Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 733

Cover Renegade Immortal 1

733. ขโมยเตาหลอม

ค่ายกลขนาดใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นมาด้วยหยกสวรรค์ ตั้งอยู่เหนือทะลทรายกว้างใหญ่ทางฝั่งเหนือของดาวฉิงหลิน

หวังหลินนั่งบ่มเพาะอยู่ใจกลางค่ายกล ทุกครั้งที่เขาหายใจจะดูดซับพลังปราณสวรรค์จำนวนมากเข้าไปในร่าง

วงจรนี้ซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า พลังปราณสวรรค์ในร่างหวังหลินค่อยๆควบแน่นอย่างช้าๆ

ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และยังเป็นก้าวที่สามารถเอื้อมถึง เหตุผลนั้นไม่ใช่เพราะเขตแดนหรือหินหยกสวรรค์ แต่เป็นพลังดั้งเดิม!

หากตอนที่บรรลุขั้นเทวะ พลังดั้งเดิมที่ผสานเข้าไปในวิญญาณมีไม่เพียงพอ เมื่อนั้นพวกเขาสามารถบรรลุขั้นเทวะได้แต่ไม่มีวันขึ้นไปถึงจุดสูงสุด

ขณะเดียวกันหากรวบรวมพลังดั้งเดิมเพียงพอแต่ได้วิญญาณได้รับบาดเจ็บจนทำให้เสียพลังดั้งเดิมไป เมื่อนั้นก็ไม่สามารถบรรลุระดับสูงสุดได้เช่นเดียวกัน

กล่าวได้ว่าพลังดั้งเดิมเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุระดับสูงสุดของเซียนขั้นแรก

เพิ่มเติมจากการที่เซียนขั้นเทวะไม่สามารถดูดซับพลังดั้งเดิมจากในโลกเพื่อฟื้นฟูได้ เป็นธรรมดาที่ไม่ได้มีคนมากนักบรรลุระดับสูงสุด

หลังจากหวังหลินบ่มเพาะอยู่ในทะเลสาปสายฟ้า เขาบรรลุขีดสูงสุดของพลังดั้งเดิมที่วิญญาณสามารถรับได้และเป็นความต้องการพื้นฐานที่สุด ขณะที่เขตแดนของเขาถูกปรับแต่ง มันช่วยขับเคลื่อนระดับบ่มเพาะไปด้วย เมื่อหวังหลินดูดซับพลังปราณสวรรค์ เขาก็ค่อยๆเข้าขึ้นไปสู่ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดอย่างช้าๆ

แต่ว่าจำนวนพลังปราณสวรรค์ที่จำเป็นในการบรรลุระดับสูงสุดของขั้นแรกนี้นับว่ามากมายมหาศาล หลังจากดูดซับมาหนึ่งปี หวังหลินใช้หินหยกสวรรค์จนหมด จากนั้นเขาก็นำน้ำทิพย์สวรรค์ออกมาและดื่มไปโดยไม่ลังเล

น้ำทิพย์สวรรค์เข้าสู่ร่างกายพร้อมกับเกิดสัมผัสมึนเมารุนแรง ร่างหวังหลินปลดปล่อยหมอกสีขาวแฝงกลิ่นเหล้าและแพร่กระจายทั่วพื้นที่

ขณะเดียวกันน้ำทิพย์สวรรค์ก็ส่งพลังปราณสวรรค์จำนวนมากเข้าสู่ร่างหวังหลิน ราวกับพลังรุนแรงสายหนึ่งกำลังผลักดันระดับบ่มเพาะให้ก้าวขึ้นสู่ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่คิด ปราณสวรค์ก็เคลื่อนไปพร้อมกับกลิ่นอายของคนผู้นั้น นี่คือคำอธิบายของเซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด เมื่อเขตแดนสมบูรณ์ไร้ที่ติและหัวใจแห่งเต๋าหนักแน่นพอ ร่างกายเติมเต็มไปด้วยปราณสวรรค์และมันลุกลามไปถึงกลิ่นอายของคนผู้นั้นด้วย

หวังหลินบรรลุขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดในปีที่สิบเก้าเดือนที่แปด หลังจากมาอยู่บนดาวฉิงหลิง!

