543. รู้แจ้งระหว่างการต่อสู้
ในวิชาสามสังหาร สองวิชาแรกคือดัชนีแห่งความตายและดัชนีมารถูกหวังหลินใช้บ่อยครั้ง พลังแต่ละวิชาไม่เพียงพอให้คุกข่ามเซียนขั้นเทวะและถูกใช้เพื่อข่มเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณเท่านั้น
แต่เมื่อซือถูหนานใช้ดัชนีแห่งความตายและดัชนีมาร พลังแต่วิชาช่างน่าตื่นตะลึง แม้กระทั่งเหล่าเซียนขั้นเทวะก็ถูกสังหาร นอกจากหวังหลินมีความแตกต่างด้านระดับบ่มเพาะกับซือถูหนานแล้ว ยังมีความต่างด้านแก่นแท้ของดัชนีแห่งความตายและดัชนีมารอีกด้วย
สามวิชาสังหารถูกสร้างโดยซือถูหนาน ดังนั้นธรรมชาติของมันจึงดั่งมารร้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้แก่นแท้ของมันเว้นเสียว่าจะมีจิตใจชั่วร้าย
เต๋าของหวังหลินแตกต่างอย่างมากกับเต๋าของซือถูหนาน ดังนั้นเมื่อหวังหลินใช้สองวิชานี้เต๋าของเขาจึงไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ยืดหยุ่น
ความจริงแล้วมีการติดตามผลของสองวิชานี้แต่เพราะซือถูหนานรับรู้ความแตกต่างแต่ละวิชาเขาจึงไม่ได้สอนมันให้กับหวังหลิน
ไม่ใช่เพราะเขาขี้เหนียวแต่เป็นเรื่องของเวลา ซึ่งมีโอกาสสูงที่เต๋าของหวังหลินจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
วิชาสุดท้ายของสามวิชาสังหารมีชื่อว่า ดัชนีนรก มีพลังรุนแรงมากกว่าอีกสองวิชาและใกล้เคียงกับวิชาเทพระดับต่ำอย่างมาก
ตอนที่ซือถูหนานสอนมันให้กับหวังหลินเขามีความกังวลอย่างมาก เหตุผลที่เขากังวลไม่ใช่เพราะวิชานี้ทรงพลังเพียงพอจะคุกคามเซียนขั้นเทวะ แต่เป็นเพราะหากหวังหลินใช้มันมากเกินไปจะกระทบเต๋าของเขาและค่อยๆนำเขาเข้าสู่เส้นทางแห่งมารร้าย
วิชาสุดท้ายแตกต่างจากอีกสองวิชาที่ไม่มีผลกระทบ หวังหลินสามารถใช้มันมากได้เท่าที่ต้องการโดยไม่ได้รับผลกระทบต่อเต๋าของตนเอง แต่วิชาที่สามนั้นต่างกัน พลังทั้งหมดตามชื่อของมัน
ซือถูหนานบอกหวังหลินเรื่องนี้ทั้งหมดและนั่นเป็นเหตุผลที่ตลอดมาหวังหลินใช้มันเพียงครั้งเดียวในการต่อสู้กับเฉินต้าว ศิษย์พี่หกแห่งกองกำลังสีม่วง
ในหมู่วิชาสามสังหาร วิชาสุดท้ายคือวิชาสังหารที่แท้จริง!
เจตนาต่อสู้สิบพินาศถูกสร้างในมิติว่างและเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ มันไร้ตัวตนและมันเป็นกำปั้นที่บรรจุพลังเต็มที่ของแม่ทัพปิศาจเอาไว้ เจตนาแรกเป็นพลังที่สามารถแทงทะลุอากาศและสังหารใครสักคนได้
จังหวะที่หวังหลินเอานิ้วชี้ออกมา พลังปราณสวรรค์ในร่างเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งจากนั้นเปลี่ยนไปเป็นพลังปราณปิศาจและรวบรวมไว้ที่ปลายนิ้ว แสงสีดำสายหนึ่งหนาแน่นจนแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงพลันล้อมรอบนิ้วหวังหลินในทันที
สีดำรูปแบบนี้คือพลังปราณปิศาจบริสุทธิ์!
