Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 805

Cover Renegade Immortal 1

805. อสูรหมอก

ขณะกำปั้นกำลังเข้ามา หวังหลินรู้สึกตัวทันทีว่าอากาศรอบด้านดูเหมือนจะก่อรูปร่าง ราวกับกำปั้นมาพร้อมกับพลังลึกลับกีดขวางเส้นทางล่าถอยเขาไว้หมด

หวังหลินเอ่ยขึ้นมาทั้งที่ท่าทางยังสงบนิ่ง “ไม่เลวนัก แต่ยังไม่พอ!” ในเวลาเดียวกันหวังหลินก็ยกฝ่าเท้าขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเบาๆ

ปรากฏเสียงดังปังเป็นชุดขึ้นบนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าหวังหลิน แพร่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งและพลังที่ผนึกการล่าถอยของหวังหลินก็แตกสลายทันที

พลังรอบตัวหวังหลินแตกกระจายไปพร้อมกับเสียงกระจกแตก พลังนั้นแตกสลายกลับไป

ท่าทางต้าซานเปลี่ยนไปมหาศาล เขารู้สึกถึงพลังแข็งแกร่งกำลังเข้ามาหาและร่างกายชะลอตัวลง

หวังหลินก้าวเท้าและมาถึงเบื้องหน้าต้าซานในพริบตา ฝ่ามือสัมผัสหน้าอกอีกฝ่ายทำให้ต้องถอยร่นโดยไม่รู้ตัว รอยสักบนร่างต้าซานปลดปล่อยแสงเรืองรองชวนงุนงง

ต้าซานถอยร่นไปหลายสิบก้าว แม้จะไม่มีบาดแผลที่มองเห็นได้ทว่าภายในร่างเสมือนกับพายุโหมกระหน่ำ กระนั้นเนื่องจากมีรอยสักจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน

ต้าซานเผยท่าทางดุร้ายพร้อมกับร้องคำราม ฝ่ามือตีเข้าหน้าอกส่งเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วพื้นที่ ในเวลาเดียวกันรอยสักบนร่างกายก็เริ่มเคลื่อนไหวและโผล่ออกมาจากร่างทีละชิ้น ล้อมรอบไปด้วยรอยสักนับไม่ถ้วนและดูน่าตื่นตะลึงยิ่ง

ต้าซานพุ่งเข้ามาข้างหน้าทันทีพร้อมกับรอยสักที่ตามมาด้วย

แววตาหวังหลินส่องสว่างยิ่งขึ้น แม้ว่าร่างกายต้าซานเทียบไม่ได้กับองครักษ์เทพของเขาแต่มันก็ไม่ต่างกันมากนัก หวังหลินเผยสีหน้าเยาะเย้ยและก้าวเท้ามาข้างหน้า ข้ามผ่านระยะทางห่างไกลและใกล้ชิดต้าซานที่กำลังเข้ามาหาในพริบตา

ต้าซานใช้แขนขวาส่งกำปั้นออกไป โลกรอบด้านดูเหมือนจะสั่นเทา รอยสักรอบตัวส่องสว่างดุจวิชาเซียนและพุ่งใส่หวังหลิน

หวังหลินพริบแววตาเย็นเยียบพลางยกแขนขวาใช้วิชายับยั้ง ร่างอีกฝ่ายหยุดชะงักทันที ในเวลาเดียวกันหวังหลินใช้ดัชนีประทับลงบนหน้าอกต้าซานอีกครั้ง

ร่างต้าซานถูกโยนออกไปพร้อมเสียงดังปัง กระอักโลหิตออกมา สายตาจ้องหวังหลินด้วยความตกใจ ส่วนรอยสักรอบร่างได้ถูกผลักไปด้วยกัน

ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขาที่ตกตะลึง สมาชิกเผ่ารอบด้านทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงในการต่อสู้และเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง

บรรพชนของเผ่ารีบพูดขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด “ท่านเหนือเทพ โปรดอย่าโกรธเกรี้ยวและปล่อยต้าซานไปเถิด!”

“ไม่จำเป็น!” ต้าซานตกลงบนพื้นและถอยร่นต่อไป จนเมื่อถอยไปได้ร้อยฟุตเขาจึงตั้งหลักได้ พลางร้องคำราม ฝ่ามือทั้งสองสร้างผนึกตีเข้าใส่หน้าอกตัวเองอย่างรุนแรง

รอยสักรอบตัวเริ่มเคลื่อนไหวประหลาดและกลับเข้าไปในร่างอย่างรวดเร็ว ทว่ามันไม่ได้กลับไปบนผิวหนังแต่นูนออกมาแทน ในไม่นานรอยสักก็กลายเป็นชุเกราะสีดำรอบตัว

เมื่อชุดเกราะปรากฏขึ้นพลันเกิดกลิ่นอายสีดำ ภาพมายาเลือนลางปรากฏด้านหลังเขาราวกับเป็นเทพปิศาจ!

