Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 177

Cover Renegade Immortal 1

177. หม้อน้ำราชาพิษ

ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายขณะที่จ้องสะพานหิน ในสามวันนี้เขาสังเกตการณ์และยังไม่ได้ก้าวไปบนนั้นสักก้าว

นอกจากสะพานหินแห่งนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดในโลกสีเทานี้อีก

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะสะบัดแขน พายุทอร์นาโดทั้งสีสิบสองลูกด้านหลังทันใดนั้นหยุดหมุนลง พวกมันกลายเป็นอสูรตัวเล็กนับหมื่นตัวและพลันกระจายออก

หวังหลินหลับตาเบาๆและใช้การเชื่อมต่อกับเจ้าปิศาจน้อยเพื่อรับรู้ความรู้สึกของอสูรตัวเล็กพวกนั้น ขณะที่เหล่าอสูรตัวเล็กกระจายออก ด้านหลังเขาได้ยินแต่เพียงเสียงกระพือปีก ผ่านไปชั่วครูเสียงพวกนั้นก็จากไป

หลังจากผ่านไปนาน เขาพลันลืมตาขึ้นและเหาะเหินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ อสูรตัวเล็กพวกนั้นเริ่มรวมตัวกันจากทุกทิศทางและสร้างพายุทอร์นาโดด้านหลังเขาอีกครา

ไม่นานนักหวังหลินหยุดลงเมื่อมาถึงแผ่นหินสูงมากกว่สิบจ้าง ตัวแผ่นหินเปล่งแสงสีแดงให้ความรู้สึกอันน่าหวาดกลัว

มีอสูรตัวเล็กเพียงไม่กี่ตัวบนแผ่นหิน พวกมันกระพือปีกและเปล่งเสียงร้องซี่ๆออกมา

หลังจากเห็นหวังหลินมาถึง พวกมันบินเข้าหาและรวมกับพายุทอร์นาโดด้านหลัง หวังหลินเห็นคำพูดขนาดใหญ่สี่คำบนแผ่นหินว่า “ถนนไม่หวนคืน”

สามคำนี้ให้ความรู้สึกอันเก่าแก่ หวังหลินมองเล็กน้อยก่อนจะเลื่อสายตาไปบนมุมขวาล่าง เขามองอย่างเคร่งเครียดเล็กน้อยก่อนจะสะบัดแขน สายลมพัดผ่านฝุ่นทั้งหมดลงมาพร้อมกับสิ่งสกปรกไปบนแผ่นหินและไม่ปกคลุมคำพูดหนึ่งที่ปรากฎขึ้น

“ข้าได้ผ่านบททดสอบปฐพีและจับราชาอสูรตัวเล็กมาถึงถนนไม่หวนคืนแห่งนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นสิ่งน่าสนใจมาก หากใครก็ตามในภายภาคหน้ามาเห็นสิ่งนี้นับว่าเป็นโชคชะตา ข้าขอแนะนำท่านหนึ่งอย่างนั่นคือขบคิดความหมายของ‘ไม่หวนคืน’ ”

ใบหน้าหวังหลินสงบเรียบแต่กลับลอบตกใจ ประโยคเหล่านี้เป็นเหมือนกับที่เขาเห็นในหอคอยสีดำ ซึ่งถูกเขียนด้วยคนเดียวกัน

จากการมองคำพูดนี้ บททดสอบปฐพีเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาแน่นอน แม้กระทั่งราชาอสูรที่แข็งแกร่งยังถูกเขาจับไป

แต่ทว่าอีกความคิดหนึ่ง หวังหลินขมวดสายตาขึ้น หากคนผู้นี้จับราชาอสูรในบททดสอบปฐพี ทำไมมันถึงยังอยู่ที่นี่กัน? ต้องมีบางส่วนที่โกหกในคำพูดนี้ คำพูดว่า “จับ” ได้บอกเป็นนัยว่ามันติดตามคนผู้นี้

ซึ่งมีโอกาสที่เขาจะจับมันได้จริงๆและอีกทางหนึ่งมันเกิดขึ้นหลังจากผ่านมาหลายปีมากแล้ว

หวังหลินไม่ได้สนใจว่ามันจะจริงหรือหลอก สายตาเขากลับไปบนคำพูด “ถนนไม่หวนคืน” และเริ่มขบคิด

