522. ผู้อาวุโสในหุบเขา
ทั้งสองไม่ได้มีของเหลวสีเขียวบนร่างกายแต่กลับมีรัศมีลึกลับฉายออกมา ขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากหุบเขาพลันกัดลิ้นเล็กน้อยและพ่นโลหิตจำนวนออกมา
โลหิตนี้ไม่ได้พ่นเข้าใส่หวังหลินแต่ใส่พื้นดินด้านนอกหุบเขา
หลังทำเสร็จสิ้นพวกเขาก็เริ่มวิ่งกลับเข้าไปในหุบเขา หวังหลินจับสายตาดูทั้งสองคนอย่างละเอียดและโยนทั้งสองเข้ารวมกับอีกสี่คนก่อนหน้านี้
จากนั้นมองโลหิตบนพื้นที่เปรอะด้วยโลหิตพลางเห็นหมอกโลหิตค่อยๆปรากฎ คราแรกมันเจือจางมากแต่ในไม่ช้ามันก็หนาขึ้นและปกคลุมพื้นที่นอกหุบเขาอย่างรวดเร็ว
หวังหลินยังคงนั่งสมาธิมองไปที่หุบเขาโดยไม่ได้ใช้วิชาอันใด
เมื่อหมอกโลหิตพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด เสียงคำรามดังออกมาจากภายในหุบเขา ร่างสีดำเดินออกมาและเข้าไปในหมอกโลหิต ร่างนั้นให้ความรู้สึกอันแปลกประหลาด
“ส่งคนของเผ่าข้ามาและไสหัวไปจากอาณาเขตนี้ซะ! ไม่เช่นนั้นก็จงตาย!”
น้ำเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากร่างสีดำที่อยู่ในหมอกโลหิต
หวังหลินพ่นลมหายใจเยือกเย็นขณะที่มีใบหน้าเฉยเมย เขายืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้า เพียงก้าวเดียวพลันเกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนรอบร่างกาย ระลอกกระจายตัวและสั่นไหวรุนแรงพร้อมกับหวังหลินพุ่งตัวไปข้างหน้า
เพียงหนึ่งก้าว ระลอกคลื่นพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและหมอกโลหิตเริ่มส่งเสียงฉ่าราวกับน้ำร้อนถูกราดด้วยน้ำแข็ง จากนั้นหมอกโลหิตเริ่มกระจายหายไปด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก
ตลอดกระบวนการนี้กินเวลาไม่เกินสามลมหายใจ หลังผ่านเวลาสามลมหายใจไปแล้วหมอกโลหิตก็หายไปอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงคนผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีดำจดจ้องหวังหลินด้วยอาการตกตะลึงขณะที่หวังหลินเดินเข้าไปใกล้ขึ้น
เขากำลังจะถอยตัวกลับแต่เมื่อหวังหลินยื่นมือออกมา ร่างกายเขาพลันลอยเข้าหาและตกลงเบื้องหน้าหวังหลิน
หวังหลินมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นและสะบัดแขนขวา โยนคนผู้นี้ไปด้านข้างและขังไว้พร้อมกับอีกหกคน
หลังสิ้นเรื่อง หวังหลินตรวจสอบค่ายกลเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงและเริ่มต้นขบคิดอย่างเงียบงัน
เสียงดังลั่นนี้ทำให้ทุกคนในหุบเขากลายเป็นเงียบเชียบ ความเงียบกินเวลาอยู่สามวัน
สามวันมานี้หวังหลินนั่งนิ่งไม่ไหวติงและในหุบเขาไม่ได้เกิดเสียงอะไรอีก
ตอนเช้าของวันที่สี่ ค่ายกลรอบหุบเขาเริ่มส่งเสียงและชายชราถือไม้เท้าสีดำค่อยๆเดินออกมาจากหุบเขา
มีคนมากกว่าสิบคนเปลือยท่อนบนติดตามมาด้วยกัน แม้พวกเขาจะดูผอมแห้งและอ่อนแอทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยสติปัญญา
ร่างชายชราผมขาวดูอ่อนแออย่างมาก เขาเดินออกมาและกล่าวเบาๆ “เซียนต่างถิ่น เจ้ามาที่นี่ได้หลายวันแล้ว ก่อนหน้านี้เรากระทำไปโดยไม่ยั้งคิดและหวังว่าท่านจะให้อภัยพวกเรา ตาเฒ่าคนนี้ชื่อโอวหยางฮัว และข้าเป็นผู้อาวุโสของหุบเขาแห่งนี้ เจ้าส่งคนของเผ่าข้ามาและข้าจะคุยกับเจ้าให้นานจะว่าอย่างไร?”
