496. พบหลิงเทียนโฮวอีกครั้ง
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น คนอื่นเช่นเดียวกัน ทั้งหมดจดจ้องรอฟังเรื่องราวที่เหลือของเทียนหยุน
ผู้อาวุโสซุนครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นถอนหายใจและโบกแขน “ก็ดี ทัศนคติของเจ้าก็ประหลาดด้วย หากเจ้าอยากจะพูดก็พูดเถอะ”
เทียนหยุนยิ้ม “การคงอยู่ของสมาพันธ์เซียนมีมานานหยั่งไม่ถึงแล้ว สมาพันธ์เซียนประสบชะตากรรมเพียงครั้งเดียวเพราะเขาคนนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาเป็นคนเดียวที่ข้าเคยพบที่บรรลุถึงขั้นที่สาม น่าเสียดายที่เขาปรากฎตัวเพียงชั่วเวลาสั้นๆและจากนั้นก็หายไปโดยไร้ร่องรอย”
เทียนหยุนสั่งสอนเต๋าต่อไปแต่คนส่วนใหญ่ยังคิดเรื่องราวของ ‘เขา’ ที่เทียนหยุนเอ่ยถึง
แต่เทียนหยุนสอนเต๋าต่อไปและไม่เคยกล่าวเรื่องราว ‘เขา’ อีกครั้งเลย การสั่งสอนนี้กินเวลาสามวัน
หวังหลินฟังอย่างเงียบเชียบและค่อยๆได้รับความเข้าใจมาบ้าง
“หลังจากข้าสั่งสอนเต๋าทุกครั้งในรอบหมื่นปี ข้ายกของขวัญอันยิ่งใหญ่ให้ทุกคน ข้าจะแสดงวิชาเทพระดับกลางให้ทุกคน สหายเซียนทุกคนเข้าใจได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของท่านแล้ว”
หลังเทียนหยุนกล่าวเช่นนี้ แทบทุกคนแปรเปลี่ยนมาเพ่งสมาธิ แม้กระทั่งเซียนที่แข็งแกร่งก็เพ่งสมาธิเช่นกัน เซียนบางคนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทียนหยุนยังเพ่งสมาธิมาที่เขาด้วย
กล่าวได้ว่าวิชาเทพเป็นของหายากมาก และวิชาเทพระดับกลางหายากยิ่งกว่าเสียอีก
เหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีผู้คนมากมายมางานเฉลิมฉลองวันเกิดของเทียนหยุนนอกจากชื่อเสียงของเขา สหายอันมากมายและการสั่งสอนเต๋าของเขาแล้ว นั่นก็คือการแสดงวิชาเทพหลังจากนั้น นี่เป็นสิ่งล่อตาล่อใจเซียนทุกคน
หวังหลินสูดหายใจลึกและมองไปที่เทียนหยุนอย่างตั้งอกตั้งใจ หวังหลินไม่เคยเห็นวิชาเทพมาก่อน สูงสุดที่เขาเห็นคือกฎเกณฑ์ที่เลียนแบบวิชาเทพเท่านั้น
กฎเกณฑ์ทรงพลังอยู่แล้วและหวังหลินไม่อาจจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของวิชาเทพได้เลย
ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยให้เทียนหยุนทำการแสดง ทันใดนั้นเกิดเสียงดังสนั่นจากเส้นขอบฟ้า ปราณกระบี่หลายเส้นเข้ามาจากระยะไกลราวกับอุกาบาตกำลังพุ่งลงมา
เมื่อเหล่าเซียนที่แข็งแกร่งสังเกตได้ พวกเขามองเข้าไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนไร้ที่สิ้นสุดออกมาจากเส้นขอบฟ้า กล่าวว่าปกคลุมไปทั้งท้องฟ้าก็คงไม่ผิด
ปราณกระบี่หลายเส้นสร้างคลื่นเสียงกระแทกขณะใกล้เข้ามาด้วย
หวังหลินเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนและนั่นเป็นตอนที่อยู่ในดินแดนสวรรค์ เป็นตอนที่สตรีชุดขาวจากภายในเจดีย์ตื่นขึ้นและเรียกกระบี่สวรรค์ออกมาทั้งหมด ทั้งดินแดนสวรรค์เมื่อตอนนั้นถูกรายล้อมด้วยกระบี่
เทียนหยุนมีใบหน้าปกติขณะมองออกไปไกล
