Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 417

Cover Renegade Immortal 1

417. เริ่มต้นการต่อสู้ครั้งที่สองกับเผ่าละทิ้งอมตะ

หวังหลินยิ้มตอบคำถามหญิงชรา “ข้าเซิ่งหนิว”

สีหน้าหญิงชราเปลี่ยนไป นางมองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “สังหารหลี่หยวนเฟิงแห่งเฉว่ยี่และบรรพชนเผ่ามารยักษ์ตอนที่ตัวเองอยู่ขั้นตัดวิญญาณ…วันนี้ข้าไม่อาจสังหารเจ้าได้แน่นอนแล้ว”

นางถอนหายใจ แม้นางจะเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายและสามารถสังหารหวังหลินได้ง่ายๆ นางไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นต่อหน้าตุ้นเทียน

หลังมองชายชราด้านข้าง นางถอนหายใจอีกครั้งในใจ

ชายชราผ้าคลุมม่วงด้านข้างหญิงชราพลันใบหน้ามืดมัว เขาเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้น เขารู้ว่าตัวเองสามารถสังหารหลี่หยวนเฟิงได้ด้วยไม่มีคำถามใดแต่กับการต่อสู้กับบรรพชนเผ่ามารยักษ์นั้นมันยากมากที่จะเอาชนะได้ แต่ว่ากับเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขาสามารถสังหารได้ทั้งคู่นั้น แม้ว่าหวังหลินจะยังไม่ใช่เซียนขั้นแปลงวิญญาณแต่เขารู้ตัวว่าเห็นหวังหลินเป็นคนระดับขั้นบ่มเพาะเดียวกัน

ตุ้นเทียนหัวเราะ เขาพึงพอใจอย่างมากกับท่าทีของหวังหลิน คนของสำนักหลอมวิญญาณควรจะเป็นเช่นนี้

ตุ้นเทียนเอ่ยขึ้น “อย่าเสียเวลาอีกเลย ตามกฎแล้วส่งหินหยกของพวกเจ้ามาครึ่งนึง!”

หญิงชราครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นมองไปทางตุ้นเทียนก่อนที่สายตานางจะส่องสว่างและเอ่ยขึ้น “ข้าสามารถยกหินหยกสวรรค์ให้ได้ครึ่งนึงแต่การสู้รบกับเผ่าละทิ้งอมตะในมือแล้วหากสำนักแมลงปิศาจของข้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าต้องช่วยเราสักครั้ง!”

ตุ้นเทียนมองหญิงชราและเอ่ยขึ้น “นั่นขึ้นอยู่กับว่าเจ้าให้หินหยกสวรรค์ข้ามากแค่ไหน”

หญิงชรายิ้มอย่างขมขื่น นางนำกระเป๋าออกมาและโยนไปที่ตุ้นเทียนโดยไม่หันไปมอง “นี่น่าจะทำให้เจ้าพึงพอใจ”

ตุ้นเทียนรับกระเป๋า หลังตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณ ใบหน้าจึงแปรเปลี่ยนประหลาดใจ เขามองหญิงชราและเอ่ยขึ้น “คนของสำนักแมลงปิศาจเป็นพวกร่ำรวยจริงๆ อาจารย์ของข้าเอาจากพวกเจ้าไปมากแต่เจ้ายังเหลือมากมายขนาดนี้ พวกเจ้าใช้วิธีไหนรวบรวมมาได้กัน?”

หญิงชราเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ จดจำข้อตกลงของเราไว้ให้ดี” สิ้นคำนางเหาะเหินออกไปไกล

ชายชราผ้าคลุมม่วงมองหวังหลินอีกครั้งก่อนจะกุมมือให้และจากไป

ด้วยเหตุนี้ตุ้นเทียนจึงพาหวังหลินเดินทางผ่านแคว้นพิลูและขโมยหินหยกสวรรค์มาจำนวนมาก ระหว่างทางหวังหลินจึงได้เห็นว่าตุ้นเทียนความจริงแล้วเกรี้ยวกราดแค่ไหน ตุ้นเทียนเพียงนำธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงออกมาและเรียกร้องหินหยกสวรรค์ หากพวกเขาไม่ให้ก็จะปลดปล่อยดวงวิญญาณและใช้เวลาเล็กน้อยนั้นทิ้งความก่อกวนกับสำนักเอาไว้

