Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 507

Cover Renegade Immortal 1

507. ดินแดนมารปฐพีทิศเหนือ

หวังหลินลอยตัวเหนือหอคอยหนึ่งหมื่นฟุต ดวงตาส่องสว่างราวกับคบไฟ เขายกมืขวาขึ้นละหมอกสีดำทั้งหมดพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับสายหมอกดำกำลังถูกผลักจากด้านนอกเข้าหาหวังหลิน

ท้องฟ้าและก้อนเมฆเปลี่ยนสีทันที!

เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องภายในหมู่เมฆ เสียงคำรามกระจายออกไปและดังสะท้อนไปทั่วหลิงเยว่

สายหมอกดำทั้งหมดภายในรัศมีห้าพันลี้รวบรวมไว้ในฝ่ามือจนเกิดเป็นลูกแก้วขนาดเท่าหัวเด็กในพริบตา และมันส่องแสงสายฟ้าแล่นผ่านตลอดเวลา

ลูกแก้วเต็มไปด้วยหมอกและมีกฎเกณฑ์กระพริบรัว รวมถึงพลังกดดันอันแข็งแกร่งออกมาจากมันด้วย

หวังหลินบีบกำมือ กฎเกณฑ์แตกสลายในทันทีและเปลี่ยนกลายเป็นควันดำนับไม่ถ้วนหมุนวนรอบตัวเขา ท้ายที่สุดควันสีดำหลายเส้นเหล่านี้หมุนวนเบื้องหน้าจนก่อเกิดเป็นธงสีม่วงทอง ธงผืนนี้โบกสะบัดและเกิดเสียงกระพือรุนแรง

พื้นที่รัศมีห้าพันลี้สะอาดเกลี้ยงแต่ยังมีเสียงคำรามบางส่วนออกมาจากความว่างเปล่าและยังเงาดำกระพริบวาบ

“วิญญาณดั้งเดิม กลับมา!” หวังหลินอ้าปากและวิญญาณดั้งเดิมเร่งกลับเข้ามาจากนั้นธงวิญญาณก็เข้าไปในวิญญาณดั้งเดิม

“ขณะที่ข้ากำลังฝึกฝนศาสตร์สังหารเทพ ข้าอาจจะหลอมธงวิญญาณพร้อมกันด้วย เช่นนั้นโอกาสที่ข้าจะเอาตัวรอดในดาวเทียนหยุนจะเพิ่มขึ้นอีก!”

“อีกทั้งอาจารย์ต้องการให้ข้าไปทะเลมารฝั่งตะวันออกในสามเดือน ตอนนี้ข้าเหลือเวลาอีกเพียงเดือนครึ่ง ข้าควรไปหรือไม่…” สัมผัสวิญญาณหวังหลินกระจายข้ามผ่านหลิงเยว่ก่อนที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นควันและเลือนหายไป

ณ ภูเขาห้าวิญญาณ​ หลิงเยว่

เซียนหมายเลขหนึ่งในหลิงเยว่ ชายชราผู้ที่อีกเพียงครึ่งก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะ เขาคือชายชรานามว่าเทียนไท่ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่ภูเขาห้าวิญญาณ ดูดซับพลังแห่งดวงจันทร์และกำลังบ่มเพาะฝึกฝน

ชายชราเทียนไท่ลืมตาขึ้น เขามองออกไปที่อากาศว่างเปล่าด้วยสีหน้าสงบนิ่งและพลันเอ่ยออกมา “ผู้เฒ่าเทียนไท่ขอคำนับท่านผู้ส่งสาส์น”

ลำแสงสีม่วงปรากฎขึ้นในความว่างเปล่าขณะที่หวังหลินปรากฎตัวออกมา เขาคำนับฝ่ามือให้กับเทียนไท่ “ขออภัยที่มารบกวนท่าน”

ผู้เฒ่าเทียนไท่สูดหายใจลึกและส่ายศีรษะ “เป็นเพราะข้าไม่สุภาพเอง หากข้าไม่ฝ่าฝืนกฎเข้าสู่บริเวณนั้นและตกตะลึงกับอสูรพยศตัวนั้น ข้าเชื่อว่าท่านผู้ส่งสาส์นคงเลี้ยงมันให้เชื่องง่ายกว่านี้”

