664. พลาด
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างน้อบน้อม “มันแค่กระบี่เหิน ผู้น้อยเห็นว่ามันธรรมดามาก บางทีมันอาจมีสิ่งพิเศษบางอย่างแต่ข้าไม่เชื่อว่ามันจะทรงพลัง สมบัติชนิดนี้ไม่เหมาะสมกับอารามของเรา”
เขาไม่กล้าแสดงความหยาบคายกับชายชรา ถึงแม้ชายชราคนนี้จะมีระดับการบ่มเพาะเพียงขั้นตัดวิญญาณระดับต้น แต่เขาก็มีตำแหน่งสูงมากในอาราม ชายวัยกลางคนจำได้ลางๆว่าชายชราผู้นี้เคยบรรลุถึงขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางมาก่อนแต่เพราะเกิดการบาดเจ็บทำให้ระดับการบ่มเพาะตกลงมาที่ขั้นตัดวิญญาณ
ชายชรามองร่างหวังหลินที่ค่อยๆเลือนหายไป สายตาปรากฏความสงสัย แต่ไม่นานเขาก็ส่ายศีรษะและเดินกลับเข้าไปในอารามกองสมบัติ
“คนผู้นั้นดูคุ้นๆ…” ชายชราดูเหน็ดเหนื่อย หลังจากเขากลับเข้าไปในอาคาร เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้โยกที่มุมห้อง พลันจับหน้าอกก่อนจะถอนหายใจออกมาและจ้องมองไปที่พื้นอย่างเงียบๆ
หวังหลินออกมาจากอารามกองสมบัติและเดินตรงไปยังอารามไผ่เขียว ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใหญ่มากนัก แต่ มันก็ดูโอ่อ่าสมสง่า เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน หวังหลินมองไปรอบๆ เห็นชั้นวางของที่ทำด้วยไม้เรียงรายอยู่บนผนัง มีกล่องเล็กหนึ่งกล่องอยู่บนชั้นวางแต่ละชั้นแต่ละกล่องคาดด้วยผ้าไหมสีเหลือง มีสมบัติวิเศษ ยา และสิ่งอื่นๆถูกใส่ไว้ในกล่องพวกนั้น
มีเด็กหนุ่มผู้รอบรู้นั่งอยู่ในอาราม เขาถือหนังสือเก่าๆในมือและดูเหมือนกำลังอ่านหนังสือด้วยความสนใจ เมื่อเขาสังเกตเห็นหวังหลินเดินเข้ามาจึงวางหนังสือลง
เขาลุกขึ้นและพลางยิ้ม “ถึงแม้ว่าร้านของเราไม่ใหญ่ เรามีสินค้ามากมาย สหายท่านต้องการสิ่งใด”
ระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้เพียงแค่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับต้นเท่านั้น เมื่อเห็นหวังหลินเขาไม่ได้วางท่าทีโอหังเหมือนคนในอารามกองสมบัติ แต่เขามีอัธยาศัยดีทั้งยังต้อนรับอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย
วังหลินยิ้มบางและนำกระบี่เหินออกมา “สหายเซียนเจ้าว่ากระบี่เล่มนี้เป็นยังไง?”
เมื่อเด็กหนุ่มมองไปที่กระบี่ คิ้วขมวดลงเล็กน้อยและยิ้มแห้งๆออกมา “สหายเซียน กระบี่เล่มนี้…ช่างเถอะ..ให้ข้าทดสอบมันได้หรือไม่?”
ทัศนคติของชายหนุ่มคนนี้เป็นคนสบายๆ หวังหลินยิ้มออกมาและผลักฝ่ามือขวาให้กระบี่เหินพุ่งตรงไปทางเด็กหนุ่ม เขาตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและพูดว่า “กระบี่เล่มนี้ธรรมดาอย่างยิ่ง ข้ากลัวว่า…เอ๋!!”
