442. จูเซว่จื่อคลั่ง (2)
ฟินิกซ์ร้องคำรามขณะผ่านใบไม้และบรรพชนลำดับแรกและมุ่งหน้าเข้าหาบรรพชนลำดับห้าที่อยู่เบื้องหลัง
มันบินเร็วมากเกินไปจนร่อนถึงบรรพชนลำดับห้าในพริบตา
ตู้มมม!
หลังเสียงดังสนั่น ฟินิกซ์หายไปและบรรพชนลำดับห้ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเริ่มถูกไฟคลอก เพียงสามลมหายใจเขาก็ตาย!
สีหน้าจูเซว่จื่อซีดเผือดและกลิ่นอายแห่งความตายปรากฎรอบตัว ผนึกซูซาคุกินพลังชีวิตของผู้ใช้และด้วยอายุขัยของเขาตอนนี้สามารถใช้ได้เพียงแค่สองครั้งเท่านั้น หลังจากใช้มันอีกหนึ่งครั้งเขาจะตาย
เมื่อใช้สัมผัสวิญญาณล๊อคเป้าหมายไว้แล้ว ผนึกซูซาคุมิอาจเปลี่ยนเป้าหมายได้ มันไม่ได้ทำอันตรายบรรพชนลำดับแรกแต่มันสังหารบรรพชนลำดับห้าในเสี้ยววินาที
หากล๊อคเป้าหมายไว้ที่บรรพชนลำดับแรกหรือหยุนเซว่จือ ผนึกซูซาคุคงไม่อาจสังหารได้ในครั้งเดียวแต่ทำให้บาดเจ็บเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจูเซว่จื่อถึงไม่เล็งเป้าที่พวกเขาแต่เลือกเป้าหมายบรรพชนลำดับห้าที่อ่อนแอเพื่อสังหารโดยคาดไม่ถึงแทน
บรรพชนลำดับแรกจ้องจูเซว่จื่อ “จูเซว่จื่อ!”
การตายของบรรพชนลำดับด้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับคนเหล่านี้ ไม่มีใครเผยความโกรธเกรี้ยวอันใด
หยุนเซว่จื่อเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ศิษย์พี่ ยังเหลือคนอีกมากมาย! แต่เมื่อท่านใช้ครั้งนั้นไปแล้วพลังชีวิตของท่านจะถูกดูดออกไป ข้าให้เวลาท่านสามเดือนถือว่าท่านคิดเรื่องทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ท่านจะเสียสละทุกชีวิตบนดาวซูซาคุเพื่อกวาดล้างเผ่าละทิ้งอมตะหรือท่านจะฟังคำแนะนำของข้าและแบ่งพื้นที่ออกเป็นครึ่งซีก! ข้าต้องให้ท่านตอบ!”
ร่องรอยความบ้าคลั่งปรากฎในสายตาจูเซว่จื่อและหัวเราะ “ศิษย์น้องที่รัก จากสิ่งที่เจ้ารู้จักข้า คิดว่าข้าจะเลือกอะไร?เรามาเล่นเกมกันไหม? หากเจ้าชนะข้าจะยกดาวดวงนี้ให้ แต่หากเจ้าแพ้ เผ่าละทิ้งอมตะของเจ้าจงตายไปพร้อมกับเซียนทุกคนบนดาวนี้!”
หยุนเซว่จื่อเผยดวงตาสงบนิ่ง “โอ้? เล่ามาสิ”
จูเซว่จื่อหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “ผลึกดาวเซียนอยู่ในสุสานซูซาคุ เซียนขั้นแปลงวิญญาณทุกคนสามารถเข้าไปที่นั่นได้ตามที่ต้องการ หากเจ้าหามันไม่พบภายในเวลาที่กำหนด ข้าจะระเบิดผลึกดาวเซียนทิ้ง สมาพันธ์เซียนจะกวาดล้างเผ่าพวกเจ้าตอนที่พวกเขามาสืบหาสาเหตุ ไม่เช่นนั้นทุกคนที่เกิดหลังแคว้นซูซาคุยึดครองจะตายกันหมด!”