หลังจากผ่านไปนานเขาหันตัวและเหาะเหินกลับสะพานหินพรอ้มกับพายุทอร์นาโดที่กำลังติดตามอย่างกระชั้นชิด

หลังจากกลับไปถึงสะพาน หวังหลินแตะกระเป๋าและเจ้าปิศาจฉวี่ลี่กั๋วลอยอกมาทันที มันมองอย่างหึงหวงไปที่เจ้าอสูรตัวน้อยและลอบก่นด่าในใจ “หากเขามีน้องเล็กจำนวนมากติดตามแล้วจะเป็นเช่นไรกัน? ข้าจะต้องหาผู้ติดตามเสียบ้าง!”

หวังหลินมองสะพานหินและชี้ไปที่มัน ขณะนั้นฉวี่ลี่กั๋ววิ่งเข้าหาสะพานหินโดยไม่ต่อรองเช่นคราวก่อน

มันพุ่งไปสุดกำลังขณะที่มองพายุทอร์นาโดอย่างภูมิใจและคิดขึ้น “เห็นไหมหล่ะ? อสูรนี่ยังคิดว่าข้าสำคัญมากกว่า แต่ทำไมมันไม่ให้เจ้าหมายเลขสองทำแทนกัน?”

เมื่อมันมองไปที่หวังหลิน เขากลับเผยใบหน้าพอใจก่อนที่กระบี่เหินจะพุ่งเข้าสะพานหิน มันบินผ่านเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับอันตรายใดและกระทั่งหมุนรอบสะพานไม่กี่ครั้งก่อนจะกลับเข้ามา

หวังหลินขมวดคิ้วบางๆ เขาแบมือออกพลันอสูรตัวเล็กหนึ่งตัวบินออกมาจากพายุทอร์นาโดและร่อนลงบนฝ่ามือเขา มันมองเขาด้วยดวงตากลมเล็กและยังสงบนิ่ง

หวังหลินโยนอสูรตัวเล็กไปทางสะพานหินสีดำ อสูรตัวเล็กเคลื่อนที่สามก้าวก่อนจะหยุดลง หวังหลินจ้องมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ร่างอสูรตัวเล็กสั่นเทาขณะที่มันค่อยๆหันไปรอบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว จากนั้นขณะที่มันกำลังจะหันกลับ กระแสน้ำวนหนึ่งสายปรากฎใต้ฝ่าเท้าพร้อมกับดูดมันเข้าไป วินาทีทัดมาทุกสิ่งกลับสู่สภาพปกติ

หวังหลินขบคิดขั่วขณะ เขาเข้าใจได้ว่าสะพานหินเป็นกุญแจหลักในการออกจากถนนไม่หวนคืนแห่งนี้ได้ เขาทดสอบสะพานด้วยอสูรตัวเล็กอีกไม่กี่รอบและผลออกมาเช่นเดิม

ทว่าหวังหลินสังเกตได้ว่าเมื่ออสูรตัวเล็กกลุ่มหนึ่งเข้าไป มีเพียงตัวเดียวที่ได้รับผลกระทบขณะที่ตัวอื่นไม่ได้รับผลจนกระทั่งตัวแรกตายไป จากนั้นตัวอื่นๆถึงได้รับผลกระทบและตามมาเรื่อยๆ

ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายขณะที่พึมพำขึ้น “ไม่หวนคืน…ไม่หวนกลับ…นั่นหมายความว่าเมื่อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วไม่สามารถกลับหลังได้…” หวังหลินขบคิดเรื่องนี้แต่ยังไม่ได้ก้าวไปบนสะพาน

เขานั่งลงในท่านั่งดอกบัวถัดจากสะพานและนำกระเป๋าสองชิ้นออกมา หนึ่งในนั้นมีเส้นด้ายสีทอง มันเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่เขาขโมยมาจากซากศพลึกลับขณะที่กำลังเรียนรู้เส้นทางสวรรค์ในเจดีย์เทพสงคราม

น่าเสียดายที่มีพลังงานลึกลับบนกระเป๋าที่ป้องกันสัมผัสวิญญาณเขาจากการเข้าไปและเปิดข้างในออก หวังหลินรู้ได้ว่ากระเป๋านั้นมีสัมผัสวิญญาณของคนอื่นอยู่และเขาต้องลบมันออกก่อนเพื่อที่จะเปิดมันได้

