Skip to content

Swallowed Star 101

ตอนที่ 101 สามเดือนแห่งการฝึ

“นี่ไปทานข้าวข้างล่างกับพ่อแม่กันเถอะ” หลัวเฟิงยิ้ม

“ครับพี่” หลัวฮว๋ารู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าอนาคตของเขาคงจะสิ้นหวังเสียแล้ว เขาคิดว่าการมีชีวิตอยู่คงไม่ดีไปกว่าการฆ่าตัวตาย แต่หลังจากได้เห็นผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ของ ‘ยาอายุวัฒนะ’ และเงินจำนวนมหาศาลในโทรศัพท์ของหลัวเฟิง หลัวฮว๋าก็กลับมามีพลังอีกครั้ง! เขามีความสุขสุดๆ

หลัวเฟิงเข็นวิลแชร์พาน้องชายลงมาชั้นล่าง

………..

พ่อกับแม่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่บนโซฟา จากเมื่อวานกระทั่งถึงวันนี้ เพียงแค่วันเดียว แต่พ่อกับแม่ดูโทรมไปมาก

ลูกชายคนเล็กของพวกเขาพยายามฆ่าตัวตายและตอนนี้เขาก็อามรมณ์อ่อนไหวมาก

“เราควรทำยังไงดี”

“จะต้องทำยังไงดี”

ทั้งสองคนไม่มีทางออก อาหารเช้าทำเสร็จนานแล้ว แต่ไม่มีใครคิดจะแตะมันเลย

ทันใดนั้น…

“พ่อ แม่!” หลัวเฟิงเข็นวิลแชร์พาน้องชายลงมาและเขาก็ยิ้มพลางตะโกน “อาหารเช้าอยู่ไหนครับ? มาทานข้าวกันเถอ”

“อาหารเช้า?” หลัวหงกั๋วและกงซินหลานลุกขึ้นพรวดพราด

หลัวฮว๋ายิ้มร่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวแล้ว”

หลัวหงกั๋วและกงซินหลานจ้องเขม็งไปที่หลัวฮว๋าราวกับพวกเขาได้เห็นสัตว์ประหลาด ทันทีนั้น พวกเขาก็กระโดดผึงและหลัวหงกั๋วก็เอ่ยขึ้น “หิวเหรอลูก? ดีๆ มาเร็วๆ เอาอาหารมาเร็วแม่!”

“จ้า” กงซินหลานตะโกนขณะที่พุ่งพรวดไปยังห้องครัว

พ่อก็วิ่งไปยังห้องครัวเช่นกัน ในตอนนั้นเอง ภายในบ้านก็เกิดความคึกคักขึ้นมาทันที บรรยากาศมาคุก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้นแล้ว

หลัวเฟิงมองเห็นฉากแบบนั้นก็หัวเราะ “ดีจริง พวกเราก้าวข้ามปัญหากันเสียที อีกไม่นาน เดี๋ยวหลัวฮว๋าก็จะได้ขาใหม่แล้วกลับมายืนได้อีกครั้ง ถึงตอนนั้นครอบครัวของเราก็คงจะมีความสุขยิ่งกว่านี้อีก”

ทำไมเขาถึงต้องเสี่ยงชีวิตกับมังกรเกราะเหล็ก? ก็เพื่อเร่งหาเงินให้พอกับค่ายาอายุวัฒนะเพื่อน้องชายของเขาไม่ใช่หรือไง

อาจจะเพราะสวรรค์ช่วย เพราะจู่ๆ เขาก็ได้ชุดต่อสู้ครบเซ็ตขณะที่เข้าไปขโมยไข่ของมังกรเกราะเหล็ก ต้องขอบคุณมากๆ เพราะมันทำให้เขาทำเงินได้ก่อนใหญ่เกือบ 3 หมื่นล้านเลยทีเดียว

………

นครเจียงหนาน เขตหลัก

ในห้องนั่งเล่นชั้นที่ 1 ของบ้านพักหรูบนยอดเขาในเขตซานสุ่ยแห่งเจียงหนาน เทพสงครามขั้นสูงฉายา ‘แมงป่องพิษ’ ในวงการนักสู้ เวนีน่า พอลลีนัส ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟายาวด้วยสีหน้าอันเย็นชา

ที่ข้างๆ เธอ ‘อีแร้ง’ หลี่เย่านั่งทื่ออยู่ราวกับดาบปักหินเช่นเน

“ได้ผลยังไงบ้าง?” หลี่เย่ากล่าวเสียงเย็นชา

ในห้องนั่งเล่น พ่อบ้านวัยกลางคนสวมชุดสูทสีดำกล่าวขึ้นอย่างนอบน้อม “นายท่าน นายหญิง หลังจากการสืบสวนเป้าหมาย 506 คนของเราดูในช่วงระยะสองสามวัน พวกเราคัดแยกออกมาได้ 12 คนครับ แต่ถึงแม้ว่าพวกเราจะสืบสวนเรื่องราวของแต่ละคนอย่างละเอียด พวกเราก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจะยืนยันตัวคนร้ายได้เลยครับ”

“แปลว่าจนถึงตอนนี้ยังหาเป้าหมายมาไม่ได้เลยเหรอ!” หลี่เย่าสบถลั่นสายของเขาฉายแววความโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด

แย่แล้ว…!