บรรพชนของเผ่าสูดหายใจลึกและอุทานออกมา “เกราะวิญญาณเทพ! เจ้าสามารถหลอมชุดเกราะวิญญาณได้แล้ว!”

หวังหลินหรี่ตาแคบลง เขาคุ้นเคยกับชุดเกราะนี้เล็กน้อย มันคล้ายกับเกราะที่เจ้าเศษมารสวมใส่ ความแตกต่างเดียวคือพลังมารจากชุดเกราะไม่ได้แข็งแกร่งนัก ราวกับถูกระงับด้วยพลังอีกสายหนึ่ง

ต้าซานร้องคำรามและพุ่งตัวออกมา คราวนี้เนื่องจากมีชุดเกราะและตัวใหญ่ เขาจึงดูเหมือนยักษ์ป่าเถื่อน ถ้าเป็นคนขี้ขลาด เพียงแค่มองด็สั่นไหวได้แล้ว

ชุดเกราะทมิฬปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าทึ่ง ขณะที่เขาพุ่งตัวออกมา ภาพมายาด้านหลังก็เผยสีหน้าท่าทางอันดุร้าย

กำปั้นขวาส่งออกมารุนแรงกว่าสองครั้งก่อนรวมกันและน่าเกรงขามยิ่ง ภาพมายาด้านหลังเปลี่ยนกลายเป็นหมอกควันสีดำและห่อหุ้มรอบหมัดเขาในทันที

ยามที่กำปั้นส่งออกมา มันสร้างคลื่นกระแทกและส่งกลิ่นอายตื่นตะลึงเข้าใส่หวังหลิน ในเวลาเดียวกันควันสีดำจากภาพมายาพลันเปลี่ยนเป็นกะโหลก อ้าปากออกมาพยายามกลืนกินหวังหลิน

หวังหลินจ้องต้าซานด้วยท่าทีสงบนิ่งตามเดิม เขาอ้าปากและส่งเมล็ดทรายออกมาเปลี่ยนเป็นตราประทับชิ้นส่วนแดนสวรรค์กว้างพันฟุตและกระแทกใส่ชายร่างกำยำ

นี่เป็นครั้งแรกที่ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ปรากฏนอกแดนสวรรค์ เมื่อมันปรากฏขึ้นมา พลังปราณสวรรค์มากมายเต็มไปทั่วอากาศ ยามที่ชายชราเห็นเช่นนี้เขาคุกเข่าไปที่พื้นและเร่ิมเทิดทูนต่อชิ้นส่วนแดนสวรรค์

แม้กระทั่งดวงตาต้าซานยังเผยอาการลังเล ทว่าวินาทีถัดมาเขาก็กัดฟันแน่นและไม่ลังเลอีก กำปั้นร่อนลงใส่ชิ้นส่วนตรงๆที่กำลังขวางทาง

“ทำลายไปซะ!”

กำปั้นโยนออกไปกระทบเสียงดังปัง ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ไม่ขยับเขยื้อนอันใด แต่ชายร่างกำยำต้องถอยกลับ ร่างกายสั่นเทาแระอักโลหิตออกมาต่อเนื่อง

สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าสิ่งตรงหน้าจะเหนียวขนาดนี้ ไม่เพียงแค่เขาใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดมันกลับไม่เกิดความเสียหายอันใด แต่กลับเกิดพลังตีกลับทำให้พลังและโลหิตในร่างเดือดพล่าน

ภาพมายาปิศาจบนกำปั้นเขาหายไปด้วยเช่นกัน หวังหลินชี้แขนขวาด้วยสายตาเย็นเฉียบ ชิ้นส่วนลอยขึ้นสู่อากาศและกระแทกลงอย่างโหดเหี้ยม

ต้าซานร้องคำรามส่งเสียงร้องแหลมสะท้อนไปทั่วโลก มือสองข้างชูขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับพยายามป้องกันมัน

หวังหลินเอ่ยท่าทีเย็นชา “ลงไป!”