ทว่าสัมผัสวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไป พลังจากพยายามอยู่ไม่กี่ครั้งหวังหลินจึงล้มเลิกความคิด เขาล้อมรอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาแทนเพื่อให้สัมผัสวิญญาณในกระเป๋าถูกตัดขาดจากโลกภายนอกพร้อมกับทำให้เจ้าของไม่อาจสัมผัสการคงอยู่ของมันได้

แม้ว่าหวังหลินไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะลบสัมผัสวิญญาณได้แต่เขายังสามารถซ่อนมันด้วยสัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ได้แทน

กระเป๋าอีกชิ้นเป็นใบที่ขโมยมาจากเมิ่งหลังค่อม สัมผัสวิญญาณของมันหายไป นั่นหมายความว่าเมิ่งหลังค่อมตายแล้วเรียบร้อย

หวังหลินเยาะเย้ยในใจ ดวงตาสว่างขึ้นเมื่อเขาเปิดมัน นี่มันเป็นสิ่งของที่เซียนขั้นตัดวิญญาณคนหนึ่งเก็บรักษาไว้หลายพันปี เพียงแค่หินวิญญาณอย่างเดียวมีมากกว่าสามแสนก้อนสูงเท่าภูเขาย่อมๆ

สิ่งที่ทำให้ดวงตาหวังหลินส่องประกายมากกว่าก็คือก้อนหินสองชิ้นล้อมรอบพวกมัน มันเป็นหินวิญญาณระดับสูงที่หายากมาก หัวใจหวังหลินหยุดเต้นชั่วอึดใจ เมื่อหินวิญญาณระดับสูงสองก้อนนี้เป็นความเสี่ยงอันคุ้มค่าที่หวังหลินขโมยมา

นอกจากหินวิญญาณ มีขวดหลากหลายขวด สุดท้ายคือสมบัติวิเศษ มีเพียงหม้อน้ำสีเขียวที่ถูกแบ่งครึ่งและไม่มีสิ่งใดอื่นอีก

หวังหลินเข้าใจเรืองราวหลังจากเขาขบคิดเล็กน้อย เมิ่งหลังค่อมถูกกักขังเป็นเวลานานดังนั้นเขาต้องใช้สมบัติของตัวเองจนหมด การคาดเดาของเขาแม่นยำมาก เมิ่งหลังค่อมมีสมบัติวิเศษหลายชิ้นและทั้งหมดต่างมีระดับวิญญาณแรกกำเนิดหรือสูงกว่า ทว่าหลังจากพยายามทะลวงผ่านพายุทอร์นาโดหลายครั้งเขาจึงใช้สมบัติของตัวเองหมดไป โดยเฉพาะครั้งหนึ่งที่เขาใช้อสูรวิญญาณสิบตัวเป็นเครื่องสังเวย เขาโยนสมบัตินับไม่ถ้วนเข้าไปในตอนนั้น กระทั่งได้ระเบิดสมบัติเพื่อสร้างเส้นทาง แต่น่าเสียดายที่ตอนท้ายยังคงล้มเหลวกลับมา

ด้วยเหตุนั้นจึงเหลือเพียงสมบัติวิเศษที่เหลือทิ้งไว้คือหม้อน้ำสีเขียว

นอกจากทั้งหมดนี้ยังมีหินหยกหลายชิ้นภายในกระเป๋าด้วย หวังหลินตรวจสอบพวกมันทีละก้อนและยิ้มกว้างขึ้นหลังจากอ่านพวกมัน หินหยกพวกนี้เต็มไปด้วยกรรมวิธีการปรุงยา หลอมสมบัติ และบันทึกของอสูรวิญญาณ

ของพวกนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อหวังหลินในปัจจุบัน อย่างน้อยจะไม่มีปัญหาเรื่องไม่สามารถระบุคุณค่าวัตถุดิบได้ตอนที่ตรวจสอบมันอีกครั้ง

อีกทั้งเมิ่งหลังค่อมเชี่ยวชาญการปรุงสมุนไพรและยาพิษ ดังนั้นกระเป๋าจึงมีหินหยกที่มีเรื่องเหล่านั้นเป็นพิเศษ หวังหลินใช้เวลาไปนานมากเพื่ออ่านทั้งหมด จึงทำให้ความรู้ของเขาเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า

