Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 488

Cover Renegade Immortal 1

488. บ่มเพาะขณะถูกกักขัง

หวังหลินปรากฎตัวด้านนอกตำหนักสมบัติชั้นที่เจ็ด หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นลำแสงและลอยหายออกไปไกล

ระหว่างทางหวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็วและพุ่งตรงเข้าหาตำหนักไพรม่วง ตอนนี้เขามีหินหยกสวรรค์เพียงพอ หวังหลินวางแผนปิดด่านฝึกตนเพื่อดูดซับพวกมันทั้งหมดและบรรลุระดับกลางให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ จากนั้นเขาจะสามารถต่อสู้เพื่อตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงในอีกสามเดือนได้!

หวังหลินเดินทางเร็วมากจนเกิดคลื่นเสียงทำให้เป็นจุดสังเกตในภูเขากองกำลังสีม่วงอันเงียบเชียบแห่งนี้ ณ จุดที่หวังหลินลอยเหนืออยู่ตอนนี้มีระเบียงไม้ไผ่พร้อมกับชายชราสามคนนั่งอยู่ ทั้งสามคนเป็นผู้อาวุโสคุมประพฤติทั้งหมดของกองกำลังสีม่วง หนึ่งในนั้นมองไปตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไปก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด “หวังหลินคนนี้มันจองหองเกินไป เขากล้าใช้ความเร็วขนาดนี้ภายในพื้นที่สำนัก!”

ชายชราด้านข้างเขาส่ายศีรษะ “ให้ดีที่สุดอย่าไปก่อเรื่องกับศิษย์ของท่านบรรพชน เว้นแต่เขาทรยศสำนัก แม้ว่าระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้สูงส่งแต่เขามีประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชน ถึงแม้เราสามคนจะร่วมมือก็คงทำได้มากสุดแค่ยื้อเอาไว้”

คนสุดท้ายหยิบถ้วยชาสีม่วงขึ้นมาจิบและพลางเอ่ย “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรกังวล การแข่งขันระหว่างศิษย์ของผู้อาวุโสเป็นเรื่องโหดร้าย เราสามคนอยู่ในสำนักนี้มาหลายพันปี เจ้ายังมองทั้งหมดไม่ออกอีกหรือ?”

ทั้งสามคนครุ่นคิดเงียบๆ

หวังหลินเหาะเหินด้วยความเร็วเต็มศักยภาพตลอดเส้นทางและในไม่นานก็มาถึงตำหนักไพรม่วง เขาลอยตัวลงถึงพื้นเป็นแสงโค้งด้านหลัง

ขณะที่มาถึงใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปและหันศีรษะมองออกไปไกล มีลำแสงเส้นหนึ่งตรงเข้ามาที่หวังหลิน

ลำแสงเส้นนี้หายวับไปในอากาศเผยเป็นร่างของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย เขาคือศิษย์พี่สี่!

ในเวลาเดียวกันประกายแสงหนึ่งเกิดขึ้นและจ้าวซิงชาปรากฎตัวด้วยรอยยิ้มดูเป็นมิตร

ด้านขวาของเขาตามมาด้วยแสงสีม่วงกระพริบพลันศิษย์พี่สองเดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

หวังหลินมองทั้งสามคนด้วยท่าทีสงบนิ่ง “สหายเซียนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ ทำไมไม่เล่นเกมนี้เล่า? ออกมา!” เขาไม่ได้ตรวจพบคนอื่นอีกแต่เมื่อเห็นสีหน้าทั้งสามคนที่สงบนิ่ง หวังหลินจึงรู้ว่าพวกเขาต้องมีผู้สนับสนุน

หลังจากหวังหลินเอ่ยขึ้นมา เสียงหัวเราะหนึ่งดังก้องในความว่างเปล่าขณะที่ร่างสีครามปรากฎตัวกลางอากาศ เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบปี แต่สำหรับเหล่าเซียน การตัดสินอายุคนด้วยภาพลักษณ์ถือว่าใช้ไม่ได้

