Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 200

Cover Renegade Immortal 1

200. หยุนเฟย

ณ ทะเลปิศาจ ตำแหน่งดวงดาวยุ่งเหยิงพังทลาย

รูปร่างวงแหวนซึ่งเกิดจากดาวเคราะห์จำนวนมากที่พังทลาย มีพลังลึกลับสายหนึ่งในที่แห่งนี้ ไม่ว่ามันจะกำลังเข้าหรือกำลังออกไป คนผู้นั้นต้องเผชิญหน้ากับร่างอวตารหลายตัวที่มีระดับฝึกตนเทียบเท่ากับตัวเอง มีเพียงชัยชนะเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าหรือออกจากวงแหวนลึกลับได้ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันตรายดังนั้นจึงไม่มีคนมากนักเข้ามาที่นี่

แสงกระบี่สองเส้นพุ่งเข้าหาสถานที่แห่งนี้ หนึ่งแสงนำหน้าอีกแสงหนึ่ง แสงกระบี่เส้นที่นำอยู่เห็นชัดว่ามีแสงมัวหมอง ภายในแสงเป็นสตรีเยาว์วัยคนหนึ่งเม้มริมฝีปากและใบหน้าขาวซีด เธอสวมชุดคลุมสีแดงแกมเขียว เอวคอดกิ่วและดูน่ารักมาก

ภายในแสงด้านหลังเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมและคิ้วหนา ดวงตาโตราวกับระฆังพลันเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยขณะที่สายตาเย็นชาจ้องสตรีเยาว์วัยเบื้องหน้า

กระบี่ใต้ฝ่าเท้ามีความมั่นคงหนักแน่น ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ใช้แรงมากเท่าไหรนัก ขณะที่จ้องสตรีผู้นั้น ใบหน้าเผยความเย็นชาเพิ่มขึ้น

สองแสงนี้มีหนึ่งอยู่หลังอีกหนึ่งได้เข้าใกล้กันอย่างรวดเร็ว สตรีสาวมองไปข้างหน้าตำแหน่งดาราล่มสลายและผุดความคิดหนึ่งในใจ เธอวิ่งหนีมาได้เดือนหนึ่งเต็มๆและไม่ว่าเธอจะหนีไปที่ใด คนผู้นั้นจะใกล้ชิดด้านหลังเสมอ หากเธอไม่ได้ใช้วิชาลับของอาจารย์เพื่อหนีออกมาคงถูกจับไปเรียบร้อยแล้ว

แต่การใช้วิชาลับนี้จำเป็ต้องใช้พลังปราณจำนวนมาก หลังใช้มันไปไม่กี่ครั้งเธอไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ภายใต้ความเครียดนี้เธอตกใจกลัวและไม่รู้ว่ากำลังไปที่ไหน จนเธอเข้ามาพื้นที่ดาราล่มสลายโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเธอตระหนักเรื่องนี้ได้กลับต้องการเปลี่ยนเส้นทาง แต่ขณะเดียวกันชายผู้นั้นไล่ตามเธอมาอีกครั้ง จึงทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ในไม่ช้าทั้งสองก็เข้าใกล้วงแหวนที่สร้างจากดาราล่มสลาย

เธอรู้ในใจว่าคนด้านหลังเธอไม่ได้ใช้พลังเต็มที่แต่กลับทีเล่นทีจริงเพื่อกดดันให้เธอเคลื่อนที่ต่อไป เธอต้องระมัดระวังไม่ให้เข้าไปในวงแหวนดาราล่มสลายแต่ระยะห่างกลับกำลังสั้นขึ้นและสั้นขึ้น

เฉียนคุนคือคนที่ไล่ตามเธอ จิตใจของเขาตกอยู่บนสิ่งของที่เธอครอบครองไว้อยู่ หากไม่ใช่ว่าเธอใช้วิชาหลบหนีทันทีเขาคงจับเธอได้ไปแล้ว ตอนนี้เธอวิ่งเข้าหาพื้นที่ดาราล่มสลายด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ก็เข้าข้างเขา พอคิดเรื่องนี้รอยยิ้มจึงกว้างขึ้น

เฉียนคุนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “หยุนเฟย ข้างหน้าเจ้าเป็นพื้นที่ดาราล่มสลาย ในทะลปิศาจถือว่าดาราล่มสลายเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ไม่มีใครผ่านมันโดยใช้เพียงโชคช่วย เจ้าต้องการจะลองงั้นหรือ?”