พ่อบ้านในชุดสูทสีดำรู้สึกเหมือนกำลังโดนสัตว์ประหลาดตัวมหึมาจ้องเขม็งรอเขมือบเขาอยู่ เขาพยายามกลั้นหายใจแล้วพูดออกมา “ในกลุ่มคนเหล่านี้ บางคนถูกกดดันจากพันธมิตรใต้ดิน หรือต้องการแก้แค้นคนที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรใต้ดิน จึงสังหารคุณชาย บางคนมีความแค้นกับข่าหลง และก็มีบางคนมีความแค้นกับบอดี้การ์ดของคุณชายที่ชื่อ ‘พานย่า’ ที่มาจากทีมเขี้ยวพยัคฆ์…พวกเราสามารถคัดคนที่มีแรงจูงใจแบบนั้นออกมาได้ 8 คน แต่แรงจูงใจเหล่านี้มันน้อยมากๆ น้อยสุดๆ ถ้าสมองของพวกเขายังคงปกติอยู่ พวกเขาจะไม่กล้าสังหารคุณชายเด็ดขาด”

“เวรเอ๊ย! ถ้าพวกมันแค้นบอดี้การ์ดของเขา แล้วจะฆ่าเขาทำไม? แล้วทีมเขี้ยวพยัคฆ์ที่ว่านั่น มันเป็นทีมแบบไหนกันถึงกล้าไปมีเรื่องไว้กับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนี้!” หลี่เย่าตะโกนลั่น “คิดซะบ้าง คนที่มันฆ่าอาเวย สามารถฆ่าแม่ทัพขั้นสูง 2 คนและแม่ทัพขั้นกลางอีกคนได้ในพริบตาเดียว มันฆ่าพวกเขาเร็วมาก มากพอจนพวกเขายังไม่ทันส่งข้อความมาบอกเราด้วยซ้ำ!”

“ครับ” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำอย่างนอบน้อม

“อย่าลืมด้วยว่าหมอนั่นมันต้องแข็งแกร่งมากแน่ เพียงแต่มันอาจจะปิดบังบันทึกการต่อสู้เอาไว้เท่านั้น! การที่จะฆ่าแม่ทัพขั้นสูงถึง 2 คนได้ในพริบตาเดียว ด้วยพลังแบบนี้ มันจะต้องมีอายุอย่างน้อยก็ 20 ปีขึ้นไปแน่” หลี่เย่าคำราม “เป้าหมายที่พวกเราสืบสวนไป นอกจากคนที่ตายไปแล้ว ก็มีแต่พวกเด็กหนุ่มและอ่อนแอ บางคนก็เพิ่งจะผ่านการทดสอบนักสู้มาหยกๆ ด้วยซ้ำ นายคิดว่าพวกกุ้งแห้งแบบนั้นน่ะเหรอที่จะมีพลังพอจะฆ่าแม่ทัพขั้นสูงได้ในพริบตาแบบนั้น?”

“นายท่านพูดถูกต้องครับ” พ่อบ้านรับคำอย่างนอบน้อม

หลี่เย่าออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “สืบหาอดีตของพวกมันอย่างละเอียด หาคนที่มันแอบปิดบังพลังเอาไว้ให้ได้ ถ้านายคิดว่าคนไหนมีแวว พุ่งเป้าไปหามันทันที!”

“รับทราบครับ!” พ่อบ้านได้แต่รับคำโดยไม่เอ่ยคำใดเพิ่มเติม

“เอาอย่างนี้…! ถ้าสืบรู้ว่าคนไหนมันปิดบังเรื่องระดับ ‘เทพสงคราม’ หรือสถานะ ‘นักอ่านจิต’ ของมันไว้เกาะติดหมอนั่นเลย!” หลี่เย่ากล่าวอึมครึม “แน่นอน พวกเราจะต้องสืบดูเป้าหมายที่มีความสำคัญสูงๆ ก่อน แต่ก็อย่าปล่อยพวกชั้นล่างๆ ไปซะล่ะ สืบดูบันทึกข้อมูลของพวกมัน จากบัญชีธนาคาร จากบันทึกการต่อสู้ในแดนเถื่อน จากครอบครัว และจากเพื่อนๆ ของพวกมันด้วย เอาให้หมดทุกอย่างเลย”