ชั่วขณะนั้นกระบี่เหินนับไม่ถ้วนลอยออกมา พวกมันปลดปล่อยรัศมีเยือกเย็นแหลมคมขณะพุ่งเข้าหาที่แห่งนั้น
เซียนหลายคนที่ไม่ได้แข็งแกร่งเพียงพอต่างก็ออกห่าง พวกเขาไม่กล้าขัดขวาง
ทางเดินกว้างเส้นหนึ่งปรากฎขึ้นอยู่กลางฝูงชน
“เจ้าเฒ่าเทียนหยุน ข้าจะไม่มางานเฉลิมฉลองวันเกิดเจ้าได้อย่างไรกัน?!” น้ำเสียงโอหังดังกึกก้องผ่านฟ้าดิน ในเวลาเดียวกันกระบี่เหินที่พุ่งเข้าหาได้กระจายออกห่างเผยเป็นชายชราสวมชุดคลุมสีเขียว
คิ้วของชายชรามีสีขาวและขยับโดยไร้แรงลม แม้เขาจะดูผอมแต่รัศมีที่ปลดปล่อยออกมาน่าตื่นตกใจ มีกระบี่มายาสี่เล่มวาววับด้านหลังเขา ทุกครั้งที่พวกมันกระพริบจะเกิดเสียงดังคำราม
ด้านล่างเป็นกระบี่คดเคี้ยวคล้ายกริชปลดปล่อยรัศมีอันชั่วร้าย กระบี่คดเคี้ยวมีสีโลหิตหนาแน่นบนผิวกระบี่ เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวใช้วิธีการบางอย่างเพื่อหล่อหลอมกระบี่จนเมื่อผู้คนมองมันจิตใจจะสั่นเทารุนแรง
เซียนโดยรอบหลายคนใบหน้าซีดเผือดและพวกเขาล่าถอยมากกว่าเดิม
หวังหลินจดจ้องกระบี่เล่มนั้น มันเป็นกระบี่สวรรค์พิรุณเล่มที่สองที่ถูกหลิงเทียนโฮวขโมย!
หนึ่งในเซียนโดยรอบอุทานขึ้นอย่างรวดเร็ว “เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว!”
บนดาวเทียนหยุน ไม่ว่าจะเป็นระดับบ่มเพาะรายคนหรือพลังอำนาจของสำนัก สำนักกระบี่ต้าหลัวคือสำนักอันดับหนึ่งตามหลังสำนักชะตาสวรรค์!
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวเผยใบหน้ามืดมนขณะที่กระบี่นับไม่ถ้วนลอยอยู่ด้านหลังเขาปลดปล่อยคลื่นเสียงกระบี่หึ่งๆ
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวตะโกนเสียงดัง “เหล่าศิษย์! ออกมาทักทายผู้อาวุโสเทียนหยุน!”
หลังจากกล่าวเช่นนี้ เสียงหึ่งที่ออกมาจากกระบี่เหินด้านหลังเขายิ่งรุนแรงขึ้น ท้ายที่สุดเกิดเสียงดังปังกลายเป็นควันก้อนเมฆบนกระบี่ทีละเล่ม ชั่วขณะนั้นเกิดควันสีเขียวปกคลุมพื้นที่ด้านหลังหลิงเทียนโฮว สายหมอกดูเหมือนปกคลุมทั้งท้องฟ้าจนทำให้มันเปลี่ยนสี
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาหลายคู่นับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นในสายหมอกสีเขียว เมื่อสายหมอกเขียวชัดเจน มีศิษย์จำนวนมากปรากฎขึ้นยืนบนกระบี่เหินด้านหลังเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว
ศิษย์ทั้งหมดเหล่านี้สวมชุดสีดำและแต่ละคนมีกระบี่โบราณด้านหลัง สายตาราวกับสายฟ้าจดจ้องไปที่เทียนหยุน
เพียงชำเลืองมองหวังหลินก็เดาว่ามีอย่างน้อยหมื่นคนด้านหลังเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว
“มีสหายเก่าอยู่ที่นี่มากมาย! เอ๊ะ? แม้แต่ผู้อาวุโสซุนก็อยู่ที่นี่!” สายตาของเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวกวาดผ่านทุกคนจนจรดลงบนผู้อาวุโสซุน
ผู้อาวุโสซุนยิ้มบาง “ข้าจะไม่มางานเฉลิมฉลองวันเกิดของสหายเก่าเทียนหยุนได้อย่างไรกัน?”