มีหินหยกสีเขียวเข้มชิ้นหนึ่งที่หวังหลินให้ความสนใจ มันเป็นวิธีฝึกฝนเซียนและชื่อมันมีเพียงคำเดียวนั่นคือ อเวจี

วิธีฝึกนี้อธิบายถึงการเป็นปราณเทพมารที่ใช้พิษซึ่งเป็นรากฐานของขอบเขตเต๋า มีทั้งหมดเก้าระดับ เมื่อถึงระดับหกกระทั่งเซียนขั้นตัดวิญญาณก็ไม่อาจต่อต้านพิษได้

ทว่าวิธีการฝึกนี้โหดร้ายขั้นรุนแรง หนึ่งคืออดทนต่อความเจ็บปวดแทบจินตการไม่ได้เพราะพิษหลายชนิดฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อที่จะสร้างร่างกายพิษ

ผลสะท้อนนี้คงอยู่จนกระทั่งเข้าถึงระดับเก้าได้ เมื่อพิษทั้งหมดถูกขับออกจากร่างเพื่อสร้างพิษอเวจีที่แท้จริงถึงจะทำให้คนผู้นั้นกลับมาเป็นปกติ ก่อนหน้านั้นคนที่ฝึกฝนจะได้รับความผิดปกติทางร่างกาย สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือตุ่มหนองจะเติบโตบนร่าง

หลังจากหวังหลินอ่านจนจบพลันขบคิดเล็กน้อยและยกเลิกความคิดการฝึกฝนวิธีนี้ เมิ่งหลังค่อมมีกลิ่นเหม็นสาบเพราะว่าฝึกฝนวิธีนี้ แม้ว่าหวังหลินจะไม่ใส่ใจตัวเองแต่หยกชิ้นนี้อธิบายว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยพิษ ซึ่งมีโอกาสที่พิษจะเข้าสู่จิตสำนึกและเปลี่ยนท่านเป็นเปลือกนอกที่เพียงรู้แต่วิธีการสังหารเท่านั้น

จึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมถึงยกเลิกวิธีฝึกฝนเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่อาจใช้วิธีฝึกเซียนนี้ได้แต่ยังมีวิชาอีกหลายชนิดในหินหยกที่เขาสามารถใช้ได้หากมีพิษ

เรื่องการกลั่นพิษนั้น หวังหลินอ่านหินหยกที่มีประสบการณ์ทั้งหมดของเมิ่งหลังค่อมมาแล้วซึ่งทำให้หัวใจหวังหลินสั่นอย่างตื่นเต้น

เขานำขวดทั้งหมดจากกระเป๋าและใช้หินหยกเพื่อระบุแต่ละชิ้น ส่วนใหญ่คือพิษทั้งหมดและมีเพียงหนึ่งขวดที่หวังหลินรู้จักซึ่งมันเป็นเม็ดยาที่เขาได้รับเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกพิษ

เม็ดยาป้องกันพิษนี้เป็นเม็ดยาระดับกลาง โดยเฉพาะการใช้กับพิษที่ไม่รุนแรงกับยาเม็ดนี้จะช่วยให้ผลของยาเพิ่มขึ้น

หวังหลินเก็บทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในกระเป๋าของตัวเองและโยนของเมิ่งหลังค่อมบนพื้น จากนั้นเขาหยิบของชิ้นมาชิ้นหนึ่งพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียด

ของชิ้นนี้คือสมบัติล้ำค่าของเมิ่งหลังค่อม หม้อน้ำสีเขียว

แม้ว่าหม้อน้ำนี้จะถูกแบ่งออกเป็นครึ่งทว่ายังคงมีพลังปราณอันแข็งแกร่งออกมาจากมัน พลังปราณนี้เต็มไปด้วยพิษร้าย สารสีเขียวนั่นสามารถสลายสัมผัสวิญญาณที่หวังหลินสร้างแยกออกมาได้ขณะที่กำลังตรวจสอบ

หวังหลินรู้ว่านอกจากหินวิญญาณระดับสูงและหินหยกเขียว สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดถัดมาในกระเป๋าของเมิ่งหลังค่อมคือหม้อน้ำนี้ นอกจากนั้นหม้อน้ำนี่คือสมบัติล้ำค่าของเซียนขั้นตัดวิญญาณและมันถูกขัดเกลาด้วยร่างกายเขามานานหลายพันปี