“ครับ” พ่อบ้านรับคำ

“นายติดตามฉันมาหลายปี ฉะนั้น ฉันต้องการให้นายทำภารกิจนี้ด้วยทุกอย่างที่นายมี เข้าใจไหม?” น้ำเสียงของหลี่เย่าดิ่งลึกและเต็มไปด้วยความอาฆาต

เหงื่อเม็ดเป้งไหลพราวอาบหน้าผากของพ่อบ้านในชุดสูดสีดำ “รับทราบครับ”

แน่นอนเขารู้ดีว่าชายผู้อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่เทพสงครามขั้นสูง ‘แมงป่องพิษ’ เวนีน่า พอลลินัส จากตระกูลพอลลินัสยังไม่กล้าแม้แต่จะขัดคอหลี่เย่าผู้นี้เลย

“ไป!” หลี่เย่าโบกมือ

พ่อบ้านถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากพ่อบ้านออกไป มีเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่กับเขาในห้องนั้น ภรรยาของเขาเอง เวนีน่า พอลลินัส

“เย่า ถ้าคนร้ายมันเตรียมตัวจะมาฆ่าลูกชายเรา มันคงไม่กล้าเอานาฬิกาสื่อสารติดตัวไปด้วยหรอก” เวนีน่ากล่าวด้วยสำเนียงจีนเท่าที่พูดได้ “แปลว่าเป้าหมาย 506 คนนั้นอาจไม่ใช่คนร้ายเลยสักคนก็ได้”

“ฉันรู้ว่ามันอาจเป็นแบบนั้น” หลี่เย่าพูดเสียงเย็นชา “แต่เราจะต้องลองดูทุกวิถีทาง ถ้าฆ่าร้อยคนแล้วยังไม่เจอ…ฉันก็คงจะต้องฆ่าซักพันเพื่อให้หมอนั่นมันโผล่ออกมาให้ได้!”

แววตาหลี่เย่าเป็นประกายเยือกเย็น เรื่องนี้มีคนอยู่ในข่ายราวๆ 500 คน ทั้งจากสำนักขีดสุด สำนักสายฟ้า กองทัพรัฐบาล และอีกหลายสถาบันที่อยู่เบื้องหลัง

คนเหล่านี้ต่างอยู่ใกล้กับหัวเมืองใหญ่และเข้าออกบ้างเป็นบางครั้ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่เย่าถึงไม่ฆ่าพวกเขา

ถ้าคนเหล่านั้นมีเพียงแค่สิบกว่าคน เขาจะไม่รีรอเลยที่จะลงมือ

“เย่า คิดว่าใครกันแน่ที่น่าจะใช่?” เวนีน่าขมวดคิ้วถาม

“มีพวกระดับแม่ทัพขั้นสูงไม่ถึง 10 คนที่มีเรื่องกับฉัน และเรายังมีศัตรูอยู่อีกส่วนหนึ่งตอนที่ดันเธอขึ้นนั่งเก้าอี้ผอ.เขตจีนของพันธมิตรใต้ดินก่อนหน้านี้ โชคยังดีที่ฉันออกมาจากซากปรักหักพังนั่นได้สำเร็จ เพราะงั้น พวกโง่นั้นมันเลยไม่กล้ามาแหยมกับเราไง!” หลี่เย่ากล่าวเยือกเย็น “ฆาตกร แกอย่าให้ฉันหาแกเจอละกัน”

ในสายตาของทั้งสองเห็นว่าคนที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นฆาตกรก็คือเทพสงครามที่เคยเป็นศัตรูกับพวกเขาในอดีต

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ละสายตาไปจากผู้ต้องสงสัย 506 คนนั่นเลย

……….

เมืองหยางโจว เขตหมิงเยว่

หลัวเฟิงค่อนข้างผ่อนคลายทีเดียว ยามที่เขามีเวลาว่างเขาก็จะเข้าไปสนทนากับพวกนักสู้ในที่ทำการสำนักขีดสุด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเขาจะใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ มากกว่า

“สวัสดีครับ หัวหน้า”

ในห้องทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบในที่ทำการสำนักขีดสุด หลัวเฟิงเดินหยิบมือถือที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “โอ้ กำลังจะเข้าไปลุยแดนเถื่อนวันที่ 1 มีนาเหรอครับ?…แน่นอน ผมไปแน่…ผมอยากจะพักอยู่ที่บ้านอีกซักหน่อยครับในช่วง 2 เดือนนี้ ว่าจะฝึกวิชาดาบให้คล่องซักหน่อย ได้ๆ โอเคครับ…หลังปีใหม่เราลุยกัน”

