807. ค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็ก
คลื่นหมอกสีดำหมุนวงกลมล้อมรอบด้านบนของเตาหลอมราวกับพวกมันพยายามหนี ทว่ามีพลังประหลาดป้องกันไม่ให้หมอกสีดำออกมา
รอบๆเตาหลอมขนาดใหญ่มีหัวกะโหลกอยู่เก้าหัว กะโหลกพวกนี้ไม่ใช่กระโหลกอสูรแต่เป็นกะโหลกมนุษย์! แต่ละหัวมีรอยสักอันซับซ้อนอยู่ตรงระหว่าคิ้ว
กะโหลกปลดปล่อยแสงสีดำออกมาราวกับสร้างค่ายกล
ต้าซานมองเตาหลอมนั้นด้วยสายตาซับซ้อนและกระซิบขึ้น “นี่คือเตาหลอมหยินลี้ลับ”
ดวงตาหวังหลินเรืองแสงดุจคบไฟและให้สัมผัสวิญญาณวงกลมบริเวณเตาหลอม เขาลังเลชั่วขณะก่อนที่จะให้สัมผัสวิญญาณพุ่งเข้าไปในเตาหลอมโดยไม่มีอาการต่อต้าน
ทว่าจังหวะที่สัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างใน เสียงแหลมโหยหวนจากหญิงสาวก็ดังออกมาจากข้างใน เสียงนี้ประหลาดยิ่ง มันไม่สามารถได้ยินจากหูปกติได้และได้ยินด้วยสัมผัสวิญญาณเท่านั้น มันพุ่งออกมาดุจพายุพรั่งพรูด้วยจิตสังหาร แทบทำให้สัมผัสวิญญาณหวังหลินแตกสลาย
หวังหลินล่าถอยไปหลายก้าวและร่างกายกระพริบวูบวาบ ใบหน้าซีดเล็กน้อยแต่ก็ส่องสว่างเจิดจ้า
เขาจ้องเตาหลอมและเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน เจ้าออกไปก่อน”
ต้าซานขบคิดเงียบๆจากนั้นเงยศีรษะขึ้นมองหวังหลินและเอ่ยถาม “ท่านใช่…เทพจริงๆหรือ?”
หวังหลินถอนสายตาออกมามองต้าซาน ตอนที่ต้าซานขอนำทางเขาคนเดียวจึงรู้อยู่แล้วว่าต้าซานมีคำถาม
หวังหลินมองต้าซานด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ต้าซานเผยสีหน้าขมขื่นและกระซิบขึ้นมา “ในวัยเด็กของข้า ข้ามักจะได้ยินผู้อาวุโสบอกว่าเราคือผู้ที่เหล่าเทพเลือกสรรค์ เราต้องใช้ชีวิตของเรารับใช้เหล่าเทพ มันคือเกียรติของเผ่า…”
“เมื่อข้าโตขึ้น เกียรตินี่เป็นเพียงความเชื่อในใจข้าเท่านั้น ไม่ใช่เพียงข้าคนเดียวแต่เกือบทุกคนที่เติบโตมาในเผ่า”
“ทว่าขณะที่ข้าเติบโตขึ้นมา ข้าก็ค่อยๆค้นพบว่านี่มันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีเคยเคยเห็นเทพสักตนนอกจากหินหยกในอาราม…”
“ทุกๆครั้งที่เตาหลอมหยินลี้ลับพ่นหมอกควันออกมา สิ่งนั้นออกมาสังหารคนในเผ่า ข้ารู้สึกเศร้าสลดและไม่พอใจการตายของคนในเผ่าทุกครั้ง ข้าเริ่มตั้งคำถามว่ามีเทพอยู่จริงหรือไม่”
“จนกระทั่งวันนี้ ข้าต้าซาน ก็ยังไม่เชื่อว่าเทพมีตัวตนอยู่ ถ้าพวกเขามีอยู่จริงๆ ทำไมถึงได้ลืมเลือนพวกเรามานานขนาดนี้…”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ เมื่อได้ยินชายชราอ้างว่าตัวเองคือเผ่าอมตะที่ถูกเลือก เขาจึงคาดเดาเอาไว้
‘เผ่าอมตะที่ถูกเลือก…เผ่าละทิ้งอมตะ…หนึ่งทางเลือกต้องตัดทิ้งไป…’
“บอกข้าหน่อยว่ามีเทพอยู่ในโลกนี้ใช่ไหม? ท่านคือเทพใช่ไหม?” ต้าเสินเงยศีรษะขึ้นมามองหวังหลิน น้ำเสียงเบาแต่ส่งผลรุนแรงมากกว่าเสียงคำราม
