347. สำนักเซียนที่ถูกทอดทิ้ง
เขานึกถึงตอนที่นำรากฐานของเถิงลี่มาก เขาเห็นร่างน้ำเงินประหลาดคนนั้น!
รอยสักบนร่างชายหนุ่มปลดปล่อยแสงอันน่ากลัวและเริ่มส่องสว่างจ้า หลังจากนั้นไม่นานแสงก็สลัวลง รอยสักเคลื่อนไหวรอบๆและปกคลุมร่างกายชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น
แววตาชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะพูดสิ่งหนึ่งกับผู้เฒ่าด้วยภาษาประหลาด
หลังได้ยินภาษาประหลาดนี้หวังหลินจึงมั่นใจว่าร่างประหลาดจากเมื่อตอนนั้นเกี่ยวข้องกับพวกเขาเพราะภาษาที่ใช้เหมือนกันกับคนพวกนี้
ผู้เฒ่าคนเถื่อนพยักหน้า เขาลูบศีรษะชายหนุ่มและจากนั้นหันไปมองหวังหลิน
จากนั้นมองกับดักอสูรบนข้อมือหวังหลิน เขาวางฝ่ามือบนอกตัวเอง โค้งคำนับและเอ่ยขึ้น “สวัสดีคนภายนอก ข้าชื่อคาเมลจากสำนักเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ชาแมนหกใบไม้”
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาคำนับฝ่ามือและเอ่ยออกมา “สวัสดี ข้าหวังหลิน เซียนขั้นตัดวิญญาณ”
ผู้เฒ่ามองหวังหลินและพลางเอ่ย “ยังไม่ถึงเวลาแห่งสัญญาหนึ่งร้อยปี เซียนทุกคนที่เข้ามาจะต้องตาย อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่เจ้าไม่ได้ใช้โอกาสนี้โจมตีเราตอนที่ศิษย์ข้ากำลังดูดซับโลหิต ข้าจึงไม่สร้างความลำบากต่อเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่เข้าไปชั้นสามและออกจากที่นี่ตอนนี้ ยังมีโอกาสที่เจ้าจะมีชีวิตรอด”
“โอ้ จริงหรือ?” ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น
ผู้เฒ่าเอ่ย “แม้ว่าพรรคพวกของเจ้าจะเข้าไปชั้นที่สาม พวกเข้าจะไม่อาจมีชีวิตรอดมาได้ มีชาแมนเจ็ดใบไม้จากเผ่าของข้าอยู่ในชั้นที่สาม พวกเขาเท่าเทียมกับเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณ”
หวังหลินครุ่นคิดและจากนั้นเอ่ยขึ้น “ขอบคุณท่านมาก” เช่นนั้นเขาชี้ไปที่ชายหนุ่มและเอ่ยขึ้น “เขาใช้โลหิตจากอสูรเพื่อสร้างรอยสัก หรือนี่เป็นวิชาลับของสำนักเซียนของท่าน?”
ผู้เฒ่าพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ถูกต้องแล้ว สำนักเซียนที่ถูกทอดทิ้งของข้าใช้รอยสักเพื่อดูดซับพลังจากอสูรเหล่านี้ ยิ่งอสูรแข็งแกร่งเท่าไหร่ เรายิ่งได้รับพลังมากเท่านั้น”
หวังหลินมองผู้เฒ่า คำนับฝ่ามือและหายตัวไป
ชายหนุ่มผู้นั้นจดจ้องทิศทางที่หวังหลินหายตัวไป ร่องรอยเจตนาสังหารปรากฎในแววตาและเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ ทำไมท่านไม่จับตัวเขาเปลี่ยนให้เป็นหัวหน้ากองซะ?”