“ไม่มีปัญหา” หวังหลินมองผู้เฒ่าเทียนไท่ด้วยสายตาสงบนิ่ง ผู้เฒ่าคนนี้บรรลุถึงส่วนเสาะหาเต่าในเส้นทางสู่ขั้นเทวะไปแล้ว นี่เป็นด่านสำคัญอย่างมากสำหรับเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย มันสำคัญเกี่ยวเนื่องกับชีวิตและความตาย

ผู้คนสามารถเสาะหาเต๋าในยามเช้าและตายในยามค่ำคืน…

ผู้เฒ่าค่อยๆหลับตาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “เมื่อท่านผู้ส่งสาส์นไม่ได้มาที่นี่ด้วยเรื่องที่ข้าเข้าสู่พื้นที่นั้น แล้วท่านผู้ส่งสาส์นตามหาผู้เฒ่าที่อีกครั้งก้าวจะเข้าสู่โลงเพื่ออะไร?”

หวังหลินมองออกไปไกล “ดาวเคราะห์แห่งนี้มีอสูรมารตนใดบนพื้นดินหรือไม่?”

สายตาชายชราเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเริ่มขบคิด หลังจากนั้นไม่นานเขาสะบัดแขนและหินหยกชิ้นหนึ่งปรากฎขึ้น “ท่านผู้ส่งสาส์น มีอสูรมารสามตัวบนพื้นดาวเคราะห์และพวกมันถูกบันทึกไว้ในนี้”

หลังจากรับหินหยกมา หวังหลินกวาดสัมผัสวิญญาณ จากนั้นพยักหน้าให้ผู้เฒ่าก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ผู้เฒ่าเทียนไท่มองตำแหน่งที่หวังหลินหายไปก่อนจะค่อยๆหลับตาลงและพึมพำกับตัวเอง “เด็กคนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่กำลังก่อตัวขึ้น การเดินทางของเขาครั้งนี้คือการสังหาร ข้าหวังว่าจะไม่มีใครคนใดขัดขวางเขาระหว่างทาง“

“เหนือสุดของดาวเคราะห์ปฐพี มีภูเขาหนาแน่นปกคลุมพื้นที่หลายล้านลี้ ที่นั่นเป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าอสูรมาร แม้กระทั่งอสูรเดียวดายทรงพลังเทียบเท่าเซียนขั้นเทวะก็อยู่ตรงนั้น อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ศิษย์ทุกคนบนดาวเคราะห์เอาไว้ทดสอบตัวเอง! แต่ว่าภายในรัศมีสามแสนลี้จากใจกลางถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามและไม่ควรเข้าไปโดยไม่ระมัดระวังตัว”

หวังหลินเก็บหินหยกจากนั้นมองออกไปทิศทางที่เขาต้องการไป พลันสะบัดแขนขวากลางอากาศและแสงสีเงินปรากฎเบื้องหน้าทันที หวังหลินก้าวเข้าไปในแสงสีเงิน หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว… ราวกับกำลังเดินเหินขึ้นบันได เขาก้าวสิบก้าวในรอบเดียว!

สิบก้าวเป็นจุดที่เขาสามารถทนยืนรับการเคลื่อนที่พริบตาได้ในครั้งเดียว

หลังผ่านไปสิบก้าว ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและร่างกายกระพริบวาบ ชั่วขณะนั้นร่างหวังหลินเริ่มกระพริบถี่ขึ้น

ท้ายที่สุดเกิดเสียงคำรามดังสะท้านและเมื่อเสียงหายไป ไม่มีใครอยู่ตรงนี้อีกเลย

แสงสีเงินจำนวนมหาศาลปรากฎในท้องฟ้าใสส่วนเหนือของดาวเคราะห์ ท้องฟ้าสีครามสดใสเริ่มเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นอย่างเงียบงันและเริ่มกระจายตัวออกมา

ไม่กี่ลมหายใจพลันเกิดแสงสีเงินกระพริบสว่างตรงใจกลางระลอกคลื่น แสงสีเงินสว่างไสวเปรียบได้ดั่งดวงอาทิตย์ ราวกับมีดวงอาทิตย์สองดวง หนึ่งสีทองและหนึ่งสีเงิน

