Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 751

Cover Renegade Immortal 1

751. การมาถึงของบรรพชนโลหิต

สายลมพัดผ่านและสลายหมอกโลหิตทั้งหมด หวังหลินเฝ้าดูเรื่องทั้งหมดนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นจึงไม่พยายามช่วยเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้นแม้หวังหลินจะไม่อยู่ที่นี่ โชคชะตาของเก้อหงก็ถูกลิขิตไว้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาแดนสวรรค์อัสนีแล้ว

“แผนการของลี่หยวนล้ำลึกมาก หากสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง การที่เขาอดทนอยู่ข้างเก้อหงตลอดทางถือว่าเป็นเรื่องน่ากลัวยิ่ง! หลังจากมาถึงภูเขา ในที่สุดเขาก็ทำทุกสิ่งอย่าง แต่เพราะภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ซึ่งดูเหมือนว่ากฏเกณฑ์นี้ทำกับบรรพชนของเขาไว้หลายอย่างทีเดียว”

“แต่ข้ายังไม่ยืนยันว่าทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง!” หวังหลินมองลี่หยวนด้วยท่าทีสงบ ความสงบนิ่งนั้นไม่แสดงออกมาว่าสุขหรือโกรธอันใดซึ่งทำให้ไม่มีใครรู้ได้ว่าหวังหลินกำลังคิดอะไรอยู่

“อย่างไรเสีย สายตาเก้อหงแปลกประหลาดไปเล็กน้อย ทำไมนางถึงต้องหันกลับมามองรูปปั้นหินก่อนที่นางจะตาย…”

ลี่หยวนสูดหายใจลึกก่อนจะหันกลับมาหาหวังหลินและเอ่ยคำพูดนิ่งๆ “พี่ซิ่ว กฏเกณฑ์ของข้าเทียบไม่ได้กับของท่านบรรพชนข้า สิ่งที่ข้าต้องการจากพี่ซิ่วคือวิชาที่ท่านใช้หยุดยั้งเซียนขั้นมายาหยินไม่ให้หลบหนี!”

หวังหลินท่าทีปกติแต่ความคิดเคลื่อนไหว จากจุดนี้หวังหลินมั่นใจว่าลี่หยวนเป็นพยานรู้เห็ฯเขาต่อสู้กับเซียนขั้นมายาหยินและเห็นเขาใช้วิชายับยั้งจริงๆ!

“ตลอดชีวิตของช้า นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นวิชาที่เหมือนกับของพี่ซิ่ว วิชานั้นทรงพลังยิ่งและถือได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ ทุกสิ่งอย่างชะงักค้างในชั่วจังหวะ ด้วยการช่วยเหลือของพี่ซิ่ว ข้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถทำลายรูปปั้นหินได้อย่างสมบูรณ์และนำอิสระภาพของตระกูลลี่กลับมา”

“ข้าเสนอกฏเกณฑ์ทำลายล้างและกฎเกณฑ์สิบแปดดอกพลัมเป็นค่าตอบแทน!”

หวังหลินมองลี่หยวนด้วยสายตานิ่ง หากเรื่องนี้ง่ายดายดั่งที่ลี่หยวนเอ่ยมาคงไม่จำเป็นต้องยืมมือช่วย ลืมเรื่องกฏเกณฑ์ทำลายล้างไปได้เลย เพียงแค่กฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัมที่สมบูรณ์ก็เพิ่มพลังอำนาจของเขาได้มหาศาลแล้ว แม้จะมีแค่ไม่กี่ส่วนก็ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของวิชาได้

ขณะที่ขบคิด หวังหลินมองรูปปั้นหิน เขามองรวดเร็วพร้อมกับหลีกเลี่ยงประทับฝ่ามือนั้นและถอนสายตาออกมาทันที หวังหลินดูเหมือนจะสังเกตบางอย่างเลือนลางได้ ภาพลักษณ์ของเทพดูเหมือน…จะคล้ายคลึงกับเก้อหง

“พี่ซิ่ว ระดับบ่มเพาะของข้าไม่อาจเป็นคู่ปรับท่าน แม้จะมีกฏเกณฑ์ร่วมด้วยข้าก็เทียบท่านไม่ได้ มีปราณกระบี่นั่นอีกทำไมท่านถึงยังสงสัยข้า? ช่างมันเถอะ เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าจะมอบกฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัมที่สมบูรณ์แบบให้ หลังจากผนึกพังทลายแล้วข้าถึงจะมอบกฏเกณฑ์ทำลายล้างให้พี่ซิ่ว!” น้ำเสียงลี่หยวนเต็มไปด้วยความจริงใจพร้อมกับมองหวังหลินไปด้วย

