Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 659

Cover Renegade Immortal 1

659. ออกมา

ฝ่ามือประทับลงบนประตูทางเข้าดินแดนวิญญาณปิศาจ แต่ที่สั่นสะเทือนคือดินแดนวิญญาณปิศาจทั้งหมด ในขณะนั้นแคว้นทั้งเก้าข้างในต่างสั่นเทา

ดินแดนวิญญาณปิศาจต่างเต็มไปด้วยเสียงร้อง ท้องฟ้าไม่เป็นสีครามอีกต่อไปแต่กลับเป็นความมืดมิดแทน ก้อนเมฆหมุนปั่นดุจก้อนหอยและเกิดเป็นวังวนขนาดยักษ์

วังวนนี้ขนาดใหญ่มาก มันกระจายออกไปและหมุนอย่างช้าๆ ปราณกระบี่ออกมาจากข้างในวังวนและกระจายออกไปสู่ท้องฟ้า

กลิ่นอายกดขี่ปรากฏขึ้นมาในท้องฟ้า ขณะเดียวกันแสงสายรุ้งเจ็ดสีก็ปรากฏจากในวังวนและตกลงมาด้วย

เหล่าปิศาจโบราณทั้งหมดออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนเองและจ้องวังวนในท้องฟ้าด้วยความมืดมัว

เป้ยหลัวขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากชำเลืองมองมันก็สะบัดแขนและเลือนหายไป

มีหลายคนเดินออกมาจากวังวนที่อยู่กลางท้องฟ้า หลิงเทียนโฮวยืนอยู่ตรงนั้นสวมชุดคลุมสีเขียว เขามองลงมาบนผืนแผ่นดินและตะโกน “กรีด จงออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”

น้ำเสียงของเขากระจายออกมาดุจฟ้าคำรามไปทั่วน่านฟ้า พื้นดินเริ่มแตกร้าวและกระจายออกมา พริบตาเดียวเสียงของหลิงเทียนโฮวก็กระจายไปทั้งดินแดนวิญญาณปิศาจ

คนอื่นดูเหมือนจะรู้เรื่องที่กรีดมาที่นี่แล้วดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจเท่าใดนัก

คิ้วของบรรพชนโลหิตขมวดเข้าด้วยกันและกดใบหน้าลง ตอนที่เขาก้าวเข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจ เขาได้กวาดผ่านดินแดนแห่งนี้ด้วยสัมผัสวิญญาณแต่กลับไม่พบร่องรอยของเหยาซีเชว่เลยราวกับนางหายตัวไปอย่างสมบูรณ์และนี่ยิ่งทำให้เขากระวนกระวายมากขึ้นอีก

เขาสูดหายใจลึกและเริ่มกระตุ้นวิชาลับของตน เขาตรวจสอบอีกครั้งด้วยวิชาลับทว่าใบหน้ากลับยิ่งมืดมนมากกว่าเดิม

เทียนหยุนยกแขนขวาขึ้นบีบนิ้วคำนวณ ด้านนอกที่นี่มีสัญญาณรบกวนการคำนวณดวงชะตาของเขา แต่ตอนนี้เขาอยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจแล้วจึงไม่มีอะไรขัดขวางได้อีก

ตอนที่เหล่าเซียนเฒ่าพวกนี้เข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจ หวังหลินก็กระโดดเข้าไปในเหวนรกแล้ว เขาเหาะลงไปข้างล่างดุจอุกกาบาต

พลังดึงดูดราวกับแรงขับอันทรงพลังที่ผลักหวังหลินเข้าไปในส่วนลึกของหลุม

สีหน้าของหลิงเทียนโฮวมืดมัว หลังจากกระจายเสียงออกมาเขาก็กระจายสัมผัสวิญญาณกวาดไปทั่วบริเวณ ณ บริเวณทิศเหนือสุดมีสองสัมผัสวิญญาณพลันปรากฏขึ้นและปะทะกับเขา หลิงเทียนโฮวส่งเสียงในลำคอ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยและดวงตาเปล่งประกายส่องสว่าง

ในเวลาเดียวกันก้อนเมฆหนึ่งพลันปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกเขาเงียบๆ ก้อนเมฆนี้ไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างแต่เป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น มีหนึ่งชายหนึ่งหญิงนั่งอยู่บนก้อนเมฆด้วย

สองคนนี้คือคู่รักเซียนสวรรค์ หวังเว่ยและฮู่จวน

หวังเว่ยมองหลิงเทียนโฮวและพรรคพวกอย่างสงบนิ่ง จากนั้นสายตาตกลงบนเทียนหยุน รูม่านตาหดเล้กลงจนไม่อาจสังเกตได้ เทียนหยุนยังคงหลับตา เขากำลังคำนวณอยู่แม้จะมีสองคนนี้มาถึง

หวังเว่ยยิ้ม “เหล่าสหายเซียน ไม่เจอกันนาน!”

