Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 513

Cover Renegade Immortal 1

513. รากวิญญาณทอง

หวังหลินกดผลทองคำพิสุทธิ์เข้ากับหน้าผากและส่งมันเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็เผยใบหน้าผิดหวังพร้อมกับลดมือลง

“ข้าใจร้อนเกินไป การเติมเต็มลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจะเกิดเรื่องง่ายๆได้อย่างไร? เจ็ดร้อยปีแห่งการฝึกเซียนและแม้ข้าจะมีโชคก็ทำให้มันสมบูรณ์ได้เพียงสี่ธาตุเท่านั้น การเติมเต็มมันทุกครั้งเต็มไปด้วยอันตรายและข้าเชื่อว่าธาตุโลหะที่สมบูรณ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย…ข้าเพียงไม่รู้ว่าหากเป็นรากวิญญาณทองจะให้ผลลัพธ์แบบไหน”

หวังหลินลอบถอนหายใจจากนั้นยื่นมือออกไปและผลทองคำพิสุทธิ์ราวหนึ่งในสามของทั้งหมดลอยขึ้นไปในอากาศ

เจ้ายุงร้องคร่ำครวญอย่างมีความสุขขณะที่ปากใหญ่ๆของมันสูดเอาผลทองคำพิสุทธิ์ทั้งหมดที่หวังหลินเด็ดออกมา ขณะนั้นแสงสีทองเส้นหนึ่งปรากฎรอบตัวเจ้ายุงและกระพริบสว่างอยู่เก้าครั้งก่อนจะกลับเป็นปกติ

เมื่อเห็นว่าเจ้ายุงดูพึงพอใจแล้ว หวังหลินไม่เด็ดพวกมันเพิ่มอีก ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและส่งพลังปราณออกไปเส้นหนึ่ง พลังงานนี้ร่อนลงบนดอกไม้ทำให้พวกมันปลดปล่อยแสงสีทองสว่างจนตาพร่า

ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เขาไม่ได้ถอยหลังกลับแต่ตบกระเป๋าและนำหินหยกจำนวนมากออกมาแทน หวังหลินประทับสัมผัสวิญญาณเข้าไปในหินหยกแต่ละชิ้นและวางมันลงใกล้ๆดอกไม้แต่ละดอก

ไม่ไกลจากนั้นสตรีนามว่าเฉียนฉินจ้องมองหวังหลินด้วยท่าทางงุนงง นางไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่เก็บดอกไม้แต่กลับดูเหมือนกำลังจัดตั้งค่ายกลแทน

“หรือว่าการเก็บเกี่ยวผลทองคำพิสุทธิ์จำเป็นต้องวางค่ายกล?” สายตางุนงงของนางเพิ่มขึ้น

หลังจากวางหินหยกก้อนสุดท้ายลง แววตาครุ่นคิดของหวังหลินก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยความกระจ่างสดใส

“ตามความทรงจำของเทพโบราณ มีเพียงหลังจากผลไม้นี้เติบโตขึ้นตามธรรมชาติ สุกตามธรรมชาติและแห้งเหี่ยวเองถึงจะเกิดรากวิญญาณทองขึ้น”

“แต่ว่าข้าไม่มีเวลารอคอยให้ถึงตอนนั้น เวลาในการรอคอยผลไม้ให้แห้งเหี่ยวเป็นไปอย่างสุ่ม มันอาจเป็นวันหรือเป็นปี ข้าไม่ต้องการรอดังนั้นข้าต้องใช้วิชานี้จากความทรงจำของตู่ซือ!”

“เทพโบราณใช้กระดูกของอสูรปิศาจแต่ข้าใช้หินหยก ดังนั้นผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ดี…” หวังหลินรู้สึกช่วยไม่ได้ในเรื่องนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเทพโบราณ วัตถุดิบที่พวกเขาใช้ทั้งหมดจึงดีที่สุด

หวังหลินส่ายศีรษะเบาๆและยกมือขึ้นเป็นท่าทางแปลกประหลาด ท่าทางนี้ไม่ใช่การผนึกของเหล่าเซียนแต่เป็นสิ่งในความทรงจำของเทพโบราณตู่ซือที่มีผลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งเป็นท่าทางในการกระตุ้นค่ายกล

หวังหลินพึมพำ “ตาย!”