เด็กหนุ่มพูดได้เพียงครึ่งคำดวงตาก็พลันเปิดกว้าง เขาจ้องมองกระบี่เหินธรรมดาเล่มนี้ด้วยสายตาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง
ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหวังหลินและรีบตอบ “สหายเซียน วิชาข้างในกระบี่เหิน…”
หวังหลินยิ้ม “เจ้าจะรู้เองเมื่อลองใช้มัน!”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกระงับความตื่นเต้นภายในใจ เขาใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบภายในของกระบี่เหินและพบวิชาหนึ่งข้างใน แต่เขาไม่อาจมองทะลุวิชานี้ได้เลยและแต่ความกดดันที่แผ่ออกมาทำให้วิญญาณดั้งเดิมของเขาสั่นสะเทือน
เด็กหนุ่มโคจรพลังปราณส่งเข้าไปภายในกระบี่ ขณะที่พลังปราณสัมผัสถึงวิชาภายในกระบี่ พลังปราณกระบี่ทรงพลังข้างในกระบี่พลันทะลักออกมา ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งกับสายน้ำ
สายตาเผยแววประหลาดใจ แม้ว่าวิชาเซียนภายในกระบี่ยังไม่ถูกใช้งาน แต่เพียงใส่พลังปราณเข้าไปก็บอกได้แล้วว่ามันเป็นสมบัติระดับกลาง
เขาไม่ได้พยายามเปิดใช้วิชาเซียน เพียงแต่ชี้กระบี่ไปที่หินวิญญาณระดับสูงขนาดใหญ่นอกร้าน กระบี่พุ่งเป็นลำแสงไปยังหินวิญญาณ กระบี่เจาะผ่านหินวิญญาณโดยไร้เสียงและลอยกลับมา
“กระบี่เยี่ยมยอด!!” เมื่อเด็กหนุ่มมองไปยังกระบี่เหิน แววตาเผยความยินดี อย่างไรก็ตามยังมีความรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ “การผสานระดับนี้ถือได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง มีพลังปราณเกรี้ยวกราดจนถือได้ว่าคุณภาพสูง น่าเสียดายที่ความเร็วของมันไม่เหมาะสมกับกระบี่ น่าเสียดาย! น่าเสียดาย!”
ขณะที่พูดขึ้นนั้นเขาเปิดใช้งานวิชาเซียนภายในกระบี่เหิน รูม่านตาหดแคบลงโดยพลัน เขามองดูกระบี่เหินหายไปก่อนจะปรากฏในระยะร้อยฟุตห่างออกไป
“นี่มัน….”
ร่างเด็กหนุ่มสั่นเทาและรีบก้าวเดินออกจากร้าน เขาโบกฝ่ามือจากนั้นกระบี่บินก็ลอยกลับมาในพริบตา แววตาเผยความยินดีปนตกตะลึง เขาสูดลมหายใจลึกและชี้ไปที่หินวิญญาณอีกครั้ง กระบี่บินหายไปในพริบตาและเจาะผ่านหินวิญญาณ
“นี่…นี่มันเคลื่อนที่พริบตา!!!” เด็กหนุ่มอ้าปากกว้าง เขารีบเรียกกระบี่เหินกลับมาและถือไว้ในฝ่ามือ ตอนนี้ภายในใจเขามันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว โดยปกติเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีวิชาเซียนเคลื่อนที่พริบตาภายในกระบี่บินเหิน เพราะกระบี่ไม่อาจต้านแรงเสียดทานจากการใช้เคลื่อนที่พริบตาได้ นอกจากนี้ หากไม่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผนึกวิชาเคลื่อนพริบตาในภายในกระบี่ได้
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือแม้ว่ามีเซียนระดับนั้นก็ไม่สามารถใส่วิชาเคลื่อนที่พริบตาลงไปได้ตลอดไปเว้นแต่จะมีวิธีการที่ทรงพลังและเขตแดนอันพิเศษ
เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของหวังหลินทำให้ใส่วิชาเคลื่อนที่พริบตาลงในกระบี่เหินได้ตลอดกาล แต่หากสมดุลของมันถูกทำลาย วิชาก็จะหมดอายุขัย
เด็กหนุ่มจับกระบี่บินและรีบกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับมองหวังหลินไปด้วยและกล่าวอย่างเร่งรีบ “สหายเซียน ทางร้านต้องการกระบี่เล่มนี้ หนึ่งหมื่นหินวิญญาณระดับสูงพอหรือไม่?”
หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ระดับการบ่มเพาะของเด็กหนุ่มด้านหน้าเขาต่ำเกินไป ด้วยพลังปราณของเขาอาจใช้ความสามารถของมันได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น
เด็กหนุ่มเห็นหวังหลินขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากัดฟันพูดออกมา “สหายเซียน ข้าจะเพิ่มให้เป็นหนึ่งหมื่นห้าพันหินวิญญาณระดับสูงก็ได้ แม้กระบี่เล่มนี้จะเป็นสมบัติวิเศษระดับสูง แต่ข้าก็ให้ราคาที่สูงมากแล้ว”
หวังหลินขมวดคิ้ว “พวกของเจ้ามีเซียนระดับแปลงวิญญาณบ้างไหม?”
ชายหนุ่มตื่นตกใจ เขาเผยท่าทางไม่พอใจและถามกลับ “สหายเซียนหมายความว่าอย่างไร? คิดว่าระดับการบ่มเพาะของข้าไม่สูงพอที่จะมองเห็นคุณค่าของกระบี่เหินเล่มนี้หรือ? เรามีผู้อาวุโสขั้นแปลงวิญญาณอยู่ แต่เมื่อเจ้าถามมา ข้าก็จะเชิญเขามาที่นี่!” ชายหนุ่มแตะไปที่กระเป๋าและหยกสื่อสารก็ลอยออกมา หลังจากส่งข้อความไปแล้ว เขาก็โยนหินหยกออกไปนอกร้าน
หลังจากส่งหยกสื่อสารออกไป ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเงียบๆและเริ่มเล่นกับกระบี่เหินในฝ่ามือ
ด้วยระดับการบ่มเพาะของหวังหลิน เขาไม่ต้องใส่ใจกับผู้บ่มเพาะระดับต่ำ เขามีสถานะระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ขณะนั้นเอง เขายิ้มพลางมองสมบัติวิเศษภายในร้าน
ตรงข้ามกับเด็กหนุ่มซึ่งอยู่ไม่สุขเท่าไรนัก หลังจากนั้นไม่นานสายตาของเขาหยุดลงที่หวังหลินและแววตาเผยความตกใจ ในสายตาเขาแม้ว่าคนผู้นี้จะมีระดับการบ่มเพาะเพียงขั้นแกนลมปราณระดับปลาย แต่ในช่วงวินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนกำลังมองไปที่ผู้เฒ่าหรือผู้อาวุโสของตระกูล
ความสงบนิ่งและท่าทีสบายของหวังหลินไม่ใช่สิ่งที่เซียนขั้นแกนลมปรานควรจะมีแต่หวังหลินเป็นเซียนขั้นแกนลมปราณจริงๆ เขาคิดว่าหวังหลินน่าจะปกปิดระดับการบ่มเพาะเอาไว้ แต่อารามไม้เขียวถูกผูผู้อาวุโสวางค่ายกลเอาไว้จึงไม่สามารถซ่อนระดับบ่มเพาะไว้ได้ เว้นแต่จะบรรลุขั้นเทวะ
ไม่นานหลังจากนั้นลมโชยพัดมาจากข้างนอก หลังจากที่สายลมหายไป ชายชราผู้หนึ่งเดินเข้าไปในอาราม สิ่งแรกที่เขามองคือกระบี่เหินในมือของเด็กหนุ่ม ตอนที่เห็นกระบี่เล่มนี้พลันสายตาเกิดแสงกระพริบวาบ
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นชายชรา เขาลุกขึ้นทันทีและกล่าวด้วยความนับถือ “ผู้น้อยซุนมู่คารวะผู้อาวุโส”
ชายชราตอบรับอย่างนุ่มนวลและกวาดสายตาไปยังหวังหลิน เขาถามอย่างสุภาพขณะที่ไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไป “ผู้นี้หรือที่ขอให้ทดสอบสมบัติวิเศษ?”
ชายหนุ่มรีบพยักหน้าและยื่นกระบี่ในมือให้ด้วยความเคารพ
ขณะที่ชายชรามาถึง หวังหลินเพียงชำเลืองมองและถอนสายตาออกมา ชายชราผู้นี้เป็นขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย ถึงจะไม่ใช่ขั้นสูงสุด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาผ่านสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมามาก ดังนั้นความคิดความอ่านของเขาจึงมีมากกว่าเมื่อเทียบกับสหายเซียนสี่คนที่หวังหลินพบก่อนหน้านี้
ชายชราไม่เสียเวลา เขาขยับฝ่ามือขวาจับไปที่กระบี่เหิน หลังจากที่กวาดผ่านด้วยสัมผัสวิญญาณ ท่าทางสงบของเขาถูกแทนที่ด้วยความตกใจ
“ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ตรวจดูสมบัติชิ้นนี้แล้ว…” ชายหนุ่มข้างชายชราเอ่ยขึ้น ชายชราส่งสายตาไปยังชายหนุ่มทันทีทำให้เขากลืนคำพูดครึ่งหลังลงไป
ชายชราพลิกกระบี่ด้วยนิ้วมือ มันแผดเสียงร้องสะท้อนออกมาดังก้องในอารามทันที เสียงนี้ดุจบทเพลงจากสวรรค์และไพเราะอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจมากยิ่งขึ้นพลันสะบัดมือขวา กระบี่เหินลอยขึ้นและหายตัวไป
คราวนี้มันไกลออกไปกว่าห้าร้อยลี้
วินาทีนั้นกระบี่ปรากฏตัวขึ้นข้างชายชราและวนรอบตัวเป็นวงกลม กระบี่แผ่ปราณสวรรค์ออกมาและมีปราณกระบี่ดุดันราวกับคันธนู
ที่สำคัญไปกว่านั้น มีสายฟ้าเคลื่อนไปตามกระบี่ ชายชราจ้องไปที่สายฟ้าและขบคิดเล็กน้อยพลันยกฝ่ามือขึ้นมาสัมผัสมัน
เสียงก้องกังวานสะท้อนไปทั่วห้องจากนั้นชายชราก็หน้าซีดเผือดถอยหลังหลายก้าว ใช้เวลากลับมาสงบสติอยู่สักพัก ไม่เพียงแต่เขาไม่โกรธแต่ยังมีหน้ายินดี
ชายหนุ่มตกใจอย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเห็นได้ว่าภายใต้การควบคุมของชายชรา กระบี่เล่มนี้มี…ปราณสวรรค์!
“สมบัติสวรรค์…นี่…นี่คือสมบัติสวรรค์…” ชายหนุ่มตกตะลึง
“ไม่ใช่สมบัติสวรรค์แต่เป็นสมบัติสวรรค์เทียม! มีการประทับวิชาเซียนเคลื่อนที่พริบตาไว้ข้างใน นอกจากนี้สายฟ้ายังทำให้สมบัติมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หากปราศจากสายฟ้าคงถือได้ว่าเป็นสมบัติสวรรค์เทียมธรรมดาเท่านั้น แต่สายฟ้านี้กลับทำให้มันเกิดความแตกต่างกัน!” ชายชราไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดอะไร ขณะที่เขาพูดออกมาก็มองหวังหลินไปด้วย
“นี่คงจะเป็นของขวัญจากตระกูลเจ้า เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการขายมัน?”
“หินหยกสวรรค์สามพันก้อน!” หวังหลินไม่ตอบเพียงแต่เพิ่มราคาขึ้นเท่านั้น
ชายชราหรี่ตาลงและตรวจสอบหวังหลินอย่างรอบคอบ เขาตบกระเป๋าและกองหินหยกสวรรค์ปรากฏขึ้นบนพื้นทันที พลังปราณสวรรค์หนาแน่นปกคลุมไปทั่วอารามไผ่สีเขียว
หวังหลินโบกแขนเสื้อและเก็บหินหยกสวรรค์ไว้ในกระเป๋า
ชายชรามองหวังหลินและเอ่ยถาม “เจ้ามีสมบัติสวรรค์ชิ้นอื่นอีกหรือไม่?”
หวังหลินจับกระเป๋าด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ เขาหยิบกระจกทองแดงขึ้นมาและโยนไปที่ชายชราทันที
ชายชรารับเอาไว้และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คราวนี้เขาตกใจยิ่งกว่าตอนที่เขาเจอที่กระบี่เหิน เขาอุทาน “สมบัติสวรรค์มรดกเทียม!”