Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 593

Cover Renegade Immortal 1

593. ฝืนลิขิต

เพื่อลืมเลือนความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับนาง เพื่อล้างเงามืดสุดท้ายในใจเขา หากแม้วิญญาณของลี่มู่หวานในลูกปัดจะตื่นขึ้นมาสักวันหนึ่ง หวังหลินก็จะไม่มีความรู้สึกต่อนางอีกเลย เขาจะทำเพียงแค่ยิ้มและส่งนางกลับไปที่ดาวซูซาคุเท่านั้น

ปล่อยเรื่องที่แล้วมาให้แล้วกันไป….

สายลมอ่อนโยนพัดเส้นผมหวังหลินให้สลายขึ้นไปบนอากาศ…

สายตาหัวหน้าผู้บัญชาการเมืองสวรรค์ส่องสว่างประกายเจิดจ้า เขาก้าวเดินไปขอบที่นั่งและมองหวังหลิน ตอนนี้ราวกับเขากำลังเห็นความลังเลของหวังหลินและพึมพำออกมา “เขาจะประทับมือลงใช่ไหม…ตอนนั้นที่ข้าเลือกประทับมือลง…เขาจะเลือกอย่างไร…ขั้นเทวะ…เทวะ…คนที่ไม่ได้บรรลุขั้นเทวะจะรู้จักตัวแทนของขั้นเทวะอย่างแท้จริงได้อย่างไร…”

“ขั้นเทวะเป็นถนนที่โดดเดี่ยว…คนที่ไม่มีความรู้สึกเอ้อระเหยหรือความผูกพัน หากมีพลังปราณสวรรค์เพียงพอและเขตแดนรวมกับร่างกายไปแล้ว การเข้าสู่ขั้นเทวะเป็นเรื่องง่ายดาย! เพราะมันเป็นเรื่องง่ายจึงจะไม่เกิดความก้าวหน้ายิ่งใหญ่ในอนาคตเพราะจิตใจแต่ละคนจะไม่พบการต่อสู้เช่นนี้อีกเลย!”

“แต่ว่าคนบางส่วนมีรู้สึกผูกพันอยู่ในใจ คนจำพวกนี้การทะลวงกฏเกณฑ์เป็นการทดสอบและในเวลาเดียวก็ทรมานไปด้วย…”

มีเพียงเซี่ยนเหลียนซึ่งเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการหญิงเพียงคนเดียวที่มีสายตาหัวเราะเยาะ ตอนนี้นางฟื้นคืนจากความเศร้าเรียบร้อยและเมื่อนางมองแผ่นหลังหวังหลิน สายตายิ่งหัวเราะเยาะมากขึ้น

นางรู้เรื่องราวบททดสอบของเซียนที่จะต้องเผชิญเมื่อต้องการบรรลุขั้นเทวะมากกว่าคนอื่น เพราะอาจารย์ของนางก็เคยเป็นเซียน

“ตัดขาดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด เจ้าสามารถทำได้ไหม?”

ฉีเจี้ยนขมวดคิ้วมองหวังหลินและพ่นลมหายใจ “จงใจทำให้เรื่องดูลึกลับนี่!”

เฉินต้าวที่อยู่ข้างๆเขาขมวดคิ้วเป็นครั้งแรก เขาคิดว่าแม่ทัพปิศาจที่เขาเจอเป็นคนน่ารังเกียจจริงๆ

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านไม่เข้าใจความพยายามที่เขากำลังประสบพบเจอ เสมือนวิธีที่มนุษย์มิอาจเข้าใจจิตใจของเทพ”

ฉีเจี้ยนหันกลับมามองเฉินต้าวและขบคิดอย่างเงียบๆ

ใบหน้าโม่เฟยที่มองหวังหลินกลับไม่แยแสมากกว่าเดิมและกระซิบออกมา “เจ้าช่างเป็นคนน่าอิจฉาเหมือนกับเขาเมื่อตอนนั้น…น่าสนใจ…”

เซียนสำนักกระบี่ตัวหลังที่อยู่ด้านหลังเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ยินคำพูดโม่เฟย จิตใจเขาสั่นเทา ก้มศีรษะลงและไม่ได้พูดออกมา

รองผู้บัญชาการซวนถอนหายใจ แม้เขาจะไม่ใช่เซียนแต่ด้วยตำแหน่งจึงรู้เรื่องที่เซียนพยายามบรรลุขั้นเทวะเพียงน้อยนิด แม้เขาจะไม่รู้มากแต่หลังจากกำลังเห็นมือหวังหลินหยุดชะงัก จึงเกิดความเข้าใจบางอย่างขึ้นมา