หวังหลินไม่แสดงสีหน้าอาการอะไรแต่ก็พยักหน้า

ลี่หยวนนำหินหยกออกมาโดยไม่ลังเล หลังจากประทับข้อมูลลงไปเขาก็โยนให้หวังหลิน สิ่งที่อยู่ข้างในคือรูปปั้นที่เหลืออีกห้าชิ้น

หวังหลินมองข้างในแล้วเก็บใส่กระเป๋า “ข้าช่วยก็ได้!” แม้จะพูดเช่นนี้แต่หวังหลินระมัดระวังตัวขึ้น เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งผิดปกติ

แม้ว่าลี่หยวนดูเหมือนจะพูดทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว หวังหลินรู้สึกเหมือนลี่หยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ในสายหมอกอีกชั้นนึง

หวังหลินพ่นลมหายใจอยู่ในใจ ‘ข้าอยากเห็นว่าลี่หยวนกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่!’

ลี่หยวนเผยใบหน้าปิติยินดี จากนั้นสูดหายใจลึกสัมผัสกระเป๋านำกระบี่เหล็กลอยออกมา เขาถือกระบี่เหล็กในมือขวา ส่วนมือซ้ายลูบกระบี่อย่างเบามือ

โลหิตสายหนึ่งไหลลงจากใบกระบี่เหล็ก ปลดปล่อยแสงสีแดงเรืองรองอันชั่วร้าย

ลี่หยวนพึมพัมกับตัวเองแต่หวังหลินได้ยินไม่ชัด ลี่หยวนพึมพำต่อเนื่องจากนั้นเกิดกลิ่นอายอาฆาตรุนแรงออกมาจากกระบี่เหล็ก มันไม่ใช่แรงอาฆาตสายเดียวแต่มีหลายเส้นสายรวมเป็นหนึ่ง

เพลิงสีแดงระเบิดพวยพุ่งออกมาจากกระบี่เหล็ก ข้างในเปลวเพลิงนั้นมีแรงอาฆาตหลายเส้นได้เปลี่ยนเป็นใบหน้ามนุษย์เลือนลางซึ่งเปลี่ยนไปมาอย่างต่อเนื่อง

ใบหน้าแต่ละคนต่างมีจุดที่คล้ายๆกันระหว่างคิ้ว ขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนไป ฉากเหตุการณ์ก็ดูแปลกประหลาดยิ่ง

ลี่หยวนกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตเข้าไปใจเพลิงสีแดง เพลิงนั้นดูดซับโลหิตและเติบโตขึ้นทันที

เสียงกรีดร้องโหยหวนเริ่มออกมาจากในเปลวเพลิงและล้อมรอบทั่วบริเวณ ทั้งภูเขาถูกปกคลุมอยู่ในเสียงกรีดร้องเหล่านี้โดยพลัน

สีหน้าท่าทางของลี่หยวนส่องสว่างขึ้นด้วยเปลวเพลิงสีแดงและให้ความรู้สึกเหี้ยมโหด เขาสัมผัสกระเป๋านำเข็มทิศออกมาและโยนมันเข้าไปในเปลวเพลิง

เมื่อเข็มทิศถูกโยนเข้าไปในเปลวเพลิง เข็มของมันก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว แต่ละรอบจะเกิดระลอกคลื่นแพร่กระจายข้างในเปลวเพลิงและโผล่ออกมาด้านนอก ซึ่งทำให้เปลวเพลิงนี้ขยายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียวเพลิงสีแดงจากกระบี่เหล็กก็ขายขึ้นไปสูงสิบฟุต ราวกับมันต้องการเหินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและปลดปล่อยแสงสีแดงออกมาอย่างต่อเนื่อง

เปลวเพลิงกระพริบวูบวาบรุนแรง จากนั้นเข็มทิศที่อยู่ข้างในก็แตกกระจาย จังหวะเดียวกันเพลิงสีแดงก็เข้มข้นขึ้นอีก

หลังจากนั้นก็เป็นตากระบี่เหล็กที่พังทลาย มันเปลี่ยนกลายเป็นเหล็กเหลวและถูกเพลิงสีแดงดูดซับจนเพลิงขยายตัวมากขึ้นอีก เพลิงสีแดงตอนนี้สูงมากกว่าร้อยฟุตไปแล้วและกระโจนเข้าหารูปปั้นหิน

