741. ชิงตำแหน่ง
ขณะที่แส้ฟาดโดนร่างกายซิ่วเฟิงหาน เขารู้สึกเย็นวาบขึ้นมาชั่วขณะ ความคิดวุ่นวายก่อเกิดขึ้นมาในใจดุจสายน้ำหลาก ความคิดพวกนั้นสับสนวุ่นวายอยู่ภายในร่างและทำให้เขารู้สึกกำลังถูกฉีกกระชาก
การก้าวเท้าช้าลงโดยไม่รู้ตัว กระทั่งเต๋าก็ไม่มั่นคง
ไม่อาจจินตนาการได้ว่าแส้ประเภทไหนถึงมีพลังอำนาจน่าหวาดกลัวขนาดนี้ ตอนที่หวังหลินพุ่งออกไปนี้ เขาไม่ได้พุ่งเข้าหาซิ่วเฟิงหานแต่พุ่งเข้าหาดอกบัวของซิ่วเฟิงหาน
ช่วงชิงตำแหน่ง!
เส้นผมหวังหลินพริ้วไหวและเสื้อผ้ากระพือไปตามสายลม ดวงตาส่องประกายดุจสายฟ้า แม้ว่าใบหน้าจะซีดเผือดแต่ยังปลดปล่อยกลิ่นอายทรงอำนาจออกมา
เมื่อยืนอยู่บนยอดดอกบัวเต๋าของซิ่วเฟิงหาน หวังหลินหันกลับมา ดวงตาส่องสว่างดุจคบเพลิงมองไปที่ซิ่วเฟิงหาน
หวังหลินยืนอยู่บนดอกบัวซึ่งเหมือนกับยืนอยู่บนเต๋าของซิ่วเฟิงหาน แม้ว่าในความจริงไม่มีผลกระทบอะไร แต่ทางสัญลักษณ์มันคือการโจมตีทางความคิด!
ท้ายที่สุดซิ่วเฟิงหานก็ระงับความคิดโกลาหลทั้งหมดลงไปได้ จิตใจแห่งเต๋าของเขาอ่อนแอไปแล้วและเมื่อเห็นหวังหลินยืนอยู่บนดอกบัวของเขา ใบหน้าท่าทางจึงซีดเผือดทันที
หงังหลินจ้องซิ่วเฟิงหานอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาสะบัดแขนเสื้อและนั่งลงบนดอกบัวไปจริงๆ ตอนนี้พลังอำนาจของแม่น้ำอเวจียิ่งเข้มข้นขึ้นและล้อมรอบดอกบัวทันที
ซิ่วเฟิงหานพ่ายแพ้การประลองเต๋า…สีหน้าท่าทางซีดเผือดและกระอักโลหิตออกมาจากปาก จากนั้นล่าถอยทันทีและในเวลาเดียวกันก็สร้างผนึกในฝ่ามือขึ้นมา พลังดั้งเดิมในร่างกายรวบรวมไว้ที่ฝ่ามือทันที
“ข้ายังมีวิชาดั้งเดิม! เทพมารถือกำเนิด!” ใบหน้าซิ่วเฟิงหานดุร้ายขึ้นไปอีก เขาเกลียดศัตรูคนนี้ไปแล้วผู้ที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จัก รู้แต่เพียงแค่ว่าเกลียดเข้ากระดูก!