เรื่องอื้อฉาวของสำนักหลอมวิญญาณเป็นที่รู้จักกันดี อีกสองสำนักในแคว้นพิลูต่างก็โกรธเกรี้ยวเช่นกันแต่เมื่อสำนักหลอมวิญญาณทำเรื่องเช่นนี้มาตลอด พวกเขาจึงส่งหินหยกสวรรค์ให้แต่โดยดี

ตุ้นเทียนปรบกระเป๋าและยิ้มไปที่หวังหลิน “เห็นเรื่องทั้งหมดนี้รึยัง? นี่คือวิธีการลงมือของสำนักหลอมวิญญาณมาหลายหมื่นปี ตอนที่เจ้าเป็นเจ้าของธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง เจ้าต้องทำเช่นเดียวกันไม่เช่นนั้นเจ้าจะลากชื่อของสำนักหลอมวิญญาณลง”

แม้ว่าร่างกายเขาจะเต็มไปด้วยรัศมีแห่งความตาย หวังผลินสามารถสัมผัสความโล่งอกในใจของตุ้นเทียนได้

“นานมาแล้ว บรรพชนคนหนึ่งของสำนักหลอมวิญญาณต้องการบรรลุขั้นเทวะ จำนวนหินหยกสวรรค์ที่จำเป็นมีมากกว่าที่เจ้าต้องการหลายเท่า ที่สุดแล้วหลังจากกวาดล้างไปทั้งดาวเคราะห์ เข้าได้เข้าไปในแคว้นซูซาคุ เพียงธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงแม้แต่เซียนขั้นเทวะยังไม่กล้าลงมือต่อต้านโดยไม่ระมัดระวัง ทำให้เขาสามารถใช้กำลังบังคับเอาหินหยกสวรรค์มาได้”

หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้สึกว่าเซียนขั้นเทวะเมื่อตอนนั้นต้องปวดหัวแน่ๆ การให้หินหยกไปทำให้รู้สึกเหมือนยกเงินให้คนอื่นฟรีๆ

หลังจากนั้นผู้ครองธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงทุกรุ่นจะเป็นคนเผด็จการ

หวังหลินลอบคิด ‘ข้าคิดว่าข้าเห็นสำนักหลอมวิญญาณออกจากแคว้นระดับห้ามาเป็นสำนักเดียวในตอนนี้ได้อย่างไร…’

“ทว่าบรรพชนผู้นั้นล้มเหลวและยังตายในตอนจบ ความจริงข้าไม่ยอมรับการกระทำของเขา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเซียนขั้นเทวะเสียดีกว่าเว้นแต่ว่าจะจำเป็นจริงๆ ทำแบบสิ่งที่เรากำลังทำในตอนนี้เสียดีกว่า ด้วยธงวิญญาณเราสามารถเดินทางผ่านแคว้นระดับห้าและขโมยจากสำนักไหนก็ได้ที่เราพบเจอ แม้จะเจอเซียนแข็งแกร่งจากเผ่าละทิ้งอมตะก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา”

หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง

ความเผด็จการของตุ้นเทียนไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในแคว้นพิลู ความจริงตุ้นเทียนยังคงสงวนท่าทีไว้ในแคว้นพิลู อีกทั้งสำนักบ้านใกล้เรือนเคียงก็ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งจนเกินไปนัก

ทว่าตอนที่พวกเขาออกมาจากแคว้นพิลูในที่สุดหวังหลินก็เห็นความเผด็จการของตุ้นเทียนของจริง

ในเวลาสามเดือน ตุ้นเทียนพาหวังหลินเดินทางข้ามผ่านแคว้นระดับห้าไปสี่แห่ง ตอนที่พวกเขาจากมามันเหมือนกับฝูงตั๊กแตนปาทังก้า แม้กระทั่งตระกูลเซียนบางแห่งยังได้รับผลกระทบและต้องส่งหินหยกสวรรค์ที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นให้

ส่วนสำนักแล้วตุ้นเทียนไม่ได้พูดอะไรเลยก่อนจะนำธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงออกมา ดวงวิญญาณปกคลุมทั้งสำนักและมีวิญญาณเซียนขั้นแปลงวิญญาณออกมามากกว่าสิบดวง สิ่งนี้ไม่ใช่การโจมตีที่สำนักใดๆในแคว้นระดับห้าสามารถต่อต้านได้

ตุ้นเทียนเก็บรวบรวมหินหยกสวรรค์มาจำนวนมากและเก็บไว้ในกระเป๋า

ในแคว้นเซียนระดับห้าแห่งที่สี่ ในที่สุดตุ้นเทียนได้ไปกระตุ้นเหล่าเซียนในท้องที่ เซียนขั้นแปลงวิญญาณสี่คนรวมหัวกันโจมตีตุ้นเทียน