เมื่อเขาทะลวงผ่าน หินหยกสวรรค์ทั้งหมดภายในระยะหลายลี้รอบตัวหวังหลินเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง ใบไม้ใบหญ้าเริ่มเติบโตออกมาจากดินแดนแห้งแล้วราวกับเต็มไปด้วยชีวิต

หวังหลินลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สายตาบรรจุอำนาจแห่งสวรรค์

“พันปีแห่งการฝึกเซียน ในที่สุดข้าก็บรรลุความสำเร็จ…” หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอกและเผยรอยยิ้มมุมปาก

มองกลับไปเมื่อพันปีก่อน ตอนที่เขาเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆในสำนักเหิงยั่ว แต่ตอนนี้เขาบรรลุระดับสูงสุดของขั้นแรกและก้าวข้ามจูเซว่จื่อไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครบนดาวซูซาคุจะคาดคิดได้

หวังหลินไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่สัมผัสกระเป๋า พลันปรากฏพู่กันสวรรค์สีทองในฝ่ามือ หวังหลินกำมันไว้และเริ่มวาดเบื้องหน้าราวกับแขนกำลังเต้นระบำ

ขีดจำกัดก่อนหน้านี้คือเจ็ดเส้นทึบ ตอนนี้เขาสามารถทำมันให้ครบเจ็ดเส้นในเวลาหนึ่งลมหายใจและจากนั้นวาดอีกเส้นเพื่อเติมเต็มให้ครบแปด แสงแพรวพราวจากสัญลักษณ์รูนเพียงพอที่จะพาความคิดคนให้ลอยออกไป

“พลังของแปดเส้นเหนือกว่าเจ็ดเส้นไปหนึ่งระดับ!” ดวงตาหวังหลินเงียบสงบ ตอนนี้เขาดุจผู้รอบรู้มากกว่าเซียนเสียอีก

เมื่อเก็บพู่กันกลับไป สัญลักษณ์รูนก็เลือนหาย สัมผัสวิญญาณที่แบ่งเข้าไปในรูนได้กลับคืนสู่ร่างหวังหลิน

หวังหลินยืนขึ้นก้าวเดินไปข้างหน้าและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ครึ่งเดือนถัดมา ประกายสายฟ้าเส้นหนึ่งออกไปจากดาวฉิงหลิงและพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า หวังหลินนั่งหลับตาและนิ่งเงียบอยู่บนหลังอสูรสายฟ้า

เซียนทั้งหมดบนดาวฉิงหลินเงยศีรษะขึ้นมา ท่ามกลางสายตาความเคารพ พวกเขาผ่อนคลายเล็กน้อยขึ้นด้วย ราวกับแรงกดดันที่มองไม่เห็นค่อยๆหายไปเมื่อหวังหลินจากไป

ก่อนที่จะจากไป หวังหลินเก็บผลทะยานสวรรค์ทั้งหมดที่ปลูกไว้ระหว่างช่วงระยะเวลาสิบปี อีกทั้งยังมีคลื่นกลิ่นอายขุ่นเคืองที่รวบรวมเอาไว้ด้วย ซึ่งทำให้วิญญาณแม่น้ำอเวจีแสดงอาการกำลังจะตื่น

ริ้วสายฟ้าข้ามผ่านดวงดาว หวังหลินออกมาจากดาวฉิงหลิงหลังจากอาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบยี่สิบปี

ที่นี่คือถ้ำของเขา หลังจากได้รับเตาหลอมอัสนี เขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ซึ่งการเข้าแดนสวรรค์อัสนีจากที่นี่นับว่าปลอดภัยกว่า

