544. ความเชื่อมั่นปิศาจ
ตอนนี้หวังหลินสัมผัสถึงความเชื่อมั่นข้างในเจตนาต่อสู้สิบพินาศได้ ความเชื่อมั่นนี้มาจากความเชื่อที่ชนะในการนามรบนองเลือดมาตลอด มันสร้างขึ้นจากการชนะทุกคนที่ตายหรือไม่ก็เอาชนะด้วยวิชา!
พลังความเชื่อมั่นนี้ทรงพลังมากเกินกว่าหวังหลินจินตนาการ ขณะที่ร่างกายหวังหลินกำลังต้านทานพลังของการล่มสลายครั้งที่สี่ วิญญาณของเขากำลังทุกข์ทรมานกับผลลัพธ์ความเชื่อมั่นภายในการล่มสลายครั้งที่สี่นี้
“สิบพินาศเป็นขีดจำกัดตามปกติ แต่วิชานี้กำลังพัฒนาเข้าสู่ครั้งที่สิบเอ็ด เหตุผลที่แม่ทัพปีกซ้ายใช้วิชานี้กับข้าเพื่อใช้มันเอาชนะ เพื่อดูดซับความเชื่อมั่นของข้าและเพิ่มพลังของวิชานี้เอง”
“เหตุผลที่เจตนาต่อสู้สิบพินาศทรงพลังก็เพราะความเชื่อมั่นที่อยู่ข้างใน ยิ่งผู้คนที่เขาฆ่าและเอาชนะมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!”
ความรู้สึกขุ่นมัวปรากฎในใจหวังหลินโดยไม่รู้ตัว ทว่ามันเพิ่งผลิออกมาและถูกหวังหลินบดขี้ทันที
ร่างหวังหลินถูกโยนกลับด้วยพลังขนาดใหญ่และร่อนลงบนพื้นห่างออกไปพันฟุต ขณะที่เขาร่อนลงไปร่างกายพลิกกลับพลันเล็บขูดกับพื้นจนเกิดเสียงแหลม หวังหลินขยับร่างกลับมาจนถึงร้อยฟุตก่อนจะจัดร่างกายให้มั่นคง
ณ ตอนนี้ทั้งร่างหวังหลินปกคลุมด้วยสัญลักษณ์บนหน้าผาก สัญลักษณ์นี้พังทลายและหายไปหลังจากปะทะกับพลังของการล่มสลายครั้งที่สี่ ตอนนี้หลงเหลือสัญลักษณ์เพียงครึ่งส่วนบนหน้าผากและเปล่งแสงสีเทาเบาๆออกมาเท่านั้น
เหลือผนึกแห่งชีวิตเพียงครึ่งเดียวที่เกิดจากศาสตร์สังหารเทพ ส่วนที่เหลืออื่นๆหายไปแล้ว
แสงสีทองในดวงตาแม่ทัพปีกซ้ายเลือนหายไปและเอ่ยท่าทีสงบ “เป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่จะต่อต้านพลังการล่มสลายครั้งที่สี่ด้วยระดับกลางขั้นแปลงวิญญาณของเจ้า เจ้ายังวางมือลงได้! เป็นไม่ได้ที่เจ้าจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าผู้บัญชาการหรือแม้กระทั่งผู้บัญชาการ ตำแหน่งที่เจ้าได้คือผู้อาวุโสเท่านั้น!” แม้ท่าทางเขาไม่ได้แสดงความผิดหวังออกมาแต่คำพูดนั้นกลับเห็นได้ชัด
สายตาหวังหลินกระพริบแสงเจิดจ้า เจตนาแรกที่บรรจุไว้ภายในสิบพินาศเป็นตัวแทนของวิญญาณแม่ทัพทีจุดสูงสุด สำหรับเซียนคนหนึ่งแล้วมันคือวิธีการที่เขาหล่อหลอมจิตใจแห่งเต๋าของตนเอง จิตใจแห่งเต๋ารวมเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมและดังนั้นจึงทำให้วิญญาณดั้งเดิมวิวัฒนาการ จากนั้นจึงมีความเชื่อมั่นเดียวอยู่ในร่างเขา ความเชื่อมั่นนี้แข็งแกร่งมากและสามารถเปลี่ยนได้กระทั่งฟ้าดิน!
มันคือวิชาความเชื่อมั่น!
