Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 531

Cover Renegade Immortal 1

531. ขอบเขตฉี

“ดินแดนวิญญาณปิศาจแบ่งออกเป็นเก้าแคว้น แต่ละแคว้นมีวิญญาณปิศาจโบราณผนึกไว้ข้างใน วิญญาณปิศาจโบราณสร้างขึ้นมาจากฟ้าดินโดยธรรมชาติและครอบครองความสามารถอันแข็งแกร่ง เมื่อเซียนหลอมรวมกับมัน ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นมหาศาลและมีโอกาสเรียนรู้บทวิชาอันแข็งแกร่งได้ จากความทรงจำของลั่วหยุน วิญญาณปิศาจโบราณทุกตนคือสมบัติหายาก และหลังจากรวมเข้าด้วยกันจะมีโอกาสเข้าสู่สภาวะที่เรียกกันว่าเริ่มต้นวิญญาณ”

“สภาวะเริ่มต้นวิญญาณคือสภาวะที่ลึกลับมาก เมื่อเซียนเข้าสู่สภาวะนี้จะทำให้สามารถรู้แจ้งสวรรค์ด้วยความเร็วสูงราวกับเกิดภาพนิมิต หากเป็นเพียงแค่นี้มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด สิ่งที่ทำให้เซียนทุกคนคลั่งใคล้เมื่อเข้าสู่สภาวะนี้คือมีโอกาสที่จะสร้างวิชาเทพขึ้นใหม่โดยมีพื้นฐานจากเขตแดนตนเอง!”

“เล่าลือกันว่าพวกวิชาเทพที่ดินแดนสวรรค์ทิ้งไว้เบื้องหลังได้ถูกเซียนที่แข็งแกร่งสร้างขึ้นมาตอนที่เข้าสู่สภาวะนี้…”

หวังหลินเหาะเหินพร้อมกับดวงตาส่องสว่าง หลังจากค้นคว้าความทรงจำของลั่วหยุนทั้งหมด เขามีความคิดดีดีเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้

“มันยากยิ่งนักในการจะได้วิญญาณปิศาจโบราณมาหนึ่งตน จากความทรงจำของลั่วหยุน แม้สถานที่แห่งนี้จะคงอยู่มาหลายแสนปีและเปิดขึ้นทุกห้าพันปี จำนวนเซียนที่ได้รับวิญญาณปิศาจโบราณมีน้อยยิ่งกว่าน้อย ตั้งแต่ที่เปิดประตูมาหลายชั่วอายุคน มีแค่สิบคนเท่านั้นที่ได้รับวิญญาณปิศาจโบราณจริงๆ”

“มีเพียงทางเดียวที่จะได้มาคือต้องบรรลุเป้าหมาย!”

“แต่ละแคว้นมีวิญญาณปิศาจโบราณหนึ่งตนเท่านั้น เหล่าวิญญาณไม่ได้ถูกใครควบคุมและพวกมันเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละแคว้น เหล่าวิญญาณจะวิวัฒนาการหนึ่งครั้งทุกแสนปี และหากรวมเข้ากับคนอื่นก่อนที่มันจะวิวัฒนาการได้ มันจะต้องใช้เวลาหนึ่งล้านปีเพื่อสร้างร่างใหม่”

“อันดับของวิญญาณปิศาจโบราณแต่ละแคว้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างก็เช่นปิศาจโบราณของแคว้นปิศาจฟ้าพึ่งเกิดได้เมื่อแสนปีก่อนและยังเป็นระดับต่ำที่สุด”

“ปิศาจโบราณในแคว้นเก้าสูญสิ้นยังไม่เคยรวมกับใครมาก่อนตั้งแต่เกิดมา ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงบรรลุเหนือจินตนาการไปแล้ว”

“คนที่ประสบความสำเร็จมากมายเท่านั้นที่จะมีโอกาสไปขอพรเบื้องหน้าวิญญาณปิศาจโบราณ คนที่สังหารผู้คนมากมายเท่านั้นที่จะมีโอกาสกลายเป็นเจ้าของ”

“เหล่าวิญญาณปิศาจโบราณเป็นสิ่งลี้ลับอย่างมาก คนที่เกิดในดินแดนแห่งนี้ไม่ว่าจะประสบผลสำเร็จมากมายแค่ไหนก็เพียงได้แค่ขอพรกับพวกมันเท่านั้นแต่ไม่เคยหลอมรวม มีเพียงคนต่างถิ่นที่มีสิทธิ์หลอมรวมกับพวกมันเท่านั้น”

