623. ข้าขอร้อง ตาข่ายจับเทพ…
“กิเลนสวรรค์!” หลังจากชายชราตัวเตี้ยเห็นหวังหลินปลดปล่อยกิเลน เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นเขามองสายตาเจ้ากิเลนและจิตใจสั่นสะท้าน
อาหารอสูรเทพทั้งหมดสั่นเทาเมื่อเจ้ากิเลนปรากฏตัว ราวกับพวกมันเจอศัตรูตามธรรมชาติ พวกมันทั้งหมดส่งเสียงแหลมโหยหวนออกมาและหันตัวหนีโดยไม่มีอาการลังเลแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพียงแค่คนที่อยู่กลางท้องฟ้าเท่านั้นแต่กระทั่งเซียนที่อยู่บนพื้นก็เริ่มสั่นสะท้านราวกับกำลังอดทนกับความเจ็บปวดมหาศาล เส้นสีเขียวปรากฏขึ้นบนศีรษะเหล่าเซียนและควบแน่นกลายเป็นจุดๆบนศีรษะแต่ละคน
เมื่อเห็นว่าอาหารอสูรเทพเหล่านั้นกำลังหนี เจ้ากิเลนปล่อยควันที่มองไม่เห็นออกมาจากรูจมูก ควันนี้กระจายออกไปราวกับเสียงคราม แฝงพลังอันลี้ลับข้างในด้วย อาหารอสูรเทรทั้งหมดสั่นสะท้านและไม่กล้าหนีอีกเลย
เจ้ากิเลนเคลื่อนร่างมาอยู่ข้างอาหารอสูรเทพและสูดดมพวกมัน อาหารอสูรเทพเปลี่ยนกลายป็นพลังงานที่มีประโยชน์อย่างมากต่ออสูรเทพ!
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ชายชราตัวเตี้ยเริ่มนิ่งตะลึงงัน
เจ้ากิเลนเลียริมฝีปากและจ้องจุดสีเขียวบนศีรษะพวกเซียน เห็นได้ชัดว่ามันยังกินไม่อิ่ม
ชายชราตัวเตี้ยเปลี่ยนใบหน้าเป็นน่าเกลียดจากนั้นนำของอีกชิ้นออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาออกมาเป็นพู่กันหนึ่งอัน ด้ามพู่กันเป็นผลึกสีใสแต่ปลายของมันเป็นสีขาวหิมะราวกับไม่เคยต้องหมึกมาก่อน
ขณะที่เขานำมันออกมา มันปลดปล่อยสัมผัสแห่งอำนาจ! แม้แต่เจ้ากิเลนก็อดไม่ได้ที่เผยอาการตกใจเมื่ออยู่ภายใต้สัมผัสแห่งอำนาจนี้
หลังจากนำมันออกมา เขามองหวังหลินด้วยสายตาดุร้ายและร้องตะโกน “เด็กน้อยหวังหลิน เมื่อเจ้ารู้จักอาหารอสูรเทพ เช่นนั้นเจ้าก็จำสิ่งนี้ได้สินะ!?”
สายตาหวังหลินขมวดเข้าด้วยกัน เขาตบกระเป๋าโดยไม่ได้กล่าวคำใดออกมาและราชรถสังหารเทพปรากฏขึ้น หลังจากมันได้กระตุ้นการสืบทอดมรดกไปแล้ว จุดอ่อนของการเปิดใช้งานเชื่องช้าจึงหายไป
ชายชราตัวเตี้ยตะโกนขึ้น “ถึงแม้เจ้าจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง นี่คือสิ่งที่ข้านำมาจากแดนสวรรค์ด้วย ข้าใช้มันเพื่อสั่งสอนพวกเซียนระดับต่ำ! จริงๆแล้วข้าคิดว่ามันยากมากที่เจ้าจะฝึกฝนมาได้ไกลขนาดนี้ ดังนั้นจงไปซะ! หากเจ้าไม่ไปข้าจะโจมตีจริงๆ!”
หวังหลินมองชายชราและเอ่ยขึ้นช้าๆ “เจ้าไม่ต้องมาบอกให้ข้าไป ข้าดูเจ้าออกแล้วว่าเป็นเซียนขั้นเทวะระดับกลาง เจ้าเป็นเหมือนองครักษ์เทพพวกนั้น เจ้าไม่มีพลังดั้งเดิมอยู่ในร่างกายเลย!”
ความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของชายชราได้ถูกหวังหลินเปิดเผย เขาสะบัดพู่กันในมือด้วยความรู้สึกโกรธจากความอับอาย จากนั้นพ่นโลหิตคำโตออกมาจากปากและวาดสัญลักษณ์ด้วยพู่กัน
ขณะที่สัญลักษณ์ปรากฏขึ้นมา พลังรุนแรงสายหนึ่งเริ่มกระจายออกมาจากสัญลักษณ์
หวงหลินเผยสีหน้าแฝงอาการตกใจเป็นครั้งแรก แต่ในไม่ช้าอาการตกใจนั้นได้เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น!
เขาจ้องสัญลักษณ์และจากนั้นสายตาเลื่อนไปที่พู่กัน ความตื่นเต้นในแววตาเปลี่ยนเป็นมีความสุขมิอาจจินตนาการถึง!
หวังหลินไม่ได้คุ้นเคยกับสัญลักษณ์นี้ ทว่ามันเป็นสัญลักษณ์เดียวกันกับที่เขาเผชิญบนเส้นทางด้านนอกถ้ำนั่น
หวังหลินศึกษาสัญลักษณ์นี้หลายครั้งและหวาดมันหลายครั้งเช่นกัน แต่ที่มันแสดงออกมากลับไม่มีพลัง เขาไม่สามารถสร้างพลังอำนาจอันร้ายกาจของสัญลักษณ์สี่เส้นนั้นได้อีกเลยและเขามักจะเสียใจมาตลอด
ทว่าตอนนี้หวังหลินมาเห็นสัญลักษณ์นั้นอีกครั้งจากชายชราคนนี้ แม้ว่าสัญลักษณ์นี้จะเป็นเพียงแค่หนึ่งเส้นทึบแต่มันเป็นสัญลักษณ์ของจริงและมีพลังอย่างยิ่ง!
สายตาหวังหลินทำให้จิตใจชายชราสั่นสะท้าน เขาไม่คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ ตอนที่เจ้ากิเลนเห็นอาหารอสูรเทพมันก็มีสายตาแบบเดียวกัน
ชั่วขณะนั้น หวังหลินปลดปล่อยเจตนาต่อสู้ที่เข้มข้นที่สุดตั้งแต่เข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจ เขาชี้ไปที่ราชรถสังหารเทพและร้องตะโกน “อสูรสายฟ้า!”
ลำแสงและสายฟ้าพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศและร่อนตรงไปบนราชรถ ขณะเดียวกันนั้นเจ้าอสูรสายฟ้าเขาเงินปรากฏอยู่ภายใต้ลำแสงสายฟ้าขึ้นมา
ในขณะที่มันปรากฏพลันส่งเสียงคำรามออกมา เสียงคำรามได้ทำให้ก้อนเมฆเปลี่ยนไปและทำให้ท้องฟ้าส่งเสียงดังก้อง ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยแสงสายฟ้าทันที
ชั่วขณะนี้เจ้ากิเลนต่างก็เริ่มกู่ร้องขึ้นเช่นกัน แม้ว่าเสียงคำรามของมันไม่ทรงพลังเท่าอสูสายฟ้าแต่ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากัน เสียงคำรามนี้ต่างทำให้จุดสีเขียวทั้งหมดหลุดออกมาจากร่างเซียนรอบๆและถูกเจ้ากิเลนกลืนกินไป
หลังเกิดเรื่องเหล่านั้น สัญลักษณ์ที่พูดกันวาดขึ้นมาได้ลอยเข้าหาหวังหลิน
แต่ขณะนั้นเองเจ้าอสูรสายฟ้าร้องคำรามและก้าวมาปะทะ ลำแสงสายฟ้าตกลงมาจากฟากฟ้าก่อเกิดเป็นฉากแสงสายฟ้าโปรยลงมาน่าหวาดกลัว สายฟ้าเป็นชุดตกลงเข้าใส่สัญลักษณ์นั้นทันที
แม้ว่าพลังอำนาจของสัญลักษณ์จะมีมากมาย ทว่าชายชราคนนี้ดูเหมือนจะรู้เพียงแค่หนึ่งเส้นทึบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงของมันได้ เขาเพียงทำได้แค่มองสัญลักษณ์ถูกสายฟ้ากระแทกใส่จนอ่อนแอและแตกสลายไป!
หลังเกิดเหตุการณ์ตะลึงงันในชั่วขณะ ร่างกายชายชราสั่นเทา เขากำลังหวาดกลัวและหันตัวหนีโดยไม่มีความลังเลอีก!