“วิชาความเชื่อมั่น!” หวังหลินค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมองแม่ทัพปีกซ้าย สายตาล้ำลึกของเขาราวกับแฝงปัญญาและการรู้แจ้ง
สายตาจดจ้องของหวังหลินค่อยๆเปลี่ยนเป็นส่องสว่างขึ้นและสว่างขึ้น เขายกมือขึ้นอีกและใช้ดัชนีมารอีกครั้ง ใช้การเคลื่อนไหวเหมือนเดิม วิชาเดียวกันแต่เมื่อหวังหลินใช้ครั้งที่สอง มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!
ในสายตาของแม่ทัพปีกซ้าย การเคลื่อนไหวนี้แตกต่างจากครั้งก่อนมาก แสงที่หายไปจากดวงตาแม่ทัพพลันกลับคืนมาและส่องสว่างมากกว่าก่อน
“นี่มัน…” แม่ทัพปีกซ้ายสังเกตความแตกต่างได้ทันทีและอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ
เหยาซีเชว่ที่กำลังยืนอยู่ไกลๆ นางจ้องหวังหลินอย่างตรงไปตรงมา มีมรสุมโหดมกระหน่ำในใจนางและนางจดจำคำของท่านพ่อขึ้นมาได้
พ่อของนางคือบรรพชนโลหิต เขาให้ความสนใจต่อหวังหลินเป็นอย่างมาก
กลิ่นอายปิศาจออกมาจากร่างหวังหลินและก่อเกิดเป็นหมอกสีดำจางๆรอบตัวเขาสามฟุต ข้างในหมอกดำสายตาหวังหลินค่อยๆมืดมนอย่างช้าๆ
ความมืดมนนี้เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและมีความเป็นมารร้ายโดยธรรมชาติ!
“วิชาความเชื่อมั่น….วิชาที่ข้าเคยใช้เป็นแค่เปลือกเท่านั้นเพราะไร้ความเชื่อมั่น ข้าไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของมันได้…” หวังหลินพึมพำกับตนเองขณะมือนิ้วชี้ขวาของตน จากนั้นชี้ไปที่ท้องฟ้าทันที
หนึ่งดัชนีเพื่อถามสวรรค์!
ครานี้วังวนเหนือพระราชวังพลันหายไป ท้องฟ้าทั้งมวลถูกปกคลุมด้วยก้อนเมฆสีดำ ก้อนเมฆมืดมากขึ้นอย่างรวดเร็วและดูคล้ายกับภูติพรายกำลังโหยหวนอยู่ภายใน
หนึ่งดัชนีมาร!
ปราณปิศาจเต็มไปทั่วบริเวณ พลังปราณสวรรค์ในร่างหวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหวแต่กลายเป็นพลังปราณปิศาจอย่างเงียบเชียบ
ปราณปิศาจนี้แตกต่างจากปราณสวรรค์ที่เกิดจากการโคจรปราณสวรรค์อย่างเห็นได้ชัด
เส้นผมหวังหลินเริ่มเติบโตขึ้นอย่างลึกลับและยาวถึงเข่าในพริบตา ทั้งร่างไม่มีแววอ่อนโยนอีกต่อไปแต่เต็มไปด้วยรัศมีโหดเหี้ยม บนหน้าผากมีรอยปิศาจทั้งหกรอยปรากฎขึ้น
ปราณปิศาจรอบตัวยิ่งหนาแน่นและกระจายจากระยะสามฟุตไปถึงร้อยฟุต ทุกสิ่งภายในระยะหนึ่งร้อยฟุตตอนนี้เต็มไปด้วยปราณปิศาจอันบ้าคลั่ง
ปราณปิศาจหนาแน่นจนเด่นตาพลันเปลี่ยนแปลงเป็นจุดเพลิงสีเขียวและกระจายเป็นวงกลมบนพื้น
ข้างในและนอกร่างกายหวังหลินถูกปราณปิศาจเข้าครอบรองโดยสิ้น หวังหลินเงยศีรษะขึ้นและหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยกลิ่นอายเกรี้ยวกราดและจิตสังหารอันบ้าคลั่ง!
ขณะนี้เองผนึกพลังชีวิตอีกครึ่งส่วนเบื้องหลังหกรอยปิศาจดูเหมือนหลอมรวมกับหวังหลินไปแล้วและเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยววินาทีมันเปลี่ยนจากผนึกครึ่งส่วนกลายเป็นผนึกอันสมบูรณ์!