หวังหลินสงบนิ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ “ข้าไม่ใช่เทพ…”
ร่างต้าซานสั่นเทาและใบหน้าเจ็บปวดรุนแรงขึ้น
“รอบๆด้านอาจจะยังมีเหล่าเทพอยู่ แต่แดนสวรรค์ล่มสลายไปนานแล้ว…” สายตาหวังหลินจ้องลงไปบนเตาหลอมหยินลี้ลับ
ต้าซานเผยรอยยิ้มน่าสังเวชพร้อมกับก้าวถอยกลับมา “แค่นั้นก็พอแล้ว ข้าถูกต้อง…ไม่มีเหล่าเทพแล้ว เผ่าข้าตัดสินใจผิดพลาดที่ปกปักษ์ที่แห่งนี้ตลอดมา…”
หวังหลินจ้องเตาหลอมและเอ่ยถามขึ้นมา “มีอะไรอยู่ในเตาหลอมนี้?”
ต้าซานพึมพำ “ข้าไม่ทราบ บันทึกของเผ่าพูดไว้ว่าในอดีต ราชาเทพอิสระพาเผ่าของข้าเข้ามาในร่างกายอสูรเพื่อปกป้องคุ้มครองเตาหลอมหยินลี้ลับจนกว่าเขาจะกลับมา”
“ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?” หวังหลินถอนสายตา
ต้าซานสูดหายใจลึกและยิ้มบิดเบี้ยว “ที่นี่ไม่มีทางออก มันถูกผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์…ข้าพยายามหาทางออกไปจากที่นี่เพื่อค้นหาเหล่าเทพ แต่ข้าก็ล้มเหลว ท้องฟ้ามีขีดจำกัดแต่ข้าไม่สามารถผ่านมันไปได้ ข้างนอกรอยร้าวของกำแพงเนื้อคือความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด”
หวังหลินหรี่ตาแคบและเอ่ยถาม “หินหยกสวรรค์เมื่อตอนนั้นกล่าวว่าอย่างไร?”
“ไม่อาจดูได้…ไม่มีใครสามารถเห็นอะไรอยู่ข้างใน ท่ามกลางสมาชิกเผ่าของเราที่ตายไปนับไม่ถ้วน ไม่มีใครสามารถมองเห็นเนื้อหา…” ต้าซานค่อยๆฟื้นฟูจากอาการตกใจ
หวังหลินขมวดคิ้ว หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาก็ก้าวไปข้างหน้าประทับฝ่ามือลงต้านกับเตาหลอมหยินลี้ลับ ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างในอีกครั้ง
เสียงโหยหวนกรีดแทงสัมผัสวิญญาณปรากฏขึ้นมาในเสี้ยววินาที คราวนี้มันรุนแรงกว่าครั้งก่อนหลายเท่า แทงทะลุสัมผัสวิญญาณหวังหลินและดังก้องในจิตใจ
หวังหลินเพ่งสมาธิไปที่พลังดั้งเดิมเพื่อป้องกันวิญญาณตัวเองและเริ่มต้านทานเสียงโหยหวนนั้น ในที่สุดพลังทะลุทะลวงของมันก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด หวังหลินหน้าซีดพลางถอยมือและร่างกายออกมา ทุกก้าวที่เขาถอยทำให้พื้นดินสั่นไหวและทิ้งเป็นรอยเท้าลึกเอาไว้
หลังถอยไปได้เจ็ดก้าวเขาก็ฟื้นคืนอาการได้ พ่นลมหายใจเย็นพลางพุ่งไปข้างหน้าและมาถึงปากของเตาหลอม เมื่อเขามองเข้าไปข้างใน หวังหลินเห็นแต่ความมืดมิด หมอกสีดำที่ล้อมรอบมันกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นเยียบ
ดวงตาสว่างวาบพลางยกแขนขึ้นกลางอากาศ สายฟ้าในร่างพุ่งออกมาก่อตัวเป็นทรงกลมในมือและโยนเข้าไปด้านบนเตาหลอม
สายฟ้าทรงกลมร่อนลงบนปากเตาหลอมพร้อมกับเสียงดังคะนอง ทว่าชั่วขณะนั้นหมอกสีดำก็รวมตัวกันและกลืนกินทรงกลมสายฟ้า
หวังหลินตะโกน “ระเบิด!”