เมื่อหวังหลินตรวจสอบหินหยกจึงอธิบายมันได้ คนที่เข้าสู่ระดับสองในวิธีอเวจีจำเป็นต้องการสมบัติเพื่อข่มพิษในร่างกายตนเอง

หม้อน้ำสิ่งนี้คือของเลียนแบบหม้อน้ำราชาสมุนไพรในตำนาน แม้ว่ามันจะเป็นของเลียนแบบ วัตถุดิบที่หม้อน้ำสีเขียวนี้ถูกสร้างมาไม่ด้อยไปกว่าหม้อน้ำราชาสมุนไพรเลย สิ่งที่มันด้อยกว่าก็คือมันไม่ได้ดูดซับพลังปราณจากสมุนไพรนับหมื่นต้นเช่นเดียวกับหม้อน้ำราชาสมุนไพรทำได้

หม้อน้ำสิ่งนี้เป็นสมบัติที่สำคัญที่สุดของสำนักหนึ่งในแคว้นเซียนอันดับสาม เมิ่งหลังค่อมใช้เวลาหลายร้อยปีเพื่อได้มันมา เขาเข้าไปในสำนักคราแรกและกลายเป็นศิษย์เฉพาะของจ้าวสำนักด้วยพรสวรรค์ของตนเอง จากนั้นจึงได้รับโอกาสเข้าใกล้หม้อน้ำและขโมยมา สังหารอาจารย์ตนเองและหนีเข้าทะเลปิศาจ หลังจากนั้นจึงใช้หม้อน้ำนี้เป็นสมบัติแห่งชีวิต

เขาบังคับนำหม้อน้ำราชาสมุนไพรมาและขัดเกลาจนกลายเป็นหม้อน้ำราชาพิษ หากเขาบรรลุถึงระดับเก้าเมื่อนั้นแม้ว่ามันจะไม่ได้บรรลุระดับหม้อน้ำราชาสมุนไพรในตำนานก็คงใกล้พอ ทว่าเปลี่ยนจากหม้อน้ำราชาสมุนไพรเป็นหม้อน้ำราชาพิษแทน

น่าเสียดายเขาตายก่อนจะมาถึงที่นี่และด้วยโอกาสนั้นหม้อน้ำสิ่งนี้จึงตกมาอยู่ในมือหวังหลิน

หวังหลินรำลึกถึงสิ่งที่หินหยกอธิบายหม้อน้ำนี้หลังจากนั้นขบคิดเล็กน้อย หากเขาฝึกฝนวิชาเดียวกันเมื่อนั้นหลังจากถึงจุดหนึ่งเขาจะสามารถกลืนมันและทำให้กลายเป็นสมบัติแห่งชีวิตของตนเองได้ ทว่าเขาตัดสินใจไม่ฝึกฝนเซียนวิธีนี้แล้วจึงทำให้หม้อน้ำนี้ยากจะจัดการด้วย

หวังหลินคงรู้สึกผิดหวังมากหากเขาไม่สามารถใช้สมบัติชนิดนี้ได้ เหตุผลทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งมากขึ้น แม้ว่าเขาไม่ได้จะเข้าใกล้ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดและไม่ได้เพิ่มโอกาสอยู่รอดที่นี่ก็ตามที หวังหลินสามารถเดินทางผ่านสถานที่อันตรายแห่งนี้และหม้อน้ำเขียวสามารถเพิ่มอันตราการเอาตัวรอดที่นี่ได้แน่นอน

ใบหน้าหวังหลินมืดหม่น เขาเชิดศีรษะขึ้นและมองไปที่สะพานหิน ดวงตาส่องประกายก่อนที่จะอ้าปากและกระบี่ผลึกบินลอยออกมา กระบี่เหินลอยรอบตัวเขาสองสามครั้งก่อนจะหยุดลงด้านหน้า

หวังหลินมองไปที่กระบี่เหินด้วยใบหน้าอ้อยอิ่ง เขากัดฟันแน่นและตีเข้ากับกระบี่ผลึก ตัวกระบี่สั่นเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงกระหึ่มจากนั้นเส้นสีแดงหลายเส้นปรากฎบนตัวกระบี่