พลั้งเดิมรวบรวมอยู่ในฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นเปลวเพลิงปิศาจสีดำพลันก่อตัวขึ้นมาจากระหว่างสองมือ เปลวเพลิงนี้ราวกับเพลิงเทียนที่กำลังกระพริบ ราวกับว่ามีปิศาจดิ้นรนกลืนกินหัวใจอยู่ข้างในเปลวเพลิง
เพียงกระพริบตา เพลิงปิศาจก็ดูดซับพลังดั้งเดิมจำนวนมากเข้าไปจนทำให้มันกระพริบสว่างเจิดจ้าและขยายตัวออกใหญ่โต มันปลดปล่อยควันสีดำหนาแน่นจนเปลี่ยนเป็นรูปร่างปิศาจเขาเดียว รูปลักษณ์ของมันคล้ายกับเจ้าเศษมารแต่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่า
ภายในจิตใจหวังหลินปรากฏสัมผัสวิกฤตรุนแรงขึ้นมา ฝ่ามือขวาตีเข้ากับดอกบัว จากนั้นกระโดดออกไป กดฝ่ามือเข้าระหว่างคิ้วและพุ่งตรงเข้าหาเจ้าปิศาจ
หวังหลินใช้ความเร็วสูงสุด และเมื่อเข้ามาใกล้แล้ว ดวงตาที่สามระหว่างคิ้วพลันปลดปล่อยแสงสีแดงทรงพลัง แสงสีแดงนี้ไม่ได้แพร่กระจายออกไปแต่รวมกันอยู่จุดเดียวจนหวังหลินดูชั่วร้ายยิ่ง
ขณะที่เจ้ามารปรากฏขึ้นมา มันร้องคำรามและกัดไหล่ซิ่วเฟิงหาน จากนั้นลากเขาเข้าไปในอากาศและกลืนกินทันที
หลังกินเสร็จเรียบร้อย มันหันศีรษะกลับมาจ้องหวังหลิน จากนั้นพุ่งออกไปพร้อมกับร้องคำรามและตวัดกรงเล็บไปด้วย กรงเล็บของมันสามารถฉีกกระชากฟ้าดินปลดปล่อยเสียงโหยหวนรุนแรง
เส้นเลือดบนใบหน้าหวังหลินปูดพอง ดวงตาที่สามระหว่างคิ้วพลันลืมตาขึ้นมาทันทีและปลดปล่อยแสงสีแดงรูปร่างใบพัด
ร่างปิศาจตนนั้นถูกเผยตัวให้กับแสงสีแดงรูปใบพัดทันทีและดูราวกับมันกำลังจะโปร่งใส แม้แต่ซิ่วเฟิงหานที่เหมือนกับตัวอ่อนข้างในเจ้าปิศาจก็ยังมองเห็นได้!
ขณะที่กรงเล็บเจ้าปิศาจเข้ามาใกล้ หวังหลินชี้มือขวาใส่มันและตะโกน “หยุด!”
วิชายับยั้งดุจพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ราวกับทั้งโลกหยุดหมุนในจังขณะ แม้ว่าเจ้าปิศาจฟื้นฟูขึ้นมาแทบจะทันที แต่การหยุดครั้งนี้ได้ให้โอกาสหวังหลินได้อย่างดีเยี่ยม!
ตอนนี้เจ้าปิศาจถูกล้อมรอบด้วยแสงสีแดงอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของมันปลดปล่อยควันสีดำออกมาจำนวนมาก ทั้งยังส่งเสียงร้องโยหวนและกรีดร้องรุนแรง แม้แต่ซิ่วเฟิงหานที่อยู่ในสภาวะนิ่งข้างในร่างเจ้าปิศาจยังต้องลืมตาขึ้นมา
สีหน้าหวังหลินซีดขาว เขาไม่สามารถคงสภาพแสงสีแดงจากดวงตาที่สามได้นานเกินไปเพราะวิชานี้ใช้พลังดั้งเดิมมากมาย หวังหลินสามารถคงสภาพดวงตาที่สามให้เปิดไว้ได้เพียงแค่สองลมหายใจเท่านั้นก่อนที่แสงจะเลือนหายไป
อย่างไรก็ตามในตอนนี้หวังหลินตบกระเป๋านำกระบี่สวรรค์ไว้ในมือ เขาเงื้อมกระบี่ขึ้นมาและฟันลงไปอย่างรวดเร็ว!
ตัดสวรรค์!
เสียงคำรามสนั่นกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน! สิ่งที่ถูกตัดไม่ใช่เลือดเนื้อหรือพลังอะไรแต่เป็นกฏแห่งโลก เมื่อกฏนั้นถูกตัด เหล่าวิชาจะพังทลายไปโดยธรรมชาติ!
การตัดสวรรค์ครั้งนี้ได้ยอมให้เจ้าฉวี่ลี่กั๋วกระทำในส่วนของมัน เจตจำนงกระบี่โบราณอันหนาแน่นเต็มไปทั่วโลกทันที
กระบี่สวรรค์ฟาดลงไปแต่เจ้าปิศาจไม่ได้บาดเจ็บเลย สายตาซิ่วเฟิงหานส่องสว่างขึ้นข้างในเจ้าปิศาจ ทว่าขณะนั้นไม่ว่าจะเป็นเจ้าปิศาจหรือซิ่วเฟิงหาน ไม่มีคนใดขยับเคลื่อนไหวได้เลยสักนิ้ว
วินาทีถัดมา เจ้าปิศาจเกิดรอยร้าวขึ้นและพลังมารหลุดออกมาจากรอยร้าว ต่อมาพลังมารกระจายกันออกไปและซิ่วเฟิงหานถูกเผยตัวขึ้น
ซิ่วเฟิงหานตายไปแล้ว!