ชิ้นส่วนกระแทกลงบนพื้นทันที เสียงดังสนั่นหวั่นไหวระเบิดขึ้นมาและทั้งผืนดินสั่นสะเทือนจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่

ขณะที่รอยร้าวพวกนี้วตัดขวางผ่านกัน หมอกจำนวนมากก็โผล่ขึ้นมาจากในรอยร้าวและรวมตัวเข้าด้วกยัน

มันควบแน่นเร็วมาก พริบตาเดียวแต่ละส่วนก็ก่อตัวเป็นรูปร่างแปลกประหลาด

“อสูรหมอก!” สมาชิกเผ่าอุทานออกมา ต้นไม้ระหว่างคิ้วเริ่มกระพริบขึ้นทันที ใบไม้แต่ละชิ้นแพร่กระจายออกมา

ในไม่นานสายหมอกก็ควบแน่นเสร็จสิ้นปรากฏเป็นอสูรดุร้ายตัวสีดำมากกว่าร้อยตัวกลางท้องฟ้า อสูรทั้งหมดมีรูปร่างแตกต่างกันและปลดปล่อยกลิ่นอายมืดมน เสียงคำรามของมันสามารถแทงทะลุวิญญาณได้

บรรพชนของเผ่าประทับมือลงระหว่างคิ้ว หม้อปากยาวกว่าสิบฟุตปรากฏขึ้นมา พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและตะโกนก้อง “แต่ละคนจงประจำตำแหน่ง กวาดล้างหมอกนี้ภายในสามสืิบนาที อย่ายอมให้อสูรหมอกรูปร่างมนุษย์ตนใดปรากฏ!”

ร่างเขากระพริบวาบและเข้าใกล้อสูรหมอกหนึ่งตัวที่พึ่งปรากฏขึ้นมา ฝ่ามือตีเข้าใส่หม้อและเกิดพลังดึงดูดแข็งแกร่งโผล่ออกมาจากหม้อปากยาว

ดวงตาอสูรหมอกตัวนั้นไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่มันก็เริ่มดิ้นรน ไม่นานนักร่างกายก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นควันถูกดูดเข้าไปในหม้อ จากนั้นเกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากในหม้ออยู่หลายครั้ง

นอกจากเขาแล้ว เซียนรอบด้านทั้งหมดต่างถือสมบัติของตัวเอง แต่ละคนพุ่งเข้าหาอสูรหมอกด้วยสายตากังวล

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้น ตราประทับลขึ้นสู่ท้องฟ้าเพียงกระดิกนิ้ว ร่างต้าซานพังเสียหาย โลหิตไหลรินออกจากทวาร ทว่าเขายังไม่ตาย สายตาจ้องหวังหลินด้วยเจตนาต่อสู้

หวังหลินไม่ได้มองดูเขาแต่จ้องอสูรที่ก่อตัวขึ้นจากสายหมอก ดวงตากระพริบวาบต่อเนื่อง

อสูรหมอกพวกนี้พึ่งก่อตัวขึ้น พวกมันมีร่างกายแต่ยังไม่มีสติ นอกจากนี้ปฏิกิริยาของเผ่าละทิ้งอมตะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสบการณ์ล้นเหลือในการต่อสู้กับพวกมัน พริบตาเดียวอสูรหมอกจำนวนมากก็ถูกดูดเข้าไปในสมบัติ

ทว่าขณะนั้นมีอสูรหมอกตัวหนึ่งที่กำลังถูกดูดเข้าไปในสมบัติ พลันลืมตาขึ้นมาเป็นตัวแรก

หวังหลินไม่เคยเห็นดวงตาแบบนี้มาก่อน ดวงตาพวกมันไม่มีรูม่านตาแต่มีจุดสีดำหกจุด ส่วนอื่นๆที่เหลือเป็นสีเทา พวกมันดูเลือดเย็นอย่างสิ้นเชิง

สมาชิกเผ่าต่างหวาดกลัวและล่าถอยโดยไม่ลังเล อสูรหมอกพุ่งออกมาทั้งยังเร็วเกินไป มันไล่ทันในเสี้ยวจังหวะและเข้าไปในตัวอีกฝ่ายผ่านรูขุมขน

สมาชิกคนนั้นกรีดร้องโหยหวน ร่างกายระเบิดกลายเป็นควันโลหิต อสูรหมอกสร้างร่างกายขึ้นอีกครั้ง เลียริมฝีปากด้วยลิ้นอันยาวเหยียดก่อนจะพุ่งเข้าหาคนถัดไป

หลังจากนั้นอสูรหมอกอีกตัวหนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา พวกมันกระหายเลือดยิ่งและเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า

“ค่ายกลสังหารเทพ!” บรรพชนกลางท้องฟ้าเผยสีหน้าเคร่งเครียดและหลบเลี่ยงอสูรหมอกที่กำลังเข้ามา

หวังหลินหรี่ตาและอสูรหมอกตัวที่ลืมตาพลันพุ่งเข้าหาเขา มันส่งเสียงคำรามโหดเหี้ยมราวกับสามารถเจาะทะลวงในความคิดได้ทีเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!