ผู้เฒ่าส่ายศีรษะ “พลังของรอยสักเจ้ายังอ่อนแอเกินไปที่จะเห็นวิญญาณรอยสักเบื้องหลังเขา คนที่สามารถสังหารชาแมนห้าใบไม้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่ที่ข้ามั่นใจจะจับตัวได้ รวมถึงหากเราต่อสู้กัน เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย”
เจตนาสังหารในแววตาชายหนุ่มยิ่งรุนแรงขึ้น “ข้าไม่กลัวความตาย ความตายเป็นเพียงการหวนคืนสู่รอยสักเท่านั้น”
ผู้เฒ่าลูบศีรษะชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยน “เผ่าของเราไม่แข็งแกร่งเพียงพอ มีเผ่าอื่นที่แข็งแกร่งอีกมากนักที่จะต่อกรกับเขา ข้ายังสัมผัสพลังวิญญาณรุนแรงสายหนึ่งจากสร้อยข้อมือทองแดงของเขาได้ ดังนั้นจะดีเสียกว่าที่ไม่ต่อกรกับเขา”
ชายหนุ่มพยักหน้า “วันหนึ่งเราจะสร้างทางของเราและเตะคนภายนอกออกจากดาวเคราะห์นี้ไป!”
ผู้เฒ่ามองไปทางที่หวังหลินหายตัวไป เขาถอนหายใจและไม่เอ่ยอะไรอื่นอีก
หวังหลินเหาะเหินผ่านชั้นที่สอง หลังขบคิดเล็กน้อยเขาลอยไปหาทางเข้าของชั้นที่สามแทนที่จะออกไป
เป้าหมายการเดินทางของเขาครั้งนี้คือผลไม้แห่งการเกิดใหม่ หากเขาจากไปด้วยเรื่องแค่นี้เขาคงรู้สึกผิดหวังมาก
หวังหลินเหาะเหินมาเร็วมากและมาถึงปลายสุดทิศเหนือของชั้นที่สอง ห่างไปไกลเขาสามารถเห็นทางเข้าของชั้นถัดไปได้
สถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยร่างกายและกลิ่นคาวเลือด มันผสมปนเปด้วยกลิ่นอายฉุนเฉียวซึ่งดูเหมือนจิตสังหาร
ผู้เฒ่าฮู่นั่งลงขัดสมาธิใกล้ทางเข้า สายตาปิดลงและใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ซิ่วลั่วอยู่เบื้องหลังเขาใบหน้ายุ่งเหยิง เกราะของเขามีรอยขาดวิ่งและบางจุดเป็นแผลเลือดไหล
เส้นผมหญิงสาวยุ่งเหยิงและมีรอยสามเส้นบนใบหน้า ดูเหมือนนางจะถูกกรงเล็บอสูรข่วน
ฉิวซื่อผิงรวมอยู่กับพวกเขาด้วย แม้ว่าเขาจะดูดีกว่าทั้งสองคนแต่ลมหายใจยังไม่เสถียร ชัดเจนว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
ทั้งสามคนถูกสายตาผู้เฒ่าฮู่มองอย่างละเอียดทำให้แววตาเกิดความหวาดกลัว
ด้านข้างพวกเขาเป็นอสูรยักตัวหนึ่งที่ดูราวกับเต่ายักษ์สีดำ มันเป็นอสูรขี่ของผู้เฒ่าฮู่
บาดแผลหลายแห่งบนร่างอสูรตัวนี้ มันสังเกตรอบด้านด้วยแววตาดุร้ายและร้องเสียงคุกคามเป็นครั้งคราว
การมาถึงของหวังหลินได้รับความสนใจของอสูรตัวนี้ มันหันสายตาดุร้ายเข้ามาจ้องหวัหลินและร้องเตือน หลังจากนั้นไม่นานมันยืนขึ้นและร้องคำรามใส่หวังหลิน
หวังหลินขมวดคิ้ว ซิวซื่อผิงและพรรคพวกเห็นหวังหลิน พวกเขาทั้งหมดเผยใบหน้าความสุขแต่ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว
หวังหลินเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ฉิวซื่อผิงมองไปทางผู้เฒ่าฮู่และเอ่ยขึ้น “พี่หวัง ระหว่างทางผู้เฒ่าฮู่สังหารชาแมนห้าใบไม้ไปสองตน จากนั้นเขาสังหารอีกคนที่ทางเข้า ทว่าดูเหมือนคนผู้นี้จะใช้วิชาบางอย่างบนผู้เฒ่าฮู่ทำให้เขาจิตใจสับสน”
หวังหลินขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมและเดินไปทางข้างหน้า เจ้าเต่าร้องคำรามทันทีและสูดหายใจลึก พลังดึงดูดอันแข็.แกร่งเกิดขึ้นในอากาศจากทุกทิศทางและบอลวายุสร้างขึ้นเบื้องหน้าเจ้าเต่า มันพุ่งบอลวายุเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินพ่นทางจมูก เขาตบกระเป๋าและคางคกสายฟ้าและอสูรยุงลอยออกมา ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งเจ้าคางคกพ่นบอลอัสนีและปะทะเข้ากับบอลวายุ
ปัง! คลื่นกระแทกกระจายออก
เจ้าอสูรยุงร้องคำรามจากนั้นอ้อมคลื่นกระแทกและแทงเข้าใส่เต่าด้วยปากอันแหลมคมของมัน
หลังการสั่นสะเทือน ผู้เฒ่าฮู่ลืมตาขึ้น แววตาแดงฉานและมีรอยสักปกคลุมในตาขาว หลังจากเขาเห็นหวังหลินจึงกระโดดเข้าหาราวกับอสูรคลั่ง
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาตบกระเป๋าและนำธงกฎเกณฑ์ออกมา ควันกฎเกณฑ์ปรากฎและเกิดเป็นกรงขังผู้เฒ่าฮู่
แววตาผู้เฒ่าฮู่ยิ่งแดงฉานกว่าเดิม เขากวาดแขนเพื่อพยายามทำลายกรงขัง
หวังหลินชี้ไปข้างหน้า “กักขัง!”
