Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 302

Cover Renegade Immortal 1

302. ขยายการสำรวจ

เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่และถ้ำจำนวนมากพังทลายลงมา

ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไปเขาพยายามเคลื่อนที่พริบตา แต่ทุกครั้งเขาสัมผัสพลังสายหนึ่งรอบตัวเขาและขัดขวางทันที หวังหลินถอนหายใจหยุดพยายามและเหาะเหินไปเบื้องหน้าอย่างต่อเนื่อง

เขาสัมผัสได้ว่าจำนวนวิญญาณเร่ร่อนที่ทิ้งไว้เบื้องหลังได้หยุดการลดจำนวนลง ชัดเจนแล้วว่าเส้นสีดำได้สูญเสียการติดตามหวังหลินไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นเองเสียงดังก้องจากรอบๆตัวเขาและหวังหลินถอยร่นอย่างรวดเร็ว ถ้ำเบื้องหน้าล่มสลายในทันที เมื่อหวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกเขาพบว่าอารามอสูรสวรรค์แห่งนี้มากกว่าครึ่งถูกฝังอยู่ใต้ดิน

หากเป็นคนธรรมดาที่เห็นเหตุการณ์นี้คงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่หวังหลินบรรลุขั้นตัดวิญญาณแล้วตราบใดที่เขาไม่ไปพบเจอกับเส้นสีดำ หวังหลินไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้จากไปทันที พลันกระจายสัมผัสวิญญาณออกและตกตะลึงเมื่อเจอน้องหกไม่ได้เสียชีวิต เขากำลังเคลื่อนที่ผ่านในถ้ำใกล้ๆ

จากทิศทางที่เขากำลังเคลื่อนไหว เขาไม่ได้ขึ้นไปข้างบนแต่กำลังตรงเข้ามาทางหวังหลิน

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและเผยรอยยิ้มขี้เล่น น้องหกเป็นคนเหี้ยมโหด เขาซ่อนระดับฝึกฝนของตัวเองจนกว่าจะถึงจังหวะที่เหมาะสม

จากเส้นทางของเขากำลังเข้ามาหาหวังหลิน แต่หวังหลินไม่แน่ใจจุดประสงค์ของเขาหากมีเจตนาเพื่อสังหารหวังหลิน เช่นนั้นหวังหลินจะสังหารเขาเช่นกันเพื่อสมบัติโดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะ

แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง หวังหลินมั่นใจว่าด้วยสมบัติวิเศษที่ครอบรองอยู่ เขามีโอกาสชนะแปดในสิบส่วน

หวังหลินโบกธงกฎเกณฑ์และหมอกสีดำหายวับเข้าสู่กำแพงรอบๆ เขาวางฝ่ามือบนสร้อยข้อมือและรอการมาถึงของน้องหกเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นานคนผู้หนึ่งออกมาจากกำแพงที่หวังหลินกำลังจ้องอยู่ ขณะที่เขาออกมานั้นพลันมองหวังหลินด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

เขามองไม่กี่ครั้งอย่างระมัดระวังก่อนจะหัวเราะ “สหายเซียน ข้าเชื่อว่าเราเป็นเพียงคนสองคนที่หลงเหลืออยู่ในอารามอสูรสวรรค์ที่ล่มสลายแห่งนี้”

หวังหลินหัวเราะ ตระหนักได้ว่าคนผู้นี้รู้ว่าหวังหลินติดตามพวกเขาไป นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่คนผู้นี้ยังซ่อนระดับฝึกฝนตัวเองไว้อีก

หวังหลินถามอย่างสงบนิ่ง “ที่นี่พังทลายไปแล้ว ทำไมสหายเซียนมาหาข้าแทนที่จะหาทางออกเล่า?”

น้องหกมองรอบๆโดยไม่หยุดเคลื่อนที่ไปข้างหน้า พลันเอ่ยขึ้น “สหายเซียนติดตามพวกเราตลอดทาง ข้าเชื่อว่าเจ้าก็เห็นอาหารของอสูรสวรรค์เช่นกัน”

หวังหลินยิ้มบางเมื่อน้องหกคนนี้หลบเลี่ยงคำถามและเขาถามกลับ “สหายเซียนหมายถึงสิ่งใด?”

