Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 785

Cover Renegade Immortal 1

785. การคืนชีพ

“เนื่องจากข้าได้สร้างศัตรูกับตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ข้าจะต้องโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น!” หวังหลินเคลื่อนไหว เขาเริ่มครอบคลุมชิ้นส่วนแดนสวรรค์ด้วยกฏเกณฑ์ชั่วร้ายหลายอย่างซึ่งต้องใช้ความสามารถทั้งหมดของเขา ใช้ชิ้นส่วนแดนสวรรค์เป็นรากฐานวางกฏเกณฑ์ต่อกัน

กระบวนการนี้กินเวลาเกือบสิบปี ในที่สุดหวังหลินก็มาถึงชายขอบชิ้นส่วนแดนสวรรค์และออกมาตรงจุดที่ได้เข้าไป

กฏเกณฑ์ที่นี่เพื่อป้องกันให้คนอื่นเข้ามาได้แต่ออกไปไม่ได้!

ครึ่งเดือนต่อมา หวังหลินและหลี่หยวนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านอวกาศว่างเปล่า

แขนซ้ายหลี่หยวนเจ็บปวดมาก พลังดั้งเดิมในร่างกายของเขาเหลือน้อยยิ่ง เขามองหวังหลินและยิ้มบิดเบี้ยว “พี่ซิ่ว ข้าได้วางกฎเกณฑ์มากกว่าหมื่นชุดใกล้ชายขอบของชิ้นส่วนแดนสวรรค์ เมื่อมันผสานกันแล้วจะมีประสิทธิภาพมาก หากตระกูลใหญ่ทั้งสี่ไม่ส่งเซียนทรงอำนาจมา การทำลายมันคงเป็นไปได้ยาก”

ครึ่งเดือนก่อนตอนที่หวังหลินออกมานั้น หลี่หยวนก็ปรากฏตัวออกมาทันที ด้วยคำขอของหวังหลิน หลี่หยวนได้ผนึกชิ้นส่วนแดนสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใช้กฏเกณเกณฑ์ของตระกูลแต่มันเป็นกฏเกณณฑ์อื่นๆหลายแบบ

“น้องลี่ข้าได้จัดการเรื่องที่แดนสวรรค์เสร็จแล้ว ออกไปจากที่นี่ให้เร็วจะเป็นการดีที่สุด!!” หวังหลินแตะกระเป๋าหยิบเตาหลอมอัสนีออกมา เขาได้เข่นฆ่าผู้คนไปมาก จึงง่ายดายที่จะนำเอาออกมาสักหนึ่งชิ้น

ลี่หยวนไม่คิดจะจากไปในตอนนี้ จึงถามขึ้นว่า “พี่ซิ่วจะไม่ไปตรวจสอบชิ้นส่วนที่มีพลังปราณผันผวนหรือ?”

หวังหลินส่ายศีรษะ เขามองเข้าไปในความว่างเปล่า “ข้าจะไม่ไป!” เขานึกถึงวังวนห้าสีในทางเดนนั้นและเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นในใจ

ยิ่งกว่านั้นเขาได้รับตำหนักของสะสมแล้ว ความตื่นเต้นยังไม่หายไปไหน หลังจากรับสมบัติเช่นนี้มา สิ่งเดียวที่อยู่ในใจเขาก็คือการจากไปโดยเร็วที่สุด

นอกจากนั้นตำหนักแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสี่ตระกูลใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือมูลค่าที่แท้จริงของตำหนัก เมื่อพวกเขาพบว่ามันหายไป พวกเขาจะเริ่มล่าหวังหลินจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต

‘ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ได้ถูกปิดผนึกแล้ว ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่มีน้อยมาก!’

เขาไม่ได้บอกลี่หยวนว่าได้นำตำหนักของสะสมออกมาด้วย เรื่องนี้สำคัญเกินไป ด้วยนิสัยระมัดระวังของหวังหลินเขาจึงไม่บอกใครเลยยกเว้นจะมั่นใจจริงๆ

หลี่หยวนครุ่นคิดและพยักหน้า “นั่นก็ดี คนที่จะออกไปจากแดนสวรรค์อัสนีจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน ซึ่งมีเพียงตรงประตูสวรรค์เท่านั้นที่เราสามารถใช้เตาหลอมอัสนีเพื่อกลับไปได้”

หวังหลินพยักหน้า เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนจากเฉินกงฮู่แล้ว

ทั้งสองคิดขึ้นในใจและเคลื่อนตัวผ่านช่องว่างไป ประตูสวรรค์อยู่ไกลออกไปทางทิศตะวันตกและอยู่ห่างจากจุดที่หวังหลินอยู่ตอนนี้ไกลมาก

ในขณะที่พวกเขาสองคนเหาะเหินผ่านช่องว่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจเกิดขึ้นในแดนสวรรค์อัสนี!