คราวนี้ในที่สุดหวังหลินจึงตระหนักถึงความแข็งแกร่งของธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงได้

หวังหลินแม้กระทั่งไม่มีเวลาตอบสนองก่อนที่ทั้งสี่คนจะถูกสวนกลับ เป็นเพราะว่าตุ้นเทียนไม่ต้องการสังหารใครเลย ไม่เช่นนั้นหนึ่งในสี่คนนี้คงต้องกลายเป็นวิญญาณหลักของธงวิญญาณไปแล้ว

ตุ้นเทียนใช้ความเผด็จการของตัวเองลงมือในช่วงชีวิตที่เหลือสองปี หวังหลินจึงต้องนำหมวกฟางออกมาและใช้มันปกคลุมภาพลักษณ์ของตัวเองไว้

เพื่อป้องกันสำนักทั้งหมดที่พวกเขาขโมยมาจะค้นหาตัวหวังหลินในอนาคต

แคว้นระดับห้าทั้งสี่แห่ง สิบสามสำนักและตระกูลเซียนมากกว่าร้อยตระกูล นับรวมกับในพิลูแล้วนั่นเป็นจำนวนทั้งหมดสิบหกสำนัก

ในเวลาสามเดือนตุ้นเทียนขโมยหินหยกสวรรค์มาจำนวนมาก วันนี้ในที่สุดตุ้นเทียนก็หยุดลง

ตุ้นเทียนเอ่ยกับหวังหลินด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “หินหยกสวรรค์มากมายเหล่านี้ควรจะเพียงพอให้เจ้าบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ อาจจะมีเหลืออีกบ้าง ในอนาคตหากเจ้าต้องการยกระดับบ่มเพาะ เจ้าจะต้องไปหาด้วยตัวเองแล้ว จำไว้ว่าในโลกแห่งเซียนโดยเฉพาะเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณ มีทางเดียวที่จะได้หินหยกสวรรค์มาคือการขโมย ไม่ว่าเจ้าจะส่งศิษย์ไปดินแดนสวรรค์มากเท่าไหร่เจ้าจะไม่ได้มันมามากพอ”

หวังหลินพยักหน้า เขาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการขโมยแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีของตุ้นเทียน เขาเชื่อว่าควรจะเอาไปหมดเลยไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องขโมย

บางทีกระบวนการคงยากยิ่งกว่ามากแต่จำนวนหินหยกสวรรค์ในการครอบครองน่าจะมีมากกว่าสองเท่าที่พวกเขามีตอนนี้

หลังได้รับหินหยกสวรรค์เพียงพอ ตุ้นเทียนพาหวังหลินกลับไปสำนักหลอมวิญญาณอย่างเร่งรีบ เขาไปปกป้องหวังหลินเพื่อให้สามารถทะลวงผ่านขั้นแปลงวิญญาณได้อย่างปลอดภัย

ตุ้นเทียนถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ดาวเคราะห์ซูซาคุเล็กเกินไป ตอนที่ข้ายังหนุ่ม ข้าออกจากดาวเคราะห์ครั้งแรกและไปที่เทียนหยุน ดาวเคราะห์นั้นขนาดใหญ่มากกว่าซูซาคุถึงสิบเท่า มีสำนักจำนวนมากและมีหินหยกสวรรค์มากมายเป็นธรรมดา หากไม่ใช่ว่าข้าไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ข้าคงรู้สึกดีที่ขโมยมาจากสำนักที่นั่น กล่าวได้ว่าในเหล่าพันธมิตรเซียนนั้นมีแคว้นระดับหกหลายแห่งที่ทำการบุกขโมยมาจากดาวเคราะห์เซียนดวงอื่น”

“ดาวเคราะห์เทียนหยุน…” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ

ตุ้นเทียนกล่าว “เทียนหยุนจื่อบนดาวเคราะห์เทียนหยุนมีระดับบ่มเพาะสูงมาก กล่าวได้ว่าเขาถึงกับมีที่นั่งในสมาพันธ์เซียน นั่นไม่ใช่สิ่งที่จูเซว่จื่อตัวเล็กๆสามารถเทียบได้”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยถามต่อ ใบหน้าตุ้นเทียนเปลี่ยนไปและมองออกไปไกล หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและหันศีรษะเข้าหา