ขณะริ้วสายฟ้าพุ่งผ่านอวกาศ หวังหลินลืมตาขค้นมาและเริ่มขบคิด

หากเขาต้องการเข้าแดนสวรรค์อัสนี จำเป็นต้องมีเตาหลอมอัสนี ซึ่งหากไม่มีมันก็ไม่มีทางที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์อัสนีได้ หวังหลินย่อมรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา

ทว่าดาราจักรทุกชั้นฟ้าแตกต่างจากดาราจักรพันธมิตรเซียน เตาหลอมไม่ได้แยกย้ายกันไปแบบสุ่มๆแต่กลับทั้งหมดปรากฏขึ้นมาในอารามเทพอัสนีอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยเหตุผลไม่ทราบแน่ชัด อารามเทพอัสนีจึงมอบให้กับตระกูลเซียนแต่ละตระกูลอยู่จำนวนหนึ่ง

ตอนนี้เหลือเวลาเพียงสามเดือนจนกว่าแดนสวรรค์อัสนีจะเปิดขึ้น นี่เป็นตอนที่ตระกูลทั้งหมดได้รับเตาหลอมอัสนีกันแล้ว ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและตัดสินใจมุ่งมั่น

“เมื่อข้าไม่มีเตาหลอมอัสนี ข้าก็แค่ขโมยมา!” มือขวาตบบนหัวอสูรสายฟ้าเบาๆ มันร้องคำรามราวกับกำลังเริงร่า

ความจริงแล้วหากให้เฉิงกงฮู่หาให้ เขาก็สามารถได้มาสักชิ้นนึง ทว่าระดับบ่มเพาะของเฉิงกงฮู่ทรงพลังเกินไป หากทั้งสองเจอกันบ่อยเกินไป เฉิงกงฮู่อาจจะมองเห็นระดับของเขาได้ หวังหลินไม่ต้องการเจอกันเว้นแต่จะเป็นเรื่องสำคัญ

ไม่ใช่เซียนทุกคนที่เข้าสู่แดนสวรรค์อัสนีจะเป็นขั้นที่สอง นอกจากนั้นไม่ได้มีเซียนขั้นที่สองมากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างขั้นเทวะและขั้นแปลงวิญญาณ

ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้าฝั่งทิศใต้ หวังหลินค้นพบดาวเคราะห์เซียนแห่งหนึ่งด้วยการช่วยเหลือของหินหยกที่เฉินกงฮู่ทิ้งไว้ให้ หวังหลินไม่ได้ตรวจสอบชื่อเสียงเรียงนามของสองตระกูลในดาวเคราะห์นี้ ทุกครั้งที่แดนสวรรค์อัสนีเปิดขึ้น สองตระกูลที่นี่จะได้รับเตาหลอมสักชิ้นหรือสองชิ้นอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นสองตระกูลนี้ไม่ได้มีคนที่ระดับเหนือกว่าขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด

หลังมาถึงบนดาวเคราะห์เซียน หวังหลินตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณจึงพบว่าหัวหน้าของทั้งสองตระกูลไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงหลับตาทำสมาธิบ่มเพาะอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งเดือนก่อนที่แดนสวรรค์จะเปิดขึ้นมีเส้นแสงมากกว่าสิบเส้นพุ่งเข้าหาหวังหลินดุจดาวตก

ในหมู่เซียนสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นมีขั้นมายาหยินขณะที่คนอื่นๆอยู่ในช่วงขั้นเทวะและแปลงวิญญาณ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องหยุดลงและสายตาตกลงไปบนหวังหลินที่อยู่ห่างไกลทันที

เซียนขั้นมายาหยินเป็นชายชราผมสีเงิน ดวงตาเปล่งแสงเรืองรอง ในร่างไม่ได้มีพลังดั้งเดิมมากนักและพลังดั้งเดิมในปัจจุบันยังค่อนข้างไม่มั่นคงยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาพึ่งบรรลุขั้นมายาหยินได้ไม่นาน เขาก้าวเข้ามาข้างหน้า พลันมองหวังหลินด้วยสายตาลังเล

ชายชราถามขึ้น “ทำไมท่านผู้ส่งสาส์นถึงได้มาที่ดาวเซิ่งตาน?”