โลหิตซึมออกมาจากมุมปากหวังหลิน การฆ่าเซียนขั้นมายาหยินเป็นเรื่องยากจริงๆ หวังหลินเก็บกระบี่สวรรค์และยื่นมือออกเข้าหาพื้นดิน เขารวบรวมเศษสมบัติที่กระจัดกระจายทั้งหมดและจากไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนดอกบัวปิศาจนั้นอยู่ในแม่น้ำอเวจี ด้วยเหตุผลบางอย่างมันไม่ได้หายไปไหน มันถูกแม่น้ำอเวจีดูดซับไปแทนและหล่อหลอมอย่างช้าๆ
หวังหลินสังเกตสิ่งนี้ได้จึงเผยท่าทางครุ่นคิด
“ข้าสงสัยว่ารูปร่างทางกายภาพของเต๋าจะสามารถปรับแต่งให้กลายเป็นสมบัติวิเศษได้หรือไม่…”
หวังหลินเหาะเหินทั้งยังแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปด้วย การต่อสู่ครั้งนี้ทำให้เซียนบางส่วนสนใจแน่นอน ดังนั้นหวังหลินจึงรีบเหาะเหินออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะห่างออกไปหมื่นลี้เขาก็ยังไม่หยุด
เศษส่วนของแดนสวรรค์ชิ้นนี้กว้างใหญ่ไพศาลและมั่นคงมากกว่าแดนสวรรค์พิรุณ หากที่นี่เป็นแดนสวรรค์พิรุณ การต่อสู้ครั้งนี้คงทำให้ทั้งเศษแดนสวรรค์พังทลายไปอย่างแน่นอน
หวังหลินเหาะเหินอยู่สามวันจนในที่สุดก็เห็นชายขอบเบื้องหน้า เมื่อถึงตรงนี้เขาก็หยุดชะงักและมองไปรอบๆ ห่างออกไปไม่ไกลนักมีภูเขาลูกหนึ่งเต็มไปด้วยสายฟ้าตั้งอยู่
หวังหลินตรงไปที่ภูเขาลูกนั้น เขาใช้กระบี่สวรรค์เพื่อสร้างถ้ำขึ้นมาก่อนจะนั่งลงฝึกฝน
ในระหว่างการต่อสู้กับซิ่วเฟิงหาน หวังหลินใช้ตัดสวรรค์และตาที่สาม ดังนั้นพลังดั้งเดิมในร่างกายจึงถูกใช้ออกไป ทว่าเขาได้กลืนกินสายฟ้าสวรรค์ไปสองเส้นครึ่งซึ่งหวังหลินไม่ได้หลอมรวมมันแต่เก็บเอาไว้ในร่างกาย เขาจึงรีบหลอมรวมมันอย่างรวดเร็วและฟื้นฟูพลังดั้งเดิมที่ใช้ไปในการต่อสู้
นอกจากนี้ที่นี่คือแดนสวรรค์อัสนี ดังนั้นทุกสิ่งอย่างรวมไปถึงต้นไม้ใบหญ้าและภูเขาต่างก็มีสายฟ้า ที่นี่จึงเสมือกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับหวังหลิน การฝึกฝนอยู่ที่นี่จะก้าวหน้าได้เร็วกว่าข้างนอกมากมาย
หวังหลินเสมือนกับปลาที่อยู่ในน้ำ
ขณะที่กำลังฝึกฝนอยู่นั้น หวังหลินนำดอกบัวออกมาจากแม่น้ำอเวจี ดอกบัวนี้เยือกเย็นมาก ขณะที่มันออกมาจากแม่น้ำอเวจีมันก็แสดงอาการว่ากำลังแตกสลาย
หวังหลินสังเกตการณ์อยู่ชั่วครู่ก่อนจะนำมันกลับเข้าไปในแม่น้ำอเวจี
จากนั้นนำเศษชิ้นส่วนทั้งหมดที่เขารวบรวมไว้ออกมา จากทั้งหมดนี้หวังหลินบอกได้ว่ามันเป็นสมบัติรูปทรงแจกัน
ความผันผวนที่ออกมาจากพวกมันถือว่าประหลาดยิ่ง ดูเหมือนจะเป็นพลังปราณสวรรค์แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
หวังหลินมองเศษชิ้นส่วน จากนั้นเริ่มคิด ดวงตาขมวดเข้าด้วยกันและพึมพำกับตนเอง “หรือว่านี่เป็นอุปกรณ์ต้นกำเนิดที่แตกสลาย?”