ใบหน้าสตรีสาวซีดเผือดมากกว่าเดิมและความรู้สึกขมขื่นเพิ่มขึ้นในใจ เมื่อเธอห่างพื้นที่ดาราล่มสลายเพียงห้าฟุตพลันหยุดตัวลงและหันกลับมา เธอมองไปที่เฉียนคุนด้วยใบหน้าเยือกเย็น กัดริมฝีปากและพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ผู้น้อยหลบหนีมาที่นี่ด้วยความบังเอิญ เช่นไรถึงต้องสังหารข้าเล่า?”

ปากของเฉียนคุนบิดเบี้ยว กระบี่ใต้ฝ่าเท้าหยุดห่างจากสตรีเพียงสิบฟุต เขาชำเลืองมองพื้นที่ดาราล่มสลายเบื้องหลังเธอ พลันยิ้มเยาะเย้ย “ข้าเพียงทำตามคำสั่ง เจ้าจงโทษตัวเองเสียเถอะที่นำบางอย่างที่เจ้าไม่มีออกมา”

สตรีสาวหัวเราะ เธอนำหินหยกออกมาจากกระเป๋าพลันมองที่เฉียนคุนและกระซิบขึ้น “ของสิ่งนี้เป็นของอาจารย์ข้า นี่เป็นสิ่งที่ข้าไม่ควรทำงั้นหรือ? ผู้อาวุโส ภายในตำหนักวิเศษนั้นมีสำเนาอยู่ แม้ข้าจะนำของสิ่งนี้มาไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อตำหนักวิเศษอยู่แล้ว”

สายตาเฉียนคุนวางบนหินหยก ใบหน้าเต็มไปด้วยความโลภ งานของเขาคือสังหารสตรีนางนี้และนำหินหยกกลับไป

มีผนึกชิ้นหนึ่งที่ตำหนักวิเศษวางเอาไว้บนหินหยกชิ้นนี้ เฉียนคุนรู้ว่าแม้เขาจะได้มาไว้ในมือก็ไม่อาจใช้มันได้ ทำได้เพียงนำกลับไปเท่านั้น และสตรีนางนี้นามว่าหยุนเฟย แม้ว่าตัวตนของเธอคลุมเครือแต่เธอสามารถอ่านมันได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่หาโอกาสขโมย

เพราะเรื่องราวเหล่านี้เขาจึงไม่สังหารเธอแต่ติดตามไปใกล้ๆ เฉียนคุนพูดอย่างลึกลับ “ข้าไม่รู้ว่าหินหยกนั้นจะมีผลกระทบต่อตำหนักวิเศษหรือไม่ แต่ข้ารู้แค่ว่าหากได้มันไปจะมีประโยชน์ต่อข้ามหาศาล”

หยุนเฟยเผยความกล้าออกมา “ผู้อาวุโส หากท่านมีบางสิ่งอยากจะพูดก็เพียงแค่พูดออกมา แต่ให้นับความสำคัญของหยกชิ้นนี้ไว้ด้วย”

เฉียนคุนไม่ได้เอ่ยออกมาแต่เผยความยินดีในสายตา เขารู้อยู่แล้วว่าหยุนเฟยคนนี้เป็นผู้สืบทอดของสำนักฉีฮวงอันโด่งดัง แม้สำนักจะถูกพลังลึกลับทำลายไปแล้วแต่สตรีนางนี้สามารถหนีรอดออกมาโดยไม่ได้รับอันตราย