ในตอนนี้ เรือหนึ่งลำกำลังเคลื่อนไหวบนแม่น้ำอย่างเอื่อยเฉื่อย ชายหนุ่มที่เมากับหวังหลินทั้งคืนกำลังนั่งอยู่บนหัวเรือพร้อมกับถือจอกเหล้าในมือไปด้วย เขาดื่มหมดในครั้งเดียวและเอ่ยเบาๆ “พี่ชาย ท่านจะเลือกอย่างไรดี…”

สตรีที่เป็นคนเล่นพิณยังอยู่บนเรือ ทว่าจอนนี้นางไม่ได้เล่นพิณและเพียงแค่นั่งอยู่เงียบๆตรงนี้เท่านั้น

ฝ่ามือหวังหลินยังอยู่เหนือกลองปิศาจหนึ่งนิ้วและเขากำลังจ้องไปที่กลอง

“เพื่อให้จิตใจแห่งเต๋าของข้าสมบูรณ์ ข้าต้องปัดเป่าความเศร้าทั้งหมดจากใจของข้า แต่การทำเช่นนี้…มันคุ้มค่าจริงๆแล้วหรือ…” ร่างลี่มู่หวานปรากฎเบื้องหน้าสายตาและฉากเหตุการณ์ของนางลอยผ่านความทรงจำ

“หากราคาของการบรรลุขั้นเทวะจริงๆคือการปัดเป่าความเศร้าหมองในใจ การลบหวานเอ๋อออกไป ข้ายังฝึกฝนเต๋าอยู่หรือไม่…นี่มันเป็นเต๋าของข้าจริงๆหรือ…ชีวิตและความตายและการนิทราของนาง หากข้าลืมเลือนเรื่องทั้งหมด นางจะกลายเป็นเตาหลอมระดับของข้าในอีกความหมายหนึ่ง…”

“แม้ข้าเป็นบุรุษที่ไม่ใช่พ่อพระ ข้ามีความผิดชอบชั่วดีอยู่เสมอ สวรรค์เป็นสิ่งโหดเหี้ยมและหากข้าต้องโหดเหี้ยมไปด้วยจะเป็นการฝืนลิขิตสวรรค์ไปได้อย่างไรเล่า? ข้าจะไปพร้อมๆกับสวรรค์!”

“โยนความรู้สึกหนึ่งเดียวกับเซียนที่อยู่ในการประลองแม่ทัพปิศาจทิ้งไป นี่เป็นรูปแบบการหนีและมันไม่ใช่เต๋าของข้า!”

“เต๋าของข้าคือการฝืนลิขิต ฝืนลิขิตและเดินบนเส้นทางต่อต้านสวรรค์ นั่นคือเส้นทางของข้า! เหล่าเซียนโบราณใช้กลหลอกสวรรค์เพื่อฝึกฝน ในที่สุดข้าก็เข้าใจความหมายของการ ‘หลอกลวง’ ได้แล้ว นี่มันเป็นการหลอกสวรรค์ไปได้อย่างไร? มันเป็นการวิ่งหนีชัดๆ แม้ว่าจะไม่ได้เคลื่อนไหวตามสวรรค์แต่เป้าหมายเป็นสิ่งเดียวกัน!”

สายตาหวังหลินเผยความกระจ่าง

“ข้าสามารถโยนความเศร้าในใจออกไปได้แต่ความรู้สึกวิงวอนเป็นสิ่งที่แม่แต่สวรรค์ก็ไม่สามารถเอาไปจากข้าได้!” หวังหลินพลันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!

กลิ่นอายน่าอัจรรย์สุดขั้วปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย แม้ว่ากลิ่นอายนี้ไม่ได้แข็งแกร่งแต่เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนรวมถึงหัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์ต้องสั่นสะท้าน!

กลิ่นอายดุจกระบี่อันคมกริบได้พุ่งออกจากหวังหลินแทงทะลุขึ้นสู่ท้องฟ้า ท้องฟ้าถูกแทงเข้าไปจนก้อนเมฆถูกผลักออกจากกันและโลกได้เปิดออกเบื้องหน้าสายตาหวังหลิน!

“นี่…นี่มัน…” แม้จิตใจของหัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์ที่แข็งแกร่งยังอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวไปด้วย เขามองหวังหลินด้วยสายตาเต็มไปด้วยความตกใจ!