หยุนเซว่จื่อยิ้มบาง “ผลึกดาวเซียนมีเสี้ยววิญญาณของเซียนทุกคนบนดาว หากท่านทำลายมัน ศิษย์ของท่านจะตายไปพร้อมกันหมด!” เช่นนั้นเขามองไปที่เฉียนเฟิงและหลิวเหมย
หลังเฉียนเฟิงได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาเผยประกายแสงลึกลับ เขามองหลิวเหมยและรับรู้ว่าคิ้วนางขมวดเป็นปมมากกว่าเดิม
“เจ้าเฒ่านี่มีความลับเยอะ ข้าไม่รู้ว่าผลึกดาวเซียนใช้แบบนั้นได้…” ดวงตาเฉียนเฟิงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“อยู่หรือตายกันทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคชะตา เฉียนเฟิงและหลิวเหมย ข้าจะให้โอกาสเจ้าทั้งสองเข้าไปเอาเสี้ยววิญญาณของเจ้า หากเจ้าเอามันมาได้เจ้าก็รอด หากไม่ได้เจ้าก็ตาย อย่าโทษข้าหล่ะ”
หลังจูเซว่จื่อเอ่ยจบ เขาโบกแขนจนเส้นผมพริ้วไหว จากนั้นร่ายบทบางอย่างและกระอักโลหิตออกมา หลังจากนั้นไม่นานนักลำแสงสีแดงลอยออกมาจากร่างกายเกิดเป็นรูปร่างผลึกทรงหัวใจสีแดง
แววตาบ้าคลั่งในจูเซว่จื่อยิ่งรุนแรงพร้อมตะโกน “ทำลาย!”
ผลึกสีแดงทรงหัวใจเริ่มแตกร้าว รอยร้าวที่เกิดขึ้นราวกับมันจะแตกเมื่อไหร่ก็ได้
ตอนนี้เซียนทั้งหมดบนดาวซูซาคุ ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งใด หรือจากอยู่บนดาวมานานแค่ไหน ทุกคนที่ไม่ได้ทะลวงผ่านขั้นเทวะต่างก็รู้สึกหัวใจสั่นเทา!
ตั้งแต่แคว้นระดับหกไปจนถึงแคว้นระดับหนึ่ง แม้กระทั่งคนธรรมดาต่างก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ
ความเจ็บปวดออกมาจากวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อต้านได้แม้กระทั่งเหล่าเซียนที่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณก็ทำได้เพียงแค่ทำให้ความเจ็บปวดเบาลงเท่านั้น
เหล่าเซียนที่กำลังวิ่งหนี เหล่าเซียนที่กำลังฟื้นตัวและเหล่าเซียนที่ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรกับสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งหมดต่างรู้สึกเจ็บปวดในวิญญาณของตัวเอง
พวกเขารู้สึกว่าหากเจ็บมากกว่านี้อีกเล็กน้อยคงแตกสลาย ราวกับความรู้สึกนี้เป็นลมหายใจสุดท้ายอันยาวนาน
ท่ามกลางเหล่าคนธรรมดา ตั้งแต่ราชาจนถึงชาวบ้าน ทุกคนบนดาวซูซาคุสั่นสะท้าน
ความเจ็บปวดนี้ไม่สนใครหน้าไหนว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเป็นเซียน ตราบใดที่เกิดขึ้นมาหลังจากซูซาคุได้รับดาวดวงนี้ พวกเขามิอาจหนีมันพ้น!