เซียนจำนวนมากรวมกันที่ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งสี่แห่งที่พลังปราณสวรรค์มีความผันผวนรุนแรง เซียนเกือบทั้งหมดในแดนสวรรค์อัสนีค้นพบความผันผวนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งและพวกเขาต่างก็มุ่งตรงไปหนึ่งในสี่แห่งพวกนั้นทันที

เนื่องจากความผันผวนของปราณสวรรค์ มีกฎเกณฑ์โบราณสี่แห่งปรากฏบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งสี่ บางที่อยู่ระหว่างภูเขาและบางที่อยู่ในซากปรักหักพังขนาดใหญ่

ปราณสวรรค์ผุดออกมาจากภายในกฏเกณฑ์ ยิ่งมีคนรวมกันมากขึ้นก็ยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฏเกณฑ์รวมอยู่ในนั้น หลังจากเซียนมีข้อตกลงร่วมกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏเกณฑ์หลายคนจึงเริ่มทำลายกฏเกณฑ์

ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งสี่มีปราณสวรรค์ผันผวนต่างก็ตั้งอยู่ในทั้งสี่ทิศของแดนสวรรค์ ตอนนี้ในชิ้นส่วนด้านทิศตะวันตก เฉินกงฮู่มองอย่างเย็นชาไปยังที่ราบเบื้องหน้าซึ่งมีค่ายกลโบราณกว้างหมื่นลี้ที่แผ่ปราณสวรรค์ไปทั่วบริเวณ

เซียนจำนวนมากรวมกันอยู่ด้านนอกกฏเกณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่สามถึงห้าคน มีเซียนผู้เชี่ยวชาญกฏเกณฑ์บางคนพยายามทลายกฏเกณฑ์เหล่านี้

เฉินกงฮู่ขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าเคยมาที่นี่เมื่อสองสามเดือนก่อน และมันไม่มีกฏเกณฑ์ขนาดใหญ่อยู่ตรงนี้ ทำไมมันถึงปรากฏขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆนี่กัน?

ในขณะที่ครุ่นคิดก็ความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น

ลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งมาจากระยะไกลซึ่งตามมาด้วยปราณกระบี่นับสิบที่พุ่งเข้ามาที่นี่ดุจสายฟ้า เมื่อลำแสงกระบี่มาถึงก็ปรากฏเป็นเซียนที่อยู่ด้านหน้าคือจางกงเล่ย

เขาเห็นเฉินจางกงฮู่ด้วยตนเองจึงก้าวมาข้างหน้าจางกงฮู่ในชั่วพริบตาก่อนจะคำนับฝ่ามือและยิ้มแย้ม “น้องเฉินกงมาเร็วยิ่ง!”

เฉินกงฮู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวอย่างเฉยชา “ท่านเองที่มาสาย!”

จางกงเล่ยยิ้มบางยืนอยู่ข้างเฉินกงฮู่ สายตามองไปยังกฏเกณฑ์ไกลๆ และถามขึ้น “น้องเฉินกงรู้ไหมว่าข้าเจอใครระหว่างทางมาที่นี่?”

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร!” เฉินกงฮู่สีหน้าคงเดิมและเขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของจางกงเล่ย เขาเพียงแค่มองที่ราบและครุ่นคิดบางอย่าง

จางกงเล่ยรู้เรื่องความเจ้าอารมณ์ของเฉินกงฮู่เป็นอย่างดี จึงเอ่ยขึ้น “เป็นผู้อาวุโส!”

แววตาเฉินกงฮู่ส่องประกายขึ้นหันไปหาจางกงเล่ย “จริงหรือ?”

จางกงเล่ยยิ้มออกมา “เป็นผู้อาวุโสแน่นอน เขาบอกว่าจะมาที่นี่ถ้ามีเวลา!”

