478. เสาะหาเต๋า
สำนักชะตาสวรรค์ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของดาวเทียนหยุน ปกคลุมไปด้วยสายหมอก
ทั้งสายหมอกและก้อนเมฆหนาแน่นเต็มไปทั่วบริเวณ มองไกลๆราวกับทั้งสำนักปกคลุมไปด้วยหมอกหลายชั้นจนไม่อาจมองเห็นข้างในได้
อารามใหญ่แห่งหนึ่งลอยอยู่ใจกลางปลดปล่อยแสงสีเขียวอันอ่อนโยน
ข้างใต้อารามมีหินลอยตัวที่ก่อเป็นขั้นนำทางสู่ภูเขาเบื้องล่าง
นี่คือที่ตั้งสำนักชั้นนอกของสำนักชะตาสวรรค์
ขณะนี้ลำแสงกระบี่หลายเส้นเหาะเหินไปมาผ่านสำนักชะตาสวรรค์ ในสำนักมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
หวังหลินยืนอยู่ด้านนอกภูเขาและมองไปที่อารามใหญ่ เขาสูดหายใจลึกและก้าวไปข้างหน้า
จากนั้นเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาวและพุ่งออกไป
หวังหลินใช้เวลาไม่นานก่อนจะมาถึงที่ภูเขาใหญ่ ขณะที่กำลังจะข้ามผ่านภูเขา พลันเปลี่ยนสีหน้าและหยุดลงมองออกไปไกล
“ผู้มาใหม่ จงหยุด!” เสียงเบาบางดังห่างออกมา น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์บ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนเป็นยำเกรง เขาคำนับฝ่ามือและเอ่ยเสียงดัง “หวังหลินแห่งดาวซูซาคุมาที่นี่เพื่อเข้าพบผู้อาวุโสเทียนหยุน”
“หวังหลิน ท่านเทียนหยุนรู้เรื่องการมาของเจ้าแล้ว ทว่าการเข้าสำนักชะตาสวรรค์แม้แต่ศิษย์พิเศษยังต้องผ่านบททดสอบสามอย่าง เจ้ากล้ารับไหม?”
ท่าทางหวังหลินเคร่งเครียด เขาไม่ได้เตอบกลับในทันทีแต่ถามออกมา “บททดสอบสามอย่างคืออะไร?”
“บททดสอบแรกคือบททดสอบมนุษย์ นี่เป็นบททดสอบจิตใจแห่งเต๋าของเจ้า บททดสอบที่สองคือบททดสอบปฐพี เป็นบททดสอบระดับบ่มเพาะของเจ้า บททดสอบที่สามคือบททดสอบสวรรค์เป็นบททดสอบเขตแดนของเจ้า มีเพียงการผ่านทั้งสามบททดสอบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าสู่สำนักชะตาสวรรค์ได้ เจ้ากล้าไหมท” น้ำเสียยังคงราบเรียบไร้อารมณ์โกรธอันใด
หลังกล่าวจบ ลำแสงหลายหมื่นเส้นรวมตัวกันก่อเกิดเป็นวงแหวนทรงกลมเบื้องหน้าหวังหลิน
หวั้งหลินยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “ทำไมข้าจะไม่กล้า?” เช่นนั้นเขาเดินเข้าสู่วงแหวนทันที
ในสำนักชะตาสวรรค์บนยอดภูเขาสูงมีต้นโพธิ์อยู่ต้นหนึ่ง
เรือนยอดต้นไม้มีขนาดใหญ่มากราวกับร่มที่ปกคลุมท้องฟ้า ใครก็ตามที่มองมันจะเกิดแรงกระตุ้นให้สักการะมัน
ตอนนี้มีสามคนอยู่ใต้ต้นโพธิ์
คนด้านหน้าเป็นชายชราท่าทางสุภาพ เส้นผมสีขาวพัดตามแรงลม ทว่าเขาไม่ได้ให้ความรู้แก่ชราแต่กลับให้ความรู้สึกอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์แห่งโลกแทน ดวงตาสว่างเจิดจ้ามากกว่าพวกชายหนุ่มเสียอีก
โดยเฉพาะสองคิ้วของเขาราวกับมังกรสีขาวสองตัวบใบหน้าซึ่งพัดอ่อนๆไปตามแรงลม
สายตามองออกไปไกล แสดงร่องรอยแห่งอายุวัย
อีกสองคนยืนอยู่อย่างเคารพด้านหลังเขา ทั้งคู่ดูราวๆสามสิบปี หนึ่งในนั้นกำลังยิ้มและหน้าตาเป็นมิตร อีกคนใบหน้าเคร่งขรึม สายตาเย็นชาและยืนนิ่งๆไม่ไหวติง
ชายที่กำลังยิ้มมองชายชราและเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ คนผู้นี้เป็นเพียงศิษย์สายนอกเท่านั้นทำไมถึงต้องให้เขาผ่านสามบททดสอบด้วยเล่า?”
ดวงตาชายชราราวกับสายฟ้าจ้องมองออกไปไกลพลันเอ่ยขึ้น “ข้ารับเขาเป็นศิษย์ด้วยความตั้งใจและเราทั้งคู่เกี่ยวกันกันทางศิษย์อาจารย์ ในเวลาเพียงร้อยปีระดับบ่มเพาะของเขาบรรลุถึงขั้นนี้ได้นับว่าไม่ใช่คนธรรมดา!”