ต้นไม้ทุกต้น สัตว์และอสูรร้ายทุกตัวรู้สึกราวกับโลกกำลังล่มสลาย
แม้แต่เผ่าละทิ้งอมตะทั้งหมดที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาภูเขาซูซาคุต่างก็รู้สึกถึงสิ่งนี้ แม้สิ่งที่สัมผัสได้จะอ่อนแอมากแต่ยังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองตกอยู่ในกำมือคนอื่น เพียงแค่บีบมือก็จบชีวิตได้แล้ว
ผลึกดาวเซียนทรงพลังมากกว่าที่ทุกคนคาดคิด แม้แต่จูเซว่จื่อยังรู้สึกเหมือนเขากำลังจะตาย ตอนนี้ดูเหมือนเขาได้เข้าใจบางอย่างขึ้นมา
“ผลึกดาวเซียนจากสมาพันธ์เซียนเป็นเช่นนี้เอง…”
ขณะนี้ผู้ล่าหยุดไล่ตามและผู้คนที่กำลังหลบหนีต่างหยุดวิ่ง ทุกสิ่งบนดาวเคราะห์ดูเหมือนหยุดชะงัก บรรยากาศเต็มไปด้วยอาการหายใจหนักและหวาดกลัว
หยุนเซว่จื่อรู้สึกเจ็บปวดเช่นกันจนใบหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แม้เขาจะคิดเรื่องนี้ไว้แล้วแต่จิตใจยังสั่นเทา
สีหน้าบรรพชนลำดับสามเปลี่ยไป นางมีใบหน้ามืดมนมากและขบฟันกรามแน่น
แม้ว่าสีหน้าบรรพชนลำดับแรกจะนิ่งสงบอยู่ได้ ทว่าในใจกลับขมขื่น เผ่าละทิ้งอมตะไม่ควรออกมาก่อน พวกเขาควรจะฟังคำหยุนเซว่จื่อและแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอ่อนโยน วางแผนแต่งตั้งซูซาคุคนถัดไปและลอบควบคุมดาวอยู่เบื้องหลังเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ถึงอย่างนั้นตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
ถัดจากจูเซว่จื่อ สีหน้าเฉียนเฟิงเปลี่ยนไปมหาศาล ตอนนี้เขามองจูเซว่จื่อด้วยความโกรธ
มีเพียงหลิวเหมยซึ่งรู้สึกรันทด นางมองขึ้นไปบนฟ้าและยังไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ
ความบ้าคลั่งในดวงตาจูเซว่จื่อหายไปเล็กน้อยแต่เผยความชัดเจนขึ้นมาแทน ทว่าความชัดเจนนี้กลับหายไปอย่างรวดเร็วและหัวเราะราวกับคนบ้า “หัวใจดาวเซียนยังไม่ได้แตกสลายอย่างสมบูรณ์ มันกำลังแตกทีละเล็กทีละน้อย ผลึกดาวเซียนจะพังทลายเมื่อมันแตกสลายอย่างสมบูรณ์ หยุนเซว่จื่อ ตอนนี้เกมเริ่มต้นขึ้นแล้ว มาดูว่าเผ่าละทิ้งอมตะของเจ้าจะสามารถเอาผลึกดาวเซียนมาได้ก่อนที่มันจะแตกหรือไม่ หากเจ้าได้มันมาข้าเชื่อว่าเจ้ามีหลายวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้มันแตกสลาย ถึงตอนนั้นข้าจะยกดาวซูซาคุให้เจ้า! แต่ว่าหากเจ้าเอามาไม่ได้หรือไม่มีวิธีหยุดการแตกสลาย เมื่อนั้นเจ้าทั้งหมดก็จงตายไปพร้อมกับข้า!”
เช่นนั้นเขาโบกแขนและภูเขาซูซาคุทั้งหมดก็เริ่มเกิดเสียงดังก้อง
เนื่องจากเสียงดังกึกก้องรุนแรง ฝุ่นผงตลบอบอวนอยู่ทุกที่และพื้นดินด้านล่างสั่นเทา ภายใต้เสียงสั่นสะเทือนถึงสรวงสวรรค์นี้ ภูเขาซูซาคุจึงแบ่งออกครึ่งส่วน
ทางเดินดำมืดปรากฎเบื้องหน้าทุกคนทันที
“ข้าได้เปิดสุสานซูซาคุแล้ว หยุนเซว่จื่อเกมนี้เริ่มต้นตอนนี้แล้ว! เจ้ารู้กฎของสุสานซูซาคุดี เซียนคนใดต่ำกว่าขั้นเทวะสามารถเข้าไปได้และเซียนขั้นเทวะมิอาจย่างกรายเข้าไปได้” ดวงตาจูเซว่จี่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
บรรพชนรุ่นแรกมองไปที่หัวใจดาวเซียนที่กำลังแตกร้าว เขากำลังจะโจมตีแต่หยุนเซว่จื่อส่ายศีรษะและกระซิบ “ไร้ประโยชน์ หัวใจดาวเซียนและจูเซว่จื่อหล่อหลอมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องนำมันออกมาก็ทำให้มันแตกได้ เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความกดดันให้เราและให้เราเฝ้าดูความตายที่กำลังเข้ามา แม้ท่านจะได้มันไปเราคงไม่มีทางหยุดมันจากการแตกสลายได้ ข้ามั่นใจว่าด้วยความบ้าคลั่งของเขาตอนนี้ เขาจะทำลายผลึกดาวเซียนแน่!”
