748. ตั้งคำถามให้ยากขึ้น
หวังหลินมองภูเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง ภูเขาสูงตระหง่านจนมองไม่เห็นยอด ราวกับว่ายอดภูเขาเลยผ่านไปอีกจักรวาลหนึ่ง
สายฟ้าดุจมังกรสีเงินระเบิดออกมาจากก้อนเมฆไปถึงยอดเขา ทั้งยังส่งเสียงดังคำรามกึกก้อง
เมื่อหวังหลินมองที่ภูเขาจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโบราณ นี่มันวิญญาณของภูเขา
ขณะที่แม่นางเก้อจ้องมองภูเขา ดวงตาเผยประกายแสงลึกลับ ร่างกายสั่นเทาและหันไปมองลี่หยวนโดยไม่รู้ตัว ขณะนั้นนางเห็นแผ่นหลังของเขาและความคิดก็ชัดเจนขึ้น
สัมผัสแห่งความคุ้นเคยพลันกลับมาและระเบิดพุ่งพล่าน แม่นางเก้อมีสีหน้าหวาดกลัว ความกลัวนี้มากมายหลายเท่ากว่าตอนที่มองหวังหลิน
นางจำได้แล้ว!
ลี่หยวนหันกลับมามองแม่นางเก้ออย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้คำพูดที่จะเอ่ยขึ้นมาหยุดลง นางก้มศีรษะแล้วเงียบขรึมก่อนจะมองขึ้นมาอีกครั้ง แววตาสงบนิ่งราวกับเข้าใจทุกอย่าง
ลี่หยวนมองภูเขาและเอ่ยขึ้น “ภูเขาแห่งนี้ไร้ชื่อ! มีกฏเกณฑ์หลายอย่างอยู่ข้างใน แดนสวรรค์อัสนีเปิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วแต่ท่านก็เห็นว่ากฏเกณฑ์ด้านในมีไม่มากนักที่พังเสียหาย!”
แม่นางเก้อขบคิดเงียบๆและมองภูเขาด้วยท่าทีสุขุม นางทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับภูเขาแห่งนี้ในเวลาเดียวกัน
หวังหลินเอ่ย “ไปกันเถอะ!”
ลี่หยวนพยักหน้าและเดินเข้าไปก่อน เขาก้าวเดินเข้าไปหาภูเขาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น ตีนภูเขามีสายฟ้าส่งเสียงดังสนั่นและสายตาเห็นสายฟ้าตกลงมาหลายเส้นสายได้อย่างชัดเจน
ลี่หยวนก้าวอย่างมั่นคงเข้าไปบนภูเขา ภูเขาแห่งนี้ไม่มีทางเดิน ทว่านับตั้งแต่ที่แดนสวรรค์เปิดขึ้นมาหลายครั้ง มีหลายคนมาที่นี่เพื่อทำลายกฏเกณฑ์บนภูเขาจนเกิดเส้นทางเดินขึ้นไปตามธรรมชาติ
แม่นางเก้อเดินตามด้านหลังลี่หยวนและแนบด้านข้างเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากมองไปทางลี่หยวนและคิดขึ้นได้ “ข้าต้องเคยเห็นมันมาแล้ว…ร่างเขาเมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ในตระกูล…ช่างคุ้นเคย…เช่นนั้นมันไม่ใช่ตำนาน…”
นางเผยท่าทีขมขื่นขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าทำไมลี่หยวนถึงได้ปรากฏตัวในตระกูล เรื่องราวทั้งหมดนั่นก็เพราะเขามีเป้าหมายในการติดต่อพวกเขา
นางตระหนักได้เช่นกันว่าหากไม่ใช่เพราะลี่หยวนใช้วิธีการพิเศษบางอย่าง ทางตระกูลคงไม่ปล่อยให้นางมาที่แดนสวรรค์อัสนี
สายตาซับซ้อนของบรรพชนในตระกูลปรากฏขึ้นในหัวนาง ตอนนั้นนางรู้สึกว่ามันประหลาดนักแต่ตอนนี้เข้าใจได้แล้ว
บรรพชนของตระกูลรู้เรื่องทั้งหมดนี่…ไม่เช่นนั้นทำไมถึงไม่มีสมาชิกตระกูลคนใดมาที่แดนสวรรค์อัสนีเป็นหมื่นปีกันเล่า
นั่นก็เพราะแดนสวรรค์อัสนีคือพื้นที่ต้องห้ามสำหรับตระกูลเก้อ!
และเรื่องราวทั้งหมดเปลี่ยนไปเนื่องมาจากการมาถึงของลี่หยวน นางกลายเป็นสมาชิกตระกูลคนแรกในรอบหลายหมื่นปีที่เข้ามาแดนสวรรค์อัสนี คนเพียงคนเดียวที่พานางมาที่นี่ก็คือลี่หยวน!