แววตาน้องหกสว่างขึ้นเผยรอยยิ้มลึกลับ “สหายเซียนไม่ต้องกังวล ข้าชื่อว่าซุนเล่ย ข้าไม่กลัวที่จะบอกสหายเซียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความจริงข้าไม่ได้อยู่สำนักต้าโหลว เพียงแค่เข้าร่วมเท่านั้น”

หวังหลินยังคงเงียบกริบ

ขณะที่ซุนเล่ยพูด เขาก้าวข้างหน้าอย่างระมัดระวังและขณะที่จะก้าวเข้าไปอีกพลันเห็นรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหวังหลินและหยุดกึก

หวังหลินเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “หากสหายเซียนก้าวเข้ามาอีก ข้าจะต้องลงมือแล้ว”

ซุนเล่ยครุ่นคิดเล็กน้อยและยิ้ม “สหายเซียน ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมเลยแล้วกัน ข้างในถ้ำที่มีอาหารของอสูรสวรรค์มีของอยู่สามอย่าง หนึ่งคือหยกสวรรค์ สองคือชิ้นส่วนโลหะสวรรค์และสามคือกระบี่สวรรค์เล่มหนึ่ง ก่อนหน้านี้เจ้าได้มากี่ชิ้น?”

หวังหลินตอบนิ่งๆ “เส้นสีดำนั้นกลับมาเร็วเกินไป ดังนั้นข้าไม่ได้อะไรเลย”

ซุนเล่ยขมวดคิ้ว เขาเห็นได้ว่าหวังหลินเป็นเพียงแค่เซียนชั้นตัดวิญญาณระดับต้นทันทีแต่สัมผัสวิญญาณของเขาประหลาดมาก หากเขาไม่รู้จักวิชาที่ใช้ตรวจจับสัมผัสวิญญาณเขาคงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าหวังหลินกำลังติดตามพวกเขา

และเช่นนั้นเขาจึงสามารถรับรู้ได้ตอนที่ผ่านหวังหลินไปขณะที่กำลังหนีจากอาหารอสูรสวรรค์ เขาจดจำสัมผัสวิญญาณของหวังหลินไว้ในใจและจากนั้นแทบจะไม่สามารถค้นหาเขาพบได้

จากมุมมองของเขาแล้วคนผู้นี้ต้องเป็นเหมือนกันกับเขา เป็นคนที่ซ่อนระดับฝึกตนของตัวเอง ดังนั้นเขาไม่ต้องการลงมืออย่างผลีผลามเว้นแต่ว่าจะถึงเวลาจำเป็น

รวมถึงหลังการสนทนาครั้งนี้และเห็นว่าคนผู้นี้สงบเยือกเย็นแค่ไหน ซุนเล่ยมั่นใจว่าหวังหลินกำลังซ่อนระดับฝึกฝนของตัวเองอยู่ ไม่มีทางที่เซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นจะสงบเช่นนี้ได้ตอนที่เผชิญหน้ากับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง

นอกเหนือจากนี้มีอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังป้องกันเขาไม่ให้ลงมือ เขาสัมผัสอันตรายจากกำแพงรอบๆได้และมันเพิ่มขึ้นจำนวนมากเมื่อก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

เมื่อคิดเรื่องนี้แล้วเขายิ้มออกมาและเอ่ยขึ้น “สหายเซียน หินหยกสวรรค์ชิ้นนั้นสร้างจากพลังปราณสวรรค์ที่เก็บรวบรวมมาหลายพันปีและนับได้ว่าล้ำค่า หากเปรียบกับชิ้นอื่นแล้วกระบี่สวรรค์ล้ำค่ายิ่งกว่ามาก ข้าเพียงตรวจสอบอย่างลวกๆในตอนนั้นจึงไม่รู้ความสามารถของมัน แต่มันไม่ธรรมดา นอกเหนือจากนี้ยังมีเศษโลหะชิ้นนั้น ข้าเดาว่ามันเป็นสมบัติรูปแบบป้องกัน”

