673. โลหะใต้เมฆแดง ห้าธาตุขาดเพียงหนึ่ง
“น่าเสียดายที่มีข้อบกพร่องเยอะเกินไปและมีธาตุโลหะไม่มากนัก ไม่เช่นนั้นหินเหล็กไฟสองก้อนนี้จะไม่ด้อยไปกว่าสมบัติสวรรค์เทียมระดับสูงสุด หากมันใหญ่มากกว่านี้อีกสักนิดคงเทียบได้กับสมบัติสวรรค์ระดับต่ำ!” หวังหลินมองเห็นสองก้อนด้วยแววตาเสียดาย
แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่ก็มีสิ่งเจือปนมากเกินไป หากถูกหล่อหลอมอาจจะได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของขนาดปัจจุบันด้วยซ้ำ
หลังจากเก็บกลับไปแล้วหวังหลินหยิบป้ายสิทธิ์ขึ้นมาและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ ป้ายสิทธิ์ส่องสว่างขึ้นทันทีและกระพริบสามครั้งก่อนจะกลับคืนสู่ปกติ
“นี่คือป้ายประจำตัวของตระกูลฮวน” สัมผัสวิญญาณของหวังหลินสำรวจมันอย่างถี่ถ้วน หลังจากนั้นสักพักแววตาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
มองครั้งแรกป้ายสิทธิ์นี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่เมื่อมันใช้เป็นของระบุตัวตน ไม่ว่าหวังหลินจะตรวจสอบมันกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม
แต่หวังหลินยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะตะโกนออกมา “องครักษ์เทพ!”
เงาหวังหลินยื่นออกมาจากร่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันเคลื่อนไปตามผิวหนังและห่อหุ้มตัวเองรอบป้ายสิทธิ์ หวังหลินหลับตาและหยิบยืมระดับบ่มเพาะขององครักษ์เทพเพื่อให้มองทะลุป้ายสิทธิ์ได้ทันที!
หวังหลินลืมตาขึ้นหลังจากนั้นไม่นานนักและเผยสีหน้ามืดมน
“ป้ายสิทธิ์นี้สร้างขึ้นจากวัตถุดิบธรรมดาแต่มีวิชาอยู่ข้างใน วิชานี้คล้ายกับวิญญาณ ดังนั้นข้าจึงเดาว่าตระกูลฮวนรู้เรื่องสมาชิกตระกูลตัวเองตายแล้ว”
หลังขบคิด หวังหลินวางป้ายสิทธิ์ลงและหยิบของสิ่งสุดท้ายขึ้นมาก็คือหินหยก หินหยกนี้ไม่มีสัมผัสวิญญาณอยู่ข้างในเช่นกัน สิ่งเดียวที่อยู่บนนั้นคือเศษเสี้ยวความไม่พอใจของคนตาย
“สามคนนั้นต้องหวาดกลัวอย่างยิ่งราวกับไม่กล้าตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ ไม่เช่นนั้นเศษเสี้ยวความไม่พอใจนี้คงถูกสัมผัสวิญญาณแต่ละคนทำลายไปแล้วตอนที่เข้าดูสมบัติ” สัมผัสวิญญาณของหวังหลินเข้าไปบนหินหยกและเศษเสี้ยวความไม่พอใจนั้นถูกทำลายทันที
ในจังหวะที่สัมผัสวิญญาณของหวังหลินเข้าไป ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายออกมาและเริ่มแตกตัว เมื่อมันกำลังกระจายออกจากบ้านของหวังหลิน ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้นและลำแสงสายฟ้าพุ่งออกมาจากดวงตา
เกิดเสียงคลื่นแตกร้าวออกมาจากสายฟ้า ระลอกคลื่นที่หยกชิ้นนี้ปลดปล่อยออกมาถูกสายฟ้าทำลายหายไปสิ้น
“ข้าทำลายวิชาข้อความที่ทิ้งไว้บนหินหยกนั้นแล้ว” หวังหลินมองข้อมูลที่บันทึกไว้ในหินหยกอย่างละเอียด จากนั้นสักพักหวังหลินก็ถอนสัมผัสวิญญาณออกมาและแววตาสว่างมากยิ่งขึ้น
“มันเป็นเขตแดนพันมายาไร้ปราณีจริงๆ! เช่นนั้นตระกูลฮวนแห่งดาวพันมายาเป็นแบบนี้!” หินหยกบรรจุวิธีฝึกวิชาพันมายาของตระกูลฮวนเอาไว้ แต่ว่ามีกฏเกณฑ์พิเศษวางเอาไว้ในส่วนสำคัญ ดังนั้นแม้คนภายนอกจะได้รับไปก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้
วิธีทำลายกฏเกณฑ์คือสายโลหิต
หากเป็นเรื่องง่ายๆมันคงไม่ต้องทำอะไรมากนัก แต่ที่ทำให้หวังหลินสนใจจริงๆก็คือข้อความที่ทิ้งไว้ในหินหยกของสมาชิกตระกูลฮวนคนนั้น!