จังหวะที่หวังหลินใช้นิ้วชี้ขึ้นไป เขารู้สึกเจตนาของกำปั้นมหึมากลางอากาศและจังหวะนั้นการล่มสลายครั้งแรกก็มาถึง
ราวกับว่าท้องฟ้าทั้งหมดกำลังล่มสลายโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง!
พลังทำลายล้างออกมาจากทุกทิศทุกทางและร่อนลงบนร่างหวังหลิน แสงสีดำส่องประกายเจิดจ้า พลังปราณสวรรค์ในร่างหวังหลินโคจรอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นแสงสีดำบนนิ้วชี้ขยายออกปกคลุมทั้งร่างกาย
เสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนสวรรค์ดังกึกก้องไปทั้งเมืองปิศาจโบราณ ใบหน้าหวังหลินขาวซีดและถูกดันถอยกลับไปหลายฟุตก่อนจะทำให้ร่างกายตั้งมั่น
นิ้วชี้ขวาสั่นเบาๆและชาหนึบ
พลังทำลายล้างที่ตกลงใส่ร่างเขาถอนออกไปอย่างรวดเร็วคราวกับคลื่นยักษ์แต่จากนั้นมันก็กลับมาหาเขาด้วยความรุนแรงมากกว่าเดิมสิบเท่า!
การล่มสลายครั้งที่สองมาแล้ว! ความเร็วของมันมากกว่าครั้งแรกหลายเท่าและมาจากทุกทิศทางแทบในทันทีหลังจากนั้น
นิ้วชี้ขวาหวังหลินยังคงสั่นเทา พลังอำนาจของดัชนีมารสามารถช่วยเขาให้ต้านรับได้แค่การล่มสลายครั้งแรกเท่านั้น
“นี่ไม่ใช่วิชาที่เซียนขั้นแปลงวิญญาณสามารถใช้ได้แน่นอน!!! แม้แต่ท่ามกลางพวกเซียนเทวะ มีเพียงหนึ่งในสิบคนที่สามารถใช้วิชาแบบนี้ได้!” ดวงตาหวังหลินเผยประกายแสงลึกลับ
พลังของการล่มสลายครั้งที่สองมากกว่าครั้งแรกสิบเท่า คราวนี้ท้องฟ้าภายในระยะหมื่นฟุตมืดลงราวกับพายุทรายกำลังโหมกระหน่ำ แม้กระทั่งวังวนเหนือพระราชวังก็ได้รับผลกระทบ
หวังหลินร้องคำรามเสียงต่ำจากนั้นควันสีเทาสองสายปรากฎบนแขนและเคลื่อนไหวราวกับมังกรสองตัว ชั่วขณะนั้นเขาใช้ศาสตร์สังหารเทพโดยไม่ลังเล!
ควันสีเทาสองสายพุ่งออกไปและทำลายผ่านกำแพงเสียงแต่พวกมันพบกับพลังของการล่มสลายครั้งที่สองทันที
พลังของการล่มสลายครั้งที่สองแข็งแกร่งมาก ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ควันสีเทาสองสายไม่ได้ถูกทำลายแต่พวกมันแตกสลายจนเกิดเป็นวังวนโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง
พลังของการล่มสลายครั้งที่สองร่อนลงบนควันสีเทาและอ่อนแออย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันจิตสังหารก็ออกมาจากวังวนสีเทาด้วย
จิตสังหารนี้น่าตกใจ มันทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าสามารถสังหารเทพและผู้ทรงอำนาจได้ จิตสังหารบังคับเปิดเป็นเส้นทางโลหิตโดยมีพลังของการล่มสลายครั้งที่สองเป็นทางผ่าน
มันใช้จิตสังหารสั่นสะเทือนสวรรค์ของตัวเองเพื่อบังคับให้พลังการล่มสลายครั้งที่สองถอยกลับไป
ในเวลาเดียวกันหวังหลินก้าวมาข้างหน้าและพุ่งเข้าหาราวกับอุกกาบาตซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ยื่นมือขวาออกไป วังวนสีเทาพลันเลือนหายกลับกลายเป็นควันสีเทาสองสายในมือขวาหวังหลิน
“ควบแน่น!” ควันสีเทาสองสายควบแน่นกลายเป็นกระบี่ยาวเจ็ดฟุตในมือหวังหลินอย่างรวดเร็ว ด้วยกระบี่ในมือ ร่างหวังหลินจึงปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าตื่นตะลึงนั้น
ชั่วขณะนี้ หวังหลินดูกลายเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ไม่มีรัศมีแห่งเทพรอบตัวเขาแต่ถูกแทนที่ด้วยจิตสังหาร!
