579. ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว 1
เสียงหัวเราะออกมาจากพระราชวังแสนงดงามในเมืองปิศาจฟ้า
“เป็นไปได้ว่าสหายน้อยคนนี้ต้องการท้าทายโม่ลี่ไฮ่ให้ต่อสู้กับเขาก่อนที่การประลองของเหล่าแม่ทัพจะเริ่มขึ้นและหวังจะใช้กองกำลังทหารที่ได้รับมาหลังชนะแคว้นปิศาจอัคคีจนข้าไม่อาจปฏิเสธเขาได้? เจ้าหนูคนนี้น่าสนใจ ข้าอนุญาต!”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในวัง “นี่มัน…ท่านจักรพรรดิปิศาจ หากทั้งสองคนทำเป็นแบบอย่าง ข้ากลัวว่าแม่ทัพปิศาจคนอื่นๆจะ…”
“หากคนอื่นมีคะแนนทหารถึงหมื่นคะแนน เช่นนั้นข้าจะยอมให้ทำตามนั้นด้วย!”
“…ขอรับ!”
หลังจากนั้นไม่นานชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากวังพร้อมกับถือม้วนกระดาษออกมาด้วย เขาส่ายศีรษะเบาๆและจากนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว
วันเวลาของการประลองแม่ทัพปิศาจใกล้เข้ามามากขึ้นและมากขึ้น ทั้งเมืองปิศาจฟ้าถูกรายล้อมด้วยบรรยากาศกดขี่และมีการต่อสู้เกิดขึ้นทุกวันจนนับไม่ถ้วน
หวังหลินกำลังนั่งอยู่ริมแม่น้ำพร้อมกับวางไหเหล้าลงมองไปบนท้องฟ้าและพึมพำกับตนเอง “นี่มันเป็นเกม!”
“เกมในสายตาจักรพรรดิปิศาจ…ในมุมมองจักรพรรดิปิศาจ เหล่าคนต่างถิ่นเข่นฆ่ากันเองด้วยเป้าหมายของการช่วยแม่ทัพปิศาจให้ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น รูปแบบเกมเช่นนี้ดีที่สุด…” หวังหลินดื่มไปหนึ่งอึก ดวงตาเต็มไปด้วยความกระจ่างชัด
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้นและค่อยๆเดินออกไป
ผ่านมาเจ็ดวันแล้วดังนั้นจึงยังเหลืออีกแปดวันจนกว่าการประลองของเหล่าแม่ทัพจะเริ่มต้นขึ้น!
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำและเพราะมีกลิ่นอายกดขี่ล้อมรอบเมืองปิศาจฟ้าจึงมีคนเดินถนนน้อยลงและน้อยลงเรื่อยๆ ชาหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีเขียวค่อยๆเดินเข้าหาคฤหาสน์แม่ทัพโม่จากระยะหนึ่งพันฟุต
คนผู้นี้แนบกระบี่ใหญ่ไว้บนแผ่นหลัง ใบหน้าสงบนิ่งพร้อมกับเดินเข้าหาคฤหาสน์แม่ทัพโม่ ขณะที่เขาเข้าใกล้ปราณสวรรค์เบาบางจำนวนมากค่อยกระจายออกมาอย่างช้าๆ
ในเวลาเดียวกันจึงเกิดกลิ่นอายกดดันล้อมรอบทั้งคฤหาสน์
ภายในคฤหาสน์แม่ทัพโม่
โม่ลี่ไฮ่กำลังบ่มเพาะฝึกฝนอยู่ข้างในห้องลับของตน หุ่นเชิดสิบเจ็ดตัวกำลังปลดปล่อยแสงชั่วร้ายและลอยรอบๆร่างเขา
พลังปราณปิศาจระเบิดกระจายออกมาจากโม่ลี่ไฮ่ ปราณปิศาจนี้เื่อมต่อกับหุ่นเชิดสิบเจ็ดตัวและก่อเกิดวังวนอันสมบูรณ์แบบ
ขณะนั้นโม่ลี่ไฮ่ลืมตาขึ้นทันที สายตาเป็นประกายราวกับสายฟ้าและดูเหมือนจะสามารถทะลุทะลวงห้องหลับจนเห็นชายด้านนอกคฤหาสน์
ชายคนนั้นส่งเสียงประหลาดใจและเผยรอยยิ้มบาง เขาเดินมาถึงหน้าคฤหาสแม่ทัพโม่โดยไม่ได้หยุด ทั้งยังไม่ได้ใช้วิชาอันใดแต่ประตูเข้าคฤหาสน์ถูกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและถูกเป่าไปด้านหลัง
ขณะที่เศษเล็กเศษน้อยกำลังปลิวออกไป พลันเกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นสองสาย หมอกโลหิตจำนวนมากพัดออกมาจากยามรักษาการณ์สองคนพร้อมกับถูกโยนลึกเข้าไปในคฤหาสน์
“กระบี่ที่สิบสองแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัว โม่หยาง อยากมาทักทายท่านโม่ลี่ไฮ่!”
