา ไม่มีปัญหาที่เจ้าจะดูมัน ตามข้ามา” สิ้นคำเขามองไปบนชายชราด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

หวังหลินเหาะไปด้านหลังเขาโดยไม่พูดจา

ใบหน้าชายชรายังคงไม่แยแส เขาไม่ใช่คนงี่เง่าดังนั้นจึงสังเกตได้ว่าหวังหลินใช้เขาเพื่อการดูเส้นทางสวรรค์ ทว่าเขาไม่ใส่ใจที่กับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ นับตั้งแต่ที่เขาช่วยเจ้าเด็กคนนี้เขาก็จะช่วยให้ถึงที่สุด

ด้วยวิธีนี้เขาจะแก้ไขความสัมพันธ์ต่อกันให้ดีขึ้น

เมื่อคิดเรื่องนี้พลันพูดขึ้น “สหายตัวน้อย ข้าจะรอเจ้าข้างนอกนี่ หากเจ้าได้รับอันตรายไม่ว่าทางใดก็ตาม ข้าจะทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนภูเขาลูกนี้ถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า”

ร่างชายชราใบหน้าแดงดำสั่นเทาแต่เขาฟื้นฟูมาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนพร้อมด้วยหวังหลินกลับเข้าไปในภูเขาและหยุดลงเบื้องหน้าแผ่นหินหนึ่ง

ชายชราใบหน้าแดงก่ำตัดสินใจทำลายความเงียบขณะที่เขาหันกลับมามองหวังหลินและพูดขึ้นทีละคำ “ข้าควรเรียกเจ้าว่าหวังหลินใช่ไหม?”

หวังหลินพยักหน้าเงียบๆ

ชายชราสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หวังหลิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาได้ลบล้างไปหมดแล้ว ข้าไม่สนว่าเจ้ามีปัญหาอะไรมาบ้าง แต่อย่าลากเจดีย์เทพสงครามเข้าไปข้องเกี่ยว หากเจ้าสัญญากับข้า เช่นนั้นข้าจะเปิดเจดีย์ให้เจ้าเห็นเส้นทางสวรรค์!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!