คนผู้นี้สวมเสื้อฟ้าสีครามน้ำทะเลปักษ์ด้วยมังกรครามสามตัวบนแขนเสื้อ

“ศิษย์อันดับสามกองกำลังสีครามของสำนักชะตาสวรรค์ ซือหม่าลู่เฟิง!” คนผู้นี้เผยรอยยิ้มบางและหลังปรากฎตัวสายตาก็จดจ้องบนหวังหลิน

“แปลงวิญญาณระดับปลาย! และยังสูงกว่าศิษย์พี่สี่เล็กน้อย เขาควรจะเป็นขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด!” ดวงตาหวังหลินหดเล็กโดยมิอาจสังเกตได้

ซือหม่าลู่เฟิงกล่าวเสียงดัง “ศิษย์น้องหวังหลิน แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่กองกำลังเดียวกันแต่ข้าได้ยินเรื่องของเจ้า วันนี้ข้าจะไปแนะนำเจ้าต่อศิษย์พี่อีกคน น้องหวัง เมื่อเจ้ามาแล้วก็จงแสดงความสามารถของเจ้าออกมาให้ดี”

“ฮึ่ม!” เสียงเย็นเยียบออกมาจากความว่างเปล่า น้ำเสียงแฝงด้วความเย็นชา หวังหลินหันกลับไปหาอีกคนที่ปรากฎตัวด้านหลังไปอีกหลายสิบฟุตโดยที่เขาไม่รู้ตัว

คนผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีครามและยืนอยู่ที่นี่ราวกับน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่ไม่มีวันละลาย หลังจากมองหวังหลินหนึ่งครั้งเขาก็หลับตาพักผ่อน

สายตาที่แสดงความเย็นเยียบนั้นราวกับควบคุมได้ทุกสิ่ง ราวกับหวังหลินไม่คู่ควรให้เขาลงมือ

“แม้ว่าเขาจะไม่ได้บรรลุขั้นเทวะ เขาอยู่ใกล้เพียงครึ่งก้าว…” ใบหน้าหวังหลินบูดบึ้ง ด้วยทั้งห้าคนที่อยู่ที่นี่ จุดประสงค์ของแต่ละคนชัดเจน หวังหลินวางมือบนกระเป๋าอย่างช้าๆ

ขณะนั้นศิษย์พี่มีใบหน้าทำอะไรไม่พูดพลันเอ่ยขึ้นมา “น้องเจ็ด ข้าขอให้คนอื่นลงมือเพราะข้าไม่มีทางเลือก ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”

เช่นนั้นฝ่ามือของนางสร้างผนึกและชี้ไปที่หวังหลิน ลำแสงสีเงินออกมาจากร่างของนางและปกคลุมรัศมีสิบลี้

“วิชาต้องห้าม — เคลื่อนย้าย!” สิ้นเสียงตะโกน ลำแสงสีเงินส่องสว่างเจิดจ้าและจากนั้นก็หายไปโดยไร้ร่องรอย

หวังหลินหายตัวไปพร้อมกับนาง

สำนักชะตาสวรรค์มีป่าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งครอบคลุมพื้นที่หลายหมื่นลี้ ป่าแห่งนี้มีต้นไม้ที่ดูคล้ายคมกระบี่แทงทะลุขึ้นสู่ยอดฟ้า มองไกลๆจะเห็นได้ว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร จิตสังหารลึกลับลายเส้นรั่วไหลออกมาจากก้อนหินจนเกิดเพลิงจิตสังหารขนาดใหญ่

ขณะนั้นคลื่นแสงสีเงินปรากฎเหนือป่าแห่งนี้ แสงสีเงินเข้มข้นขึ้นจนกระทั่งปกคลุมพื้นที่สิบลี้

สถานที่แห่งนี้วิเวกวังเวงอย่างมาก หากมีเซียนรอบๆก็คงเป็นเซียนโจร เมื่อพวกเขาเห็นแสงสีเงิน ทั้งหมดต่างหลลหนีไม่ก็สังเกตการณ์ แต่ไม่มีใครเข้าไปหามัน