น้ำเสียงสงบนิ่งดังออกมาจากลมปาก เขาเดินเข้าไปในคฤหาสโดยไม่ได้หยุดและตรงเข้าหาห้องลับที่โม่ลี่ไฮ่ปิดด่านฝึกตนด้านใน
เหล้าทหารและผู้ใต้บังคับบัญชาของโม่ลี่ไฮ่ทั้งหมดพุ่งเข้ามา ทว่าไม่มีใครที่จะหยุดคนผู้นี้ได้ในระยะสิบฟุตก่อนจะแตกสลายกลายเป็นหมอกโลหิตอย่างเงียบๆ
ระหว่างทางเกิดเสียงระเบิดขึ้นหลายครั้งและไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ แม้กระทั่งสิ่งก่อสร้างและภูเขายังถูกทำลายเหมือนดังเช่นประตูทางเข้า
ขณะหนึ่งพลันปรากฏร่างเล็กๆขึ้นด้านหน้า ขณะที่ร่างคนผู้นี้ปรากฏ ปราณปิศาจทั้งหมดของเขากระจายออกมาเพื่อต่อต้านคนจากสำนักกระบี่ต้าหลัว
โม่หยางจากสำนักกระบี่ต้าหลัวส่ายศีรษะเบาๆและเดินต่อไปโดยไม่ได้หยุด ใบหน้าร่างเล็กๆคนนั้นซีดเผือด เขารู้สึกราวกับไม่ได้เผชิญหน้ากับคนแต่เป็นกระบี่!
เป็นกระบี่ที่เผยด้านแหลมคมแล้วเท่านั้น!
คนร่างเล็กก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาถอยกลับไปหลายก้าวมีมือข้างหนึ่งดันเขาจากด้านหลัง ชั่วขณะนั้นเขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
มีสามคนปรากฏตัวด้านหลัง ทั้งสามเป็นชายชราผมขาวทั้งหมด พวกเขายืนมองชายจากสำนักกระบี่ต้าหลัวอย่างเยือกเย็น
สายตาโม่หยางจรดลงทั้งสามคน จากนั้นยิ้มบางและก้าวไปข้างหน้าต่อไป
ชายชราทั้งสามเผยใบหน้าเคร่งเครียดและกำลังจะใช้วิชาของตนเองแต่มีเสียงต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง
“ใครส่งเจ้ามา?!” น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยอำนาจ ผู้อาวุโสสามคนขยับเปิดทางอย่างเคารพและปรากฏร่างโม่ลี่ไฮ่ข้างในอย่างภูมิฐาน
เมื่อโม่ลี่ไฮ่มองชายหนุ่มจากสำนักกระบี่ต้าหลัว ดวงตาส่องประกายราวกับเพลิงไหม้ กลิ่นอายของเขาตอนนี้น่าเกรงขามมากกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหวังหลินในเมืองปิศาจโบราณเสียอีก
ดวงตาโม่หยางจากสำนักกระบี่ต้าหลัวส่องสว่างขึ้นและก้าวหยุดลง “แม่ทัพปิศาจโม่เฟย!”
โม่ลี่ไฮ่ขมวดคิ้วและตะโกน “เรื่องอะไรกัน?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อส่งสาสน์ท้าประลองจากท่านโม่เฟยมาให้แม่ทัพโม่ลี่ไฮ่!” ชายหนุ่มสะบัดแขนและลำแสงสีทองพุ่งออกมาหยุดด้านหน้าโม่ลี่ไฮ่
โม่ลี่ไฮ่มองป้ายสีทองเบื้องหน้าอย่างมืดมน
มีเพียงหนึ่งคำบนนั้น ต่อสู้!