“เหตุผลทั้งหมดไม่มีใครทราบ”

“พลังปิศาจเป็นกุญแจสำคัญในการหลอมรวมกับวิญญาณ หากไม่มีพลังปิศาจเพียงพอ แม้จะมีโอกาสหลอมรวมกับวิญญาณมันก็ไม่มีทางสำเร็จ”

“ซึ่งทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นทุกห้าพันปีเมื่อเหล่าคนต่างถิ่นเดินทางมาถึง คนต่างถิ่นต้องฆ่าฟันเพราะเมื่อสังหารจะสามารถได้รับพลังปิศาจทั้งหมดที่อีกฝ่ายรวบรวมมาได้”

“การสังหารคนอื่นเท่านั้นจึงจะทำให้คู่แข่งของข้าลดลง!”

หวังหลินเผยใบหน้าขบคิดขณะเหาะเหินเข้าหาตำแหน่งวิญญาณหลัก เขาเคลื่อนที่ราวกับอุกกาบาตข้ามผ่านท้องฟ้าและหายไปในเส้นขอบฟ้า

“เหตุผลที่ว่าทำไมลั่วหยุนถึงรู้เรื่องนี้เป็นเพราะเมื่อหลายหมื่นปีก่อนมีสมาชิกคนหนึ่งของสำนักเขามาที่นี่ แม้คนผู้นั้นจะไม่ได้รับปิศาจโบราณ เขากลับสามารถออกจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิตรอดได้ซึ่งมีโอกาสเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น”

“หลังจากกลับไปยังสำนักภูติสวรรค์ เขาบันทึกประสบการณ์ที่อยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจทั้งห้าร้อยปีของเขาไว้ทันทีซึ่งทำให้ลั่วหยุนรู้เรื่องนี้ด้วย ตอนนี้ความรู้ของเขาทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับข้า!”

“ลั่วหยุนเรียนรู้จากบรรพชนของตนเองว่าให้รีบหากองกำลังของที่นี่อยู่ ต้องเข้าร่วมแคว้นให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”

“ซึ่งเป็นหนทางเดียวในการได้รับประโยชน์ทางกองทัพ แต่สำคัญไปกว่านั่นก็คือเมื่อมีกองกำลังทหาร เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เจ้าจะมีพลทหารปิศาจและผู้บัญชาการปิศาจที่พร้อมรับคำสั่งของเจ้า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการได้ประโยชน์ตั้งแต่เริ่ม!”

“แคว้นที่ใกล้ที่สุดคือแคว้นปิศาจฟ้า ลั่วหยุนมาที่เมืองปิศาจก่อนหน้านี้แล้วและได้รับเหรียญตราการเข้ากองกำลังปีกซ้ายของกองทัพปิศาจ แต่จำเป็นต้องมีพลังปิศาจระดับสามถึงจะเข้าไปได้!”

“ที่นี่ใช้ระดับพลังปิศาจเป็นตัววัด พลังปิศาจระดับสามเทียบเท่ากับจำนวนพลังปราณของเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณ!”

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างพลันสะบัดแขนและปรากฎผลึกก้อนหนึ่งในฝ่ามือ นี่คือผลึกปิศาจจากตันเถียนของลั่วหยุน หลังจากตรวจสอบผลึกหวังหลินจึงตระหนักได้ว่ามันบรรจุพลังปิศาจระดับสองเอาไว้

“ไม่สงสัยเลยว่าลั่วหยุนต้องการสังหารข้า ผลึกปิศาจที่ข้าดูดซับในหุบเขาพึ่งมีระดับหนึ่ง และเพิ่มอีกสองระดับนี่ไปจะทำให้กลายเป็นระดับสาม!”

“แต่ว่าผลประโยชน์ทั้งหมดตกลงที่ข้าแทน!”