ทันใดนั้นเพลิงสีแดงได้ล้อมรอบรูปปั้นหินทันที แม้แต่กระบี่และผู้ติดตามของรูปปั้นก็ถูกเพลิงล้อมรอบไปด้วย

รูปปั้นหินดูเหมือนจะถูกหลอมรวมอยู่ในเปลวเพลิง รอยร้าวเริ่มปรากฏขึ้นมามากขึ้นและมากขึ้นราวกับมันกำลังแตกสลาย

ลี่หยวนตบกระเป๋านำขวดหยกขึ้นมาโยนออกไป แสงสีขาวหลายเส้นลอยออกมาเข้าหาเปลวเพลิง มันเข้าไประหว่างรอยร้าวของรูปปั้นทันที

บนรูปปั้นมีรอยร้าวมากขึ้นและมากขึ้นจนนับไม่ถ้วน ขณะที่แสงสีขาวและแรงอาฆาตเข้าไปในรูปปั้น ราวกับว่ามีบางสิ่งข้างในนั้นกำลังตื่นขึ้นมา

ชั่วขณะนั้นลี่หยวนสูดหายใจลึก นำสมบัติชิ้นสุดท้ายออกมาจากกระเป๋าโดยไม่ลังเล มันคือม้วนคัมภีร์! จังหวะที่ม้วนคัมภีร์เปิดออกและภาพวาดปรากฏขึ้นมา รูปปั้นที่ถูกเปลวเพลิงล้อมรอบพลันสั่นสะท้านและความรู้สึกว่าบางสิ่งกำลังจะตื่นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

ลี่หยวนตะโกน “พี่ซิ่ว ใช้วิชานั่นและปล่อยให้ข้าผนึกแรงอาฆาตของวิญญาณอมตะเข้าไปในรูปปั้นหิน!”

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและเยาะเย้ยขึ้นมา ไม่เพียงแค่เขาไม่ใช้วิชา เข้ากลับรีบล่าถอย หวังหลินแทบมองเห็นเหตุและผลแห่งกรรมที่แท้จริงเบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว

การล่าถอยของหวังหลินทำให้ศีรษะลี่หยวนต้องหันกลับมามอง เขาเผยสีหน้าดุร้ายและร้องตะโกน “สหายเซียนซิ่ว หากท่านไม่ลงมือตอนนั้น เมื่อไหร่ท่านจะทำ!?!?”

รอยร้าวบนรูปปั้นเพิ่มมากขึ้นและแสดงอาการว่าจะแตกสลาย ความรู้สึกว่าบางสิ่งกำลังจะตื่นขึ้นมายิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่แรงอาฆาตข้างในเพลิงได้ถูกดูดซับไปจนหมดและแสงสีขาวก็ถูกรูปปั้นหินดูดซับไปเช่นเดียวกัน

แรงอาฆาตและแสงสีขาวเสมือนกับอาหารชั้นดีให้กับรูปปั้นจนมีพลังอำนาจที่เป็นอิสระ ทว่ายังมีอีกหนึ่งผนึกที่ป้องกันไม่ให้วิญญาณหลบหนีไปได้ ผนึกนั้นต้องการวิญญาณให้แตกสลายไปกับมัน

หวังหลินล่าถอยเร็วมากขึ้นและหนีห่างออกมาได้หนึ่งพันฟุตในพริบตา ดวงตาลี่หยวนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ระดับบ่มเพาะระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขายังคงอยู่ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด แต่กลับมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัวรวมอยู่ด้วย

เขาพุ่งตัวราวกับเคลื่อนที่พริบตาตรงมาไล่ทันหวังหลินและตะโกน “สหายเซียนซิ่ว ทำไมเจ้าถึงล่าถอย!?”

“เรื่องราวของสหายเซียนลี่ช่างงดงาม แต่ข้ากลัวว่าเป้าหมายของเจ้าไม่ใช่การทำลายผนึกของตระกูลลี่ แต่เป็นการฟื้นคืนตำแหน่งเทพ!” ขณะที่หวังหลินล่าถอย เงาด้านหลังเขากระพริบวูบวาบ องครักษ์เทพก้าวออกมาโยนกำปั้นให้ลี่หยวน!