“ตัวเลือกของเขาคล้ายกับท่านจักรพรรดิปิศาจจริงๆ!” หัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์มองไปที่หวังหลินด้วยสายตาแห่งความหมาย

ชายเกราะทองยิ่งซีดเผือดมากกว่าเดิม ตอนี้ที่หวังหลินหยุดมือเขาคิดว่าอาจจะโชคดี แต่เมื่อรัศมีระเบิดออกมาจากร่างหวังหลิน เขารู้สึกว่าหายนะกำลังมาเยือนเบื้องหน้าเสียแล้ว

ขณะที่จ้องแผ่นหลังของหวังหลิน จิตสังหารในดวงตาเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่ง

“หากข้าฆ่าเขาก่อนที่เขาจะลั่นเสียงได้ถึงสิบห้าครั้ง แม้จักรพรรดปิศาจจะดุด่าข้าเรื่องนี้ก็ไม่ลงโทษหนักเกินไปนัก นอกจากนั้นเขาเป็นเพียงแค่เซียนและไม่ใช่คนของแคว้นปิศาจฟ้า ข้ายังได้สร้างผลประโยชน์ให้กับแคว้นนี้ไปมากเช่นกัน!”

กลิ่นอายที่ออกมาจากร่างหวังหลินหายวับไปทันทีหลังจากที่มันปรากฏได้ไม่กี่วินาที

“การฝึกฝนของจริงคือการฝืนลิขิตสวรรค์ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะสามารถบรรลุขั้นเทวะได้หากเพียงแค่ปัดเป่าความเศร้าในใจและเก็บความรู้สึกวิงวอนเอาไว้ ขั้นเทวะไม่ได้ขึ้นอยู่กับสวรรค์แต่ขึ้นอยู่กับตัวเอง สวรรค์มิอาจแทรกแทรงข้าได้ มีเพียงจิตใจของข้าเท่านั้นที่ทำได้!”

“หากข้ายกจิตใจให้ไปแล้ว เช่นนั้นข้าจะสูญเสียความหมายของการต่อต้านสวรรค์และทำตามความต้องการของมัน หากหัวใจข้าหนักแน่น ข้าก็อยากเห็นว่าสวรรค์จะป้องกันข้าไม่ให้บรรลุขั้นเทวะได้อย่างไร ป้องกันข้าจากการฝึกฝนการฝืนลิขิตสวรรค์!”

ดวงตาหวังหลินส่องประกายแสงสว่าง เขาสูดหายใจลึกและหลอมรวมความเศร้าที่เกิดขึ้นจากลี่มู่หวานทั้งหมดไว้ที่มือขวาโดยไม่ลังเล จังหวะนี้ท้องฟ้าได้เปลี่ยนสี สายฟ้าเป็นประกายไปทั่วท้องฟ้า ประกายสายฟ้าดุจอสรพิษสีเงินที่ออกมาจากก้อนเมฆ

การเปลี่ยนแปลงในท้องฟ้าเหนือเมืองจักรพรรดิได้กระตุ้นเตือนทุกคนในเมืองปิศาจฟ้า ตอนนี้ทุกคนเงยศีรษะขึ้นและมองไปที่เมืองจักรพรรดิ

โดยเฉพาะคนพิเศษที่อยู่ตรงกลานประลอง สายตาทุกคนรวมไว้บนร่างสูงโปร่งของหวังหลินผู้นั้น!

แม้แต่ชายหนุ่มบนเรือก็ยังยืนขึ้นและวางจอกเหล้าลง เขาจ้องมองจักรพรรดิด้วยสายตาคาดหวัง

ณ ตอนนี้บนยอดหอคอยทมิฬในสนามรบโบราณที่ซึ่งฮัวเป่ากำลังฝึกฝนและห่างจากเมืองปิศาจฟ้าไปหลายหมื่นลี้

แสงชั่วร้ายส่องสว่างขึ้นในหมวกเหล็กของชุดเกราะสีดำเงาวับ ขณะที่แสงส่องสว่างออกมาพลันเกิดแรงผันผวนในท้องฟ้านอกหอคอย

แสงชั่วร้ายวูบวาบและส่งข้อความหนึ่งดังสะท้อนไปทั้งหอคอย

“การบ่มเพาะฝืนลิขิตสวรรค์…ยอดเยี่ยม…”

ณ ลานประลองจักรพรรดิ ความโศกเศร้าของหวังหลินทั้งหมดถูกรวมไว้ที่มือขวาและหวังหลินกดมันลงไปบนกลองปิศาจในทันที!