หลิงเทียนโฮวหัวเราะจากนั้นมองไปทางเทียนหยุนและยิ้มขึ้น “ตาเฒ่าเทียนหยุน อะไรกัน? นี่จะไม่มาต้อนรับข้าสักหน่อยหรือ?”
เทียนหยุนยิ้ม “ช่างเถอะ เจ้ามาได้เวลาพอดี ข้าจะใช้เจ้าเป็นเป้าหมายของการแสดงวิชาเทพเพื่อให้เซียนทั้งหมดที่นี่ได้เห็น ว่าอย่างไร?”
ดวงตาหลิงเทียนโฮวเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและยิ้มขึ้น “นั่นเป็นความตั้งใจของข้าเช่นกัน!”
เทียนหยุนยิ้มจากนั้นยกฝ่ามือขวาขึ้นสร้างผนึก “เหล่าสหายเซียน วิชาเทพที่ข้ากำลังจะใช้เป็นวิชาเทพระดับกลาง ข้าได้รับวิชานี้มาด้วยความบังเอิญบนดาวคราะห์รกร้าง มันเรียกว่าวิชาชี้ทางสวรรค์ หลังเรียนรู้วิชานี้ข้าพบว่ามันถูกใช้โดยคนของดินแดนสวรรค์เพื่อทำให้เหล่าเซียนเข้าสู่ดินแดนสวรรค์ได้ เมื่อมันใช้ไปครั้งนึงแล้วความแข็งแกร่งของวิชาจะลดลง ดังนั้นโปรดตั้งใจดูให้ดี!”
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวพ่นลมหายใจเย็น สายตามองไปที่เทียนหยุน
เทียนหยุนยิ้มเล็กน้อยขณะฝ่ามือขวาสร้างผนึกอีกชุดก่อเกิดเป็นแสงสีแดง เขายกฝ่ามือซ้ายขึ้นสร้างอีกผนึกและแสงสีแดงยิ่งส่องสว่างมากขึ้น
เทียนหยุนชี้ไปที่ความว่างเปล่าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แสงสีแดงในมือซ้ายลอยออกไปทันทีและพุ่งเข้าไปในเส้นขอบฟ้า
“วิชาเทพชี้ทางสวรรค์ระดับกลาง!” น้ำเสียงเทียนหยุนดูคล้ายออกมาจากความว่างเปล่า ทันใดนั้นเกิดเสียงดังสนั่นไปทั้งท้องฟ้าและท้องฟ้าย้อมด้วยสีแดงเถือก
ก้อนเมฆหมุนปั่นในท้องฟ้าแดงราวกับมีมังกรโกรธเกรี้ยวอยู่ภายใน ประกายสายฟ้าดังขึ้นพร้อมกับเคลื่อนผ่านก้อนเมฆราวกับอสรพิษสีเงิน
ท้องฟ้าตอนนี้คล้ายกับมหาสมุทรที่กำลังเกรี้ยวกราดขณะที่แรงกดดันอันหนักหน่วงกดลงมาจากเบื้องบนอย่างเงียบๆ
ภายใต้พลังอำนาจแรงกดดันอันหนักหน่วงเช่นนี้ ใบหน้าเหล่าเซียนรอบๆหลายคนต่างซีดขาว พวกเขารีบร่อนลงบนพื้นและนั่งลงฝึกฝนในท่านั่งขัดสมาธิ
หวังหลินจ้องท้องฟ้าเบื้องบน พลังปราณสวรรค์ในร่างปั่นป่วนราวกับมีพลังลึกลับสายหนึ่งจากท้องฟ้านั้นทำให้ร่างกายเขาสั่นเทาโดยมิอาจควบคุมได้
มีเพียงพลังปราณสวรรค์โลหะที่สร้างขึ้นหลังสามวงโคจรนั้นที่ไม่ได้ผลกระทบและสงบนิ่งเป็นปกติ
หวังหลินสั่งการปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์โลหะเข้าสู่ร่างกาย เขาควบคุมพลังปราณสวรรค์โลหะโดยไม่แตะเต้องกับพลังปราณสวรรค์ธรรมดาโดยให้มันหมุนผ่านร่างกาย