หวังหลินพยักหน้าเบาๆ

ยิ่งหวังหลินมีท่าทางเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ซุนเล่ยคิดว่าหวังหลินทรงพลังแค่ไหน เขาเชื่อว่าหวังหลินรู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้วดังนั้นจึงพูดอย่างรวดเร็ว “สหายเซียน หากเราลงมือด้วยตัวเองมันคงยากนักที่จะได้สมบัติจากอาหารอสูรสวรรค์พวกนั้นมา ทว่าหากเราร่วมกันลงมือเช่นนั้นโอกาสที่เราจะได้สมบัติจะเพิ่มมากขึ้นเยอะ”

หวังหลินยิ้มและถามขึ้น “โอ้? งั้นทำไมข้าควรจะช่วยเจ้ากัน?”

ซุนเล่ยตกตะลึง เขาเป็นคนฉลาดดังนั้นจึงตระหนักได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร “ข้าเพียงต้องการกระบี่สวรรค์เท่านั้น อีกสองอย่างเป็นของท่าน ว่าอย่างไร?”

หวังหลินส่ายศีรษะ

ใบหน้าซุนเล่ยทมึงทึงและเอ่ยขึ้น “หากสหายเซียนต้องการกระบี่สวรรค์จริงๆเช่นนั้นก็เอาไปเลยแต่สมบัติอีกสองอย่างเป็นของข้า ด้วยความรู้ของสหายเซียนท่านต้องรู้ได้ว่ากระบี่สวรรค์มีค่ามากกว่าสมบัติอีกสองอย่างมากนักแต่หากท่านนำหินหยกและโลหะไปด้วยกัน ความคุ้มค่าจะใกล้เคียงกัน”

หวังหลินลังเลเล็กน้อย มีกฎเกณฑ์บางอย่างวางไว้บนกระบี่สวรรค์ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบมาเว้นแต่จะใช้เวลาปรับแต่งมันเป็นเวลานานมาก หวังหลินมั่นใจว่าเขาไม่สามารถหยิบกระบี่เล่มนั้นขึ้นมาในเวลาอันสั้นได้ ชัดเจนแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับกระบี่นั่น

เมื่อคิดเรื่องนี้เขายิ้มออกมาและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ต้องการกระบี่”

ซุนเล่ยพ่นลมหายใจและยิ้มอีกครั้ง “ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นให้เรากลับไปที่ถ้ำนั้นก่อนไหม?”

หวังหลินส่ายศีรษะ “ข้าไม่สนใจอีกทั้งสองอย่าง”

“เจ้า!” แววตาซุนเล่ยมืดมน หากไม่ใช่ว่าเขากลัวหวังหลินที่กำลังซ่อนระดับฝึกตนของตัวเองไว้ เขาคงเข้าไปสังหารหวังหลินแล้ว ไม่เช่นนั้นทำไมต้องมาฟังเรื่องไร้สาระเช่นนี้ด้วยเล่า?

ซุนเล่ยสูดหายใจลึกและระงับความโกรธของตัวเอง ยิ่งหวังหลินมีท่าทางแบบนี้ก็ยิ่งสังเกตได้ว่าหวังหลินกำลังซ่อนระดับฝึกฝนของตัวเองไว้ ไม่เช่นนั้นหวังหลินจะกล้าพูดแบบนี้กับเขาได้อย่างไร?

หวังหลินมองซุนเล่ยอย่างสงบนิ่งและเอ่ยช้าๆ “สหายซุน เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าฟื้นคืนกระบี่สวรรค์เพื่อของสองอย่างที่อาจจะไม่สามารถหาได้นั่น เจ้าคิดว่าข้าสามขวบหรือ?”