หลังเอ่ยคำนั้น ลำแสงสีเหลืองพุ่งออกมาจากมือซ้ายร่อนลงบนหินหยกก้อนหนึ่ง จังหวะที่แสงสีเหลืองร่อนลงไปหินหยกเกิดเสียงแหลมสูง

หลังจากนั้นไม่นานหินหยกก็ระเบิดออก

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินขมวดคิ้ว แม้แต่เฉียนฉินที่อยู่ห่างออกไปไกลยังหวาดกลัว

ทว่าแม้หินหยกจะระเบิด แสงสีเหลืองก็ไม่ได้เลือนหายไปแต่กลับยิ่งเข้มขึ้น ตอนที่หินหยกระเบิด แสงสีเหลืองพุ่งออกไปและร่อนลงบนหินหยกอีกชิ้น

หลังจากนั้นเกิดการระเบิดเป็นชุด แทบจังหวะที่แสงสีเหลืองสัมผัสกับหินหยกมันก็ทำให้ระเบิดเป็นฝุ่นผงทันที

หวังหลินขมวดคิ้วหนักขึ้น หลังผ่านไปหลายลมหายใจ แสงสีเหลืองยิ่งเข้มมากขึ้นและมากขึ้น ตอนนี้มันเป็นสีทองและไม่แตกต่างจากสีของดอกไม้เลย

แสงสีทองล้อมรอบดอกไม้ทั้งหมดทำให้พวกมันค่อยๆหดลงราวกับกำลังหลุดออกจากลำต้น

ไม่ใช่เพียงแค่ดอกไม้แต่กระทั่งผลทองคำพิสุทธิ์ก็เริ่มหดลงและค่อยๆแห้งเหี่ยว แม้แต่ลำต้นก็เช่นเดียวกันราวกับพวกมันกำลังถูกอบด้วยความร้อนหนาแน่น

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าอสูรยุงร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก ถ้าไม่ใช่ว่ามันเชื่อใจหวังหลินมากที่สุดมันคงลงไปขโมยผลไม้ไปแล้ว

ส่วนเฉียนฉิน นางจ้องผลทองคำพิสุทธิ์ที่กำลังแห้งเหี่ยวด้วยความเจ็บปวดหัวใจ นางเจ็บปวดเมื่อมองผลไม้เหล่านั้น

ท่าทางหวังหลินยังคงปกติเช่นเดิมแต่ดวงตาเคร่งเครียดอย่างมากขณะจ้องมองผลทองคำพิสุทธิ์ที่กำลังแห้งเหี่ยวอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศทั้งหุบเขากลายเป็นหนักอึ้ง

กลีบดอกไม้สีทองร่วงหล่นจนหมดโดยใช้เวลาไม่นาน ทว่ากลีบดอกไม่ได้หล่นลงเหมือนดอกไม้ปกติ พวกมันละลายกลายเป็นหยดสีทองรวมเข้ากับพื้นดินแทน

หลังจากกลีบดอกไม้กลายเป็นผลทองคำพิสุทธิ์ พวกมันยังคงหลอมละลายกลายเป็นหยดสีทองที่หลอมเข้ากับพื้นดินด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นก็เป็นลำต้น ตลอดกระบวนการนี้กินเวลาเพียงแค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่บนพื้นเลย

เจ้ายุงร้องไห้ด้วยความเศร้า ศีรษะของมันก้มลงมาและเริ่มหน้ามุ่ยอยู่กลางอากาศ

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขณะที่เดินไปยังตำแหน่งที่ผลทองคำพิสุทธิ์ครั้งหนึ่งเคยอยู่ที่นี่ เขามองไปที่พื้นและทันใดนั้นดวงตาสว่างเจิดจ้าขึ้น หวังหลินก้มตัวลงและค่อยๆขุดลงไปในดิน เขายิ้มออกมาขณะดึงแขนกลับและมีบางสิ่งส่องสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ติดไม้ติดมือมาด้วย

หวังหลินดึงสิ่งลึกลับที่คล้ายกับโสมมีหนวดออกมาสี่เส้นและกำลังเรืองแสงคล้ายดวงอาทิตย์ เมื่อมองมันอีกครั้งกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก

หวังหลินลอบคิด ‘รากวิญญาณทองสี่เส้น! หากมันเกิดขึ้นตามปกติมันสามารถมีอย่างน้อยถึงห้าเส้น!’

เจ้ายุงบินอยู่กลางท้องฟ้าพลันตกตะลึงเมื่อจ้องรากในมือหวังหลิน สายตาที่มันจดจ้องมาไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนตั้งแต่เกิด สายตานี้แฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง

เฉียนฉินอ้าปากเล็กๆของนางขึ้นขณะจ้องรากในมือหวังหลิน ความคิดของนางว่างเปล่า ชั่วขณะนั้นนางจึงเข้าใจในที่สุดว่าสิ่งที่นางคิดก่อนหน้านี้คือความไม่รู้ของตนเอง การเก็บเกี่ยวผลทองคำพิสุทธิ์ที่แท้จริงคือการเก็บเกี่ยวรากของมัน

หวังหลินถอนหนวดหนึ่งเส้นออกมาและกดมันลงบนหน้าผากตนเอง หลังจากนั้นไม่นานนักสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

ของชิ้นนี้ให้ผลลัพธ์มากกว่าผลทองคำพิสุทธิ์และสามารถสร้างธาตุโลหะของลูกปัดได้มากขึ้นเล็กน้อย ทว่ามันมีจำนวนน้อยเกินไป เขาคาดคำนวนว่าหากดูดซับทั้งรากนี้อาจเพิ่มธาตุโลหะได้หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น

หวังหลินถอนหายใจขณะดึงอีกเส้นออกมาโยนมันให้เจ้าอสูรยุง สายตาของมันยังบ้าคลั่งและต้องการยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ให้พุ่งลงไป

เจ้ายุงร่ำร้องอย่างมีความสุขขณะเหาะเหินรับรากเส้นนั้นเอาไว้ เพียงสูดหนึ่งครั้งมันก็ดูดจนหมด

เหลือเพียงสองในสี่เส้น!