ฮู่จวนยิ้มบางๆออกมาเช่นกันแต่นางไม่ได้เอ่ยอันใด

หลิงเทียนโฮวมองหวังเว่ยและเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “สหายเซียนหวัง ข้ารับรู้ได้ว่ากรีดอยู่กับเจ้า ส่งมันมาให้ข้า ข้ามีคำถามสำคัญจะถามมัน!”

หวังเว่ยยิ้มและเอ่ยกับคนรัก “ดูสิ ผ่านมานานหลายปี ไม่เพียงแต่อารมณ์ของเซียนกระบี่จะไม่ลดลง แต่กลับแย่ขึ้นกว่าเดิม”

ฮู่จวนเผยสายตาอ่อนโยนและยิ้มขึ้น “มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าเซียนกระบี่กำลังกังวลเรื่องศิษย์ของเขา”

สีหน้าของหลิงเทียนโฮวมืดมัวอย่างยิ่ง ด้วยนิสัยของเขาหากไม่ใช่ว่าเขาหวาดหวั่นสองคนนี้ หลิงเทียนโฮวก็คงโจมตีออกไปแล้ว

หวังเว่ยตบกระเป๋าและคนสองคนลอยออกมาทันที หนึ่งในนั้นคือเฉินหลงและอีกหนึ่งคือกรีด

หลังเฉินหลงเห็นหลิงเทียนโฮว ดวงตาเต็มไปด้วยความสุข เขาคุกเข่าลงพร้อมกับสายตารื้นขึ้นและเอ่ยออกมา “อาจารย์!! กรีดเป็นคนทำร้ายศิษย์น้องของข้าทั้งหมด!”

สีหน้ากรีดเป็นธรรมชาติไร้การเปลี่ยนแปลงใด หลังจากปรากฏตัวขึ้นเขาก็พึ่งยืนอยู่เบื้องหลังหวังเว่ยและฮู่จวนราวกับเป็นทาส

หลิงเทียนโฮวไม่ได้มองดูเฉินหลงแต่จ้องกรีดแทน “กรีด เจ้ากล้ามาก!”

แม้ว่าจิตใจของกรีดจะเต้นรัว ทว่าสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เขามองเฉินหลงอย่างเย็นเยียบและเอ่ยขึ้น “เจ้าหนูน้อย คิดว่าข้ามีนิสัยฆ่าคนของสำนักกระบี่ต้าหลัวของเจ้าหรือไร?”

เฉินหลงจ้องกรีดด้วยสายตาดุดัน อาจารย์ของเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขารู้สึกมีอำนาจขึ้นมาและตะโกน “แม้เจ้าไม่ได้ฆ่าพวกเราแต่เจ้ากักขังเราไว้ในหมอกม่วง หากไม่ใช่เรื่องนั้น ศิษย์น้องของข้าจะตายได้เยี่ยงไรกัน?!”

กรีดหัวเราะและเอ่ยตอบ “ข้าขังพวกเจ้าทั้งหมดในหมอกก็เพื่อเอาป้ายสิทธิ์ แต่ข้าได้แตะต้องผมเจ้าสักเส้นไหม? แทนที่จะหาว่าใครเป็นคนฆ่าศิษย์น้องของเจ้า เจ้ากลับมากล่าวโทษข้าเสียเช่นนั้น ช่างไร้สาระ”

เฉินหลงกำลังจะเอ่ยขึ้นมาแต่ไม่คาดคิดว่าหลิงเทียนโฮวจะสะบัดแขนและเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “เฉินหลง ไม่ต้องพูดแล้ว!” หลิงเทียนโฮวมองกรีดด้วยจิตสังหารและเอ่ยขึ้นมาทีละคำ “กรีด ป้ายสิทธิ์อยู่ที่ไหน?!”

กรีดยิ้มอย่างขื่นขมและกล่าวด้วยท่าทีเจ็บปวด “พวกเจ้าทั้งหมดอาจจะไม่เชื่อข้า แต่ข้าสาบานด้วยระดับบ่มเพาะหมื่นปีของข้าว่าป้ายสิทธิ์ไม่ได้อยู่ในมือข้าแล้ว!”