ควันกฎเกณฑ์ออกมามากขึ้นและเสริมกำลังให้กับกรงขัง ทุกครั้งที่ผู้เฒ่าฮู่ฉีกออกไปชั้นหนึ่งจะมีอีกชั้นเข้ามาเติมแทน
หวังหลินร้องตะดกน “สหายเซียนฮู่ ยังไม่มีสติอีกหรือ!?”
น้ำเสียงเขาราวกับฟ้าฝ่า มันผ่านควันกฎเกณฑ์และเข้าไปในรูหูผู้เฒ่าฮู่ แขนของเขาหยุดกึกทันทีแต่ขณะนั้นรอยสักในแววตาเขาเรืองแสงสว่างทำให้แววตาผู้เฒ่าฮู่เปลี่ยนเป็นแดงฉานอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มีสิ่งลึกลับบางอย่างในแววตาเขา
“น้องหวัง ชาแมนที่ข้าสังหารไปเป็นหกใบไม้ระดับสูง ก่อนที่มันจะตายได้ร่ายคำสาปใส่ข้าเพื่อพยายามปรับแต่งให้เป็นหุ่นเชิด วิชานี้โหดเหี้ยมมาก หากข้าอยู่ในทะเลปิศาจคงใช้เวลาไม่กี่ปีเพื่อลบล้างคำสาปนี้ ทว่าด้วยกลิ่นอายที่นี่ข้าไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เลย คำสาปนี้จะทำลายได้ด้วยจังหวะแห่งชีวิตหรือวัฎจักแห่งความตาย ดังนั้นน้องหวัง โจมตีตอนนี้เลย!” ร่างกายเขาสั่นเทา ดูราวกับเขากำลังดิ้นรนเพื่อรักษาการควบคุมให้ได้
แววตาหวังหลินเพ่งพินิจพลันสัมผัสกระเป๋า กระบี่สวรรค์สีดำปรากฎในฝ่ามือ หลังวิญญาณเร่ร่อนเข้าไปในกระบี่แม้แต่คนที่เคยเห็นกระบี่นี้มาก่อนก็นึกมันไม่ออก
ด้วยกระบี่สวรรค์ในฝ่ามือ เขาจ้องผู้เฒ่าฮู่ที่ขังไว้ในควันกฎเกณฑ์และตวัดลง
กระบี่สวรรค์เรืองแสงสีดำและดูเหมือนจะขยายความยาวออกพลันเฉือนลงมา ควันกฎเกณฑ์ปาดออกเป็นทางเมื่อแสงสีดำผ่านไป เปิดผู้เฒ่าฮู่ออก รอยสักในแววตาเขากระพริบถี่รัว
พริบตาเดียวรอยสักในแววตาผู้เฒ่าฮู่หายวับไปจากนั้นหยดโลหิตหนึ่งลอยออกมาจากหน้าผากเขา ลงมาถึงจมูดและหล่นลงพื้นดิน
กระบี่สวรรค์หยุดลงเหนือศีรษะผู้เฒ่าฮู่ไปสามนิ้ว
แววตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาโบกสะบัดแขนและกระบี่สวรรค์หายวับไป
ผู้เฒ่าฮู่นำขวดยาออกมา หลังจากสูดหายใจลึกไม่กี่ครั้งนั่งลงฝึกฝน
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นและมองออกไปไกลขณะรอให้ผู้เฒ่าฮู่ฝึกฝน
ความหวาดกลัวในฉิวซื่อผิงและแววตาคนอื่นพุ่งขึ้นถึงขีดจำกัด ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อน แม้แต่เจ้าเต่ายังกวาดกลัวและไม่กล้าส่งเสียงดัง
อสูรยุงใช้โอกาสนี้โผล่เข้าไปที่คอเจ้าเต่าเพื่อดูดโลหิตออกอย่างรุนแรง จากนั้นเมื่อมันพึงพอใจจึงกลับไปด้านข้างคางคกสายฟ้า