แววตาเฉินกงฮู่มีประกายแห่งความสุข จางกงเล่ยดูพอใจมากขึ้นในสายตาของเขาตอนนี้ เขายิ้มและเอ่ยขึ้น “จากนิสัยแปลกๆของผู้อาวุโส ท่านน่าจะสนใจที่นี่อยู่บ้าง”

จางกงเล่ยจ้องพื้นที่ราบและพยักหน้า “ข้าคิดว่าน้องเฉินกงก็สังเกตเห็น ลักษณะค่ายกลที่นี่มันแปลกประหลาดเกินไป…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ค่ายกลเบื้องหน้าเกิดประกายแสงกระพริบรุนแรง คลื่นผันผวนของค่ายกลแพร่กระจายออกมาและเซียนทั้งหลายถึงกับอุทานด้วยความตกใจ หลังจากนั้นเซียนหลายคนที่มีวิชาด้านกฏเกณฑ์พลันทะยานออกไป ส่งกฎเกณฑ์จำนวนมากเพื่อเร่งกระบวนการทำลายมัน

มีเซียนทรงพลังอยู่รอบๆค่ายกลมากมาย พวกเขาส่วนใหญ่มาจากหลายตระกูลและต่างก็กระจายตัวอยู่รอบๆ หลายคนเข้าใจเรื่องการทลายค่ายกล พวกเขาจึงไม่ได้ต่อสู้กันเอง

ในบรรดาชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งสี่ที่มีค่ายกลนั้น ขณะที่เหล่าเซียนยังคงพยายามที่จะทำลายมัน ชิ้นส่วนในทิศเหนือก็เป็นที่แรกที่ถูกทำลายลง

เส้นทางคดเคี้ยวปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเซียนบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทิศเหนือ อุโมงค์นั้นยาวมาก หลังจากนั้นเซียนคนแรกพุ่งทะลวงเข้าไป เซียนที่เหลือทั้งหมดก็ตามเข้าไปด้วย เวลาล่วงไปสักพักก็มีเสียงกรีดร้องดังสะท้อนของเซียนคนแรกที่เข้าไปในอุโมงค์

ในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีแดงหนึ่งสายปรากฏขึ้นภายในอุโมงค์ ชั่วครู่นั้นอุโมงค์ทั้งหมดก็แตกสลายหายไป

เหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้ทำให้เซียนส่วนใหญ่ตกใจในทันทีและเริ่มหลบหนี อย่างไรก็ตาม ภายใต้ลำแสงสีแดง ทุกคนต่างตกตายอย่างอนาถทีละคน จากเหตุการณ์ครั้งนี้เหลือผู้รอดชีวิตเพียงน้อยนิดเท่านั้น

ในเวลานี้ ค่ายกลบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ในทิศตะวันออกถูกเปิดออกและเซียนจำนวนมากก็รีบพุ่งเข้าไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือสิ่งเดียวกัน เมื่อเซียนคนแรกเห็นวังวนห้าสี เขาก็ทำลายตนเองและภายในอุโมงค์ทั้งหมดก็เต็มไปด้วยลำแสงสีแดง

นี่ยังไม่จบเพียงแค่นี้ สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทิศใต้

พริบตาเดียวทั่วทั้งแดนสวรรค์อัสนีก็เกิดการนองเลือด ในขณะนี้ค่ายกลด้านชิ้นส่วนแดนสวรรค์ในทิศตะวันตกที่เฉินกงฮู่และจางกงเล่ยอยู่เริ่มเกิดผันผวนอย่างรุนแรง เมื่อมันทวีความรุนแรงมากขึ้น เซียนมากมายก็เริ่มส่งกฏเกณฑ์เพื่อทำลายมัน

วินาทีต่อจากนั้นเกิดในคลื่นกระแทกระเบิดนับไม่ถ้วนและค่ายกลก็พังทลายลง

หลุมดำปรากฏอยู่บนพื้น ปราณสวรรค์หนาแน่นก่อตัวเป็นลำแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เซียนบางคนไม่อาจต้านทานสิ่งล่อใจได้ จึงพุ่งเข้าไปโดยไม่คำนึงว่าปราณสวรรค์นั้นจะเผาผลาญร่างกายตนเอง หลังจากไม่กี่คนนำหน้า เซียนคนอื่นๆก็รีบตามเข้าไปในทันที

เฉินกงฮู่ยังคงไม่เคลื่อนไหวและจางกงเล่ยก็ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน ทั้งคู่มองหน้ากันและในแววตาปรากฏความน่าสงสัยออกมา

“ค่ายกลนี้พังง่ายเกินไป!”