ตอนนี้เขาเหมือนนักฆ่าปิศาจ เขาถือกระบี่สังหารและก้าวขึ้นสู่อากาศเข้าหาแม่ทัพปีกซ้าย
แม่ทัพปีกซ้ายอุทาน จากนั้นดวงตาส่องสว่างขึ้น “เยี่ยม! เจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ตัดสินใจโจมตีระหว่างเจตนาการต่อสู้สิบพินาศของข้า! มาดูกันว่าเจ้าสามารถผ่านอีกแปดการล่มสลายและมาถึงด้านหน้าข้าได้หรือไม่!”
ตอนนี้สตรีชุดขาว ลูกสาวของบรรพชนโลหิต เหยาซีเชว่ นางยังยืนห่างอยู่ระยะไกลพลันขมวดคิ้วบาง ตอนที่นางมาถึงเมืองปิศาจโบราณเมื่อสามปีก่อน นางพ่ายแพ้ต่อวิชานี้ในตอนนั้น วิชานี้ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตและด้วยระดับบ่มเพาะของนางก็เกือบล้มเหลวในการพังทลายรอบที่สี่ หากไม่ใช่เพราะวิชาที่พ่อนางสอนไว้ นางคงไม่สามารถทนรับการล่มสลายครั้งที่ห้าไปได้!
แม้กระนั้นในที่สุดนางก็พ่ายแพ้ในการล่มสลายรอบที่แปด! ทว่าแม่ทัพปีกซ้ายยากที่จะอ่านออก นางกลับได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการ!
มีผู้บัญชาการไม่มากนัก ทั้งหมดมี 16 คน!
หวังหลินเผยเส้นทางการสังหารของตนขณะพุ่งตัวไปที่แม่ทัพปิศาจด้วยกระบี่ในมือ
ทว่ายังมีอีกแปดการพังทลายระหว่างเขาและแม่ทัพปิศาจ การพังทลายรอบสามมีพลังมากกว่ารอบสองสิบเท่า มันกดลงบนหวังหลินจากทุกทิศทุกทางอย่างเงียบงันราวกับภูเขานับไม่ถ้วนกำลังกระแทกใส่เขา
ดวงตาหวังหลินแดงฉานและจิตสังหารข้นคลั่ก ในการเผชิญกับการล่มสลายครั้งที่สามนี้เขาไม่มีแรงกระตุ้นให้ถอยกลับแต่เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นการต่อสู้แทน หวังหลินตะโกนด้วยกระบี่สังหารในมือ “มาทำลายข้า ล่มสลายครั้งที่สาม!”
กระบี่สังหารปลดปล่อยแสงสีเทาแบบไม่เคยเห็นมาก่อน แสงสีเทายื่นออกมามากวก่าสิบฟุตและล้อมรอบหวังหลินพุ่งผ่านราวกับอุกกาบาต
พลังของกระบี่เดี่ยวเล่มนี้สามารถสั่นสะเทือนสวรรค์และเอาพิชิตอำนาจเหนือธรรมชาติได้!