ในภายหลัง หยุนเฟยซึ่งถือหินหยกที่เต็มไปด้วยตำหรับยาอันล้ำค่าของสำนักฉีฮวงได้ถูกตำหนักวิเศษจับไปและถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอ ตอนนี้หลังผ่านมานานหลายปีในที่สุดเธอก็พบโอกาสวิ่งหนีมาพร้อมกับหินหยก

เฉียนคุนซึ่งมีระดับขั้นแกนลมปราณระดับกลาง แม้ว่าเส้นแบ่งระดับปลายจะบางเพียงนิดเดียว วิชาฝึกฝนเซียนของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว เขากลัวว่าจะไม่อาจผ่านเข้าสู่ขั้นปลายได้อีกต่อไป

แต่หากเขาได้หินหยกนี้มาไว้ในมือและสร้างเม็ดยาที่มีสูตรยาอยู่ภายใน เช่นนั้นเขาอาจจะสามารถเข้าสู่ระดับปลายได้

หยุนเฟยถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอนำหยกเปล่าออกมาพร้อมกับประทับข้อมูลบนตัวหยกจากนั้นพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ข้าประทับตราเสร็จสิ้นแล้ว หากท่านปล่อยข้าหนีไป หยกชิ้นนี้จะเป็นของท่าน”

เฉียนคุนหัวเราะ “ดีมาก อันดันดับแรกส่งหยกนั้นมา หลังจากข้ายืนยันข้อมูลภายใน ข้าจะปล่อยเจ้าหนีไป” เขาพูดจบพลันเริ่มเคลื่อไหวไปข้างหน้า

หยุนเฟยรีบตะโกน “หยุด!” เธอกำหินหยกในฝ่ามือขวา เพียงใช้พลังปราณเล็กน้อยก็สามารถทำลายสำเนานี้ได้ ขณะเดียวกันเธอก้าวถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกับจ้องเฉียนคุน “ผู้อาวุโสมีระดับขั้นแกนลมปราณระดับกลางแล้วและข้าพึ่งจะเข้าสู่ขั้นแกนลมปราณ ระดับของข้าต่ำกว่าท่านหนึ่งระดับดังนั้นข้าจึงต้องระมัดระวังตัวต่อท่านอาวุโสที่ไม่รักษาสัญญาหลังจากได้รับหินหยกไป”

เฉียนคุนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเยือกเย็นจ้องไปที่หินหยกในฝ่ามือขวา “เจ้าหมายถึงอะไร?”

หยุนเฟยสูดหายใจลึกและพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าต้องการให้ผู้อาวุโสถอยห่างไปหนึ่งพันฟุต ข้าจะวางหินหยกไว้ตรงนี้ หลังข้าจากไปท่านถึงจะเข้ามาและเก็บหินหยกนี้ไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายมันทันทีและฆ่าตัวตาย เช่นนั้นผู้อาวุโสจะไม่ได้อะไรเลย”

เฉียนคุนเผยรอยยิ้มเยือกเย็น “เรื่องตลกอะไรกัน ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าหยกที่เจ้าให้เป็นของจริงหรือไม่? หากเจ้าหลอกลวงข้าหล่ะ?”

ณ เวลานี้ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ว่าภายในพื้นที่ดาราล่มสลายมีรอยแยกยาวสามฟุตพร้อมกับคลื่นพลังสีดำเปล่งออกมา

ใบหน้าหยุนเฟยแข็งกระด้างและต้องการจะพูด แต่เฉียนคุนพูดต่อ “ข้าไม่ต้องการเสียเวลากับเจ้า ส่งหินหยกมาให้ข้าและข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้นอย่ากล่าวหาว่าข้าโหดร้าย” ขณะที่พูดจบจึงค่อยๆลอยเข้าหา

ระยะห่างเพียงสิบฟุตสามารถเคลื่อนที่ได้ในพริบตาแต่เฉียนคุนเคลื่อนไหวเชื่องช้าเพราะเขากลัวว่าเธอจะทำลายหยกอย่างไร้สติเมื่อนั้นเขาจะไม่ได้อะไรจริงๆ