ดวงตาชายเกราะทองเผยจิตสังหารรุนแรง ร่างกายเคลื่อนไหวในทันทีและระดับบ่มเพาะทั้งหมดรวมไว้ที่ขาสองข้า เขาเคลื่อนร่างด้วยความเร็วเต็มที่พุ่งเข้าใส่หวังหลิน

“ยอมรับความตายซะ!” ชายเกราะทองร้องตะโกน ปรากฏร่างด้านหลังหวังหลิน ในจังหวะนั้นแสงสว่างปรากฎในฝ่ามือขวาราวกับเขากำลังถือดวงอาทิตย์เอาไว้!

“ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าลั่นกลองได้ถึงสิบห้าครั้งแน่นอน! ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิจะไม่ลงโทษข้าหากข้าฆ่าเจ้า!” จิตสังหารในดวงตาชายเกราะทองแทบจะก่อเกิดเป็นรูปร่าง

ในจังหวะที่แขนขวาเข้ามาใกล้นั้น พื้นดินเริ่มเผาไหม้ทันที ทุกสิ่งทุกอย่างภายในระยะหนึ่งพันฟุตดุจนรกโลกันต์!

หัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์พลันกระโดดออกมาจากที่นั่งและตะโกนก้อง “จินหวู่ซิ่ว! เจ้ากำลังทำอะไร!?”

ในจังหวะนั้นหวังหลินหันกลับมามองชายเกราะทอง การปรากฏตัวของเขาไม่อยู่นอกเหนือการคาดเดาของหวังหลิน หวังหลินรับรู้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้จะไม่ยอมให้เอาชนะได้ง่ายๆ เขาล้อมรอบร่างกายด้วยผนึกชีวิตมากกว่าสามพันชั้นไว้แล้วและด้วยการช่วยเหลือของการลั่นกลองครั้งที่สิบห้า หวังหลินมั่นใจว่าจะสามารถขัดขวางการโจมตีครั้งนี้ได้!

ชายเกราะทองยิ้มเยาะ เขาถือดวงอาทิตย์ในมือและทุบเข้าใส่หวังหลิน จังหวะของเขาดีมาก หากหวังหลินหลบเลี่ยงเขาคงไม่อาจลั่นกลองครั้งที่สิบห้าได้และเขาคงถูกไล่ล่าหลังจากนั้นทันที หากหวังหลินไม่หลบ เขามั่นใจว่าสามารถฆ่าเด็กคนนี้ในตอนที่มือหวังหลินสัมผัสกลองปิศาจ!

ชายเกราะทองไม่สนใจหัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์โดยสิ้นเชิงและเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ขณะที่หัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์เข้ามาใกล้ ชายเกราะทองโบกมือซ้ายไม่ยอมให้ใครหยุดเขาจากการฆ่าหวังหลิน!

มือขวาหัวหน้าผู้บัญชาการสวรรค์พลันสร้างผนึกก่อเกิดเป็นแสงสีดำปะทะกับมือซ้ายชายเกราะทอง

ขณะนั้นสีหน้าชายหนุ่มบนเรือเปลี่ยนเป็นมืดมน ดวงตาเผยความเกลียดและตะโกนเสียงดัง “เจ้ากล้าดีอย่างไร จินหวู่ซิ่ว! เจ้าสมควรตาย!”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ร่างชายเกราะทองสั่นสะท้านทันที จิตสังหารในดวงตาหายไปราวกับถูกน้ำเย็นราดบนศีรษะ เพลิงภายในรัศมีหนึ่งพันฟุตหมองลงและเสียงสะท้อนในหัวเขา ใบหน้าซีดเผือดราวกับคนใกล้ตายได้ร้องออกมา “เสียงนี้….”

ในเวลาเดียวกัน หอคอยดำห่างจากเมืองปิศาจฟ้าไปหมื่นลี้ แสงชั่วร้ายในเกราะดำกระพริบวูบวาบและลมหายใจเย็นเฉียบสะท้อนผ่านข้อความสัมผัสวิญญาณ!

เพียงแค่ชายเกราะทองเอ่ยคำพูดสองคำนั้น กลิ่นอายเยือกเย็นครอบคลุมร่างกายในทันที เพลิงโลกันต์รอบๆหนึ่งพันฟุตมอดดับโดยพลัน!

เสียงเย็นชาจากความว่างเปล่านั้นเข้าสู่หูของชายเกราะทองเพียงผู้เดียว

ร่างเขาสั่นอย่างรุนแรง เกราะแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระอักโลหิตคำโตออกมาและดวงอาทิตย์ในมือมอดดับลง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!