หวังหลินเหยียดยิ้มพลางเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว สัมผัสวิญญาณตรวจพบว่าเหล่าวิญญาณหลักอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

ร่างหวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นควันเมฆสีเขียวและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาและฝืนบังคับร่างออกจากควันสีเขียวด้วยสายตาขบคิด

“เดี๋ยวก่อน ในความทรงจำของลั่วหยุนได้กล่าวว่าเมื่อรวมเข้ากับวิญญาณปิศาจโบราณ จะมีโอกาสเข้าสู่สภาวะที่เรียกกันว่าการเริ่มต้นของวิญญาณ ฟังดูช่างคล้ายกับ…เริ่มต้นวิญญาณ…เริ่มต้นวิญญาณ…วิญญาณ…”

ร่างหวังหลินสั่นสะท้านพลันหยุดชะงักทันทีและแข็งค้างกลางอากาศ ดวงตาเรืองแสงสว่างเจิดจ้า หากมีใครมองเขาจากระยะไกลจะเห็นว่าสายตาที่กำลังส่องสว่างของเขานั้นสามารถส่องสว่างได้ไกลมากกว่าหมื่นฟุต

“ขอบเขตฉี! หรือว่าจะเป็นขอบเขตฉี!?” ดวงตาหวังหลินเป็นประกายมากยิ่งขึ้น

“จวี่ เต๋า ฉี!” จิตใจหวังหลินเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง

หลังได้รับขอบเขตจวี่มา ครั้งหนึ่งหวังหลินจึงคิดคว้าข้อมูลเรื่องนี้อย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุดคือมาจากถ้ำข้างใต้ที่ราบในทะเลปิศษจ มีชุดหนังสือโบราณอยู่เล่มหนึ่งและมีรายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตจวี่อยู่ในนั้น

ตอนที่หวังหลินกำลังค้นคว้าข้อมูลขอบเขตจวี่ เขายังค้นเจอขอบเขตอีกสองอย่างซึ่งมีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน!

ขอบเขตเต๋า ขอบเขตฉี!

หวังหลินดวงตาสว่างไสวและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

“เริ่มต้นวิญญาณ…สามขอบเขตคือสามขอบเขตพลังปราณที่คงอยู่มาอย่างยาวนาน หากขอบเขตจวี่สามารถเปลี่ยนแปลงจากพลังปราณไปเป็นสัมผัสวิญญาณได้ เมื่อนั้นอีกสองขอบเขตควรจะเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกัน เป็นไปได้ว่าสภาวะของการเริ่มต้นวิญญาณเป็นผลของขอบเขตจวี่เปลี่ยนเข้าสู่สัมผัสวิญญาณ…”

“หากขอบเขตจวี่คือความตาย เช่นนั้นขอบเขตฉีคือชีวิต หากขอบเขตฉีคือการเปลี่ยนสู่สัมผัสวิญญาณ นั่นหมายความว่าสัมผัสวิญญาณของข้าจะมีชีวิตไร้ขีดจำกัดและไม่มีวันตาย หรือกระทั่งการสรรค์สร้าง…”

“ข้าฝึกฝนขอบเขตแห่งชีวิตและความตาย หากข้าสามารถรวมขอบเขตจวี่และขอบเขตฉีโดยใช้ขอบเขตจวี่เป็นความตายและขอบเขตฉีเป็นชีวิต นั่นจะทำให้เขตแดนของข้าสมบูรณ์…” ขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่นและส่ายศีรษะ จะดียิ่งกว่าถ้าไม่คิดเลยเถิดจนเกินไป นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก

เขาถอนหายใจบางเบาและเก็บความคิดนี้กลับไป ไม่ว่าการเริ่มต้นวิญญาณที่เขาคิดอยู่คืออะไรแต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งที่เขาทำได้และยิ่งคิดก็ยิ่งไร้ประโยชน์

หวังหลินเหินร่าง เพียงหนึ่งก้าวก็หายไปจากจุดนั้นพร้อมกับปรากฎตัวห่างจากจุดเดิมไปห้าพันลี้

เมื่อร่างหวังหลินปรากฎตัวกลางท้องฟ้า เขาเหาะเหินอยู่เหนือพื้นทราบแห่งหนึ่ง เมื่อปรากฎขึ้นมีสิ่งคล้ายภูติผีเหาะเหินเข้าหาเขาและล้อมเป็นวงกลม

หนึ่งนั้นคืออสูรกิเลนที่คำรามใส่ขณะเคลื่อนที่ไปด้วย

หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณและเพ่งสมาธิบนรอยร้าวสีดำบนพื้น

รอยร้าวนี้กว้างมากกว่าพันฟุตดูคล้ายกับถูกสร้างขึ้นจากคนแทงกระบี่เหินจากบนฟ้าลงไป ทว่าเวลาได้ผ่านมานานแล้วและรอยแยกส่วนใหญ่ปิดลงจนตอนนี้เหลือช่องว่างเพียงหนึ่งร้อยฟุตเท่านั้น