“นานมากตั้งแต่ที่ข้าจำความได้ข้าก็อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน…” โอวหยางฮัวนั่งอยู่นอกหุบเขา ด้านหน้าเขาเป็นโต๊ะพร้อมกับผลไม้
หวังหลินนั่งตรงข้ามกับชายชราด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
คนที่จับขังมาถูกปลดปล่อยและให้กลับหุบเขาไปเรียบร้อย
โอวหยางฮัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อน “ข้าไม่รู้ว่าที่นี่กว้างใหญ่แค่ไหน แต่ข้ารู้มาอย่างหนึ่งว่ามีเมืองใหญ่มากห่างจากที่นี่ไปสิบห้าล้านลี้ ที่นั่นเป็นเมืองมารโบราณ! ข้าเริ่มเรียนรู้จากที่นั่นและเป็นจุดที่ข้าได้รับชีวิตอันยาวนาน เซียนต่างถิ่น ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไรแต่มันไม่ใช่สิ่งที่เผ่าเล็กของข้าสามารถให้เจ้าได้แน่นอน”
หวังหลินเอ่ยข้าๆด้วยสายตาสงบนิ่ง “ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ามาจากไหน?”
“ตอนที่เจ้าปรากฎตัวนอกหุบเขาข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนจากดินแดนแห่งนี้ กล่าวให้ถูกก็คือเจ้าและพวกของเจ้ามาที่นี่ทุกห้าพันปี และทุกครั้งที่พวกเจ้ามาจะนำพาการนองเลือดไร้ที่สิ้นสุดมาด้วย…นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่ต้อนรับการมาถึงของเจ้า” โอวหยางฮัวถอนหายใจเบาๆ
“ท่านมีข่าวของคนต่างถิ่นคนอื่นด้วยหรือ?”
โอวหยางฮัวกล่าวอย่างมั่นใจ “ตอนนี้ยังไม่มีและข้าหวังว่าจะไม่มีในอนาคต เจ้าคนต่างถิ่น ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการที่นี่ ข้าไ้ด้พูดสิ่งที่ข้าต้องพูดไปหมดแล้ว ดังนั้นเจ้าควรไปซะ เจ้าไปที่เมืองมารโบราณแล้วหาจากที่นั่นเอา”
หวังหลินถามอย่างใจเย็น “สิ่งที่ท่านบอกว่าข้าต้องการงั้นหรือ? มันคืออะไรกัน?”
โอวหยางฮัวยืนขึ้นขณะที่กดใบหน้าลงมองหวังหลิน “เจ้าคนต่างถิ่น ข้าพูดทั้งหมดไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถบางอย่าง หากไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการต่อสู้กับเจ้า ข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้าจับคนในเผ่าของข้าไป เจ้าอย่าเข้าใจผิด! หากเจ้าไม่ไปภายในเวลาสามลมหายใจ อย่ากล่าวหาว่าข้าโหดเหี้ยม!”
หวังหลินจ้องผู้อาวุโสด้วยดวงตาเยือกเย็น เขาโบกมือกลางอากาศและแสงสีเขียวรวบรวมไว้ในฝ่ามือ แสงสีเขียวส่องประกายรุนแรง เมื่อเขาชี้นิ้วออกไปมันลอยเข้าหาหุบเขาทันที
ค่ายกลรอบหุบเขากระตุ้นขึ้นมาด้วยตัวเอง และเมื่อแสงสีเขียวมาถึงมันก็เกิดเสียงดังสนั่น
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นเยียบขณะตบกระเป๋าและธงกฎเกณฑ์ปรากฎขึ้น เขาโบกสะบัดธงและกฎเกณฑ์ 999 แบบลอยออกมาปกคลุมพื้นที่ด้วยหมอกสีดำ ร่างหวังหลินที่อยู่ในหมอกดูคล้ายกับแม่ทัพปิศาจ
สายตาเย็นเยียบของเขาปลดปล่อยความกดดันไร้ก้นบึ้งออกมา
“ทำลายค่ายกล!” น้ำเสียงหวังหลินผ่านออกไปสู่พื้นที่แห้งแล้งทั้งหมด เพียงคำพูดหนึ่งคำ ควันกฎเกณฑ์รอบด้านพุ่งออกไปและโจมตีค่ายกลนอกหุบเขาอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของโอวหยางฮัวเปลี่ยนไปอย่างมากและมองหวังหลินด้วยสายตามืดมน เขาเยาะเย้ยจากนั้นร่างกายกระพริบและแตกสลายเป็นจุดแสงอย่างไม่เชื่อสายตา
ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบ เขารู้อยู่แล้วว่าโอวหยางฮัวด้านหน้าเขาไม่ใช่ร่างจริงและเป็นเพียงร่างมายาเท่านั้น หากไม่ใช่ว่าเขาศึกษาค่ายกลมาหลายวันและได้รับความเข้าใจเพียงพอจนแทบสามารถทำลายได้ คงไม่มีทางที่หวังหลินจะคืนชาวเผ่าของเขาให้โดยง่าย
ฝ่ามือขวาหวังหลินสร้างผนึกขึ้นหนึ่งชุดขณะชี้ไปที่ค่ายกล “ระเบิด!”