ซุนเล่ยสูดหายใจลึก จ้องหวังหลินและถามขึ้นมา “สหายเซียนท่านต้องการอะไร?” เขาเบื่อกับเรื่องไร้สาระนี่เช่นกัน หากหวังหลินไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาคงต้องเสี่ยงมันด้วยตัวเองแล้ว

หวังหลินพูดสบายๆ “ข้าสังเกตตอนที่สหายเซียนมาถึงได้ พวกเจ้าสามารถตรวจจับรอยแยกก่อนที่มันจะปรากฎได้…”

ซุนเล่ยหัวเราะ เขาตบกระเป๋าและนำหินหยกออกมาโยนไปที่หวังหลิน “วิถีค้นหาสูงสุด มันเป็นวิชาของสำนักต้าโหลว ไม่ใช่ปัญหาที่ข้าจะให้ท่านเป็นของขวัญ”

หวังหลินรับหินหยกและเก็บไปหลังตรวจสอบมัน “สหายเซียนตัดสินใจเร็วจริงๆ ดังนั้นข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป ข้าต้องการน้ำเต้าจากกระเป๋าของศิษย์พี่สามนั่น เช่นนั้นข้าจะเสี่ยงเข้าช่วยท่าน”

“อาจจะไม่ได้!” ซุนเว่ยพูดโดยไม่ลังเล “น้ำเต้านี้เป็นเหตุผลที่ข้าเข้าร่วมสำนักต้าโหลว เช่นนั้นโปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”

หวังหลินขมวดคิ้ว

ซุนเล่ยกัดฟันแน่น “สหายเซียน ข้าไม่สามารถให้น้ำเต้านี้กับท่านได้แต่ข้าสามารถให้ท่อนไม้ชำระล้างกับท่านได้ แม้ว่าผลลัพธ์ของมันจะไม่ดีเท่าน้ำเต้า มันมีผลลัพธ์ในการดูดซับพลังปราณสวรรค์เช่นกัน”

เช่นนั้นเขานำท่อนไม้สีขาวออกมาอย่างปวดใจและเก็บมันไว้หลังจากหวังหลินเห็นมัน

หวังหลินขบคิดเล็กน้อย แม้ว่าการสังหารคนผู้นี้เพื่อน้ำเต้าชำระล้างนับว่าคุ้มค่าแต่เขาต้องใช้สมบัติไปจำนวนมาก ทว่าที่นี่คือดินแดนสวรรค์ซึ่งอันตรายและมีผีเสื้อแดงอีก หากเขาใช้สมบัติไปมากเกินในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนที่แข็งแกร่งหรือผีเสื้อแดง นับว่าเป็นปัญหา

เมื่อคิดเรื่องนี้หวังหลินพยักหน้า “ก็ได้ ส่งไม้ชำระล้างนั้นให้ข้าและข้าจะช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง อย่างไรก็ตามไม่ว่าเจ้าจะได้กระบี่สวรรค์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าเอง แม้เจ้าไม่สามารถเอากระบี่มาได้ ไม้ชำระล้างยังเป็นของข้า”

ซุนเล่ยพยักหน้า “เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทว่าข้าไม่สามารถให้ท่านในตอนนี้ได้ ไม่สายเกินไปที่จะให้ท่านเมื่อเราอยู่ที่ทางเข้าถ้ำ ข้าต้องระมัดระวังเช่นกัน”

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นพลันสะบัดแขนเสื้อ “สหายเซียนนำทางไป!”

ซุนเล่ยมุ่งเข้าหาหนึ่งในถ้ำที่ยังไม่พังทลายโดยไม่เอ่ยคำพูด ทั้งสองคนเดินตรงไปที่ถ้ำโดยรักษาระยะห่างระหว่างกันและกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่ไว้วางใจกันดังนั้นจึงระมัดระวังกันไปด้วย

ซุนเล่ยเยาะเย้ยและคิดขึ้น ‘แม้เจ้าจะซ่อนระดับฝึกตน เมื่อข้าได้กระบี่และเจ้าพยายามขโมยมัน ข้าจะออกจากดินแดนสวรรค์และใช้สมบัติของสำนักเพื่อสังหารเจ้าซะ’

นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมเขาขอให้หวังหลินมาช่วยหาสมบัติถึงแม้เขาจะกลัวหวังหลินที่กำลังซ่อนระดับฝึกตน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!