“ได้ยินข่าวเรื่องน้องชายผมแล้วเหรอครับ?…เรื่องอย่างนี้มันไปไวจริงๆ”

“ไม่หรอกครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ เขาดีขึ้นมากแล้วครับ…ใช่ ผมกำลังฝึกเทคนิคดาบอยู่…โอเค แล้วค่อยว่ากันครับ”

หลัวเฟิงวางสายและวางมือถือไว้ที่มุมห้อง หลังจากนั้น เขาก็เดินกลับไปที่เครื่องทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบอีกครั้ง

“ทดสอบระดับแม่ทัพขั้นกลาง…เวลา 10 นาที” หลัวเฟิงตั้งเวลาบนเครื่องทดสอบ ซึ่งนี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การหลบหลีกกระสุนยางเป็นการทดสอบความสามารถในการหลบหลีกได้ดีที่สุดแล้ว ดังนั้น หลัวเฟิงจึงชอบมาที่นี่เพื่อทดสอบทักษะของเขา…

ด้วยร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลัวเฟิงหยิบมือถือและสิ่งอื่นๆ ใส่ในกระเป๋า

“ในช่วงเดือนก่อนที่เราอยู่ในแดนเถื่อน เราดูดซับพลังพันธุกรรมเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายค่อนข้างมาก ตอนนี้ ระดับของเราน่าจะอยู่ไม่ไกลจากระดับ ‘แม่ทัพขั้นต้น’ แล้วล่ะ เราจะต้องฝึกให้หนักและมาลองดูว่าเราจะแกร่งขึ้นได้แค่ไหนในช่วง 2 เดือนนี้”

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในวันส่งท้ายปี หลัวเฟิงกับครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงปีใหม่อย่างสุขสันต์ หลัวเฟิงกับครอบครัวไปพบปะกับเหล่าเพื่อนๆ …แล้วญาติๆ ล่ะ?…หลัวเฟิงไม่มีญาติจริงๆ ซักคน เพราะพ่อและแม่ของเขาเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่หลังยุคมหานิพพานแล้ว

ยุคมหานิพพานทำลายครอบครัวมากมาย เป็นเหตุให้เกิดเด็กกำพร้าขึ้นมากมายทั่วโลกเช่นกัน

……..

รุ่งเช้า วันที่ 26 กุมภาพันธ์

หลัวเฟิงในชุดฝึกสีขาวยิ้มร่าขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ทำการสำนักขีดสุด

“เจ้าบ้า ไปที่ทำการแต่เช้าเลยนะ” ชายศีรษะล้านหนวดเฟิ้มยิ้มทัก

“อีกไม่นานผมจะเข้าไปลุยแดนเถื่อน ผมก็เลยต้องใช้เวลาอันน้อยนิดนี้ฝึกและฝึกอย่างเดียวครับ” หลัวเฟิงยิ้มตอบ

ชายหนวดเฟิ้มจ้องหน้า “เจ้าบ้า หยุดพูดให้คนเขาบ้าตามนายได้แล้ว ฉันไม่ได้เพิ่งรู้จักนายนะ ฉันคอยดูนายตั้งแต่เข้าทดสอบนักสู้ และในพริบตาเดียว นายก็เหนือกว่าฉันซะแล้ว”

หลัวเฟิงหัวเราะ “คลื่นลูกใหม่ย่อมซัดกลบคลื่นลูกเก่าเสมอ มันแน่อยู่แล้วที่คนรุ่นใหม่จะแข็งแกร่งขึ้นไปทุกรุ่นๆ เสมอ”

“ไปๆๆ…อย่ามาทำให้มีน้ำโห” ชายหนวดเฟิ้มหัวเราะ

หลัวเฟิงเข้าไปในที่ทำการสำนักขีดสุดและขึ้นไปบนชั้นที่ 6

มีคนส่วนน้อยมากที่จะมาที่ที่ทำการสำนักขีดสุดแต่เช้า โดยปกติแล้วที่นี่จึงว่างเปล่าอยู่เสมอ

หลัวเฟิงจะไม่ได้มาที่นี่เช่นกันหากไม่ใช่เพราะเข้ามาทดสอบทักษะปัจจุบัน…การทดสอบครั้งล่าสุด พลังหมัดของเขาอยู่ที่เกือบ 13,000 กิโลกรัม และเขาได้รับเกรด ‘สุดยอด’ ของการทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบในระดับแม่ทัพขั้นต้นด้วย

หลัวเฟิงอบอุ่นร่างกายเล็กน้อย ตอนนี้วันที่ 26 กุมภาพันธ์…อยากรู้จริงๆ เลยว่าหลังจาก 3 เดือนแล้วสมรรถภาพร่างกายของเราจะเป็นยังไง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!