ใจกลางแสงสีเงินมีสองร่างปรากฎขึ้น หนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี สตรีคนนั้นงดงามอย่างยิ่ง สวมเสื้อผ้าสีม่วงทำให้นางดูราวกับเทพธิดา เส้นผมสีดำพริ้วไสวไปด้านหลังปลดปล่อยความสง่างาม

บุรุษสวมเสื้อผ้าสีม่วงเช่นกันแต่ดวงตาเยือกเย็นอย่างยิ่ง เขายืนอยู่ที่นี่ราวกับต้นไม้สูง โดดเดี่ยวและเกินธรรมดา

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้นและเอ่ยออกมา “วิชาต้องห้ามของศิษย์พี่สี่ได้เปิดโลกทัศน์ของข้าจริงๆ”

ตอนที่นางใช้วิชาเซียนก่อนหน้านี้ หวังหลินรู้สึกว่าพื้นที่รอบๆกลายเป็นของเหลว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีออกไปด้วยการเคลื่อนที่พริบตา

นอกเหนือจากนี้ยังมีจิตสังหารสี่คนที่จับจ้องบนตัวหวังหลิน หากหวังหลินขัดขืน จิตสังหารทั้งสี่นั้นจะโจมตีเขาทันที

จิตสังหารทั้งสี่ออกมาจากจ้าวซิงชา ศิษย์พี่สอง และอีกสองคนจากกองกำลังสีคราม เป้าหมายของแต่ละคนไม่ได้เพื่อสังหารหวังหลินแต่เพื่อข่มขู่เขา

เมื่อมีหลายคนร่วมมือกันเช่นนี้หวังหลินจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่ให้นางเคลื่อนที่พริบตาเขาไป

ศิษย์พี่สี่เอ่ยขึ้น “หากน้องเจ็ดสนใจในวิชานี้ ข้าสามารถสอนเจ้าได้เมื่อหลายอย่างสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามในตอนนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะปิดด่านฝึกตนอยู่เงียบๆที่นี่เป็นเวลาสามปี อีกสามปีข้าจะมาหาและปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ!”

ท่าทางหวังหลินยังคงเหมือนเดิมขณะที่มองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ล้อมรอบด้วยหินลึกลับที่มีการสลักเอาไว้ หากมองจากเบื้องบนจะเห็นได้ชัดเจนว่ามีกฎเกณฑ์อยู่ในนั้น

“ศิษย์พี่คิดว่าแค่กฎเกณฑ์เท่านั้นจะขังข้าเอาไว้ได้หรือ!?” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและโบกแขนขวา ลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งปรากฎออกมาและเปลี่ยนเป็นกระบี่ หวังหลินคว้ากระบี่และโยนมันเข้าหาก้อนหินหนึ่งบนพื้น

แต่ก่อนที่กระบี่จะลอยออกไปได้มากกว่าร้อยฟุต มันก็ชะลอตัวลงแตกกระจายเป็นละอองแสงและหายไป

หวังหลินขมวดคิ้ว

“ศิษย์น้อง กฎเกณฑ์นี้ถูกศิษย์พี่วางไว้ด้วยตัวเอง ไม่มีทางที่เจ้าจะออกจากที่นี่ได้เว้นแต่เจ้าจะมั่นใจนัก ดังนั้นอย่าเสียเวลาใช้พลังงานของเจ้าเลย” ศิษย์พี่สี่ถอนหายใจขณะที่นางเหาะเหินออกไปนอกระยะของแสงสีเงิน

นางหันกลับมาและมองหวังหลินอย่างสื่อความหมายก่อนจะพึมพำ “ศิษย์พี่ ข้าติดหนี้ท่านได้ชำระคืนแล้ว ตั้งแต่บัดนี้ไปไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างเราอีก!” สิ้นคำนางก็เหาะเห้นกลับไปหาสำนักชะตาสวรรค์