“หากเป็นเมื่อสามเดือนก่อน เขาอาจะไม่ให้โอกาสเราเล่นเกมนี้และเข้าไประเบิดผลึกดาวเซียนโดยตรง ตอนนี้เขามีเวลาให้คิดมันเขาจึงให้โอกาสอันหาได้ยาก หากท่านฟังข้าเราคงไม่ต้องติดอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้หรอก!”
จังหวะที่ภูเขาซูซาคุถูกแบ่งออกครึ่งส่วน เฉียนเฟิงเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปในสุสานซูซาคุ
หลิวเหมยครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ นางเป็นคนที่สองที่เข้าในสุสาน
ดวงตาหยุนเซว่จื่อส่องสว่างและมองไปรอบๆ ปรมาจารย์น้อยแห่งเผ่าละทิ้งอมตะครุ่นคิดก่อนจะเดินเข้าไปในสุสานเช่นเดียวกัน
ก้อนเมฆในท้องฟ้าหมุนปั่นพร้อมกับเผ่าละทิ้งอมตะจำนวนมากปรากฎตัวด้านใน หลายคนลอยออกมาจากก้อนเมฆ พวกเขาดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าแล้วจึงเข้าไปในสุสานโดยไม่เอ่ยคำพูด หนึ่งในนั้นคือชายชราหลังค่อมแปดใบไม้ซึ่งไล่ล่าหวังหลินก่อนหน้านี้
หลังผ่านไปสามวัน ข่าวเรื่องสุสานซูซาคุเปิดขึ้นได้กระจายไปทั้งดาว รวมถึงข่าวผลึกดาวเซียนก็กระจายไปเหมือนไฟลามทุ่งเช่นเดียวกัน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเซียนทั้งหมดก็คือการเข้าไปสุสานอมตะเพื่อเอาเสี้ยววิญญาณตัวเองออกมา
เซียนทั้งหมดข้ามน้ำข้ามทะเลมุ่งหน้ามาแคว้นซูซาคุเพื่อเข้าไปในสุสาน
อย่างไรก็ตามสุสานซูซาคุมีกฎเกณฑ์พิเศษที่ผลึกดาวเซียนตั้งไว้ เมื่อมันมีคนเข้าไปจำนวนที่กำหนดจะไม่มีใครสามารถเข้าไปเพิ่มได้อีก
แม้จำมีคนจำนวนมากต้องการเข้าไปข้างในมากแค่ไหน จำนวนคนที่เข้าไปได้จริงๆมีเพียงแค่หยิบมือเดียว
โจวหวู่ไท่เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปข้างใน พร้อมกับสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้าอยู่ตลอดเวลา ซื่อฉิน
ในวันที่สี่ หวังหลินและซือถูหนานก็มาถึงภูเขาซูซาคุ จูเซว่จื่อหายตัวไปทิ้งไว้แต่เพียงหัวใจดาวเซียนที่กำลังแตกสลายอย่างช้าๆ
หยุนเซว่จื่อและพรรคพวกไม่ได้อยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน
เซียนจำนวนมากและเผ่าละทิ้งอมตะต่างก็นั่งอยู่รอบภูเขาซูซาคุมองไปที่ทางเข้าสุสาน ตอนนี้ไม่มีใครสนใจจะสู้กันเองอีก
หวังหลินมองไปยังทางเดินด้านล่างภูเขาซูซาคุและค่อยๆเดินผ่านเข้าไป