“สามวันนับจากนี้ นอกห้องโถงเส้นทางโบราณ!” หลังจากโม่หยางแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวกล่าวจบ เขาหันตัวกลับและจากไป
แต่เพียงแค่เขาหันกลับมา ทั้งร่างตัวแข็งทื่อและปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังขึ้น กลิ่นอายนี้ทรงพลังมากกว่าตอนที่เขาปลดปล่อยขณะที่เข้ามาคฤหาสน์เสียอีก
สายตาเรืองแสงสว่างจิดจ้าพร้อมกับมองร่างผอมบางที่ปรากฏตัวด้านหน้าหนึ่งพันฟุตและเอ่ยออกมา “ศิษย์ลำดับเจ็ดแห่งกองกำลังสีม่วง หวังหลิน!”
ตอนนี้โม่ลี่ไฮ่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของหวังหลินได้แล้วและนั่นจึงทำให้เขาผ่อนคลายเล็กน้อย
หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองคนผู้นั้นและเดินมาข้างหน้าต่อไป ทว่าในสายตาชายแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวกลับแฝงความโกรธ
ชายแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวเอ่ยอย่างเย็นชา “มีข่าวลือว่าศิษย์ลำดับเจ็ดแห่งกองกำลังสีม่วงเป็นคนหยิ่งยโสที่สุด เมื่อเห็นเจ้าวันนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือพวกนั้นจะเป็นเรื่องจริง!”
หวังหลินเดินตรงเข้ามาหาราวกับไม่ได้ยินเสียงเขาเลย กลิ่นอายของชายสำนักกระบี่ต้าหลัวพุ่งพล่านออกมาและเล็กไปที่หวังหลินราวกับกระบี่ออกจากฝัก
ขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด หวังหลินก็ผ่านเขาไปโดยไม่ได้หยุดชะงัก
ชายจากสำนักกระบี่ต้าหลัวตกตะลึงแต่กระนั้นยิ่งโกรธมากขึ้น เขาหันกลับมามองหวังหลินที่กำลังเดินไปและตะโกน “หวังหลิน เจ้าได้ยินข้าไหม?!”
หวังหลินเดินเข้ามาหาที่พักอาศัยของตนเอง
สายตาของชายสำนักกระบี่ต้าหลัวเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ หนึ่งในสิบสองกระบี่ของสำนักกระบี่ตัวนั้น สถานะของเขาเทียบเท่ากับเจ็ดศิษย์สวรรค์ซึ่งมีชื่อเสียงมาก
ทว่าเขากลับถูกคนผู้นี้เมินเฉยอย่างสิ้นเชิง ชายคนนั้นพ่นลมหายใจเย็นพร้อมกับหายตัวไปก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งเบื้องหน้าหวังหลินและเอ่ยขึ้นว่า “หวัง…”
หวังหลินไม่รอให้เขาพูดจบแต่เงยศีรษะขึ้น “สำหรับเซียนที่โกรธได้ง่ายๆแบบนี้ การบ่มเพาะหลายพันปีของเจ้านับว่าน่าผิดหวังมากจริงๆ!”
หากว่าเป็นคนรุ่นเดียวกับเทียนหยุน คนผุ้นี้คงยอมรับมันอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เมื่อได้ยินจากหวังหลินกลับทำให้โกรธเคืองสุดขีด
เขาหัวเราะด้วยความโกรธแต่ดวงตายิ่งเย็นเยียบขึ้นพร้อมกับเอ่ยออกมา “ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าเจ้าสำเร็จอะไรกับการฝึกเซียนหลายพันปีของเจ้า!”