มันคือจิตวิญญาณโลหิตที่เขาใช้วิธีการหลอมโลหิตกระบี่ตอนที่อยู่ในแคว้นจ้าว แม้ว่าร่างของเขาและด้ามกระบี่ถูกทำลายไปแล้วทว่าวิชาหลอมโลหิตเป็นวิชาที่เกรี้ยวกราดอย่างมาก มันบังคับให้สลักจิตวิญญาณโลหิตไปยังจิตกระบี่

จิตกระบี่นี้เดิมทีไม่ได้มีรูปร่างหรือปัญญาแต่มันมีวิญญาณของหวังหลินมาหลายปีแล้วและมันเปลี่ยนไปเมื่อหวังหลินกลายเป็นวิญญาณกลืนกิน ซึ่งทำให้จิตกระบี่ได้รับปัญญาและถูกเก็บไว้

จนกระทั่งหวังหลินใช้วิชาหลอมสมบัติของเจดีย์เทพสงครามเพื่อสร้างร่างกายอีกร่างให้มันนั่นถึงเสร็จสิ้นกระบวนการเปลี่ยนรูปร่าง

พูดได้ว่ากระบี่เหินเล่มนี้ผ่านอะไรมามากสำหรับหวังหลิน คนนับไม่ถ้วนตายตกไปด้วยกระบี่เล่มนี้ กระบี่ได้รวบรวมจิตสังหารไว้ได้มากมายจนสามารถนับได้ว่ามันเป็นสมบัติสังหารหนึ่งชิ้น

หวังหลินเผยใบหน้าเคร่งเครียดขณะที่เคลื่อนมือขวาไปบนกระบี่ ลายโลหิตบนกระบี่ชัดเจนขึ้นจนกระทั่งเกิดรอยแตกบนลายพวกนั้นและเศษผงตกลงบนพื้น

ตอนนี้มีเพียงลายโลหิตลอยอยู่ในอากาศและภาพกระบี่เดี๋ยวปรากฎเดี๋ยวหายวับไป

หวังหลินสูดหายใจลึกก่อนจะสัมผัสกระเป๋า เตาปฏิกรณ์ลอยออกมา เขาโยนหมอน้ำสีเขียวสองส่วนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์ ควันสีเขียวปกคลุมเตาปฏิกรณ์ขณะที่ส่งเสียงซี่ซี่ดังออกมาจากข้างใน

ดวงตาหวังหลินกลายเป็นเย็นชา ฝ่ามือสร้างผนึกหลายรูปแบบวางบนเตาปฏิกรณ์ เตาปฏิกรณ์เริ่มหมุนเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนกระทั่งมีควันสีเขียวล้อมรอบมันไปด้วยทำให้กลายเป็นพายุทอร์นาโดสีเขียว

หวังหลินยื่นมืออกไปและคว้าเศษกระบี่ผลึกทั้งหมดเอาไว้ เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นและจ้องเตาปฏิกรณ์ที่กำลังหมุนอยู่อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปเนิ่นนานจึงโยนเข้าไปชิ้นหนึ่งขณะที่เตาปฏิกรณ์กำลังหมุน

ขณะที่มันเข้าไป เศษหยกหลอมละลายและรวมเข้ากับสิ่งที่อยู่ภายในเตาปฏิกรณ์ หวังหลินโยนชิ้นอื่นเข้าไปอย่างสงบนิ่ง หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามต่อมาเศษกระบี่หยกทั้งหมดได้เข้าไปในเตา หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอกจากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นมาหลายรูปแบบและวางมันลงบนเตาปฏิกรณ์

หลังทำเช่นนี้ เตาปฏิกรณ์เริ่มหมุนเร็วมากกว่าเดิมจนไม่อาจเห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างในได้อีกต่อไป พายุทอร์นาโดสีเขียวหมุนอย่างรวดเร็วจนดูราวกับหยุดนิ่ง

หวังหลินพึมพำ “ยังไม่พอ!” ด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาจึงเห็นได้ว่าความร้อนที่สร้างออกมาจากเตาปฏิกรณ์ยังไม่เพียงพอ ความร้อนนี้เนื่องจากหม้อน้ำเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเบาบางแต่มันยังไม่ได้หลอมละลาย