“บนดาวหยุนเซีย ข้าได้ค้นพบสายแร่โลหะเพลิง ข้านำมันมาสองชิ้น…”
แววตาลึกลับของหวังหลินส่องสว่างดุจไฟสัญญาณ เขาจ้องหินหยกและพึมพำ “สายแร่ของหินธาตุโลหะ…สายแร่…ไม่สงสัยเลยว่าเขาถูกตามล่าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครที่พบมันจะฆ่าทุกคนเพื่อปิดข่าวนี้”
“สิ่งนี้ยืนยันได้ว่าทั้งสามคนไม่ได้ตรวจสอบหินหยกนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ยอมให้ข้าได้ไป…แน่นอนว่าข้าไม่อาจแหกกฏที่อาจจะมีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด”
หวังหลินขบคิด เป็นไปได้ว่าทั้งสามคนอาจจะไม่รู้เรื่องสายแร่โลหะ
หลังสูดหายใจลึก ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าขาดแค่เพียงธาตุโลหะธาตุเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่ทั้งสายแร่โลหะของโลหะเพลิงจะไม่เพียงพอ! ตามที่ซือถูหนานกล่าวไว้ เมื่อธาตุทั้งห้าเสร็จสมบูรณ์ มันจะถือว่าเป็นเจ้าของ ข้าเพียงไม่รู้ว่ามันมีความสามารถอะไรซ่อนอยู่หลังจากนั้น…”
“หากข่าวของสายแร่โลหะเพลิงไม่ได้ถูกแพร่กระจายออกไปก็คงดี แต่หากไม่แล้ว ใครก็ตามที่กล้าสู้กับข้า ข้าจะสังหารมันซะ!” ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
หวังหลินเก็บทุกอย่างไป ดวงตาส่องประกายพร้อมกับครุ่นคิด
“ข้าเพียงไม่รู้ว่าดาวหยุนเซียอยู่ที่ไหน!” หวังหลินลืมตาขึ้นและกระจายสัมผัสวิญญาณออกทันที เขากวาดสัมผัสวิญญาณไปทั่วดาวรานหยุนและตกลงบนตำแหน่งของซุนซื่อ
ซุนซื่อกำลังนั่งสมาธิอยู่ในบ้านบรรพชนตระกูลซุน พร้อมที่จะบ่มเพาะฝึกฝน ทว่าเขากลับตื่นตะลึงและหันศีรษะมาเมื่อได้ยินเสียงของหวังหลิน
“สลักทุกสิ่งที่เจ้ารู้เกี่ยวกับแผนที่ของดาราจักรทุกชั้นฟ้าและส่งมันให้ข้า”
ดวงตาซุนซื่อส่องสว่างขึ้นและพยักหน้าเล็กน้อย เขานำหินหยกออกมาและเพ่งสมาธิในชั่วจังหวะ จากนั้นโยนหินหยกออกไป มันเลือนหายใทันที
สิบวันผ่านไปในพริบตา หวังหลินได้รับหินหยกเรียบร้อยและพบตำแหน่งของดาวหยุนเซีย ทว่าดาวดวงนี้ค่อนข้างห่างออกไปไกล จากการคาดคำนวณของหวังหลิน หากไม่มีความล่าช้าอันใด การเดินทางหนึ่งรอบกินเวลาหลายเดือน
ข้อมูลในหินหยกจากซุนซื่อได้บอกไว้ว่าไม่มีเซียนอาศัยอยู่บนดาวหยุนเซีย ดาวดวงนี้เต็มไปด้วยพิษที่สามารถฆ่าเหล่าเซียนได้
หวังหลินขบคิดขณะถือหินหยกก้อนนั้นไว้ในมือ ในช่วงเวลาสิบวันนี้เขาศึกษาแผนที่อย่างละเอียดและจดจำมันเอาไว้ ขณะเดียวกันก็จัดระเบียบสมบัติของเขาไปด้วย
ณ วันนี้หวังหลินยืนขึ้นและเดินออกมาจากบ้าน เขาเลือนหายไปและปรากฏตัวห่างจากเมืองไปหลายหมื่นลี้ก่อนจะพุ่งหน้าตรงไปที่ชั้นบรรยากาศ
ชั่วขณะนั้น บรรพชนตระกูลราน ซุนซื่อและเซียนขั้นเทวะอีกคนก็ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน
บรรพชนตระกูลรานมีสีหน้ามืดมนเมื่อมองหวังหลินและเอ่ยถามออกมา “ท่านกำลังจะไปแล้วหรือสหายเซียนซิ่ว?”