หลังจากพลังปราณสวรรค์โลหะหมุนครบหนึ่งรอบเต็ม อาการสั่นเทาของเขาแทบหยุดนิ่ง แม้ว่าใบหน้าจะยังซีดเผือดแต่เขายังสามารถยืนตรงอยู่ได้แล้ว
ส่วนป๋ายเวย เขาคงอยู่ได้ชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจและลดตัวลงไปบนพื้นเพื่อบ่มเพาะ ทั้งกองกำลังสีม่วงนอกจากหวังหลินแล้วมีเพียงศิษย์พี่สี่ที่มองท้องฟ้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ไม่มีศิษย์ธรรมดาคนไหนของกองกำลังสีม่วงสามารถทนต่อแรงกดดันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงลดตัวลงไปเบื้องล่าง
ไม่เพียงแต่กองกำลังสีม่วงแต่ศิษย์ธรรมดาเกือบทุกกองกำลังต่างก็ร่อนลงไปด้านล่างเช่นกัน มีเพียงเซียนที่แข็งแกร่งจึงจะสามารถอดทนให้คงอยู่กลางอากาศได้
ทว่าไม่มีศิษย์หลักคนไหนของอีกหกกองกำลังที่ลดตัวลงจากท้องฟ้า บางคนใบหน้าซีดเหมือนหวังหลินแต่ก็สามารถอดทนได้
อาการของหวังหลินกลับคืนสู่ปกติหลังจากพลังปราณสวรรค์โลหะเสร็จสิ้นการโคจรผ่านร่างกายรอบที่สาม พี่สี่หันมามองเขาด้วยสายตาสื่อความหมายแต่ไม่ได้พูดสิ่งใด
สายตาของเทียนหยุนเรียบนิ่งจากนั้นนิ้วมือขวาชี้ไปที่หลิงเทียนโฮว นิ้วมือขยับไปอย่างรวดเร็วจนเมื่อมันหยุดลงก็ชี้เหล่าศิษย์ด้านหลังหลิงเทียนโฮวไปมากกว่าหมื่นคนแล้ว
ใบหน้าหลิงเทียนโฮวจมลง ขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไปด้านหน้า เทียนหยุนยิ้มบางและเอ่ยออกมา “ชี้ทาง!”
หลังเอ่ยเช่นนี้ เสียงดังสนั่นออกมาจากก้อนเมฆกลางท้องฟ้า ท้องฟ้าดูคล้ายถูกมือล่องหนยักษ์ฉีกออกจนเผยเป็นหลุมขนาดใหญ่ออกมา แสงเจ็ดสีออกมาจากหลุมและล้อมรอบศิษย์ทั้งหมดด้านหลังหลิงเทียนโฮว
สายตาเย็นชาของศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวหายไปแต่แทนที่ด้วยความสับสน พวกเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆเข้าหาหลุมที่แสงเจ็ดสีออกมา
หลิงเทียนโฮวร้องคำรามขณะที่กระบี่คดเคี้ยวใต้ฝ่าเท้าพุ่งเข้าหาท้องฟ้า
เทียนหยุนยิ้มเบาๆขณะที่ยื่นฝ่ามือออกไป กระบี่คดเคี้ยวชะลอตัวลงและเริ่มสั่นเทาและปลดปล่อยเสียงหึ่งๆสั่นสะเทือน
หลิงเทียนโฮวร้องคำรามเยือกเย็นและปรากฎแสงสีแดงระหว่างคิ้ว เพียงมันกระพริบแสงนั้นก็ลอยออกมาขึ้นไปกลางท้องฟ้าเปลี่ยนไปเป็นอสูรกิเลนยักษ์ อสูรตัวนี้ดุร้ายมากหลังจากร่อนลงด้วยขาทั้งสี่ของมัน เจ้ากิเลนจ้องเทียนหยุนก่อนจะพุ่งเข้าไปหา
ขณะที่อสูรกิเลนปรากฎตัว เสียงคำรามหนึ่งออกมาจากธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงที่อยู่ภายในวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลิน