Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 754

Cover Renegade Immortal 1

754. เกราะหนัง

ในแดนสวรรค์อัสนีมีถ้ำของเทพที่กระจัดกระจายไปมากมายหลายชิ้นส่วนแดนสวรรค์พร้อมๆกับสมบัติของผู้ครอบครองคนก่อน ทว่าสถานที่เหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วน

แม้แต่อาคารบ้านเรือนของเหล่าเทพก็เข้าไปได้ยาก

แม้แดนสวรรค์อัสนีได้เปิดมาแล้วหลายครั้งในอดีต ทว่ายังมีอีกหลายแห่งที่กฏเกณฑ์ไม่พังทลาย กฏเกณฑ์พวกนี้มักจะทรงพลังเกินไปจนบางครั้งก็มีสถานที่ที่เหล่าเซียนไม่อาจแตะต้องได้

ณ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยเศษซาก ลี่หยวนย่อเข่าลงสัมผัสกับพื้นดินและเอ่ยขึ้นมา “พี่ซิ่ว มองดูนี่สิ นี่คือกฏเกณฑ์เทพตามแบบฉบับจำนวนสี่ในแปดกฏ หากเพ่งสมาธิไปที่มันจะทำให้พลังปราณสวรรค์รอบด้านเกิดความไม่เป็นระเบียบเพื่อซ่อนตัวจากสัมผัสวิญญาณได้!”

“หากข้าเดาไม่ผิด เมื่อกฏเกณฑ์นี้แตกเสียหาย ถ้ำแห่งเทพควรจะเผยขึ้นมาที่นี่!”

หวังหลินมองดูด้านข้างอย่างตั้งใจและพยักหน้า “น้องลี่หมายความว่ากฏเกณฑ์ที่นี่ส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากดิน?”

ชิ้นส่วนที่พวกเขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ใหญ่มาก มองไกลๆแล้วพื้นดินและท้องฟ้าต่างก็เป็นสีดำ ไม่มีสายฟ้าอันใดอยู่ที่นี่แต่ยังคงได้ยินเสียงสายฟ้าอื้ออึ้งอยู่ห่างออกไป

ภายในระยะหมื่นลี้ไม่มีใครเลยนอกจากคนทั้งสองคน ทั้งสองคนดูค่อนข้างโดดเดี่ยวนัก

ลี่หยวนพยักหน้าและยิ้มขึ้นมา “ข้าชื่นชมความรู้ด้านกฏเกณฑ์ของพี่ซิ่วอย่างยิ่ง เดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ข้าพูดแค่ไม่กี่คำแต่ท่านกลับสามารถมองเห็นจุดสำคัญได้” ลี่หยวนคว้าเศษดินในมือและเก็บมันใส่กระเป๋า จากนั้นกล่าวว่า “พี่ซิ่วควรเก็บดินกฏเกณฑ์พวกนี้ไว้ด้วยก็ดี เมื่อเราออกไปจากแดนสวรรค์อัสนี ดินอาจจะเปลี่ยนไป หากเป็นเช่นนั้นจริงเมื่อเรากลับไปที่ตระกูลลี่ มันจะเป็นวัตถุดิบชั้นดีให้กับเข็มทิศกฏเกณฑ์”

“ขอบคุณมากน้องลี่!” หวังหลินยิ้มบางพร้อมกับนั่งยองลงคว้าเอาดิ้นมาหนึ่งกำมือ

ลี่หยวนยังตกอยู่ในภวังค์และเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ “ควรเป็นข้าที่ขอบคุณท่านมากกว่า หากไม่ใช่ท่าน ข้าก็ตายไปแล้วและไม่ต้องพูดถึงการที่ท่านปล่อยข้าให้เป็นอิสระจากประทับตราทาส!”

หนึ่งเดือนก่อนตอนที่เขาได้สติกลับคืนมา ความทรงจำก็ค่อยๆผสานเข้ากับจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำหลายอย่างที่เขาทำลงไปขณะที่อยู่ภายใต้การควบคุมของประทับตราทาสได้ทำให้เขายากที่จะสงบจิตใจลงได้

หลังจากเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเขาจึงขอบคุณหวังหลินเป็นอย่างมาก เขาแบ่งปันความรู้ด้านกฏเกณฑ์ให้กับหวังหลินโดยไม่ลังเลเพื่อแสดงการขอบคุณ

“เมื่อเรากลับไปตระกูลลี่ ข้าจะพาพี่ซิ่วไปที่อารามมรดกของบรรพชน เมื่อถึงที่นั่น ข้าจะทำความเคารพต่อเหล่าบรรพชนและสอนกฏเกณฑ์ทำลายล้างให้ท่านเพื่อชำระหนี้ที่ติดค้างเอาไว้!” ลี่หยวนมองหวังหลินด้วยสายตาประจ่างใส

หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับลี่หยวน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรแต่สายตาแสดงอาการถึงความจริงจัง

กฏเกณฑ์ทำลายล้างเป็นหนึ่งในสี่มหากฏเกณฑ์ และกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลี่หยวนได้อธิบายให้กับเขาไปมากมาย กฏเกณฑ์นี้มีมากมายเช่นเดียวกับวิชาเซียนและแม้มันจะไม่ได้เป็นวิชาเทพแต่ก็พอจะเทียบกันได้!

การเรียนรู้กฏเกณฑ์นี้จำต้องไปอยู่ในสถานที่แห่งการสืบทอด ซึ่งในโลกนี้มีเพียงตระกูลลี่เท่านั้นที่เหลืออยู่แห่งเดียว!

“โชคร้ายว่ากฏเกณฑ์ที่นี่ไม่สมบูรณ์ มันถูกคนอื่นพังเสียหายเมื่อหลายปี แม้แต่วิธีที่ทำลายก็ยังโหดเหี้ยมยิ่ง!” ลี่หยวนมองพื้นดินและขบคิดเล็กน้อย เขาชี้ระหว่างคิ้วและเส้นสีดำหนึ่งสายลอยออกมา ฝ่ามือสร้างผนึกและประทับลงบนพื้นดินพร้อมกับนิ้วมือ

“ทำลาย!” เพียงคำพูดด้วย พื้นดินก็สั่นเทาโดยมีนิ้วชี้ของลี่หยวนเป็นจุดศูนย์กลาง พื้นดินสั่นไหวและกฏเกณฑ์ถูกทำลายทีละชั้น สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินตอนนี้คือภูเขาเทพและอารามที่งดงามแห่งหนึ่ง

ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากและยังมีปราสาทเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างใน แต่อย่างไรเสียภูเขาก็เต็มไปด้วยหลุมมากมายราวกับมีต้นไม้เทพนับไม่ถ้วนถูกถอนออกไป เหลือแต่เพียงต้นไม้ธรรมดาพัดปลิวไสวไปตามแรงลม

ปราสาทแห่งนี้ทั้งยังทรุดโทรมแค่ดูสวยงามเท่านั้น

“เป็นตามที่ข้าคิดไว้จริงๆ” ลี่หยวนยิ้มอย่างขมขื่นและมองกลับไปที่หวังหลิน

หวังหลินยิ้มบางๆ “กฏเกณฑ์ของน้องลี่ช่างอัศจรรย์จริงๆ เดือนที่ผ่านมาเจ้าสามารถมองทะลุกฏเกณฑ์ได้ทันที แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีคนมาที่นี่มาก่อน แต่ยิ่งนานไปบางทีเราอาจจะเจอปราสาทเทพที่สมบูรณ์เข้าจริงๆก็ได้!”

“สี่มหากฏเกณฑ์แต่ละแบบต่างทรงพลังอย่างยิ่งตอนที่ฝึกฝนถึงขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมารที่อยู่สึงขึ้นไป หรืออสูรที่มีระดับต่ำ ทั้งหมดต่างสามารถถูกผนึกเอาไว้ได้!”

“กฏเกณฑ์สิบแปดดอกพลัมเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากกฏเกณฑ์ทำลายล้าง แต่ว่ามันถูกแพร่กระจายออกไปภายนอกมากกว่า” ลี่หยวนเอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ

หวังหลินมองลี่หยวนและเอ่ยขึ้น “ด้วยความทรงพลังของกฏเกณฑ์ทำลายล้าง ต้องมีคนจำนวนมากที่เคยเจอมันในดาราจักรทุกชั้นฟ้า…”

ลี่หยวนยิ้มบิดเบี้ยวและพยักหน้า “ข้าไม่อยากโกหกต่อพี่ซิ่ว ในอดีตที่ตระกูลลี่ทุกข์ทนทรมานภายใต้ประทับตราทาส กฏเกณฑ์ทำลายล้างได้ถูกสอนออกไปภายนอกตระกูลถึงเจ็ดครั้ง! ทุกครั้งเป็นเพราะมันคือทางเลือกสุดท้าย”

“แต่…” ลี่หยวนมองหวังหลิน “สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้คือกฏเกณฑ์ทำลายล้างก็จริง ตระกูลลี่ไม่ได้ซ่อนอะไรเลยจากพวกเขาและปล่อยให้พวกเขาเข้าใจมันที่อารามแห่งการสืบทอด ทว่าเมื่อไม่มีหัวใจแห่งกฏเกณฑ์มันก็ไม่ถือว่าเป็นกฏเกณฑ์ทำล้ายล้างของจริง!”

“หัวใจแห่งกฏเกณฑ์เป็นสิ่งที่มีเพียงหัวหน้าแต่ละรุ่นเท่านั้นที่สามารถสืบทอดได้ หลังจากเราออกไปจากแดนสวรรค์อัสนี ข้าจะไปอารามบรรพชนและยกหัวใจแห่งกฏเกณฑ์ครึ่งนึงให้ท่านอย่างถาวร!”

หวังหลินเงียบไปชั่วครู่และจึงคำนับมือให้ลี่หยวนอีกครั้ง

ลี่หยวนโบกแขน ขณะที่กำลังจะเอ่ยขึ้นมา เขากลับอุทานและจ้องไปที่ปราสาทบนภูเขา

“พี่ซิ่ว ดูนั่น!”

หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองปราสาท ปราสาททรุดโทรมดูธรรมดานั่นหลังจากจ้องมองไปพักใหญ่ เขาดูเหมือนจะพบเบาะแสบางอย่าง

สายตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “ต้นไม้ด้านหลังปราสาท ตลอดเวลานี้ต้นไม้เพียงแค่ขยับไปด้านซ้าย มันไม่ได้ขยับไปด้านขวาเลย”

ลี่หยวนเผยดวงตาตื่นตกใจและพยักหน้า “แม้พี่ซิ่วไม่ได้เรียนรู้กฏเกณฑ์ทำลายล้าง เพียงแค่ทักษะการสังเกตุก็เพียงพอที่ทำให้ก้าวข้ามปรมาจารย์ด้านกฏเกณฑ์ไปหลายคนแล้ว”

หวังหลินยิ้มและกล่าวขึ้นมา “ดูเหมือนโชคของเรายังคงดีเยี่ยม”

ลี่หยวนหัวเราะและเหาะเหินไปหาภูเขาพร้อมกับหวังหลิน พวกเขามาถึงข้างปราสาทในไม่ช้า หวังหลินรับรู้ถึงกลิ่นอายมืดมนที่กำลังออกมาจากต้นไม้ครึ่งต้นไม่ไหวติงนี้ได้ทันที

กลิ่นอายมืดมนได้ปล่อยสัมผัสแห่งอันตราย

หวังหลินและลี่หยวนหยุดชะงักแทบในเวลาเดียวกัน

ด้านล่างต้นไม้มีโครงกระดูกขาวอยู่สองคน หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะหนัง ชุดเกราะนี้ผิวหยาบและมีรอยแตกร้าวอยู่บางส่วน

เมื่อหวังหลินเห็นชุดเกราะ ดวงตาพลันเบิกกว้างที่หาได้ยากยิ่ง

“นี่มัน…”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!