แรงระเบิดเสียงดังเปรี้ยงตามมาพร้อมกับกำปั้นนี้ การเคลื่อนไหวช่างน่าตื่นตกใจ

ลี่หยวนเยาะเย้ยแฝงอาการดูถูก ฝ่ามือสร้างผนึกและโบกสะบัดทำให้เส้นสีดำหนึ่งเส้นปรากฏขึ้นมา มันขยายตัวออกและก่อรูปเป็นสามเหลี่ยม เมื่อกำปั้นเข้ามาใกล้ สามเหลี่ยมกระพริบวาบปรากฏตัวอีกครั้งเบื้องหน้ากำปั้นขององครักษ์เทพ

ชั่ววินาทีนั้นสามเหลี่ยมระเบิดออกมาอย่างรวดเร็วสร้างการเชื่อมต่อกับกำปั้นองครักษ์เทพ จากนั้นมันแพร่กระจายไปบนกำปั้นราวกับเยื่อหุ้มที่ยืดหยุ่น พริบตานั้นมันก็ใข้ตัวเองห่อหุ้มรอบๆองครักษ์เทพอย่างแน่นหนา

ไม่ว่าองครักษ์เทพจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

“แค่องครักษ์เทพระดับต่ำถึงกับกล้าอวดดีต่อหน้าข้าเชี่ยวหรือ!” เสียงหัวเราะของลี่หยวนช่างน่าตื่นตะลึง!

อย่างไรก็ตามสีหน้าหวังหลินกลับนิ่งเฉยเป็นธรรมชาติและเอ่ยเสียงอ่อนนุ่ม “ก่อนหน้านี้เจ้าโกหกจริงๆ!”

ลี่หยวนมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “ข้าไม่ต้องการโจมตีเจ้า ตอนนี้จงกลับไปกับข้าแต่โดยดี และใช้วิชายับยั้งที่เจ้าสืบทอดมาจากแดนสวรรค์พิรุณซะ เมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะจ่ายราคาให้กับเจ้าอย่างงาม!”

หวังหลินยิ้มบางและส่ายศีรษะ “เจ้ากระทั่งกล้าสังหารลูกหลานของอาจารย์ตัวเอง จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้อย่างไร?” หลังกล่าวขึ้นมา หวังหลินรีบล่าถอยและพุ่งตัวออกจากที่นี่

สายตาลี่หยวนส่องประกายสว่างเจิดจ้า พุ่งตัวออกไปและเอ่ยอีก “ดูเหมือนข้าว่าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ! แต่เจ้ามิอาจหนีไปจากข้าได้!” ขณะที่ลี่หยวนพูดขึ้นมา เขาสะบัดแขนและกฏเกณฑ์หนึ่งลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว ก้อนเมฆในท้องฟ้าพลันเปิดขึ้น พื้นที่ว่างห่างออกไปไกลพลันบิดเบี้ยวและหวังหลินปรากฏตัวออกมา

หลังจากถูกบังคับให้ปรากฏตัว หวังหลินไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนักอันใดราวกับเขาวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว

ณ ตอนนี้ใจกลางเศษเสี้ยวของแดนสวรรค์อัสนี เศษเสี้ยวชิ้นนี้ไม่ได้ใหญ่นัก ส่วนพื้นดินค่อนข้างเล็กกว่าแต่กลับมีแท่งเหล็กดุจสายฟ้าล้อมรอบชายขอบชิ้นส่วนแห่งนี้

ตรงกลางของชิ้นส่วนมีค่ายกลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่และมีผู้อาวุโสสี่คนนั่งอยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสแต่ละคนมีเส้นผมขาวโพลนแต่ร่างกายกำลังรับพลังดั้งเดิมจำนวนมาก

ค่ายกลกระพริบรุนแรงทันที แต่ผู้อาวุโสสี่คนไม่ได้ขยับไปไหนเลย แม้แต่เปลือกตาก็ไม่ขยับเขยื้อน วินาทีต่อมาเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างในค่ายกล

เงานี้กลายเป็นสีแดงและในไม่นานกลิ่นอายโลหิตทรงพลังก็แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ ผู้อาวุโสสี่คนลืมตาขึ้นมาและเผยใบหน้าเคร่งขรึม

“เจ้าหนูหวังหลิน ข้ามาถึงแล้ว!” เงาร่างนั้นควบแน่นกลายเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดสีแดง ผมสีแดง คิ้วสีแดง

บรรพชนโลหิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!