หลายร้อยปีที่เขาได้รับความโชคดี เขาทำการควบคุมพวกเซียนจำนวนมากได้ ทว่าเพราะเขาระมัดระวังตัว หรือกล่าวให้พูดก็คือเพราะเขาขี้ขลาดจึงไม่เคยกล้าไปก่อกวนพวกเซียนขั้นเทวะหรือพวกคนที่มีระดับแม่ทัพปิศาจเลย
เขาขี้ขลาดตาขาวโดยธรรมชาติ เขาบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายได้นานมากแล้วแต่ไม่เคยมีความกล้าที่จะพยายามบรรลุขั้นเทวะ
เขากลัวความตาย!
อย่างไรก็ตามเขาค่อยๆลืมเลือนเรื่องความระมัดระวังนี้หลังจากรวบรวมองครักษ์เทพได้สิบคน เขาเริ่มทำการจับพวกเซียนเพื่อรวมเข้ากับหยกแตกหัก เขาหวังว่าจะฝึกฝนพวกมันให้มีระดับเท่าองครักษ์เทพยิ่งขึ้น
“หวังหลินคนนี้มีเบื้องหลังบัดซบอะไรกัน? ทำไมเขาถึงทรงพลังได้เพียงนี้!? บัดซบ หากครั้งนี้ข้ารอดไปได้ ข้าจะบดขยี้หัวเซียนจากเมืองปิศาจโบราณที่บอกข่าวเรื่องหวังหลินกับข้าแน่นอน!” ขณะที่ชายชราตัวเตี้ยหลบหนีก็ลอบสาปแช่งในใจไปด้วย
สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยความหลงไหล แม้เขาจะใช้พลังปราณสวรรค์ในร่างกายหมดไปเขาก็จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้ ดวงตาเป็นสีแดงฉานอย่างสมบูรณ์ ทว่ามันไม่ได้สีแดงมาจากพลังสังหารแต่สีแดงมาจากสมบัติในมือชายชรา
ในสายตาหวังหลิน ชายชราคือกล่องสมบัติที่กำลังเคลื่อนที่ หากชายชรามีสมบัติมากมาย จะไม่มีใครมาขโมยของจากเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างไร?
หวังหลินไม่รู้ว่าชายชราคนนี้เป็นคนขี้ขลาดและระมัดระวังตัวมาตลอดเวลา จนไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้เองที่เขามีความกล้ายิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ตอนที่ชายชราจับพวกเซียนมา เขาเพียงจับเซียนมาจากสำนักเล็กๆ ทว่าไม่นานมานี้เขาเริ่มมีความกล้าและเริ่มจับศิษย์ของสำนักใหญ่ๆ การจับศิษย์กองกำลังสีม่วงของสำนักชะตาสวรรค์เข้ามาก็เป็นหนึ่งในความกล้าของเขาด้วย
แม้ว่าชายชราคนนี้จะเป็นเซียนขั้นเทวะระดับกลาง เขาได้รับมันมาผ่านกรรมวิธีพิเศษซึ่งทำให้แม้เขาจะเผชิญหน้ากับเซียนขั้นเทวะระดับต้นที่อ่อนแอก็ยังสามารถประคับประคองตนเองได้ ทว่าเขากลับมาเจอคนเช่นหวังหลินที่สามารถประมือกับเซียนขั้นเทวะระดับกลางของจริงได้ พลังของเขาแตกต่างกันอย่างลิบลับ!
นอกจากนี้แม้จะมีสมบัติทรงพลังก็แทบไม่สามารถใช้ประโยชน์พวกมันได้มากนัก เขาสามารถใช้พวกมันได้เพียงผิวเผินซึ่งการแสดงพลังอำนาจของมันได้หนึ่งในร้อยส่วนก็เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว
ขณะที่ชายชราหลบหนีอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าได้กลับมาเป็นก่อนหน้าที่จะเผชิญกับความโชคดีและยังเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางที่กำลังถูกพวกเซียนทรงพลังไล่ล่า
จิตใจกำลังโกรธแค้นและสาปแช่งหวังหลิน ทว่าแสงสีดำเส้นหนึ่งเข้ามาใกล้จากด้านหลัง ชายชรารีบวาดสัญลักษณ์ด้วยพู่กันและขัดขวางวิชานั้นทันที
จากนั้นก้าวเท้าขวาอย่างโหดเหี้ยม ร่างกายปลดปล่อยเพลิงเผาไหม้ขึ้นมา เมื่อเพลิงหายไปเขาก็หายตัวไปด้วย
ดวงตาหวังหลินยิ่งสีแดงมากกว่าเดิม แม้ว่าวิชาของชายชราค่อนข้างน่าสงสารแต่เขาเป็นปรมาจารย์ด้านการหลบหนีแน่นอน ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ชายคนนี้ได้ใช้วิชาไปแล้วสิบวิชาซึ่งแม้แต่หวังหลินยังต้องตกใจ
นี่คือวิชาหลบหนีวิชาที่สิบเอ็ดที่แตกต่างจากสิบวิชาก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง!