หลังจากเจ้ายุงกลืนกินไปหนึ่งเส้น สายตาบ้าคลั่งของมันค่อยๆเลือนหายไป คราวนี้มันเริ่มเปล่งปลั่งขึ้นไม่เหมือนก่อนหน้านี้ มันเรืองแสงขึ้นไม่มีสุด

ท้ายที่สุดเจ้ายุงก็ค่อยๆงอปีกของมันจนทั้งร่างขดรวมเข้าด้วยกัน แสงสีทองปลดปล่อยออกมาจากร่างมันเริ่มรุนแรงขึ้นจนเกิดเป็นรังไหมสีทองล้อมรอบเจ้ายุงโดยสิ้นเชิง

รังไหมค่อยๆทึบขึ้นจนในที่สุดก็ไม่อาจเห็นข้างในได้

หวังหลินบังคับสัมผัสวิญญาณเข้าไปในรังไหม หลังจากสังเกตการณ์เล็กน้อยเขาก็เผยรอยยิ้มแห่งความสุข

“หลังจากเจ้ายุงกลืนกินสมบัติมามากมาย ในที่สุดมันก็วิวัฒนาการสักที คราวนี้ความแข็งแกร่งของมันควรจะเพิ่มขึ้นมาก”

ฝ่ามือขวาหวังหลินยื่นออกไปและรังไหมสีทองถูกเก็บไว้ในกระเป๋า หวังหลินครุ่นคิดและสะบัดแขนปรากฎลำแสงสีเขียวเส้นหนึ่งขึ้น

เมื่อแสงสีเขียวปรากฎมันเปลี่ยนเป็นคางคกสายฟ้าตัวยักษ์และร่อนลงเสียงดังสนั่น สายตาของมันเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน

ทว่าความเกียจคร้านนี้หายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อมันเห็นของสองเส้นในสายตาหวังหลิน สายตาขี้เกียจเปลี่ยนเป็นสายตาจดจ้องอย่างเคร่งขรึม

หวังหลินยิ้มบางจากนั้นดึงหนึ่งเส้นและโยนมันให้กับคางคกสายฟ้า

ท้องเจ้าคางคกสายฟ้าขยายพองโตและลิ้นสีแดงพุ่งออกมาจากปาก หนวดเส้นนั้นหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย เสียงดังคำรามออกมาจากเจ้าคางคกจากนั้นมันก็เริ่มหลับตาลงราวกับเหนื่อยอ่อน

หวังหลินกดมือกลางอากาศและนำเจ้าคางคกสายฟ้ากลับเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นมองสตรีนามว่าเฉียนฉินที่ยังคงมองเขาอยู่

เมื่อเฉียนฉินรับรู้สายตาของหวังหลิน ร่างกายนางสั่นเทา นางรีบโค้งลงแต่ไม่ได้เอ่ยคำใด

“การที่ข้าได้รับรากวิญญาณทองต้องขอบคุณโชคของเจ้า เจ้าเอาหนวดเส้นสุดท้ายนี้ไปเถอะ!” เช่นนั้นหวังหลินดึงหนวดเส้นสุดท้ายออกมาและเก็บรากหลักไว้ให้ร่างกายดั้งเดิมของเขา หวังหลินก้าวไปข้างหน้าจากนั้นร่างกายเปลี่ยนเป็นควันสีเขียวและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เฉียนฉินตกตะลึงและรับเอารากที่ลอยเข้าหานางอย่างไร้สติ ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้านางตอนนี้ราวกับความฝัน นางไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง

เมื่อนางหันศีรษะกลับมา บุรุษชื่อหวังหลินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

เฉียนฉินยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ก่อนจะเก็บหนวดเส้นนี้กลับไป นางเดินไปหาสหายร่วมสำนักจากนั้นถอนหายใจและรีบออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

หวังหลินเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า เขาใช้เวลาไม่นานนักในการข้ามเทือกเขาและเข้าสู่ส่วนลึกของพื้นที่แห่งนี้

ที่นี่คือตำแหน่งที่ผู้อาวุโสตัวเตี้ยของสำนักกระบี่ต้าหลัวกำลังนั่งอยู่บนต้นไมยักษ์ด้วยใบหน้าซีดเผือด ห่างจากระหว่างคิ้วเขาหนึ่งนิ้วคือดาบครึ่งจันทราที่กำลังลอยคว้าง

หนึ่งนิ้วเหนือศีรษะของเขาคือกระบี่สวรรค์ มันลอยตัวอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน แม้ว่ากระบี่ไม่เคลื่อนไหวแต่กลับปลดปล่อยพลังปราณกระบี่อันทรงพลังออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!