หลิงเทียนโฮวจ้องมองกรีดโดยไร้คำพูด รอคอยให้เขากล่าวต่อ ซึ่งขณะนั้นเองนอกจากเทียนหยุนที่ยังคงหลับตา เหล่าเซียนเฒ่าทั้งหมดรวมถึงบรรพชนโลหิตได้หันส่ายตาแหลมคมมาที่กรีด

หนังศีรษะของมันด้านชา ท่ามกลางผู้คนตอนนี้ นอกจากเฉินหลงที่มีระดับบ่มเพาะต่ำที่สุด เขากำลังถูกเหล่าเซียนทรงพลังทั้งหมดจ้องมองและรู้สึกจิตใจสั่นสะท้าน เขาต้องใช้เวลาชั่วขณะเพื่อประคับประคองตัวเองได้ พลันหายใจลึกและรีบพูดออกไป “เป็นเพราะเจ้าหวังหลินแห่งสำนักชะตาสวรรค์นั่นที่เอาป้ายสิทธิ์ไป เจ้าเฉินหลงเป็นพยานได้! และยังเป็นมันด้วยที่ฆ่าคนของสำนักกระบี่ต้าหลัว!”

หลิงเทียนโฮวขมวดคิ้วและมองไปที่เฉินหลง

เฉินหลงรีบพูดออกมา “อาจารย์ ศิษย์เห็นแต่เพียงหวังหลินได้รับป้ายสิทธิ์ไปเท่านั้นและถูกกรีดขังเอาไว้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่ว่า…เขาฆ่าศิษย์น้องของข้าหลายคนจริง!”

ชั่วขณะนั้นเทียนหยุนพลันลืมตาตื่นและมองไปทางทิศตะวันออก

“ข้าต้องการออกไป!” ฝ่ามือเทียนหยุนเคลื่อนไหวรวดเร็ว สายตาจ้องทะลุออกไปไกลตกลงไปที่ทางเข้าสู่เหวนรกในแคว้นปิศาจวารีและแทงทะลุลงไปสู่หลุมที่กำลังเปิดอยู่ ทว่าสายตาเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นและพุ่งตรงลงไปข้างล่างอีก

ขณะที่หวังหลินกำลังลงไป เขาพลันรับรู้ทันที จากนั้นจึงเป็นหนึ่งกับพลังดึงดูดเพื่อเคลื่อนไหวลงไปให้เร็วยิ่งขึ้น เทียนหยุนรู้สึกได้ว่าสายตาเขากำลังได้ผลกระทบจากพลังดึงดูด เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะแทงทะลุพลังดึงดูดและลงไปให้ไกลกว่าเดิม

วิชาของเทียนหยุนได้ทำให้หลิงเทียนโฮวและคนอื่นๆสนใจ แม้แต่คู่รักเซียนสวรรค์ยังมีสายตาประหลาดใจ เหล่าเซียนเฒ่าทั้งหมดกระจายสัมผัสวิญญาณของตนออกมาในชั่วขณะและติดตามวิสัยทัศน์ของเทียนหยุนลงไปในส่วนลึกของเหวนรก

หวังหลินมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ เขาตบกระเป๋านำค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราออกมา ค่ายกลหมุนวงกลรอบร่างกายทำให้เขาเคลื่อนที่เร็วยิ่งขึ้น

หวังหลินพุ่งตรงเข้าหาก้นหลุมและเข้ามาถึงที่ที่มีวังวนขนาดยักษ์อยู่ในไม่นานนัก ซึ่งในจังหวะนี้เทียนหยุนและสัมผัสวิญญาณของเซียนเฒ่าทั้งหมดก็ได้ลงมา!

หลิงเทียนโฮวเห็นค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราทำให้เขากราดเกรี้ยวทันที

เทียนหยุนได้เห็นหวังหลินไร้ตราของศาสตร์สังหารเทพเช่นกัน ซึ่งทำให้สายตาเทียนหยุนแฝงความเย็นเยียบออกมา

หวังหลินหยุดลงบนวังวน จากนั้นหันกลับมามองทุกคนด้วยความหนาวเย็นก่อนจะค่อยๆจมเข้าไปข้างใน

พลังแข็งแกร่งออกมาจากวังวนและกระจายออกมา พลังอำนาจนี้แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเทียนหยุนและสัมผัสวิญญาณคนอื่นๆ พวกเขาจึงทำได้แต่เพียงล่าถอยและเฝ้าดูหวังหลินหายเข้าไปในวังวนเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการหยุดหวังหลิน แต่พลังอำนาจที่ออกมาจากวังวนคือพลังที่เชื่อมกับสองดาราจักร พลังอำนาจนี้แข็งแกร่งเกินไป!