หยุนเฟยขบกรามแน่น เธอโยนหินหยกไปด้านข้างและหลบหนีจากเฉียนคุนอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเฉียนคุนเริ่มเคลื่อนไหวราวสายฟ้าและตามหลังหินหยก หลังจับมันมาได้เขาถือมันในฝ่ามือและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ จากนั้นใบหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที หลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่นานสองนาน เขาพบหยุนเฟยที่กำลังหลบหนี ดวงตาเผยจิตมุ่งร้ายขณะที่ไล่ล่าด้านหลังเธออย่างรวดเร็ว

เวลานี้ความเร็วของเขาแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง มันเร็วมากกว่าหลายเท่า…

แม้หยุนจะวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เธอลอบสังเกตการเคลื่อนไหวของเฉียนคุนด้วยสัมผัสวิญญาณ หลังจากเห็นเขารับหยกมา เธอจึงรู้สึกแย่เสียจริงและเริ่มเคลื่อนไหวให้รวดเร็ว

แต่ไม่นานนักเธอเริ่มสิ้นหวัง เฉียนคุนไม่ได้รักษาสัญญาแต่ไล่ล่าตามหลังเธอ หยุนเฟยเยาะเย้ยในใจ “เฉียนคุน แม้ข้าจะตายแต่หากเจ้าปรุงยาตามหินหยกชิ้นนั้น เจ้าจะตายอย่างโหยหวน ทั้งหมดคือความผิดพลาดของเจ้า” เช่นนั้นเธอถอนหายใจพร้อมกับตัดสินใจหยุดลงด้วยตัวเอง

เฉียนคุนเห็นหยุนเฟยหยุดวิ่งและยอมแพ้ เขาหัวเราะออกมาเสียงดังและมุ่งหน้าเข้าหาอย่างรวดเร็ว “ตั้งแต่ที่เจ้าให้หยกนี้กับข้า ข้าจะให้เจ้าตายอย่างมีความสุข ให้ข้าได้เห็นโฉมร่างที่แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังต้องหลงเสน่ห์เจ้า หากเจ้าปรนนิบัติข้า ข้าก็อาจจะให้เจ้า…”

เพียงแค่เฉียนคุนพูดจบ ทันใดนั้นดวงตาจ้องทะลุไปพื้นที่ดาราล่มสลาย สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจแต่ทันใดนั้นกลับกลายเป็นความกลัวอย่างรวดเร็ว

เฉียนคุนหยุดพูด หยุนเฟยหยุดตัวเองจากก้นบึ้งจิตใจ เธอมองตรงไปที่ดาราล่มสลาย กรามอ้าค้างและมีใบหน้าตื่นตะลึง

เธอเห็นเพียงแค่ภายในวงแหวนดาราล่มสลาย รอยแยกหนึ่งปรากฎขึ้น มันขยายออกในพริบตาจนมีขนาดกว้างมากกว่าห้าฟุต รอยแยกสร้างเป็นเส้นโค้งคล้ายกับปากอสูรตัวหนึ่ง แม้แต่ใครเห็นก็รู้สึกหนาวสุดขั้วหัวใจ

ภายในทะเลปิศาจ มีเพียงรอยแยกสีแดงที่ปรากฎขึ้นระหว่างทะเลภายนอกและทะเลภายใน ดังนั้นความหมายของรอยแยกหนึ่งที่นี่คือส่วนที่ลึกมาก รอยแยกไม่เพียงเปล่งพลังงานสีดำแต่มีขนาดใหญ่มาก แต่รอยแยกที่ปรากฎระหว่างทะเลภายนอกและทะเลภายในมีเพียงขนาดเล็ก

แต่ก่อนที่เฉียนคุนและหยุนเฟยจะเห็นรอยแยกขนาดใหญ่กว่านี้ จังหวะที่มันปรากฎขึ้นเฉียนคุนกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเสียวซ่านบนศีรษะตนเอง