หวังหลินลืมตาขึ้นมาและขมวดคิ้วโดยไม่มีใครเคน ดวงตาสงบนิ่งเอ่ยถามตรงๆ “พวกเจ้าทั้งหมดกลับมาจากการคัดเลือกเตาหลอมอัสนีใช่หรือไม่?”

สีหน้าชายชราเปลี่ยนแปลงไปและเอ่ยขึ้น “ถูกต้องแล้ว ผู้ส่งสาส์นต้องการสิ่งใด? โปรดบอกมา!”

หวังหลินถามท่าทีสงบ “ข้าต้องการเตาหลอมอัสนี!”

ชายชรามองหวังหลินอยู่พักใหญ่จากนั้นหัวเราะ เสียงหัวเราะแฝงความโอหังเอาไว้และตะโกนขึ้น “ในระหว่างการเดินทางสู่อารามเทพอัสนีครั้งนี้ ข้าได้ยินข่าวลือบางอย่างจากคนในตำแหน่งผู้ส่งสาส์น เดิมทีข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่วันนี้หลังจากเห็นเจ้าข้าก็มั่นใจได้ว่าเจ้าเป็นตัวปลอมแน่นอน!”

“งั้นรึ?” หวังหลินมองชายชราด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ

ชายชราเยาะเย้ย “ผู้ส่งสาส์นคนใดของอารามเทพอัสนีจะไม่มีตระกูลมากมายอยู่ใต้อาณัติบ้างเล่า? การได้รับเตาหลอมอัสนีสักชิ้นถือเป็นเรื่องง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นข้าเคยเจอผู้ส่งสาส์นทั้งหมดในเขตใต้ แต่เจ้าไม่คุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด!”

“ที่สำคัญก็คือ ผู้ส่งสาส์นทั้งหมดต่างรวมตัวกันที่อารามเทพอัสนี พวกเขาจะไม่ออกมาจนกว่าแดนสวรรค์อัสนีจะเปิด!”

หวังหลินพยักหน้าและไม่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีก เงาด้านหลังเคลื่อนไหวและองครักษ์เทพปรากฏตัวขึ้น มันพุ่งออกมาและโยนกำปั้นใส่ด้วยกระบวนท่าเดียว

กำปั้นพุ่งเข้าหาชายชราพร้อมทั้งเกิดคลื่นเสียงกระแทกขนาดใหญ่

สีหน้าชายชราเปลี่ยนไป เขาคิดว่าหวังหลินเป็นเพียงแค่เซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดเท่านั้น แม้จะคิดว่าอสูรสายฟ้าของหวังหลินเป็นตัวหลอม แต่เขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินจะมีหุ่นเชิดเช่นนี้

ชายชราสร้างผนึกขึ้นมาและชี้ไปมาข้างหน้า เปลวเพลิงสีดำปรากฏขึ้นในฝ่ามือทันที เขาสะบัดเพลิงพุ่งออกไปและมันแบ่งตัวออกเป็นแสงไฟนับไม่ถ้วนล้อมรอบทั่วบริเวณ

ตระกูลของเขาล่าถอยออกไปแล้วและเฝ้าดูอยู่ห่างๆ

หุ่นเชิดองครักษ์เทพไม่ได้ใส่ใจประกายไฟเลยและปล่อยให้ตกบนร่างของมัน ไม่เพียงแต่มันไม่ชะลอตัวลงแต่กลับเคลื่อนไหวเร็วขึ้นไปอีก กำปั้นบิดเบี้ยวผ่านอากาศ ทะลุผ่านเข้ามาและพุ่งตรงเข้าหาชายชราก่อนหนึ่งก้าว