ในจังหวะที่ร่างหวังหลินเข้าไปในวังวน บรรพชนโลหิตที่ใช้สัมผัสวิญญาณจ้องหวังหลินอยู่นั้นกลับมีสีหน้ามืดมัว ในเสี้ยววินาทีก่อนนั้นเขาสัมผัสกลิ่นอายของเหยาซีเชว่อยู่บนร่างหวังหลิน มันเผยกลิ่นอายแห่งความดิ้นรนและต่อต้านของเหยาซีเชว่ซึ่งทำให้บรรพชนโลหิตสรุปได้ว่าที่เหยาซีเชว่หายตัวไปต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหวังหลิน ราวกับว่าเหยาซีเชว่ถูกหวังหลินจับไป!

สีหน้าท่าทางอันมืดมนทมิฬและตะโกนออกมา “หวังหลิน ลูกสาวข้าอยู่ไหน!?”

“ไม่ได้มีเพียงแค่ถ้ำปลอมสามแห่งเท่านั้น แต่มีถึงสี่!” ก่อนที่หวังหลินจะหายตัวไปเขาได้ทิ้งประโยคนี้เอาไว้ด้วย

คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจคำพูดของหวังหลินแต่บรรพชนโลหิตเข้าใจทันที ถ้ำปลอมแห่งที่สี่คือความลับที่มีเพียงเขาและเหยาซีเชว่รู้ เป็นสิ่งที่เหยาซีเชว่จะไม่บอกคนอื่น!

นี่คือความหวังของหวังหลินด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขากำลังจะจากไป เขายังวางระเบิดลูกนี้ไว้ด้วย! หากบรรพชนโลหิตไม่รับรู้ถึงเหยาซีเชว่ นั่นก็คงดี แต่เมื่อเขาพบเบาะแส หวังหลินต้องโต้ตอบ เป้าหมายของเขาคือทำให้บรรพชนโลหิตไม่สามารถไล่ตามเขาได้ด้วยตัวเองเนื่องเพราะเหยาซีเชว่! เขาเชื่อว่าด้วยความคิดของเซียนเฒ่าเหล่านี้ คำพูดของหวังหลินจะช่วยทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย

และแล้วหวังหลินก็หายตัวไป

พื้นที่รอบวังวนกลายเป็นเงียบสนิท เหล่าเซียนเฒ่าทั้งหมดต่างมีสีหน้ามืดมัว เดิมทีพวกเขาต่างมีแผนของตนเองและหลังจากได้ยินคำพูดของหวังหลินและเห็นปฏิกิริยาของบรรพชนโลหิต พวกเขาทั้งหมดจึงมองมาที่บรรพชนโลหิตกัน

บรรพชนโลหิตรู้สึกเหมือนมีเข็มหลายเล่มอยู่บนกลางหลัง พลันขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมา “มีถ้ำปลอมแห่งที่สี่จริงๆ แต่เห็นได้ชัดว่ามันถูกหวังหลินครอบครองไปแล้ว เขายังมีป้ายสิทธิ์ด้วย ซึ่งหากไม่จับเขามา ไม่มีทางที่เราจะเข้าไปในถ้ำของจริงได้!”

“พวกเราต่างรู้ว่าวังวนนี้คือทางเข้าสู่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า แต่พลังอำนาจในวังวนกลับแข็งแกร่งเกินไป หวังหลินกลับมีอุปกรณ์ที่ทำให้มันเข้าไปได้อีกด้วย!”

“เราทั้งหมดต่างพยายามเข้าไปแต่กลับไม่สำเร็จ แต่หากเราร่วมมือกันและสามารถส่งคนไปได้สักคนหนึ่ง เราน่าจะทำมันได้!”

หลิงเทียนโฮวถามด้วนย้ำเสียงดุดัน “ใครจะไป?”

“หากข้าบอกว่าข้าจะไป เมื่อนั้นเหล่าสหายเซียนทั้งหมดคงสงสัยข้าแน่ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือกรีดโดยไม่มีข้อสงสัย! พวกเราแต่ละคนจะทิ้งกฏเกณฑ์ไว้กับมันและกรีดจะไม่มีวันรอดจากฝ่ามือเราไปได้ มันจะจับกุมหวังหลินอย่างเชื่อฟังและพาตัวกลับมา! อีกทั้งระดับบ่มเพาะของกรีดยังสูงส่งเพียงพอที่จะต่อกรกับหวังหลินได้!”

เทียนหยุนจ้องวังวนด้วยความเงียบ สายตาเผยประกายแสงลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!