การล่มสลายครั้งที่สามซึ่งออกมาจากอากาศกลับถูกตัดผ่าเปิดออกทำให้หวังหลินแทงทะลุผ่านและตรงไปที่แม่ทัพปิศาจ
ดวงตาของแม่ทัพปีกซ้ายส่องสว่างมากขึ้นและยิ้มแย้ม “ดี!”
ขณะที่หวังหลินพุ่งออกไป การล่มสลายครั้งที่สามก็มาถึง พลังแต่ละครั้งมีมากมายหลายเท่า
ตอนนี้การล่มสลายครั้งที่สี่รุนแรงมากกว่าครั้งที่หนึ่งถึงหนึ่งพันเท่า พลังรูปแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เซียนขั้นแปลงวิญญาณธรรมดาสามารถต้านทานไหว
การปรากฎตัวของการล่มสลายครั้งที่สี่ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีทันที แม้แต่วังวนเหนือพระราชวังก็เริ่มบิดเบี้ยวราวกับไม่สามารถทนรับพลังอำนาจนี้ได้
การล่มสลายครั้งที่สี่พุ่งใส่หวังหลิน พลังสังหารที่หวังหลินสร้างขึ้นกับกระบี่พลันแตกสลายทันที การล่มสลายนี้มีพลังมากกว่าครั้งแรกพันเท่าเว้นแต่ว่าจะบรรลุระดับปลายไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทานต้านทานได้!
ร่างหวังหลินแยกตัวจากกระบี่สังหาร ในเวลาเดียวกันพลังอำนาจของการล่มสลายครั้งที่สี่ก็เข้ามาหาเขาราวกับพายุหิมะถล่ม หากการล่มสลายนี้เหมือนคลื่นซัดกระหน่ำเช่นนั้นหวังหลินก็คงเป็นเรือลำเดียวบนทะเล!
ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดและช่วยไม่ได้ที่จะหยุดการพุ่งเข้าไปนี้ ตอนนี้ร่างกายเขาถูกบิดเบี้ยวด้วยพลังรุนแรงอย่างมาก
หวังหลินรู้สึกว่าเขาไม่สามารถต้านทานการล่มสลายครั้งที่สี่ได้ด้วยพลังของตนเอง หากเขามีควันสีเทามากกว่านี้อาจจะสามารถทะลวงผ่านไปได้ ทว่าในสี่ปีนี้แม้เขาจะสังหารมามากมาย ศาสตร์สังหารเทพก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
นอกจากศาสตร์สังหารเทพแล้วเขาควรสามารถทะลวงผ่านด้วยดัชนีนรก แต่ว่าดัชนีนรกเป็นไม้ตายของเขาและในดินแดนวิญญาณปิศาจแสนอันตรายแห่งนี้ เขาจะไม่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงง่ายๆ
ชั่วขณะนี้หวังหลินเผยสายตามุ่งมั่นพร้อมกับปล่อยกระบี่สังหารไปซึ่งจากมันก็แตกสลายกลับเป็นควันสีเทาสองสายแล้วเข้าไปในร่างกายผ่านลำแขนอย่างรวดเร็ว สัญลักษณ์สองจุดปรากฎบนหน้าผากหวังหลิน ทั้งสองกระจายตัวผ่านร่างกายเพื่อสร้างผนึกพลังชีวิตป้องกัน
ตอนนี้การล่มสลายครั้งที่สี่ก็มาถึงแล้ว!
พลังของภัยพิบัติธรรมชาติ พลังนั้นมีมากกว่าครั้งแรกที่มากถึงพันเท่า ชั่วจังหวะนี้หวังหลินสัมผัสจึงเจตนาแรกจากการล่มสลายครั้งที่สี่ได้อย่างชัดเจน
ข้างในเจตนาแรกมีความมั่นใจตั้งอยู่!
“ความมั่นใจ…” สายตาหวังหลินสว่างวาบ แสงเช่นนี้หายากนักที่จะปรากฎในดวงตาหวังหลินในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา มันเหมือนกับโจวยี่ที่ได้รับการรู้แจ้งตอนที่วิญญาณกำลังเผาไหม้….