ณ ตอนนี้แสงสีแดงโลหิตสายหนึ่งลอยละล่องผ่านดาราจักรทุกชั้นฟ้าอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงจบลงที่ดาวเคราะห์สีแดงเข้มดวงหนึ่ง
ดาวเคราะห์ดวงนี้ขนาดใหญ่และปลดปล่อยกลิ่นอายแปลกประหลาดจนบอกไม่ได้ว่ากลิ่นอายนั้นเป็นพลังปราณสวรรค์ พลังปิศาจหรือพลังมาร ท้ายที่สุดมันก็ยังประหลาดยิ่ง
ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้อยู่ที่เดิมแต่เคลื่อนไหวอย่างบ้าๆ
แสงสีแดงหยุดลงเบื้องหน้าดาวเคราะห์และจากนั้นเลือนหายไปเผยตัวตนเป็นคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้มีเส้นผมสีแดง คิ้วสีแดงและสวมชุดคลุมสีดำ เขาดูหล่อเหลาและอายุราวๆสี่สิบ
ขณะที่เขามองไปอวกาศรอบด้านและดาวเคราะห์สีแดงเข้ม ดวงตาของเขาปรากฏร่องรอยเศร้าโศก เขาคำนับฝ่ามือขึ้นมาและเอ่ยอย่างเคารพ “เหยาคง ลูกชายของเหยาลั่วตง กลับมาหาตระกูลแล้ว!”
รอบด้านเงียบกริบ เวลาผ่านไปพักใหญ่ ดาวเคราะห์สีแดงเข้มหยุดชะงักและเสียงแหบพร่าดังออกมาภายใน
“ตอนที่พ่อของเจ้าออกไปจากตระกูล เขาไม่ได้บอกว่าจะผ่านไปอีกกี่ชั่วอายุคน เจ้าจะไม่กลับมาเลย…”
เหยาคงถอนหายใจ เขาไม่ได้ต้องการกลับมาที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าเลยจริงๆและกลับต้องมาใช้หินทุกชั้นฟ้าที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้
อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ได้กลับมาดาราจักรทุกชั้นฟา เขาคงอยู่ไม่สุข ทั้งหมดก็เพราะลูกสาวของเขา เหยาซีเชว่!
เหยาคงผู้นี้คือบรรพชนโลหิต!
“ข้า…” ขณะที่กำลังพูดขึ้น เขาก็ถูกน้ำเสียงแหบพร่าขัดจังหวะ
“ออกไปจากที่นี่เถอะและกลับไปดาราจักรพันธมิตรเซียนที่พ่อเจ้าเลือก อารามของตระกูลเหยาไม่มีชื่อเหยาลั่วตง!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตัดสินใจ ทั้งไม่ยอมให้สงสัยหรือมีคำถาม
บรรพชนโลหิตกำหมัดแน่นและเอ่ยขึ้นมา “ท่านปู่! ลูกสาวคนเดียวของข้า เหยาซีเชว่ ถูกลักพาตัวมาจากดาราจักรพันธมิตรเซียนและพามาที่นี่ นางเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่มีใครรู้! นางคือสายเลือดตระกูลเหยา!”
น้ำเสียงแหบพร่าเงียบสนิท หลังผ่านไปสักพัก เสียงถอนหายใจคร่ำครึก็ดังออกมา
“เหยาซีเชว่…” น้ำเสียงนั้นอ่อนลงมา หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกที “ข้าได้คำนวณแล้วว่านางอยู่ในแดนสวรรค์อัสนี เจ้าเข้าไปและพาเหลนสาวของข้ากลับมา จงไปอารามเทพอัสนีด้วยป้ายสิทธิ์ของข้าและพวกเขาจะส่งเจ้าเข้าไป หากเจ้าไปสาย แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถส่งเจ้าเข้าไปในแดนสวรรค์ได้”