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้นขณะเฝ้ามองร่างนางที่ค่อยๆหายตัวไป ดวงตาเขาเย็นชาและนำกระบี่สวรรค์ออกมา เพียงกวัดแกว่งหนึ่งครั้งปราณกระบี่กว้างหลายฟุตก็ปรากฎขึ้นและตัดลงบนก้อนหินใกล้ๆ

ในตอนเริ่มต้นปราณกระบี่แข็งแกร่งมากแต่ยิ่งมันห่างออกไปไกลก็ยิ่งอ่อนแอลง หลังจากผ่านไปสามลมหายใจมันก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพุ่งตรงเข้าหาท้องฟ้า ขณะที่เหาะเหินขึ้นไปเขารู้สึกถูกลังรุนแรงสายหนึ่งป้องกันไม่ให้เหาะเหินให้สูงกว่านี้

พลังสายนี้รุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นราวกับสรวงสวรรค์กำลังกดลงใส่เขา ไม่เพียงแต่เขาไม่ยอมแพ้แต่เกิดเสียงคำรามออกมาและเหาะเหินให้เร็วยิ่งขึ้น หวังหลินพุ่งออกไปได้หลายร้อยฟุต

ขณะที่มองจากระยะไกลจะเห็นเพียงแต่ร่างสีม่วงกำลังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือป่าแห่งนี้ แต่ลำแสงสีเงินยังอยู่เหนือเขา ขณะที่เขาพุ่งออกไปไกลลำแสงนั้นก็เปลี่ยนรูปราวจนกลายเป็นทรงวงรียาว

หน้าผากหวังหลินปรากฎเส้นโลหิต จากนั้นร้องคำรามและพุ่งออกไปยิ่งกว่านี้ ตอนนี้พลังที่ออกมาจากเขาเทียบเท่ากับพลังเต็มที่ของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย

ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดและร่างกายเด้งกระดอนกลับราวกับอุกกาบาต เขาเหาะเหินกลับลงพื้นดินด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ แต่เมื่อเข้าใกล้พื้น ร่างกายก็พลันหมุนตัวสลายแรงทั้งหมด ในที่สุดเขาก็ยืนอยู่บนก้อนหินจดจ้องไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าบึ้งตึงและครุ่นคิดอย่างเงียบเชียบ

หลังจากนั้นไม่นานนักเขาตบกระเป๋า กระบี่สวรรค์ลอยออกมา หวังหลินชี้ไปข้างหน้า ฉวี่ลี่กั๋วเข้าใจคำสั่งและคำรามพร้อมกับพุ่งออกไป

ดาบครึ่งจันทราติดตามกระบี่สวรรค์อย่างรวดเร็วและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังสายนั้นกลับมาอีกครั้งและคราวนี้แข็งแกร่งกว่าคราวก่อนหลายเท่าทำให้ฉวี่ลี่กั๋วกรีดร้องโหยหวน

“นายท่าน เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะทำลายของประหลาดแบบนี้! ดาบน้อยก็ไม่สามารถทะลวงได้เช่นเดียวกัน”

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขณะสะบัดแขนและกระบี่สวรรค์กลับคืนมา ดาบครึ่งจันทราหมุนวนรอบกระบี่และส่งคลื่นเสียงหึ่งๆราวกับผิดหวัง

“พวกมันต้องการผนึกข้าที่นี่จนกว่าการตัดสินเรื่องศิษย์สายตรงจะสิ้นสุด ข้าจะปล่อยให้พวกมันทำตามที่ต้องการได้อย่างไรกัน?! ตั้งแต่ที่นี่ไร้ผู้คนอยู่แล้วข้าจะใช้ที่นี่บ่มเพาะมันซะ เมื่อข้าบรรลุระดับกลางขั้นแปลงวิญญาณ ข้าจะสามารถทำลวงออกไปได้และเข้าร่วมการต่อสู้ตำแหน่งศิษย์สายตรงได้แน่นอน!” เช่นนั้นร่างหวังหลินก็หายไปจากก้อนหินและพุ่งเข้าไปในกลางป่าลึก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!