หวังหลินส่ายศีรษะและเอ่ยท่าทีสงบนิ่ง “หลีกทาง”
ชายจากสำนักกระบี่ต้าหลัวหัวเราะขึ้น ใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและปราณกระบี่หนึ่งสายควบแน่นด้านหน้า ปราณกระบี่แบ่งจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่และดำเนินต่อกันเรื่อยๆจนมีปราณกระบี่ 64 สายและทั้งหมดลอยเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินกระทั่งไม่ได้มองปราณกระบี่ 64 สายเลย ปราณกระบี่ตกลงใส่หวังหลินแต่ขณะนั้นพลันเกิดผนึกชีวิตกระพริบหนึ่งครั้ง ปราณกระบี่ปะทะเข้าใส่ผนึกแห่งชีวิตและทั้งหมดเลือนหายไป
“นั่นใช่พลังทั้งหมดที่เจ้ามีใช่ไหม? ดูเหมือนว่าระดับบ่มเพาะที่เจ้าฝึกฝนมาหลายพันปีไม่ใช่แค่ผิดหวังเสียแล้ว แต่ยังไร้ประโยชน์ด้วย!” หวังหลินส่ายศีรษะ
ชายจากสำนักกระบี่ต้าหลัวมีใบหน้าเปลี่ยนไปมหาศาลและไม่เชื่อสายตา แม้ว่าปราณกระบี่ 64 สายไม่ใช่กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาแต่มันไม่ใช่วิชาอ่อนแอ เมื่อเห็นว่าหวังหลินรับมือได้ง่ายๆจิตใจจึงสั่นสะท้านรุนแรง
“นั่นเป็นวิชาอะไร!? เขาไม่ได้ใช้สมบัติอันใดเลยแต่เมื่อปราณกระบี่ของเข้าเข้าไปใกล้ร่างมันกลับแตกสลายไป แม้กระทั่งกระบี่มังกรแห่งสิบสองกระบี่ยังไม่อาจทำได้แบบนี้!”
หวังหลินส่ายศีรษะและเดินตรงข้างหน้าต่อไป
ชายจากสำนักกระบี่ต้าหลัวก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นสูดหายใจลึกวางมือลงกระบี่เล่มใหญ่ด้านลัง
หวังหลินขมวดคิ้วจากนั้นมองเขาด้วยท่าทีเย็นชา “ไปซะ! วันนี้เจ้ามาเพื่อส่งสาส์นท้าประลอง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
“เจ้าเป็นแค่เซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด มีระดับบ่มเพาะเท่ากับข้าแท้ๆ แม้เจ้าจะมีวิชาทรงพลังแต่ไม่มีทางที่เจ้าจะทนรับกระบี่เล่มนี้ได้!” ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงอีกพลันเลื่อนมือขวาแบะกระบี่สมบัติด้านหลังลอยออกมา
ตึงตัง! ตึงตัง! ตึงตัง!
ประกายสายฟ้าล่องลอยข้ามผ่านฟากฟ้าพร้อมกับกระบี่ยักษ์สีม่วงปรากฏขึ้นเหนือเขาทันที กระบี่เล่มนี้ปลดปล่อยปราณกระบี่ทรงพลังและขณะที่มันปรากฏขึ้น พื้นที่รอบๆจึงตกอยู่ใจเจตจำนงกระบี่ทรงพลังพร้อมกับสัญลักษณ์อันลึกลับสลักไว้บนด้ามกระบี่
ภาพมายาแกะยักษ์สีม่วงตัวหนึ่งปรากฏออกมาจากสัญลักษณ์และเผยรัศมีรุนแรง มันรวมเข้ากับกระบี่และทำให้เจตจำนงกระบี่ยิ่งรุนแรงขึ้น
“ท่าฟันกระบี่แกะอวสาน!” ขณะที่ตะโกนขึ้นมา ปราณสวรรค์ในร่างกายพลุ่งพล่าน เขาตวัดลงด้วยมือขวาทันทีและในเวลาเดียวกันกระบี่ยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันตวัดลงเข้าใส่หวังหลินด้วยปราณกระบี่จำนวนมหึมา
สีหน้าโม่ลี่ไฮ่เปลี่ยนไปและเริ่มถอยหลังทันที คนด้านหลังเขาถอยร่นไปด้วยและพริบตาเดียวก็ถอยห่างมากกว่าร้อยฟุตกันหมด
กระบี่ยักษ์ที่ตกลงมาราวกับประกายสายฟ้า ตามมาด้วยเสียงคำรามสนั่น
ท่าทางหวังหลินยังคงสงบ แม้ว่ากระบี่ยักษ์เล่มนี้จะมีพลังอำนาจและทรงพลังเพราะมีวิญญาณแกะหลอมอยู่ด้วย แต่ชายเบื้องหน้าเขาไม่ได้มีความสามารถที่จะใช้พลังของแกะได้เต็มที่เลย
“เสียดายกระบี่ชั้นดี!” ขณะที่หวังหลินกล่าวเช่นนั้น เขาเลื่อนมือขวาขึ้นไป จากนั้นชายจากสำนักกระบี่ต้าหลัวเกิดอาการตกตะลึงสุดขีดเมื่อหวังหลินคว้ากระบี่!