นอกเหนือจากทั้งคู่แล้วก็มีเซียนอีกหลายคนที่ยังคงไม่เคลื่อนไหว เซียนเหล่านี้ส่วนใหญ่ผ่านจุดสูงสุดขั้นเทวะและอยู่ที่ขั้นมายาหยินแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานเซียนจำนวนมากที่เข้าไปในอุโมงค์ก็ถูกระเบิดร่าง เสียงกรีดร้องหวยโหนถูกส่งออกมาจากภายในอุโมงค์อย่างต่อเนื่อง อุโมงค์ทั้งหมดสลายไป เซียนทั้งหมดที่อยู่ภายในก็สลายพร้อมกับอุโมงค์ไปด้วย

เฉินกงฮู่และคนอื่นๆสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างมาก พวกเขาทะยานขึ้นไปในอากาศทันที สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ

ค่ายกลบนชิ้นส่วนแดนสวรรค์ทั้งสี่พังทะลายไปแล้วและอุโมงค์สลายหายไป ขณะนี้ปราณสวรรค์หนาแน่นเกิดการระเบิดขึ้นภายในแดนสวรรค์และเริ่มแพร่กระจายออกไป

ในเวลาเดียวกันชิ้นส่วนแดนสวรรค์อัสนีทั้งเก้าก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ค่ายกลทั้งเก้าที่แตกต่างกันปรากฎขึ้นมาเหนือพื้นที่

ค่ายกลเหล่านี้ถูกฝังลึกลงไปในพื้นดิน เปล่งลำแสงสีแดงทรงพลังออกมา การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและรุนแรงนี้ทำให้เหล่าเซียนในแดนสวรรค์อัสนีเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว

หนึ่งในเก้าชิ้นส่วนแดนสวรรค์ล่มสลายไป เป็นพลังที่เหนือกว่าเซียนขั้นส่องสวรรค์ปะทุมาจากภายใน

ชิ้นส่วนแดนสวรรค์แตกสลายชั้นแล้วชั้นเล่าพร้อมกับแผ่กลิ่นอายน่ากลัวพุ่งออกมาจากศูนย์กลางของชิ้นส่วน เซียนบางคนที่หลบหนีออกมาสังเกตได้ในทันทีว่ากลิ่นอายน่าหวาดกลัวนี้แผ่มาจากแขนที่ถูกตัดขาด!

แขนข้างที่ถูกตัดนี้ถูกผนึกที่นี่อย่างแน่นหนาในอดีตกาล ตอนนี้ผนึกทั้งเก้าได้เปิดออกแล้ว แขนจึงได้อิสรภาพคืนมา มันพุ่งตรงไปยังใจกลางของแดนสวรรค์อัสนี

ในขณะที่แขนขาดปรากฏขึ้น ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่เหลือทั้งเจ็ดจากแปดชิ้นก็พลันพังทลายลงไป ท้ายที่สุดแขนขาดสองข้าง ขาสองข้าง หัวกะโหลกที่มีตาซ้ายและลำตัวที่แบ่งออกเป็นสามส่วนทั้งหมดก็พุ่งไปที่ใจกลางแดนสวรรค์อัสนี

หัวกะโหลกลอยผ่านความว่างเปล่าด้วยรอยยิ้ม ทุกครั้งที่เห็นเหล่าเซียน มันจะกลืนกินพวกเขาในทันทีทำให้ร่างกายพวกเขาสูญสลาย หลังจากกลืนวิญญาณดั้งเดิมไปได้ ดวงตาข้างซ้ายก็พลันสว่างเจิดจ้าขึ้น

ความเร็วของชิ้นส่วนร่างกายส่วนต่างๆเหล่านี้เร็วมาก มันเร็วมากกว่าพวกเซียนราวกับเป็นการเคลื่อนที่พริบตาและทิ้งภาพติดตาไว้ด้านหลัง

หวังหลินและลี่หยวนซึ่งกำลังพุ่งผ่านความว่างเปล่าไปทางทิศตะวันตก ขณะนั้นกลิ่นอายมืดมนแพร่กระจายออกมาทันที กลิ่นอายทรงพลังมากและแผ่ออกราวกับหมอกที่มองไม่เห็น

ท่าทีของลี่หยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะแผ่สัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบ ลำแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นในระยะไกล มันแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่ง

หลี่หยวนสูดหายใจลึก เขามองเห็นแขนขาดภายในลำแสงสีแดงนั่นได้อย่างชัดเจน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!