สีหน้าชายชราเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและล่าถอยทันที ในเวลาเดียวกันฝ่ามือสร้างผนึกจนเกิดโล่ห์เพลิงขึ้นเบื้องหน้า กำปั้นองครักษ์เทพตกลงใส่โล่ห์เพลิงจนเกิดเสียงดังสนั่น

โล่ห์เพลิงเกิดรอยร้าวทันทีและแตกสลายลง

เมื่อเสียงดังกึกก้อง ชายชราล่าถอยด้วยใบหน้าซีดเผือด องค์รักษ์เทพถูกผลักถอยกลับไปหลายก้าวเช่นเดียวกัน เพลิงสีดำกำลังลุกไหม้บนแขนและแพร่กระจายทั่วร่างกายอย่างช้าๆ

“ข้าต้องการเพียงเตาหลอมอัสนีเท่านั้น!” หวังหลินมองชายชราด้วยสายตานิ่งเรียบ

ชายชราจ้องหวังหลิน กำปั้นจากหุ่นเชิดทำให้เขาตกใจมาก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะหุ่นเชิดที่มีระดับบ่มเพาะคล้ายกันแบบนี้ เว้นแต่จะใช้วิชาพลังดั้งเดิม

“การที่เขามีหุ่นเชิดแบบนี้ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา แม้จะแอบอ้างเป็นผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีแต่กลับไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้า เพียงแค่…หากข้ายื่นเตาหลอมอัสนีให้ ใบหน้าของตระกูลจางทั้งหมดจะพังย่อยยับ…” ชายชราตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากหวังหลินบรรลุขั้นที่สอง บางทีชายชราคงยื่นส่ให้ไปแล้ว นอกจากนั้นทางตระกูลได้เตาหลอมมาสามชิ้น การยกให้สักหนึ่งชิ้นเป็นของขวัญไม่ถือว่าเป็นปัญหา แต่ว่าหวังหลินเป็นเพียงขั้นเทวะระดับปลายเท่านั้น หากเขาเพียงแค่ส่งเนื่องจากยอมแพ้ เขาก็คงเสียหน้าหมดแน่

หวังหลินไม่ได้อยากจะจัดการกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ แม้ระดับบ่มเพาะของคนตรงหน้าจะเหนือกว่าที่คาดการณ์เอาไว้สักหน่อย ชายชราที่พึ่งจะเข้าสู่ขั้นมายาหยินและไม่เสถียรดีนัก ด้วยระดับปลายสูงสุดของหวังหลินพร้อมกับวิชาและสมบัติของเขา การต่อสู้กับชายชราคนนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

หวังหลินตบกระเป๋านำหินภูเขาขึ้นมาปรากฏในฝ่ามือทันที หินก้อนนี้เปลี่ยนกลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่เปล่งพลังปราณสวรรค์จำนวนมากพร้อมกับแรงกดดันเหลือล้น

หวังหลินกดมือขวาลงไปจึงทำให้ภูเขาสั่นเทาทันที จากนั้นกลิ่นอายโบราณรวบรวมด้านล่างแขนขวา เมื่อหวังหลินยกแขนขวาขึ้นพลันเกิดสายหมอกรวมตัวกันจนสร้างเป็นเมฆหมอกขนาดเท่ากำปั้น

ขณะที่ชายชราเห็นเช่นนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปมหาศาล สายตาหวาดกลัวและร้องอุทาน “วิชาแยกวิญญาณ! เจ้าเป็นแค่ระดับสูงสุดของขั้นแรกเท่านั้น เจ้าใช้วิชาเช่นนี้ได้อย่างไร?”