ชายชราใบหน้าอ่อนโยนเผยรอยยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “ได้รับความสนใจของอาจารย์คือชะตาของเขา”
“หากเขาสามารถผ่านบททดสอบทั้งสามได้ข้าจะนำเขาไปที่อารามเมฆาม่วง!” ชายชรามองความว่างเปล่าอีกครั้งจากนั้นก้าวไปข้างหน้าและหายตัวไป
อีกสองคนด้านหลังตอบสนอง ทั้งคู่ก้มศีรษะด้วยความเคารพจนกระทั่งชายชราหายไป
ชายใบหน้าเย็นชาเหยียดรอยยิ้มเยาะเย้ยและเอ่ยขึ้น “อารามเมฆาม่วง…น่าสนใจ!”
“ศิษย์น้องโจว มันน่าสนใจอะไรหรือ?” ชายใบหน้าอ่อนโยนหันกลับมาหาชายชื่อโจว
“ศิษย์พี่ ท่านพยายามทดสอบศิษย์น้องหรือ?อารามเมฆาม่วงไม่ใช่สถานที่ที่ศิษย์สายนอกทั่วไปสามารถพักอยู่ได้ วังนภาม่วงและวังนิมิตม่วงต่างก็เป็นสถานที่ที่มีแต่ศิษย์ที่แท้จริงของอาจารย์เราเท่านั้นที่สามารถพักอาศัยได้!”
“ข้ากลัวว่าอารามเมฆาม่วงจะเปลี่ยนชื่อเป็นอารามพฤกษาม่วงในไม่ช้า!”
ชายใบหน้าอ่อนโยนยิ้มขึ้นและเอ่ยออกมา “หวังหลินคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาและอาจารย์ดูเหมือนจะเปลี่ยนให้กลายเป็นศิษย์อีกคนจริงๆ เรากำลังได้ศิษย์น้องอีกคน นั่นไม่ยินดีหรือ?”
“ศิษย์พี่ ท่านอย่ากล่าวสิ่งที่จิตใจท่านไม่ได้คิด” ชายชื่อโจวพ่นลมหายใจและจากไป
ขณะนี้เหลือเพียงชายใบหน้าอ่อนโยนเท่านั้น ดวงตาเขาสงบนิ่งและดูราวกับไม่สามารถมองออกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขากระซิบกับตัวเอง “อารามเมฆาม่วง…การเลือกของอาจารย์น่าสนใจจริงๆ…ศิษย์น้องซุนหยุน ดูเหมือนอาจารย์จะหมดความเชื่อใจในตัวเจ้าไปแล้วจริงๆ…”
ส่วนหวังหลิน หลังจากก้าวเข้าสู่วงแหวนแสง ภาพทิวทัศน์ก็มัวหมองและปรากฎตัวในโลกสีขาวอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
เขาไม่อาจเห็นได้ว่าที่แห่งนี้ไปสุดที่ตรงไหนราวกับเขาอยู่ในอวกาศ การยืนอยู่ที่นี่ทำให้สัมผัสความอ้างว้างที่เกิดขึ้นในใจ
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและความอ้างว้างในใจของเขาพลันหายไป
“น่าสนใจ ที่นี่สามารเปลี่ยนแปลงจิตใจข้าได้” หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาอย่างบ้าคลั่งไปทุกทิศทุกทาง
ด้วยสัมผัสวิญญาณระดับขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นของเขา ในไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมีนับหมื่นลี้ปรากฎขึ้นในใจ
“บททดสอบแรกจะทดสอบจิตใจแห่งเต๋าของข้า…” หวังหลินขบคิดเล็กน้อย
ขณะนี้ร่างพร่ามัวหนึ่งปรากฎเบื้องหน้าหวังหลินและเดินเข้าหาเขาทีละก้าว
หวังหลินมองออกไปแต่ร่างกายเขาไม่ได้เคลื่อนไหว
ร่างนั้นค่อยๆเข้ามาใกล้เผยออกมาเป็นใบหน้างดงามของนาง นางคือลี่มู่หวาน
ลี่มู่หวานมองไปที่หวังหลินและเผยรอยยิ้มมีความสุข นางอ้าปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างแต่หวังหลินไม่สามารถได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยได้
หลังจากนั้นไม่นานลี่มู่หวานก็เปลี่ยนเป็นกระวนกระวายและเดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
หวังหลินมองไปที่ลี่มู่หวานและกระซิบ “หรือว่าบททดสอบแรกนี้…ภาพมายาที่เกิดจากจิตใจแห่งเต๋าของข้า…มันไม่ใช่เรื่องยากเลย…” หวังหลินถอนหายใจจากนั้นก้าวหนึ่งคราและเข้าหาลี่มู่หวานอย่างรวดเร็ว เขาคว้าเอวของนางและยิ้มขึ้น “จิตใจแห่งเต๋า จิตใจแห่งเต๋า…”
ลี่มู่หวานเผยรอยยิ้มบางและหายตัวไปพร้อมกับหวังหลิน
ในสำนักชะตาสวรรค์ ภายใต้ต้นโพธิ์ ชายหนุ่มใบหน้าอ่อนโยนลอบอุทานและดวงตาของเขาเผยแสงอันลึกลับ
“เว้นแต่อาจารย์จะผิดพลาด คนผู้นี้ฉลาดมาก! คนธรรมดาทำเพียงแค่สองอย่างในบททดสอบแรกนั่นคือสงบจิตสงบใจตัวเองเพื่อหลบเลี่ยงมันทั้งหมดหรือพยายามทำลายด้วยกำลัง คนผู้นี้น่าสนใจจริงๆ เขาตัดสินใจเสาะหาเต๋า!”