เขาเกือบจะทิ้งความคิดสังหารหยุนเฟยทันทีและหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เพียงแค่ความคิดนี้ผุดขึ้นเขาต้องห้ามปราบตัวเองไว้ทันที ดวงตาสว่างขึ้นขณะที่จ้องไปยังวงแหวนดาราล่มสลาย หัวใจสงบลง ด้วยค่ายกลที่นี่ ไม่ว่าสิ่งที่จะออกจากรอยแยกแห่งนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไม่สามารถออกจากวงแหวนได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหนี

ขณะเดียวกันที่รอยแยกเริ่มเติบโตขึ้น คลื่นพลังสีดำออกมาจากมันพร้อมด้วยพลังงานแปลกประหลาดจำนวนมาก ในไม่ช้าร่างชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำเดินออกมาอย่างสงบนิ่ง

คนผู้นี้มีศีรษะผมสีขาวปลิวไสวด้านหลังให้ความรู้สึกถึงความเก่าแก่ แต่ดวงตาเผยรูปลักษณ์ความโหดเหี้ยม

ดวงตาส่วนใหญ่จับจ้องไปบนดวงดาวสีม่วงเข้มบนหน้าผาก ดวงดาวสีม่วงนี้เปล่งแสงสีม่วงราวกับเต็มไปด้วยพลังงานแห่งมารร้าย พร้อมกับแสงสีดำจากรอยแยกเบื้องหลังทำให้เขาดูราวกับจอมมารที่ออกมาจากนรก

คนผู้นี้กระทั่งไม่ได้มองกลับหลัง เขาสะบัดแขนขวาและรอยแยกขนาดใหญ่ด้านหลังเริ่มปิดลงอย่างรวดเร็ว ในพริบตารอยแยกหายไปอย่างสมบูรณ์เหลือทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มราวกับเทพมาร

เขายืนขึ้นในอากาศ ดวงตาเผยสัญลักษณ์ของความเสียใจและมองผ่านวงแหวนดาราล่มสลายไปตกลงที่เฉียนคุนและหยุนเฟย

เฉียนคุนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในขณะที่เขาเห็นเด็กหนุ่มเดินออกมาจากรอยแยก เพราะมีวงแหวนกั้นระหว่างพวกเขา จึงไม่สามารถตรวจสอบเด็กหนุ่มด้วยสัมผัสวิญญาณได้ ทว่าแม้วงแหวนไม่มีอยู่ เฉียนคุนก็ไม่กล้าตรวจสอบ

ในสายตาเขาหากคนผู้นั้นสามารถเดินออกมาจากรอยแยกขนาดใหญ่ได้ เมื่อนั้นระดับฝึกตนของเขาต้องเกินจินตนาการไปแล้วแน่นอน เด็กหนุ่มผู้นั้นต้องมีระดับขั้นอย่างน้อยที่วิญญาณแรกกำเนิดหรือกระทั่งขั้นตัดวิญญาณในตำนาน

เช่นนั้นเขาจะกล้าล่วงเกินหรือ?

สิ่งสำคัญก็คือเขารู้สึกราวกับฉากเบื้องหน้าเป็นสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งแต่ไม่สามารถจดจำได้ว่ามันมาจากไหน

เมื่อชายหนุ่มผมขาวมองมาที่เขา แม้มันจะผ่านดาราล่มสลายมาแต่แข้งขากลับอ่อนแรงและต้องการหนีให้ไกลที่สุดแต่ก็ต้องหยุดตัวเองไว้

เฉียนคุนรู้ว่าแม้เขาจะหนีไป หากชายหนุ่มผ่านวงแหวนมาได้เมื่อนั้นจะสามารถจับเขาได้ในทันที ดังนั้นการวิ่งหรือไม่วิ่งก็เป็นสิ่งเดียวกัน ความจริงการวิ่งจะทำให้ชายหนุ่มจดจำเขาได้ชัดเจนขึ้น