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นขณะที่สิ่งของหลายชิ้นลอยออกมาจากกระเป๋า หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองดูขณะที่คว้าชิ้นหนึ่งและโยนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์อย่างแม่นยำ

เมื่อของชิ้นนั้นตกลงเข้าไป มีควันสีเขียวพองออกมา แม้ว่าเตาปฏิกรณ์ไม่ได้หมุนเร็วขึ้นทว่าอุณหภูมิข้างในเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าเตา หม้อน้ำเขียวข้างในเป็นสีแดงเรียบร้อย

แต่ยังไม่มีสัญญาณว่ามันกำลังละลาย

สิ่งของที่เขาโยนเข้าไปข้างในเป็นวัตถุดิบหลอมแบบพิเศษของเจดีย์เทพสงครามซึ่งก็คือ ก้อนหินโลหิตระกา เมื่อกระตุ้นด้วยพลังปราณมันจะสามารถสร้างอุณหภูมิสูงได้ หากใช้มากไปแทนที่จะเพิ่มอุณหภูมิจะกลับเป็นลดอุณหภูมิแทน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมหวังหลินเก็บมันไว้หลังจากใช้ไปไม่กี่ก้อน

ภายในเตาปฏิกรณ์มีอุณหภูมิถึงจุดที่น่ากลัวไปแล้วแต่หม้อน้ำเขียวยังแค่เป็นสีแดงเปลวโดยไม่มีสัญญาณการละลาย

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะโยนเถาจันทราม่วง หินดอกไม้แฉก ไม้จันทราฟ้า และวัตถุดิบหลอมของเจดีย์เทพสงครามอีกหลายสิบชิ้น ของพวกนี้เขาโยนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์ทีละชิ้น ควันเมฆหลากสีพุ่งขึ้นจากเตาปฏิกรณ์เป็นรูปทรงหม้อน้ำ

ควันของหม้อน้ำนี้แตกกระจายในพายุทอร์นาโดสีเขียว แต่หลังจากนั้นด้วยอำนาจลึกลับ มันกลับเข้ามาในเตาปฏิกรณ์พร้อมกับลากควันสีเขียวเข้ามาด้วย

เสียงคำรามดังสนั่นออกมาจากเตาปฏิกรณ์และรอยร้าวปรากฎขึ้น หวังหลินเพ่งสมาธิตัวเองจดจ้องหม้อน้ำสีเขียวภายใน หม้อน้ำเขียวเริ่มละลายแต่ความเร็วที่มันละลายนั้นช้ามาก ด้วยอัตราเท่านี้มีโอกาสสูงที่เตาปฏิกรณ์จะแตกสลายเสียก่อนที่หม้อน้ำจะหลอมละลายเสร็จ

ดวงตาหวังหลินส่องประกาย เขาชูมือขวาขึ้นและเปลวไฟสีฟ้าปรากฎออกมา ทำให้อุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลงทุนที มันคือเปลวไฟนรกที่เขาสร้างได้ตอนที่ฝึกฝนวิธีเซียนนรกได้สำเร็จ

เปลวไฟน้ำแข็งหลอมรวมกันแกนทองคำของหวังหลินเรียบร้อยดังนั้นมันจึงไม่เคยหายไป แต่หากมันใช้มากเกินไปจะทำให้แกนทองคำของเขาได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้มันเป็นไพ่ตาย เว้นแต่จะถึงเวลาจำเป็นจริงๆ

เมื่อเห็นเตาปฏิกรณ์ถึงขีดจำกัดและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หวังหลินส่งเปลวไฟน้ำแข็งเข้าไปข้างหน้า

หวังหลินตั้งสมาธิจดจ่ออย่างมากขณะที่ควบคุมเปลวไฟให้เคลื่อนที่ข้างหน้าอย่างช้าๆ เขาทำเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการผันผวนในเปลวไฟเพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ไว้

ขณะนั้นเองรอยแตกบนเตาปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นทันที แต่ก่อนที่มันจะกระจายออกกลับถูกเปลวไฟน้ำแข็งล้อมไว้ทำให้เตาแข็งตัว

หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ หวังหลินปกคลุมไปด้วยเหงื่อไคล เขามีความเสี่ยงมาก หากควบคุมเปลวไฟได้ดีมันจะช่วยให้รักษาเตาปฏิกรณ์ไว้ด้วยกันได้ แต่หากเขาทำไม่ดีพอมันจะทำให้รอยแตกของเตาปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ต้องขอบคุณกำลังเสริมจากเปลวไฟน้ำแข็ง รอยแตกของเตาปฏิกรณ์จึงช้าลง ทว่าหากเขาไม่ได้จำกัดความเย็นของเปลวไฟเมื่อนั้นมันคงกระทบไปสู่การหลอมละลายของหม้อน้ำสีเขียวด้านใน นั่นจึงทำให้หวังหลินเพ่งสมาธิมากขึ้นเพราะว่าเขาต้องรักษาอุณหภูมิไว้ให้ถึงจุดที่เตาเสเถียรแต่ไม่กระทบต่อหม้อน้ำด้านใน

หม้อน้ำเขียวละลายอย่างเชื่องช้า หวังหลินไม่กล้าผ่อนคลายตลอดเวลา หลังจากเวลาผ่านไปจนไม่ทราบได้ ในที่สุดหม้อน้ำเขียวได้หลอมละลายกลายเป็นบ่อของเหลวสีเขียวเข้ม

หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นหนึ่งรูปวางบนเตาปฏิกรณ์พลันทำให้เตาหยุดหมุน หวังหลินยื่นมือเข้าไปและนำเอาของเหลวสีเขียวเข้มทั้งหมดออกมา

ข้างในของเหลวมีภาพหม้อน้ำขนาดเล็กเดี๋ยวปรากฎเดี๋ยวจางหาย หวังหลินรู้ได้ว่านี่คือจิตวิญญาณของหม้อน้ำราชาพิษ หวังหลินไม่ลังเลพลันสะบัดแขนและจิตวิญญาณกระบี่ลอยเข้าไปในอากาศรวมเข้ากับของเหลวสีเขียว

จิตวิญญาณของหม้อน้ำรวมเข้ากับมันเช่นกัน ใบหน้าหวังหลินเคร่งเครียดหนัก สองวิญญาณไม่ได้ต่อสู้กันอย่างที่หวังหลินคาดเดา หลังจากต่อต้านกันบางอย่างจิตวิญญาณหม้อน้ำกลายเป็นควันสีเขียวและเข้าไปในจิตวิญญาณกระบี่

หลังจากทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน ในที่สุดหวังหลินก็ผ่อนคลาย ฝ่ามือชี้หลายครั้งขณะที่ของเหลวสีเขียวควบแน่นอย่างช้าๆตามที่หวังหลินต้องการจนกลายเป็นรูปทรงกระบี่สั้นยาวหกนิ้ว

หนามขนาดเล็กสองแถวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากสองด้านของกระบี่ มันเปล่งแสงสีเขียวดูสวยงามมาก

กระบี่เหินควบแน่นเสร็จสิ้นและกลายเป็นสีเขียวเข้ม ตัวกระบี่ทั้งยังมีพิษของหม้อน้ำราชาพิษ หากคนผู้หนึ่งถูกกระบี่โจมตีเข้าหากไม่ตายทันทีก็โดนพิษ

กระทั่งหากเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดถูกกระบี่เล่มนี้โจมตี คงยากจะหนีรอดความตายพ้นได้ นอกจากนั้นพิษในกระบี่เล่มนี้มาจากหม้อน้ำราชาพิษของเมิ่งหลังค่อม

ทว่าหลังจากเปลี่ยนรูปร่างกระบี่เล่มนี้อีกครั้งเขาไม่กล้ากลืนกินและบำรุงมันในแกนทองคำของตัวเองแทน แม้กระทั่งตอนที่ใช้ เขาต้องระมัดระวังอย่างมาก หากถูกมันเข้าคงยากที่จะมีชีวิตรอดเช่นกัน

ไม่มียาแก้พิษสำหรับพิษของหม้อน้ำราชาพิษ นอกจากเมิ่งหลังค่อมไม่มีใครสามารถรักษาได้

หวังหลินมั่นใจพลังของมันมากโดยเฉพาะหนามด้านข้างกระบี่ทั้งสองด้าน เพียงแค่คิดว่าหนามพวกนี้แตกกระจายเพื่อโจมตีศัตรู คงยากมากที่จะป้องกันการโจมตีได้พ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!