“เช่นนั้นที่บรรพชนส่งข้ามาที่แดนสวรรค์ก็เพื่อล้างมลทิน…ทั้งยังเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านบรรพชนถึงมอบสมบัติสืบทอดประจำตระกูลให้ข้าด้วย…” แม่นางเก้อเผยรอยยิ้มเวทนา
“ลี่หยวนสัญญาว่าจะนำเสี้ยววิญญาณของข้ากลับมา อาจเป็นเพราะการเสียสละจะไม่มีผลถ้าหากวิญญาณของข้าไม่สมบูรณ์…” ตอนนี้ความคิดในใจแม่นางเก้อชัดเจนแล้วราวกับนางมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างออก
การเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างของนางมิอาจเล็ดลอดหวังหลินไปได้ เขาสังเกตได้ว่าหลังจากนางเห็นภูเขาแห่งนี้ อารมณ์ของนางก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
สายตาหวังหลินเลื่อนจากนางมาที่แผ่นหลังของลี่หยนว แม้ว่าท่าทีจะสงบนิ่งแต่ปากของเขาเผยอาการดูถูก หวังหลินสรุปได้ว่าลี่หยวนสังเกตเห็นเขามานานแล้ว แม้แต่กฏเกณฑ์ก็อาจจะล่อลวงให้หวังหลินปรากฏตัว
อาจกล่าวได้ว่าเรื่องราวหลายอย่างก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นแผนของลี่หยวน แม้ว่าจะมีไม่กี่อย่างที่หวังหลินรู้สึกไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่อาจทำให้เขามองเรื่องนี้ไม่ออกได้
จิตสังหารกระพริบผ่านแววตา เขาไม่แสดงความเมตตาต่อคนที่วางแผนใส่เขา ตอนนี้หวังหลินมีแผนการอื่น จิตสังหารพุ่งออกมาจากร่างกายดุจกระบี่แหลมคม!
ขณะนั้นลี่หยวนหยุดกึกด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้หันกลับมาแต่เอ่ยขึ้น “พี่ซิ่ว ข้าไม่ได้เป็นคนที่ท่านคิด…การพบเจอท่านเป็นส่วนหนึ่งของแผนข้าก็จริงแต่ก็เป็นโชคชะตาด้วยเช่นกัน!” วิธีที่เขาเรียกหวังหลินเปลี่ยนไป
สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น “ยอดภูเขาลูกนี้คืออะไรกันแน่?”
ลี่หยวนขบคิดอย่างเงียบๆก่อนจะมองขึ้นไปที่ยอดเขาซึ่งยืดยาวเข้าไปในก้อนเมฆไร้จุดสิ้นสุด ดวงตาแฝงความเศร้าโศกและเอ่ยอย่างบางเบา “อาจารย์ของข้าอยู่ที่นั่น…”
หวังหลินขมวดคิ้ว ตอนนี้ลี่หยวนหันกลับมามองหวังหลิน เขาแตกต่างจากก่อนที่จะเข้ามาในภูเขาราวกับเป็นคนละคน จากนั้นเอ่ยขึ้น “พี่ซิ่ว ด้วยระดับบ่มเพาะของท่าน ท่านจะไม่สามารถออกไปจากภูเขาลูกนี้ได้หากข้าไม่อนุญาต!”
หวังหลินกล่าวท่าทีสงบ “กฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัม ข้าก็พอรู้มาบ้าง!”
ขณะที่เอ่ยเช่นนี้ ลี่หยวนกลับตกตะลึง เขาตกตะลึงจริงๆโดยไม่ได้เสแสร้งราวกับเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหวังหลิน ลี่หยวนขมวดคิ้วและเอ่ยออกมา “แม้ว่าจะมีคนไม่มากที่รู้จักกฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัม แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครไม่รู้จักมันเลย ไม่ประหลาดที่พี่ซิ่วจะรู้จัก”
หลังหลินมองลี่หยวนและเผยรอยยิ้ม “เช่นนั้นที่เจ้าใช้ก็คือกฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัมจริงๆ!” เงาหวังหลินกระพริบวาบและองครักษ์เทพเหาะโผล่ออกมา
เมื่อองครักษ์เทพปรากฏตัว กำปั้นกระทบลงบนความว่างเปล่าด้านหลังพวกเขา ทั้งภูเขาสั่นไหวและปรากฏวังวนขึ้นมา วังวนแห่งนี้นำทางไปด้านนอก!
องครักษ์เทพถอนกำปั้นและกลับเข้าไปในเงาหวังหลิน
หวังหลินไม่ขยับ เขามองลี่หยวนด้วยท่าทีสงบและเอ่ยขึ้น “ที่นี่ขังข้าไว้ไม่ได้!”
สีหน้าท่าทางของลี่หยวนมืดมนทันที เขามองหวังหลินอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ “ดูเหมือนข้าจะประเมินท่านต่ำไป แต่อย่างไรแม้ท่านจะมีหุ่นเชิด…”
หวังหลินเยาะเย้ย มือขวาชี้ไปข้างหน้า ปราณกระบี่เส้นสุดท้ายของหลิงเทียนโฮวโผล่ออกมา หลังจากระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มพูนขึ้น การควบคุมปราณกระบี่ของเขาก็ยิ่งดีขึ้น
ขณะที่ปราณกระบี่ปรากฏ เสียงหวีดหวิวสะท้อนผ่านฟ้าดินและทั้งยอดเขาสั่นเทา ปราณกระบี่เร็วมาก พริบตาเดียวมันก็หยุดอยู่ตรงหน้าผากลี่หยวนราวกับกระบี่จริงๆกำลังชี้ตรงระหว่างคิ้วเขา
“ถ้าข้าเพิ่มนี่เข้าไปด้วยหล่ะ?” น้ำเสียงหวังหลินเย็นเยียบ
ลี่หยวนหลับตา วินาทีต่อมาเขาก็ลืมตาขึ้นและเอ่ยอย่างเชื่องช้า “เมื่อพี่ซิ่วเป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจว่ารางวัลที่ท่านคิดไว้นั้นไม่เพียงพอ โปรดบอกส่งที่ท่านต้องการให้ชัดเจน!”
แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาด ลี่หยวนคนนี้มีไหวพริบมากดังนั้นจึงเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการได้ เหตุผลที่หวังหลินนำปราณกระบี่หลิงเทียนโฮวออกมาก็เพื่อบังคับให้ลี่หยวนพูดแบบนี้!