ขณะที่เขาคว้ากระบี่ ผนึกแห่งชีวิตที่ล้อมรอบแขนกระพริบถี่รัวและมีผนึกชีวิตมากกว่าพันสายปกคลุมเอาไว้
เสียงคำรามดังออกมาจากกระบี่ยักษ์และวิญญาณแกะข้างในกระบี่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเพื่อพยายามหลุดให้เป็นอิสระจากหวังหลิน ทว่าฝ่ามือหวังหลินเหมือนฝ่ามือของเทพโบราณ ดังนั้นไม่ว่ามันพยายามดิ้นรนมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้มือหวังหลินขยับได้แม้เพียงหนึ่งนิ้ว!
วิญญาณแกะปิศาจในกระบี่ยักษ์ส่งเสียงคำรามรุนแรง ดวงตาของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ราวกับอสูรดั้งเดิม มันอ้าปากและพยายามกลืนกินหวังหลิน
แม้ว่ามันเป็นเพียงแค่วิญญาณกระบี่และเป็นภาพมายา ทุกคนใกล้ๆรู้สึกเหมือนได้กลิ่นเหม็นออกมาจากเจ้าแกะที่พยายามกลืนกินหวังหลินได้
“สัตว์ปิศาจ เจ้ากล้าดีอย่างไร?!” ดวงตาหวังหลินหรี่แคบและเกิดแสงสีแดงกระพริบหนึ่งครั้ง เจตนาฆ่าฟันพุ่งออกมาจากดวงตาและตรงเข้าใส่วิญญาณแกะ
วิญญาณแกะส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนพร้อมกับร่างของมันถูกเจตนาฆ่าฟันทำลายลงไป วิญญาณแกะแตกสลายกลายเป็นพลังชีวิตหลายจุดพร้อมกับเข้าไปในกระบี่ยักษ์อย่งรวดเร็ว ขณะนั้นกระบี่หยุดการดิ้นรนเสียแล้ว
สิ่งที่หวังหลินพึ่งทำลงไปแทบจะเหมือนกับตอนที่เทียนหยุนได้ทำให้ราชรถสังหารเทพแตกสลายเพียงแค่ชี้นิ้วสั่ง!
โม่ลี่ไฮ่อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจอันหนาวเหน็บเข้าไปตอนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขามองหวังหลินด้วยท่าทีอันซับซ้อน
“เขาสามารถแข็งกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้เพียงแค่สามเดือน…แม้กระทั่งรองผู้บัญชาการสูงสุดก็ไม่อาจสู้กับเขาได้และยังสามารถเผด็จศึกวิญญาณกระบี่ทรงพลังได้อีก หากเขามีวิชาที่แข็งแกร่งแบบนี้เมื่อสามเดือนก่อน ข้าคงพ่ายแพ้โดยไร้ข้อกังขา!”
ร่างโม่หยางแห่งสำนักกระบี่ต้าหลัวสั่นสะท้านและกระอักโลหิตคำโตออกมา กระบี่สมบัติถูกคนอื่นเอาไปแบบนี้ทำให้วิญญาณเขาได้รับความเสียหาย
เขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่มาที่นี่ด้วยตัวเอง เขากัดฟันแน่นจากนั้นชี้ไปที่หน้าผากตนเอง สูดหายใจลึกและเผยความมุ่งมั่น ไม้ตายสุดท้ายของเขาคือปราณกระบี่หนึ่งสายที่อาจารย์มอบให้!
มีปราณกระบี่ทั้งหมดสิบสองสายและให้กับศิษย์คนละหนึ่งสาย มันคือสมบัติช่วยชีวิตที่ทรงคุณค่าที่สุดดังนั้นมันไม่สามารถใช้โดยไม่คิดให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้นการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อีกสี่ร้อยกว่าปีในดินแดนวิญญาณปิศาจคงยากมากที่สุด!
แต่หากเขาไม่ใช้มันตอนนี้ เขาอาจจะไม่รอด!
เมื่อหวังหลินมองโม่หยาง ดวงตาพลันส่องสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “เจ้าไปได้แล้ว!”