นอกจากว่าหากชายหนุ่มไม่สามารถออกจากวงแหวนได้ เมื่อนั้นหากเขาไม่วิ่งก็ยังคงปลอดภัย เมื่อคิดเรื่องนี้ในใจ เฉียนคุนจึงหยุดทันทีและคารวะสองมือพร้อมกับพูดอย่างเคารพ “ผู้น้อยเป็นศิษย์รุ่นที่ห้าของตำหนักวิเศษราชาพิษ เฉียนคุนคารวะท่านอาวุโส”

จิตใจหยุนเฟยอ่อนแรงเพราะเธอพึ่งเข้าใกล้ประสบการณ์เฉียดตายและมาเห็นฉากเหตุการณ์ดังกล่าว เธอสรุปเรื่องได้เหมือนกับเฉียนคุนแต่ในใจเธอคิดว่าหากวิ่งหนี เธอคงถูกเฉียนคุนสังหาร แต่หากเธออยู่ที่นี่อาจจะมีโอกาสรอดชีวิต

หลังคิดเรื่องนี้จึงพูดอย่างเคารพ “ผู้น้อยเป็นศิษย์ของสำนักเฉินฮวน ขอคารวะท่านอาวุโส”

ชายหนุ่มผมขาวถอนสายตาหลังชำเลืองทั้งคู่ด้วยความเยือกเย็น เขามองไปที่วงแหวนดาราล่มสลาย หลังครุ่นคิดชั่วขณะจึงตบกระเป๋าและอสูรตัวเล็กปรากฎในฝ่ามือ

อสูรตัวนี้มีปีกสามคู่ด้านหลัง ดวงตาสดใสทำให้ดูราวกับมีพลังจิต มันบินไปข้างหน้าทันที

ด้วยปีกของมันจึงพุ่งเข้าหาวงแหวนอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ามันก็มาถึงข้างในวงแหวน เศษหินแตกชิ้นหนึ่งปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา หลังแสงนั้นจางลงปรากฎเป็นร่างอสูรอีกร่างหนึ่ง

เมื่อสองตัวมาเจอกัน ทั้งคู่ปลดปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงและเริ่มโจมตีกันและกัน

ชายหนุ่มผมขาวขมวดคิ้ว เขาสะบัดแขนและร่างอสูรตัวเล็กเริ่มค่อยๆสั่นเทา มันสร้างเป็นพายุทอร์นาโดลูกเล็กและบินออกจากวงแหวน ร่อนลงบนไหล่ชายหนุ่ม เพียงเคลื่อนไหวฝ่ามือ อสูรตัวนั้นจึงหายไป

ชายหนุ่มผมขาวคนนี้คือหวังหลิน เขาใช้วิธีในความทรงจำเทพโบราณทิ้งไว้เพื่อเปิดอุโมงค์ออกจากดินแดนเทพโบราณ

หลังออกมาได้ เขาปรากฎตัวภายในวงแหวนดาราล่มสลาย หากต้องการจากไปเขาต้องผ่านวงแหวนให้ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ตวนมู่และคนอื่นๆพูดคุยกัน เขามีความคิดหนึ่งเหมือนกับวงแหวน

เขาวางแผนใช้วิธีเดียวกับตอนเข้ามาเพื่ออกไปจากที่นี่ แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายซับซ้อนเกินไป และในเหล่าความทรงจำของเทพโบราณนั้นด้วยเหตุผลบางอย่างจึงแทบไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่เลย

หลังคิดเรื่องนี้มันทำให้รู้สึกว่า ด้วยความแข็งแกร่งที่เทพโบราณมี กลับไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อเดินทางจริงๆ พวกเขาสามารถเปิดหลุมดำได้ง่ายๆและท่องผ่านมันไป

แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงจะไม่มีข้อมูลค่ายกลเคลื่อนย้ายในความทรงจำของเทพโบราณเลย ไม่เช่นนั้นทำไมถึงมีค่ายกลลึกลับในดินแดนที่สี่ได้เล่า?