ร่างหวังหลินก้าวออกมาจากแสงสีเงิน

ใบหน้าซีดและหายใจหนักเล็กน้อย หลังจากนำเม็ดยาออกมาและกินเข้าไปเขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นช้าๆ

หลังปรากฎตัวออกมา แสงสีเงินค่อยๆหายไปและท้องฟ้าค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ

หวังหลินไม่ได้หยุดชะงัก เขาเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปในเทือกเขาหนาแน่นด้านหน้า

พื้นที่เบื้องหน้าเขาไม่ได้เป็นสีเหลืองพื้นดินอีกแล้ว ตอนนี้มีชั้นแสงสีฟ้าครามปกคลุมด้านบน มีแผ่นจารึกขนาดยักษ์ตั้งอยู่บนพื้นดินด้วยวิชาอันทรงพลัง มีตัวหนังสือสีแดงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยจิตสังหารสลักไว้บนแผ่นหิน

“ดินแดนมารปฐพีทิศเหนือ!”

ตัวหนังสือเหล่านี้ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังที่คล้ายกับคลื่นยักษ์ กลิ่นอายนี้ทำให้พื้นที่รอบด้านมีสายลมกรรโชกรุนแรงพัดไปไร้ที่สิ้นสุด

ขณะที่หวังหลินยืนอยู่ใต้แผ่นจารึกยักษ์ เขาเงยศีรษะขึ้นและมองมันอย่างเงียบๆเป็นเวลายาวนาน

มีชั้นหมอกบางๆเบื้องหลังแผ่นจารึกแต่มันไม่ได้มีอะไรซ่อนไว้ หากมองให้ดีหรือกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาก็จะเห็นว่าตรงนั้นมีอะไรอย่างชัดเจน

เทือกเขาไร้จุดจบยืดออกมาด้านหลังแผ่นจารึก ไม่มีถนน พื้นดินปกคลุมไปด้วยใบไม้ใบหญ้าและอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า

นอกจากนี้พื้นที่ยังเงียบสงัดและไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต

แม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน ที่นี่ยังมีกลิ่นอายหนาวเย็นออกมาจากพื้นดินและกระจายไปทั่วบริเวณ

หวังหลินมองอย่างละเอียดอยู่ชั่วขณะ หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขายกฝ่าเท้าและก้าวเข้าสู่เทือกเขา

“ศาสตร์สังหารเทพต้องได้รับประสบการณ์ระหว่างการฆ่าฟัน วันนี้ข้าจะใช้ที่นี่เป็นจุดเริ่มการฝึกฝนศาสตร์สังหารเทพของข้า!”

ชั่วขณะนั้นปราณกระบี่หลายเส้นปรากฎในเส้นขอบฟ้า ปราณกระบี่เหล่านี้มีสีสันแตกต่างกันและปลดปล่อยพลังงานทรงพลัง ชัดเจนแล้วว่าไม่มีคนใดมีระดับบ่มเพาะอ่อนแอเลย

“ศิษย์พี่ เราอยู่ที่นี่!” ก่อนที่ปราณกระบี่จะเข้าใกล้ น้ำเสียงหนึ่งออกมาจากในนั้น

การก้าวย่างของหวังหลินไม่ได้หยุดชะงักลงเพราะการปรากฎตัวของคนเหล่านี้ เขาเดินต่อไปในเทือกเขาและร่างกายเลือนหายไปในสายหมอกบางๆ

หลังจากที่ร่างเขาหายไปไม่นาน ปราณกระบี่หลายเส้นร่อนลงเบื้องหน้าแผ่นจารึกเผยตัวเป็นคนจำนวนห้าคน

ท่ามกลางคนทั้งห้ามีสามบุรุษและสองสตรี เสื้อผ้าพวกเขาแบ่งออกเป็นสองแบบอย่างชัดเจนและทั้งห้าคนสวมเสื้อผ้าดูสง่างามและมีกลิ่นอายทรงพลัง

สตรีสองคน หนึ่งในนั้นสวมชุดราตรีสีแดงและมีรอยน่ารักเหนือจมูก นางเอ่ยขึ้นเบาๆ “ศิษย์พี่ ข้าคิดว่าข้าพึ่งเห็นใครสักคนเข้าที่นี่!”