สายหมอกกำลังเข้ามาใกล้จากเส้นขอบฟ้าและกลืนกินก้อนเมฆระหว่างทาง สายหมอกสีดำขนาดใหญ่จนไม่สามารถเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้

กลิ่นอายพลังรอยสักอันแข็งแกร่งกระจายออกมาอย่างช้าๆ

“เผ่าละทิ้งอมตะ!” ดวงตาตุ้นเทียนสว่างขึ้น

ระหว่างเวลาที่อยู่ด้วยกันหวังหลินพูดคุยกับตุ้นเทียนและเรียนรู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนเผ่าละทิ้งอมตะรวบรวมผู้คนจำนวนมากเข้าโจมตีบนทวีปซูซาคุ

เหล่าเซียนนับไม่ถ้วนตายไประหว่างการต่อสู้ครั้งนั้น ชาแมนจากเผ่าละทิ้งอมตะซึ่งมีพลังอำนาจเทียบเท่าเซียนขั้นเทวะได้ต่อสู้กับจูเซว่จื่อและเซียนขั้นเทวะอีกสองคน

การต่อสู้ครั้งนี้เมื่อสามปีก่อนและจากนั้นเผ่าละทิ้งอมตะก็ล่าถอย พวกเขายึดครองแคว้นระดับสามและเริ่มการต่อสู้กับแคว้นซูซาคุอย่างช้าๆ

ในการประลองนี้มีสองคนที่โดดเด่นเหนือคนอื่นๆนั่นก็คือหลิวเหมยและเฉียนเฟิง

ด้วยความน่ารักโดยไม่มีใครเทียบได้ หลิวเหมยจึงถูกสายตาเซียนชายหนุ่มทุกคนจับจ้อง ระดับบ่มเพาะของนางยังสูงด้วยเช่นกัน นางเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางซึ่งทำให้นางได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น

ขณะที่นางปรากฎตัวนางข่มชื่อเสียงของผีเสื้อสีชาดไว้ได้อย่างสิ้นเชิงและกลายเป็นธิดาสวรรค์คนใหม่

ดูเหมือนไม่มีใครให้ความสนใจผีเสื้อสีชาดอีกเลย

สิ่งที่ทุกคนพูดคุยกันมากขึ้นก็คือนางเป็นศิษย์่ของซูซาคุคนปัจจุบันและเป็นผู้ท้าชิงซูซาคุคนถัดไป

เมื่อนางปรากฎตัว นางได้รับความสนใจจากชาแมนเจ็ดใบไม้หลายคนรวมไปถึงชาแมนแปดใบไม้คนนึงด้วยซึ่งมีพลังเทียบเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย

ทำให้ชื่อเสียงของนางทะยานขึ้นราวกับจรวด

มีอีกเรื่องราวหนึ่งของนางทำให้ทุกคนสนใจ ข่าวลือได้เล่าว่า นางเป็นคนดีและจิตใจยังบริสุทธิ์ นางไม่เคยสังหารคนมาก่อนในชีวิตแม้ตอนที่นางต่อสู้กับเผ่าละทิ้งอมตะ นางเพียงแค่จับตัวพวกเขาไว้และไม่ได้สังหาร

ด้วยลักษณะที่ดีทั้งหมดนี้ นางจึงได้รับความสนใจจากทุกคนโดยธรรมชาติ ตอนที่นางปรากฎตัว เหล่าเซียนโดยรอบทั้งหมดต่างปฏิบัติตามคำสั่งของนางด้วยความนอบน้อม

แม้กระทั่งในการต่อสู้ซึ่งมีปลายทางใกล้จะพ่ายแพ้ ตอนที่นางปรากฎตัวขึ้น เหล่าเซียนทั้งหมดในตอนนั้นฟื้นฟูกำลังใจและเอาชนะได้ด้วยการช่วยเหลือของนาง

สตรีคนนี้จึงถูกนับว่าเป็นหนึ่งในคู่แฝดอัจฉริยะในรุ่น

อัจฉริยะอีกคนคือเฉียนเฟิง เขาเป็นชายหล่อเหลามีท่าทางอันทรงเกียรติ ระดับบ่มเพาะขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายเช่นกัน เขาไม่มีความเย่อหยิ่งจองหอง เป็นคนมีศีลธรรมและสุภาพอ่อนโยน

เฉียนเฟิงปรากฎตัวขึ้นในปีที่สองของการโจมตีจากเผ่าละทิ้งอมตะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!