หวังหลินผลักแขนขวามาข้างหน้าด้วยสายตาสงบนิ่ง สายหมอกลอยออกมาพร้อมกับแรงกดดันทรงพลังเข้าใส่ชายชราทันที ขณะเดียวกันหวังหลินก็พุ่งตัวออกไปตามหลังสายหมอกไปติดๆ เขายกแขนขวาขึ้นและรวบรวมประกายสายฟ้าไว้ในมือ สายฟ้าร้องคำรามออกมาจากดวงดาวและพริบตานั้นเกิดสายฟ้าขึ้นมาจริงๆในแขนหวังหลิน

ตอนนี้หวังหลินดุจเทพที่สามารถบงการฟ้าร้องฟ้าผ่าได้ ด้วยประกายสายฟ้าในมือ หวังหลินเดินเข้าหาชายชราด้วยแววตาเย็นยะเยือก

ชายชราล่าถอยมากกว่าเดิม ฝ่ามือสองข้างสร้างผนึกและชี้ตรงระหว่างคิ้ว จุดตรงระหว่างคิ้วเริ่มหมุนแปลกประหลาดและเกิดช่องว่างสร้างขึ้นมาราวกับมีตาที่สาม!

ตาที่สามของเขาเป็นสีแดงเถือกขณะที่โลหิตในร่างกายหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะควบแน่นอยู่บนใบหน้า พลังดั้งเดิมในร่างกายเคลื่อนไหวไปด้วยอย่างบ้าคลั่งเช่นกันและรวบรวมระหว่างคิ้ว

การทำทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังถูกฉีกกระชาก ดวงตาที่สามค่อยๆเปิดขึ้นตรงระหว่างคิ้วพร้อมกับเกิดความเจ็บปวดขึ้นเต็มไปทั่วร่างกาย ชายชราร้องคำรามจ้องใส่หวังหลิน จากนั้นมือสองข้างสร้างผนึกชี้ใต้หูสองจุดด้วยแรงกดดันรุนแรง

ทันใดนั้นดวงตาที่สามพลันเปิดขึ้นทันที แสงสีแดงออกมาจากข้างในและแพร่กระจายดุจใบพัด

ท่าทางหวังหลินเปลี่ยนไป วิชาของคนตรงหน้าประหลาดเกินไปดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะช้าลงเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อวิญญาณภูเขาเข้าไปใกล้ ดวงตาที่สามก็เปิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

วิญญาณภูเขาเริ่มแตกสลายอย่างรวดเร็วภายในแสงสีแดง ซึ่งทำให้แววตาหวังหลินขมวดเข้าด้วยกัน เขาโยนประกายสายฟ้าในมือออกไปโดยไม่ลังเล

ประกายสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ชายชรา ชายชราไม่สามารถใช้วิชาดั้งเดิมด้วยพลังเต็มที่ได้เพราะเขาพึ่งบรรลุขั้นมายาหยินเมื่อสองปีก่อนและกำลังขาดแคลนพลังดั้งเดิม

ด้วยเหตุนี้ แสงสีแดงจากดวงตาที่สามจึงคงอยู่เพียงสามลมหายใจก่อนจะไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ดวงตาปิดลงโดยอัตโนมัติและสลายหายไปทันที

ในขณะที่สายฟ้าและวิญญาณภูเขาไม่ได้แตกสลายอย่างสมบูรณ์ ชายชรากัดฟันแน่น จากนั้นนำสิ่งหนึ่งออกมาจากะเป๋าและยกมันขึ้นไว้เหนือศีรษะ!

หวังหลินยื่นมือซ้ายออกไปและรับสิ่งในมือนั้นกลับมา ของสิ่งนี้คือเตาหลอมอัสนี!

หลังเก็บเตาหลอมอัสนีไปแล้ว หวังหลินไม่ได้จากไปไหน สายตาส่องประกายประหลาดมองไปที่ชายชราและเอ่ยถามขึ้น “เจ้าจะแลกเปลี่ยนวิชาที่พึ่งใช้กับข้าได้ไหม?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!