มีใบหน้าปกคลุมทั้งพื้นที่ ยากนะที่จะเห็นรอยร้าวนี้บนพื้นเว้นเสียแต่จะดูอย่างละเอียด

หวังหลินอ้าปากและสูดลม วิญญาณหลักรอบตัวเขาเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำและถูกดูดเข้าไปในร่างกาย จากนั้นเข้าสู่ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงข้างในวิญญาณดั้งเดิมของเขา

เมื่อเก็บวิญญาณหลักกลับไป หวังหลินร่อนตัวลงที่รอยแยกและมองเข้าไปอย่างเยือกเย็น

“จากความทรงจำของลั่วหยุน ภูติสวรรค์คือร่างอวตารเฉพาะที่มีเพียงสำนักภูติสวรรค์เท่านั้นที่มี พวกมันเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าและปกติไม่มีร่างกาย แต่คนของสำนักภูติสวรรค์ใช้โลหิตของหญิงตั้งครรภ์เป็นตัวล่อ ใช้โลหิตของชายแข็งแกร่งเป็นตัวชี้นำและเพิ่มวิญญาณแรกกำเนิดของเซียนเป็นแกนกลาง ใช้เวลา 49 ปีเพื่ออัญเชิญภูติสวรรค์ออกมาได้หนึ่งตัว จากนั้นใช้วิชาลับเพื่อทำให้ชีวิตของภูติสวรรค์ผูกกันไว้”

ลั่วหยุนมีสถานะสูงส่งในสำนักภูติสวรรค์ ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ อาจารย์ได้ให้ภูติสวรรค์ผูกชีวิตตัวที่เก้าซึ่งอ่อนแอที่สุดเอาไว้ปกป้องตนเอง ลั่วหยุนไม่มีเวลาหลอมมันและนั่นจึงเป็นเหตุให้ภูติสวรรค์ทรยศ

ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบและสะบัดแขนขวา ควันสีเทาสองสายพลันปรากฎและเริ่มหมุนระหว่างนิ้ว เขาสะบัดนิ้วและควันสีเทาสองสายพุ่งออกไปเข้าหารอยแยกบนพื้น

ควันสองสายพุ่งราวกับมังกรสองตัว ภูติสวรรค์ซ่อนตัวอยู่ในรอยแยก ตอนที่มันทรยศผู้เป็นนาย มันประสบผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยจำนวนมากและเนื่องจากสูญเสียโลหิตเจ้านายเป็นตัวช่วย ตอนนี้มันอ่อนแออย่างมาก

แต่ความอ่อนแอเช่นนี้เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น หากมันสามารถอยู่ได้เจ็ดวัน จะไม่จำเป็นต้องใช้โลหิตจากเจ้านายอีกเลย หากมันสามารถอยู่ได้ 49 วัน มันจะได้รับอิสระอย่างสมบูรณ์และกลับคืนสู่ร่างนามธรรมอีกครั้ง หลังจากนั้นมันสามารถไปทุกที่ในโลกนี้!

ตอนนี้มันกำลังซ่อนตัวเอยู่ในรอยร้าว พลันดวงตาส่องสว่างขึ้นเปิดเผยตนเองและกระโจนเข้าใส่หนึ่งในควันสีเทา

ทว่าขณะที่มันกระโจนใส่ ควันสีเทาพลันแตกสลายกลายเป็นจุดแสง ภูติสวรรค์ตกตะลึงและต้องการล่าถอยแต่มันสายไปแล้ว

จุดแสงสีเทาเหล่านี้รวมตัวอย่างรวดเร็วเข้าหามัน

ภูติสวรรค์ถูกปกคลุมอยู่ในควันสีเทาแทบในทันที มันคำรามโกรธเกรี้ยวและรีบถอยตัวกลับ ทว่าควันสีเทาอีกสายหนึ่งพลันปรากฎเบื้องหน้าภูติสวรรค์และแตกสลายกลายเป็นจุดแสงสีเทาทันที

พวกมันรวมตัวกันอีกครั้งมากกว่าเดิมโดยมีภูติสวรรค์เป็นจุดศูนย์กลาง

เพียงชั่วเวลาสั้นๆเช่นนี้ ภูติสวรรค์ก็ถูกปกคลุมอยู่ในจุดแสงสีเทาเต็มไปหมด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!