หากสิ่งนี้เป็นเรื่องจริง เมื่อนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่หวังหลินสงสัย มรดกที่เขาดูดซับมาอาจจะไม่สมบูรณ์

ทว่าทั้งหมดนี้คือการคาดการณ์ของหวังหลิน ไม่ว่ามันจะไม่มีอันใดหรือเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครรู้

หวังหลินขบคิดชั่วขณะ ดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่และพุ่งเข้าหาวงแหวน

ชั่วขณะที่หวังหลินเข้าไปในวงแหวน แม้ใบหน้าเฉียนคุนจะสงบนิ่ง แต่จิตใจเริ่มตึงเครียด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นใครสักคนพุ่งเข้าวงแหวน หลายปีก่อนเขาเห็นคนที่มีระดับขั้นวิญญาณแรกกำเนิดจากตำหนักวิเศษพุ่งเข้าหาวงแหวน เขาตายอย่างโหยหวนแม้กระทั่งไม่สามารถจัดการวิญญาณเซียนหนีออกมาได้และถูกพลังลึกลับกลืนกินไป

ดังนั้นเมื่อเขาเห็นหวังหลินพุ่งเข้าใส่ ดวงตาจึงเพ่งพินิศทันที หยุนเฟยกระทั่งตึงเครียดมากกว่าเฉียนคุน เธอวางความหวังหนีรอดจากความตายทั้งหมดของเธอกับชายหนุ่มคนนั้น เธอคิดว่าหากหวังหลินสามารถออกมาจากวงแหวนได้ เมื่อนั้นเฉียนคุนไม่ทำอะไรผลีผลามเป็นแน่ ด้วยหินหยกที่เป็นของขวัญ เธออาจจะมีโอกาส แม้ทั้งหมดนี้อาจจะไม่สำเร็จ มันก็เป็นโอกาสให้หยุนเฟยตัดสินใจ

ขณะที่หวังหลินเข้าไปในวงแหวน เศษหินหลายแห่งปะทะเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ในพริบตาแสงสีขาวปรากฎ ร่างเหมือนหวังหลินปรากฎในวงแหวน

เมื่อร่างนั้นปรากฎขึ้น มันยิ้มเยือกเย็นพลันสัมผัสกระเป๋าและกระบี่ดำปรากฎออกมา กระบี่เหินเล่มนี้แปลกประหลาด มันมีหนามหลายแห่ง ชัดเจนว่าเป็นกระบี่ส่วนตัวของหวังหลิน

หวังหลินตรวจสอบกระบี่ดำและประทับใจจริงๆกับพลังเบื้องหลังอำนาจลึกลับซึ่งสามารถทำได้กระทั่งลอกเลียนสมบัติวิเศษ แม้กระทั่งรอยแตกที่เมิ่งหลังค่อมสร้างขึ้นก็ยังมี

เวลานี้หวังหลินตัดสินใจไม่ต่อสู้ เขาเพียงแค่สังเกตการณ์ หลังร่างโคลนำกระบี่ดำออกมา มันหัวเราะเสียงดังและกระบี่ลอยเข้าหาหวังหลิน มุมปากหวังหลินบิดเบี้ยว เขาตบกระเป๋าและนำกระบี่ดำออกมาเช่นกัน

ทันใดนั้นกระบี่ทั้งสองเล่มเริ่มโจมตีเข้าใ่ส่กัน ไม่นานหลังจากนั้นหวังหลินยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น สัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่เคลื่อนไหวและสร้างเป็นสายฟ้าสีแดง ขณะเดียวกันดวงตาของร่างโคลนเผยสายฟ้าแดงด้วย