ในตอนที่ผนึกสมบูรณ์ มันกระจายอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทั้งร่างหวังหลิน
หวังหลินก้าวไปข้างหน้า การก้าวของเขาไม่ได้เร็วแต่ค่อยๆเดินทีละก้าวอย่างช้าๆเข้าหาแม่ทัพปีกซ้ายบนท้องฟ้า
แสงสีทองในดวงตาแม่ทัพทวีความรุนแรงมากขึ้นและตะโกน “น่าสนใจ! เจ้าเป็นคนแรกที่ได้ทะลวงผ่านภายใต้เจตนาต่อสู้สิบพินาศของข้า! ให้ข้าดูว่าเจ้าสามารถทนต่อการล่มสลายครั้งที่ห้าได้หรือไม่!”
การล่มสลายครั้งที่ห้าพลันออกมาจากความว่างเปล่าหลังจากแม่ทัพปิศาจพูดจบ การล่มสลายครั้งที่ห้ามีพลังมากกว่าครั้งที่สี่ถึงสิบเท่า ขณะที่มันปรากฎขึ้น เสียงดังคำรามสนั่นราวกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์กำลังอุบัติขึ้นภายในรัศมีหมื่นฟุต มันส่งเสียงดังจนทั้งเมืองปิศาจโบราณสามารถได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน
หวังหลินเผชิญหน้ากับการล่มสลายครั้งที่ห้าด้วยดัชนีมาร นิ้วชี้ขวาพลันกดลงข้างหน้าทันที จากนั้นพลังปราณปิศาจทั้งหมดรวบรวมที่ปลายนิ้วและเปลี่ยนเป็นเพลิงปิศาจ!
พลังที่แท้จริงของดัชนีมารกำลังถูกหวังหลินใช้เป็นครั้งแรก เพลิงปิศาจรอบนิ้วหวังหลินขยายออกไร้ที่สิ้นสุดก่อเกิดเป็นทะเลเพลิงปิศาจรอบตัวเขา!
จากนั้นหวังหลินก้าวออกไปและลอยตัวขึ้นกลางอากาศ นิ้วชี้ขวาพุ่งเข้าหาแม่ทัพปิศาจตรงๆ
การล่มสลายครั้งที่ห้าปรากฎในจังหวะเดียวกันมันก็ถูกเพลิงมารหยุดไว้ได้แทบทันที ขณะที่มันถูกหยุดไว้หวังหลินพุ่งผ่านด้วยดัชนีมารและเขาก็ทำลายผ่านไปได้จนเกิดเสียงดังสนั่น ตอนนี้หวังหลินห่างจากแม่ทัพปิศาจเพียงหนึ่งร้อยฟุต!
การล่มสลายครั้งที่หกปรากฎขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน!
คำพูดไม่อาจอธิบายพลังอำนาจของการล่มสลายครั้งที่หกได้ หลังจากมันปรากฎขึ้น ช่องว่างระหว่างหวังหลินกับแม่ทัพปิศาจที่ห่างหนึ่งร้อยฟุตก็เริ่มล่มสลาย และเกิดเสียงแตกร้าวนับไม่ถ้วนในอากาศบังเกิดขึ้น
พลังของการล่มสลายครั้งที่หกพลันตกลงมาทันที
ใบหน้าหวังหลินยังคงมืดมน ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาไม่ได้ถอนดัชนีกลับมาและร่างกายกำลังเคลื่อนไหวไปข้างหน้า การล่มสลายครั้งที่หกปรากฎออกมาจากอากาศในรูปร่างของวงแหวนแสงและเข้ามาใกล้หวังหลิน
ทว่าขณะที่มันสัมผัสกับดัชนีของหวังหลิน เขาพลันเอ่ยขึ้น “แปลงปิศาจ!”
หลังเปล่งเสียง ดัชนีของเขาจึงปลดปล่อยแสงสีดำ แสงสีดำยื่นออกมาจากนิ้วและปกคลุมทั้งแขนขวา
แสงสีดำกระจายออกมาอย่างต่อเนื่องและปกคลุมทั้งร่างเขาในเวลาไม่นาน ขณะที่วงกลมแสงเข้ามาใกล้ ทั้งร่างหวังหลินก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีดำนี้ทั้งหมดแล้ว
ร่างหวังหลินดูเหมือนเงาและเพียงก้าวเดียวก็แทงทะลุผ่านวงแหวนแสงที่เป็นการล่มสลายครั้งที่หกนี้ไปได้ จังหวะที่เขาพุ่งผ่านไป การล่มสลายครั้งที่หกก็แตกสลาย!