ซานเหรินผู้ที่เคยอยู่ตรงธารน้ำแข็งกลับมีสีหน้าแตกต่างกัน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังซ่อนความโกรธของตัวเองเอาไว้ มีเพียงซุนซื่อที่ยิ้มบิดเบี้ยว ตอนที่เขาได้ยินว่าหวังหลินต้องการแผนที่ เขาก็มีความรู้สึกแย่แล้วแต่ไม่คิดว่าซิ่วมู่คนนี้จะคิดจากไปจริงๆ
หวังหลินมองทั้งสามคนอย่างใจเย็น “ข้าจะไม่ทำลายสัญญาที่ข้าให้ไว้ การเดินทางครั้งนี้อย่างมากใช้เวลาหนึ่งปี ไม่ก็เพียงไม่กี่เดือน”
หากไม่ใช่ว่าพวกเขายกหินหยกสวรรค์ทั้งหมดให้ หวังหลินคงไม่ต้องมาอธิบายอะไรกับทั้งสามคนนี้
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหวังหลิน บรรพชนตระกูลรานเกิดการลังเลและกล่าวออกมา “ข้าไม่รู้ว่าสหายเซียนซิ่วมีเรื่องเร่งด่วนอันใด จะมีเราหนึ่งหรือสองคนติดตามไปด้วยได้หรือไม่”
ซานเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “โปรดอย่าดุด่าข้าเลยสหายเซียนซิ่ว เราสามคนต่างให้ทุกอย่างแก่ท่านไปหมดและหลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งเดือนท่านก็ต้องการจากดาวรานหยุนไปแล้ว ในใจเราสามคนอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา”
“สหายเซียนซิ่ว ข้าเชื่อในตัวตนของท่าน แต่เรื่องนี้…” ซุนซื่อยิ้มบิดเบี้ยว
ที่ทั้งสามคนกระทำเช่นนี้มีเหตุมีเหตุอยู่พอควร ไม่ว่ามันจะเป็นใคร หากได้เอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ไป พวกเขาก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
หวังหลินขมวดคิ้ว จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไปและเงยศีรษะขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
อีกสามคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ละคนเงยศีรษะขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
ชั่วขณะนี้เองด้านนอกดาวรานหยุน ฮวนตงกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ดวงตาเย็นเยียบและเผยแววโอหังพุ่งตรงมาที่ดาวรานหยุน
“แม่นางให้ข้าจัดการกับเรื่องนี้ ดังนั้นข้าต้องลงมือให้มันสะอาดหมดจดเพื่อให้นางรับรู้ความตั้งใจของข้า! ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะถูกฆ่า!” แววตาบ้าคลั่งของฮวนตงยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เขาเปลี่ยนเป็นลำแสงสีรุ้งพุ่งตรงไปที่ชั้นบรรยากาศของดาวรานหยุนและตกลงมาดุจอุกกาบาต ลงมาอย่างโอหังยิ่ง เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาอย่างบ้าคลั่งและผสานกับปราณสวรรค์ให้ล้อมรอบดวงดาว ฉากเหตุการณ์นี้ดุจเทพกำลังจุติลงมาจากสรวงสวรรค์
ชั่วขณะนั้นเซียนทั้งหมดบนดาวรานหยุนต่างสัมผัสกลิ่นอายทรงพลังนี้ได้ กลิ่นอายนี้โอหังเป็นพิเศษราวกับมันกำลังมองดูมดตัวเล็กๆไต่อยู่บนผืนดิน
“ข้าฮวนตง สมาชิกระดับสองของตระกูลฮวนแห่งดาวพันมายา เซียนขั้นเทวะทั้งหมดบนดาวรานหยุน จงมาเจอข้าเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงเยือกเย็นเต็มไปด้วยความอหังการ เสียงของเขาดังสนั่นราวกับฟ้าคำรามไปทั่วดวงดาว เซียนทั้งหมดที่มีระดับต่ำกว่าขั้นเทวะต่างตกตะลึงในเสียงนี้และบางส่วนกระอักโลหิตออกมาเนื่องจากการตกใจ