เสียงดังกึกก้องสะท้อนไปทั้งหุบเขา ค่ายกลเริ่มสั่นเทารุนแรงราวกับมีมังกรกำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ข้างในและเริ่มเรืองแสงสีเขียวสว่างเจิดจ้า
ในเวลาเดียวกันน้ำเสียงแก่ชราของโอวหยางฮัวออกมาจากภายในหุบเขา “เจ้าคนต่างถิ่น ข้าให้เวลาออกจากที่นี่ในสามลมหายใจ หากเจ้าไม่ไปข้าจะกระตุ้นค่ายกลโจมตี! ถึงตอนนั้นเจ้าจะตายแน่นอน!”
หวังหลินพ่นคำพูดออกมา “รวบรวม!”
ควันกฎเกณฑ์รอบด้านเริ่มเคลื่อนไหวและระเบิดสร้างเป็นคลื่นกระแทกทรงพลังเข้าใส่ค่ายกล
ค่ายกลสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
โอวหยางฮัวถูกตัดบทและร้องคำรามโกรธเกรี้ยว ทั้งหุบเขาปลดปล่อยแสงสีเขียวกระพริบส่องสว่างโดยทันที
แสงสีเขียวนี้หนาแน่นขึ้นในพริบตา ระลอกคลื่นสีเขียวเริ่มปรากฎจากหน้าผา พื้นดินและต้นหญ้าที่อยู่รายล้อมหุบเขา
ทันทีที่ระลอกเหล่านี้ปรากฎขึ้น พวกมันถูกพลังลึกลับสายหนึ่งที่สร้างจากแสงสีเขียวในหุบเขาดึงดูดเข้าไป
ชั่วขณะนี้แสงสีเขียวในหุบเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยวิธีการอันลึกลับ มันเริ่มลอยห่างกันราวกับเพลิงสีเขียวและก่อเกิดเป็นยักษ์มายาสีเขียวทันที
มายาร่างนี้รูปร่างมนุษย์แต่สูงถึงสิบฟุต เห็นแต่เพียงร่างและไม่เห็นส่วนอื่นอย่างชัดเจนทว่าร่างกลับเต็มไปด้วยแสงสีเขียว
ขณะที่ภาพร่างมายาปรากฎตัว น้ำเสียงของโอวหยางฮัวดังออกมจากภายในหุบเขาทันที
“เจ้าคนต่างถิ่น เจ้าพาเรื่องให้ถึงจุดนี้เอง! มายาเขียว สังหารมันและเอาวิญญาณมาสังเวยคืนปิศาจของวันนี้ซะ!”
เช่นนั้นเสียงคำรามโหดเหี้ยมดังออกมาจากภาพมายา เสียงคำรามนี้ไม่ได้ดังสนั่นแต่กลับทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีและพื้นดินสั่นสะเทือนทันที
แม้ว่ามันจะเพียงชั่วประเดี๋ยวแต่กลับทำให้สายตาหวังหลินหรี่แคบ เขาเผยท่าทีเยาะเย้ยขณะฝ่ามือขวาสร้างผนึกและตะโกน “หอกกฎเกณฑ์!”
หวังหลินยื่นมือขวาออกไป หมอกกฎเกณฑ์สีดำหลายเส้นเคลื่อนตัวราวกับมังกร หากมองใกล้ๆแล้วจะเห็นได้ว่าหมอกกฎเกณฑ์สีดำปกคลุมทั้งท้องฟ้า!
ความยิ่งใหญ่ที่ออกมาจากสายหมอกดูคล้ายกับกองทัพปิศาจจากขุมนรกกำลังร่อนลงมา ควันสีดำที่ล้อมรอบปลดปล่อยเสียงเสียดแทงแก้วหูขณะที่มันรวบรวมบนแขนของหวังหลิน
ท้ายที่สุดหอกยาวสามสิบฟุตและหนาเท่าแขนของเขาก็ปรากฎในมือ!
ประกายสายฟ้าสีดำเคลื่อนไหวรอบตัวหอกและมีสายฟ้าออกมาจากข้างในทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
อีกทั้งมีแสงน่ากลัวอยู่บนปลายหอก ภายใต้ดวงอาทิตย์ยามบ่าย มันยิ่งจับสายตาอย่างยิ่ง
แทบในจังหวะเดียวกันที่โอวหยางฮัวพูดจบ หวังหลินก็โยนหอกออกไปและพุ่งราวกับลำแสงสายฟ้าเข้าหาร่างมายาสีเขียว
สายฟ้าตีฝ่าท้องฟ้าราวกับหุบเหวในขุมนรกและทะลวงผ่านอากาศตามประสงค์ของเทพ มันทรงพลังจนสามารถทำให้สวรรค์ได้รับความเสียหายและพื้นดินถล่มลาย
ขณะที่มันทะลวงผ่านอากาศกระทั่งดึงดูดสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ขั้นสูงก่อเกิดเป็นฟ้าผ่าดังก้องไปทั้งแผ่นดิน