แสงสีทองในดวงตาแม่ทัพปีกซ้ายส่องสว่างเจิดจ้าและตะโกน “คนต่างถิ่นอะไรกัน! แม่ทัพคนนี้ประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ข้าจะรอเจ้าตรงนี้ ยังมีอีกสี่พินาศรออยู่!”
“ความเชื่อมั่นในวิชาของท่านคือความเชื่อมั่นที่ท่านได้รับจากชัยชนะ มันเกิดจากเจตจำนงและวิญญาณของทุกคนที่พ่ายแพ้ต่อวิชาของท่าน ข้าไม่มีระดับบ่มเพาะที่ทะลวงผ่านสิบพินาศแต่ข้ารู้แก่นแท้ในการทำลายวิชาของท่านที่ไม่ใช่ระดับบ่มเพาะแต่เป็นความเชื่อมั่น!”
“การทำลายความเชื่อของท่าน ข้าเปลี่ยนมันเป็นปิศาจด้วยดัชนีนี้และรวมความเชื่อมั่นด้วยดัชนีมารของข้า ดังนั้นดัชดีมารของข้าตอนนี้ดูเหมือนมีวิญญาณของมันเอง ตอนนี้มันไม่ใช่การแข่งด้านระดับบ่มเพาะแต่เป็นการต่อสู้แห่งความเชื่อมั่นของเรา!” ขณะที่หวังหลินเอ่ยเช่นนี้ เขาก้าวไปข้างหน้าต่อไป!
การล่มสลายครั้งที่เจ็ดเข้ามาถึง!
จังหวะที่มันเข้ามา ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและตะโกน “หลีกทาง!”
ด้วยคำเพียงสองคำ การล่มสลายครั้งที่เจ็ดที่กำลังปรากฎให้เป็นรูปธรรมก็พลันแตกสลายลง สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมีเพลิงแห่งความเชื่อมั่นกำลังเผาผลาญอยู่ภายใน!
สิ่งที่ทำให้จิตใจเขาแน่วแน่ก็คือวิญญาณของดัชนีมาร แม้เขาจะพูดเพียงสองคำแต่กลับแฝงความเชื่อมั่นที่ไร้ข้อสงสัย!
มันไม่ใช่ความเชื่อมั่นในการสังหารหรือชัยชนะ มันคือความเชื่อมั่นของ…ความคิดแบบมารร้าย!
ความคิดมารร้ายคือการฝืนกฎสวรรค์ ต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นต้องการ ขโมยชีวิต ทำลายเต๋าผู้คน ทำตามใจตนเองและเดินบนเส้นทางของมารร้าย!
ในที่สุดท่าทางของแม่ทัพปีกซ้ายก็เปลี่ยนไป ตอนที่เขามองหวังหลินเขาไม่เคยนึกคิดว่าหวังหลินจะเป็นอะไรได้ มีเพียงแค่ตอนที่หวังหลินทะลวงผ่านสามพินาศแรกไปได้เขาจึงมีคุณสมบัติให้มอง
อย่างไรก็ตามความล้มเหลวที่การล่มสลายครั้งที่สี่อยู่ภายในการคาดคิดของเขา ตรงนี้เป็นจุดที่หวังหลินถูกหยุดเอาไว้และเขาไม่ใช่คนที่จักรพรรดิปิศาจมองหา!
แต่เขาไม่เคยนึกว่าคนเบื้องหน้าคนนี้จะได้รับการรู้แจ้งหลังการล่มสลายครั้งที่สี่ การรู้แจ้งของคนผู้นี้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นปิศาจ!
แม้กระนั้นเขายังเพียงแค่สนใจอยู่เล็กน้อยเท่านั้นและไม่คิดอะไรมากความ ในความคิดเขาแม้การรู้แจ้งแบบนี้เป็นเรื่องหายาก มันก็คงหยุดไว้ที่การล่มสลายครั้งที่เจ็ด!
ทว่าตอนที่หวังหลินทำลายการล่มสลายครั้งที่เจ็ดด้วยคำพูดเพียงสองคำ สิ่งนี้ทำให้เขาสนใจและทำให้ท่าทางเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ตั้งแต่เริ่มและนั่นคือเขาประเมินคนผู้นี้ต่ำเกินไป!
ด้วยสถานะของเขา ไม่มีสิ่งใดคู่ควรพอให้สนใจมานานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้เขาสนใจในรอบหลายพันปี!