หญิงสาวไม่ได้ดูแก่ชราแต่ระดับบ่มเพาะของนางอยู่ที่ขั้นแกนลมปราณระดับปลาย

ท่ามกลางชายทั้งสามคน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ภาพลักษณ์ดูดีมากและมีอายุวัยกลางคน เขาสวมชุดคลุมสีขาวสลับเขียว เส้นผมผูกขึ้นอย่างเรียบง่าย เข็มขัดสีดำและกระบี่ธรรมดาประดับไว้ด้านหลัง

หลังจากได้ยินหญิงสาว เขายิ้มเบาบาง “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามและผู้คนจำนวนมากจากต่างสำนักมาที่นี่เพื่อฝึกฝน เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องประหลาดที่จะเห็นคนอื่นมาที่นี่ เมื่ออาจารย์ลุงและพวกเขามาถึง เราจะเข้าไปข้างในด้วยกัน ถึงตอนนั้นเหล่าเซียนที่เราพบจะหลีกทางให้เรา เจ้าไม่ต้องกังวล”

บุรุษอีกคนซึ่งดูอายุราวๆยี่สิบกว่าปี สวมชุดคลุมสีฟ้าคราม พูดออกมาพลางยิ้มไปด้วย “ถูกต้อง พี่กั๋วเป็นคนของสำนักกระบี่ต้าหลัวซึ่งเป็นหนึ่งในยอดสำนักบนดาวเทียนหยุน แม้ท่านพี่จะพบศิษย์ของสำนักชะตาสวรรค์ หากพวกเขาอ่อนแอเกินไปก็จะยังหลีกทางให้ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องสำนักเล็กๆบนดาวปฐพีนี้เลย”

ส่วนบุรุษและสตรีอีกคน ทั้งคู่เงียบกริบ สตรีคนนั้นแม้กระทั่งเผยร่องรอยความเกลียดตอนที่นางมองไปยังทั้งสามคนโดยเฉพาะบุรุษที่ชื่อกั๋ว ความเกลียดชัดของนางไม่ได้ซ่อนเอาไว้เลย

ในแง่ของภาพลักษณ์ สตรีคนนี้ถือได้ว่าน่ารักกว่าอีกคน นางสวมชุดราตรีผ้าฝ้ายสีขาว บนเอวของนางเป็นริบบิ้นสีฟ้าสว่างผูกเป็นโบว์สง่างาม เส้นผมสีดำเงาประดับด้วยปิ่นกุหลาบ ผิวพรรณของนางเรียบลื่นและขาวเนียนราวกับหยกโดยไม่ต้องมีอะไรแต่งแต้ม หากไม่มีความเกลียดชังบนใบหน้า นางจะสวยงามยิ่งกว่าที่เห็น

บุรุษนามว่ากั๋วพลางยิ้มบาง เขาไม่ได้สนใจเรื่องสตรีเลยและเอ่ยขึ้นเบาๆ “แม่นางเฉียนฉิน ท่านผ่อนคลายได้ ข้าสัญญาว่าจะหาผลทองคำพิสุทธิ์มาให้เจ้า เพียงพอที่เจ้าจะนำกลับไปที่สำนัก!”

สตรีนามว่าเฉียนฉิน นางจ้องบุรุษชื่อกั๋วด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหารขณะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา​ ”แม้สำนักกระบี่ต้าหลัวจะมีชื่อเสียงขนาดไหน ข้าไม่อาจเชื่อว่าเจ้าจะใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนั้น ข้าต้องตาบอดถึงจะเชื่อเจ้า!”

บุรุษนามว่ากั๋วส่ายศีรษะและเอ่ยออกมา “หากมีโชค ใครก็สามารถได้สมบัติสวรรค์กันทั้งนั้น ผลทองคำพิสุทธิ์เป็นประโยชน์มหาศาลต่ออาจารย์ลุงของข้า เมื่อเจ้าขอให้ข้าช่วย เช่นนั้นข้าต้องรายงานไปที่สำนักของข้า”

ร่างหวังหลินเคลื่อนไหวข้างในเทือกเขาราวกับสายฟ้าและแววตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น

“สำนักกระบี่ต้าหลัว…น่าสนใจ นี่จะเป็นโอกาสดีที่จะล้วงข้อมูลตำแหน่งของผู้อาวุโสโจวยี่ ข้าเพียงไม่รู้ว่าผลทองคำพิสุทธิ์คืออะไร…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!