เด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ก้อนหินเป็นหนึ่งในนั้น เดิมทีนางกำลังบ่มเพาะแต่เมื่อสัมผัสวิญญาณที่ผสานกับปราณสวรรค์กวาดผ่านมานางจึงตกใจ จิตใจได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงกระอักโลหิตและอ่อนแอทันที
มีเซียนหลายคนที่เป็นแบบนางบนดาวรานหยุน บรรพชนตระกูลราน ซานเหรินและซุนซื่อต่างมีสีหน้าซีดเผือด
คำว่า “ตระกูลฮวน” เป็นเสมือนกระบี่ที่มองไม่เห็นแทงทะลุจิตใจแต่ละคนในทันทีและทำให้สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปมหาศาล
“พวกเขามา…ตระกูลฮวน…มาแล้ว…” ซุนซื่อพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขามองหวังหลินด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังแต่สายตาเดียวกันนั้นก็มีความหวังอันริบหรี่อยู่เล็กๆ
บรรพชนตระกูลรานก็เช่นเดียวกัน เขามองหวังหลินเหมือนกันกับซานเหรินด้วย
หวังหลินมีสีหน้าเช่นเดิมแต่แววตาแฝงความเย็นชา
นี่คือเอาเงินคนอื่นมาเพื่อช่วยพวกเขากำจัดภัยพิบัติ สัมผัสวิญญาณของหวังหลินกระจายออกมาดุจสายฟ้าคำราม จับจ้องไปบนท้องฟ้าโดยไม่มีการรั่วไหลและเปลี่ยนกลายเป็นคำพูดหนึ่งคำ
“ไปซะ!”
เพียงหนึ่งคำนี้ถึงกับทำให้สายฟ้าปรากฏขึ้นและระเบิดพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ฮวนตงที่พึ่งพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามากลับเจอสายฟ้าตกเข้าใส่เขา ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารและตะโกนเสียงดัง “รนหาที่ตาย!” สิ้นคำนั้นฝ่ามือสร้างผนึกและรวบรวมลำแสงสีขาวหนึ่งเส้นในฝ่ามือ กลิ่นอายหยินอันเย็นเยียบกระจายออกมารวมกันและกระจายไปรอบดาวทันที
สำหรับเซียนที่บรรลุขั้นเทวะ เขตแดนได้ผสานเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมไปแล้ว แม้ว่าเขาคนนี้จะมาจากตระกูลฮวนแต่พรสวรรค์ของเขามีขีดจำกัดจึงไม่สามารถฝึกฝนเขตแดนพันมายาไร้ปราณีได้ เขาจึงฝึกฝนวิชาระดับสองของตระกูลในชื่อ ศาสตร์เจตจำนงเบญจธาตุ
เขตแดนของเขาคือธาตุโลหะของธาตุทั้งห้าชนิด โลหะเป็นตัวตนของความเป็นอมตะและทนทาน เขตแดนของเขาเคลื่อนไหวด้วยวิชาและฝ่ามือส่องสว่างขึ้น ในจังหวะนั้นราวกับแสงที่ส่องสว่างนี้ได้แทนที่แสงจากท้องฟ้าและดูเหมือนจะดูดซับแสงจากท้องฟ้าไปหมด เขาใช้อำนาจของแสงและประทับฝ่ามือลงไป
หวังหลินยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม แสงสายฟ้ากระพริบผ่านดวงตาและกระจายไปทั่วร่างกาย เขาดูเหมือนกับเทพแห่งสวรรค์ที่สามารถควบคุมทุกสิ่งอย่างได้ พลันชี้นิ้วออกและดัชนีแห่งความตายพุ่งออกไป ดัชนีแห่งความตายนี้บรรจุสายฟ้าทรงพลังไว้ด้วยดังนั้นมันจึงรุนแรงมากกว่าชายคนนั้นหลายเท่า ซึ่งหากมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วมันสามารถทำให้เขารู้สึกว่ากำลังเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ได้เลยทีเดียว