หวังหลินเหยีดยิ้มและเคลื่อนที่พริบตาออกไป เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบกับชายชราหนีห่างออกไปหมื่นกว่าลี้
เพลิงจากร่างชายชราเลือนหายไปและเขาลอยหนีอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเผยสีหน้าข่มขื่นเมื่อร่างหวังหลินปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าเบื้องหน้าและพุ่งเข้าใส่เขา
ชายชราสีหน้าลังเล เขากัดฟันแน่นและโยนพู่กันในมือออกไป พู่กันลอยกลางอากาศและเกิดระลอกคลื่นรอบตัวมัน ดูเหมือนมันกำลังจะพุ่งทะลุมิติว่างและกำลังหายไป
หลังจากชายชราโยนพู่กัน เขารีบสร้างผนึกขึ้นทันที กลิ่นอายโลหะปรากฏขึ้นและล้อมรอบทั้งร่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นพุ่งหนีจากหวังหลินทันที ความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมร้อยเท่าโดยไม่คาดคิด!
“เจ้าหนูหวังหลิน พู่กันสวรรค์นั่นเป็นของเทพจริงๆ หากมันหายเข้าไปในมิติว่างก็คงยากนักที่จะหาเจออีกครั้ง!” น้ำเสียงชายชราดังออกมาจากระยะไกล
หวังหลินสัมผัสกระเป๋าด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ กระบี่สวรรค์และดาบครึ่งจันทราลอยออกมา ร่างฉวี่ลี่กั๋วปรากฏขึ้นและโดยไม่ต้องรับคำสั่งของหวังหลินเขาก็รู้ว่าหวังหลินต้องการอะไร พลันส่งเสียงคำรามมองกลับไปที่ดาบสีดำและตะโกน “ดาบน้อย เร็ว! เร็ว! ข้าต้องการไล่ทันพู่กันนั่น!”
ดาบดำกระพริบและเลือนหายไป มันจับฉวี่ลี่กั๋วตรงเข้าไปในมิติว่าง
หวังหลินก้าวเท้าและกระตุ้นวิชาเคลื่อนย้ายขั้นสูงเพื่อไล่ล่าตามหลังชายชรา
ขณะที่ชายชราหลบหนี เขาสังเกตว่าหวังหลินกำลังไล่ตามหลังเขาและเริ่มร้องไห้ทันที เขาคิดขึ้นมาว่า ‘มัน…มันต้องการอะไร!? ข้าก็โยนพู่กันสวรรค์ของข้าไปแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยข้าไปอีก?!’
เมื่อตรวจจับว่าหวังหลินกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เขากัดฟันแน่นและนำตาข่ายเรืองแสงสีเขียวออกมา
ชายชราพึมพำกับตัวเอง “เทียบกับพู่กันวิญญาณสวรรค์แล้ว การควบคุมตาข่ายจับเทพของข้านี้ถือว่าด้อยกว่า ดังนั้นข้าจึงไม่เคยใช้มันสู้กับฝ่ายตรงข้าม ข้าขอร้องเจ้าเถอะ ตาข่ายจับเทพ ครั้งนี้เจ้า…เจ้าต้องจับอีกฝ่ายให้ถูก ถือเป็นโชคชะตาที่ข้าได้พบเจ้า…ใช่ไหม!? ครั้งนี้เจ้าต้องไม่จับข้า!” เขาไม่ต้องการใช้ตาข่ายจับเทพนี้จริงๆเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย สำหรับเขาแล้วตาข่ายนี้มันประหลาดเกินไป
หลังจากได้มันมา ตอนที่เขาใช้มันขณะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆเพื่อดูว่ามันมีพลังแค่ไหน เขาไม่คิดว่ามันจะจับเขาแทนและขังไว้ถึงสามวัน
หลังจากนั้นเขาจึงลังเลอยู่นานแต่ไม่ยอมแพ้และพยายามอีกครั้ง ผลที่เกิดขึ้นทำให้เขาขังตัวเองอยู่ข้างในอีกสามวัน จนเมื่อการทดลองครั้งที่สามเขาจึงสามารถกักขังเศษไม้ได้เท่านั้น