หนึ่งชั่วยามถัดมา ผู้เฒ่าฮู่ลืมตาขึ้นกระจ่างชัด เขายืนขึ้นคำนับฝ่ามือและเอ่ยออกมา “ขอบคุณมากน้องหวัง!” แม้ว่าเขาจะดูสงบนิ่ง ตอนนี้เขากวาดกลัวหวังหลินมากขึ้นในใจ หากกระบี่ของหวังหลินลงไปมากกว่าสามนิ้ว เขาคงตายไปแล้วตอนนั้น
แม้เขาจะไม่ใช้สมบัติวิเศษหรือสิ่งใดต่อต้าน ความรู้สึกแห่งชีวิตและความตายถูกสลักไว้ในใจเขา
ผู้เฒ่าฮู่คิด ‘คำเล่าลือนั้นไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย ข้าไม่สงสัยเลยว่าทำไมเซิ่งหนิวถึงกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดนี้ เขาแข็งแกร่งจริงๆ’
หวังหลินยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
หนึ่งวันถัดมา แม่นางผ้าคลุมหน้าและผู้เฒ่าผ้าคลุมสีดำยังไม่มาถึง หลังพูดคุยกับหวังหลิน พวกเขาตัดสินใจว่าจะไม่รออีกต่อไป แม้ว่าผู้เฒ่าฮู่จะไม่รู้ตำแหน่งต้นไม้แห่งการเกิดใหม่จริงๆ เขารู้ตำแหน่งอย่างคร่าวๆเท่านั้นดังนั้นจึงตัดสินใจค้นหาและรอไปด้วยในเวลาเดียวกัน
หวังหลินพยักหน้าในข้อตกลง
ทุกคนเข้าไปในชั้นที่สาม
ชั้นที่สามเป็นโลกสีแดง ฝุ่นผงมีคุณสมบัติลึกลับที่เรืองแสงสีแดง ดังนั้นเมื่อมองไปชั้นที่สาม ทุกสิ่งจึงแดงไปหมด
ผู้เฒ่าฮู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้สุสานอมตะอันตรายจริงๆ หากชั้นที่สองมีชาแมนห้าใบไม้แล้ว ชั้นที่สามอาจจะมีชาแมนถึงเจ็ดใบไม้ เราต้องเดินทางอย่างรวดเร็วและจากไปทันทีหลังเจอต้นไม้แห่งการเกิดใหม่”
จากนั้นเขามองไปทางหวังหลินและเอ่ยต่อ “สหายเซียนหวัง ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าฟัง ซิ่วลั่วและหยุนหมิงเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ผลไม้แห่งการเกิดใหม่ปรากฎขึ้น แต่ละคนต้องมีอายุขัยเหลือมากกว่าหนึ่งร้อยปี ด้วยการยกอายุขัยให้เป็นเวลาหกสิบปี พวกเขาสามารถทำให้ผลไม้แห่งการเกิดใหม่เติบโตขึ้นได้ นี่ทำไมข้าถึงนำพวกเขามที่นี่ หลังจากนั้นเราจะแบ่งกันคนละหนึ่งผลและรีบค้นหาต้นไม้แห่งการเกิดใหม่”
ฉิวซื่อผิงลอบบ่นแต่ไม่กล้าพูดอะไร เขารู้ว่าตัวเองไร้ค่าในสายตาผู้เฒ่าฮู่ หลังจากนั้นเข้าต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพราะหากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาจะต้องตายแน่นอน