หวังหลินจดจ้องไปที่ร่างโคลนด้วยท่าทางภูมิฐาน เขาเห็นสายฟ้าแดงกระพริบวาบไม่กี่ครั้งในสายตาร่างโคลน จากนั้นดวงตาร่างโคลนระเบิดขึ้นและกลายเป็นเศษหิน ขณะเดียวกันดูเหมือนร่างโคลนไม่สามารถทนต่อพลังอำนาจสายฟ้าแดงได้และระเบิดออกมาเช่นกัน

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและจึงเริ่มครุ่นคิดทันที แม้เขาจะเคลื่อนไหวด้วยสัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ เขาไม่ได้โจมตีมันแต่เพียงใช้มันเพื่อทดสอบว่าหากร่างโคลนสามารถกระทั่งเลียนแบบสัมผัสวิญญาณของเขาได้หรือไม่

แต่ตอนนี้แม้ว่าพลังของวงแหวนจะลึกลับมาก มันก็ไม่อาจลอกเลียนขอบเขตจวี่ของเขาได้ หวังหลินเผยรอยยิ้มเยือกเย็นและเดินเข้าสู่ส่วนลึกของวงแหวน

จากสิ่งที่หวังหลินได้ยินมาจากตวนมู่ วงแหวนนี้มีความกว้างเพียงร้อยไมล์ หลังเอาชนะร่างโคลนแรกได้ เขาสามารถเดินทางมาได้ห้าสิบไมล์ จากนั้นต้องต่อสู้กับอีกสองร่างโคลนถึงจะสามารถเดินทางอีกห้าสิบไมล์และออกจากวงแหวน

หัวใจเฉียนคุนแทบล่มจมเมื่อเห็นร่างโคลนนั้นระเบิดออก ระดับของหวังหลินในใจเขาทะยานสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เคยคิดว่าร่างโคลนที่สร้างจากพลังลึกลับจะระเบิดอย่างรวดเร็วด้วยตัวมันเอง เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าวิชาเช่นไรอยู่เบื้องหลังมันกันแน่

ดวงตาหยุนเฟยเริ่มแข็งกร้าว เธอจ้องไปที่หวังหลินที่อยู่ภายในวงแหวนพร้อมกับคิดว่าจะให้เขาช่วยเธออย่างไรโดยไม่สามารถปฏิเสธได้

หวังหลินเดินหน้าต่อไปอย่างง่ายๆ แต่หลังจากเดินไปได้สิบฟุตพลันเศษหินปลดปล่อยแสงสีขาวอีกครั้ง หลังแสงสีขาวจางลง ร่างโคลนสองร่างปรากฎขึ้น

หลังทั้งสองร่างโคลนปรากฎ หนึ่งนำกระบี่เหินออกมาและอีกหนึ่งนำม้วนคัมภีร์ออกมา

ใบหน้าหวังหลินยังคงเหมือนเดิมแต่หัวใจจมดิ่งลง มันอาจจะเป็นเพราะเขาทำลายร่างโคลนแรกเร็วเกินไปจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เว้นแต่ว่าตวนมู่จะโกหกเขา

แต่อารมณ์หวังหลินไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังคงเยือกเย็นและสงบเงียบ จังหวะที่ทั้งสองร่างโคลนปรากฎนั้น สายฟ้าแดงปรากฎในสายตาอีกครั้งและสัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ออกมา

เวลานี้ทั้งสองร่างโคลนไม่ได้ใช้ขอบเขตจวี่ของตนเองแต่เริ่มใช้สมบัติอย่างรวดเร็ว

ดวงตาหวังหลินว่างขึ้น เขาพุ่งเข้าหาร่างโคลนทั้งสองโดยไม่ลังเลก่อนที่จะทดสอบด้วยขอบเขตจวี่ของตัวเอง เวลานี้เขาต้องการทดสอบว่าร่างกายที่ได้รับมรดกของเทพโบราณและผ่านการปรับโครงสร้างจะแข็งแกร่งแค่ไหน ร่างกายที่สร้างโดยการปรับโครงสร้างร่างกายนี้จะแข็งแกร่งเช่นที่ในความทรงจำแสดงให้เห็นหรือไม่?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!