สายฟ้าแตกสลายส่งเสียงดังก้องอู้อี้และหมอกสีดำถูกผลักออกมา ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นราวกับสามารถเจาะทะลุหมอกสีดำและมองเห็นข้างใต้ได้
ข้างในนั้นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็ก!
หมอกดำขยับเคลื่อนไหวและปกคลุมค่ายกลเคลื่อนย้าย จากนั้นก็ควบแน่นและก่อตัวเป็นร่างมนุษย์สาว แต่ร่างกายของนางก่อขึ้นจากสายหมอกจึงไม่อาจเห็นได้ว่านางหน้าตาเป็นแบบไหน
อย่างไรก็ตามหลังจาปรากฏตัว นางก็กรีดร้องพุ่งออกมาทันทีพร้อมกับสายหมอกสีดำตามมาด้วย
คราวนี้เสียงกรีดร้องไม่ได้มีเป้าหมายแค่วิญญาณดั้งเดิมแต่ยังทำอันตรายเลือดเนื้อได้ด้วย เสียงกรีดร้องทรงกลังจนเกือบจะเปลี่ยนเป็นรูปร่างพุ่งเข้าใส่หวังหลิน
ต้าซานไม่ได้อยู่ไกลนักจึงได้รับผลกระทบไปด้วย ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาสลัวและก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้มีวิญญาณสายฟ้ากลายพันธุ์มาดังนั้นวิญญาณดั้งเดิมจึงได้รับบาดเจ็บ
หวังหลินล่าถอยแต่ยังคงได้รับผลกระทบไปด้วย ใบหน้าท่าทางซีดขาว โลหิตไหลออกมาจากปาก เขาคว้าต้าซานและเหาะเหินตรงไปที่ทางออก
เงาร่างสตรีจากในเตาหลอมไล่หลังมา นางเร็วมากจนไล่ทันได้ในเสี้ยววินาทีและส่งเสียงกรีดร้องอีกครั้ง หวังหลินพ่นโลหิตออกมาจากปาก แววตากระพริบจิตสังหาร หมอกโลหิตพุ่งเข้าใส่ร่างเงาตนนั้น
หวังหลินตะโกน “ผนึก!”
หมอกโลหิตเปลี่ยนเป็นกฏเกณฑ์มากมายและเกาะเกินร่างของนางทันทีก่อตัวเป็นผนึกขนาดใหญ่
ในเวลาเดียวกันหวังหลินก็ชี้ไปที่ความว่างเปล่า แส้แห่งเวรกรรมปรากฏขึ้นมาฟาดใส่นางอย่างโหดเหี้ยม
เงาร่างสตรีกรีดร้องโหยหวน นางก้าวถอยแต่ก็พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ร่างกายแยกออกเป็นควันสีดำเก้าสายพุ่งใส่หวังหลินดุจลูกธนู
หวังหลินขมวดคิ้วพลางหนีอย่างต่อเนื่อง คราวนี้เขามาถึงประตูและโยนต้าซานไป หวังหลินชี้ระหว่างคิ้วตนเองเปิดดวงตาที่สามขึ้นมาฉายแสงสีแดงไปรอบๆทางเข้า
ภายใต้แสงสีแดงงนี้ ควันสีดำเก้าสายพลันเริ่มแตกสลายทันที จากนั้นผสานตัวคืนกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นเมินเฉยแสงสีแดงจากดวงตาที่สามพร้อมกับพุ่งเข้าหาทางออก
ชายชราตรงทางออกเห็นควันสีดำแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นมาโดยไม่ต้องมีคำสั่งหวังหลิน ต้นไม้ระหว่างคิ้วเริ่มกระพริบเร็วและประทับตราบนประตู
ประตูขนาดใหญ่เริ่มปิดลงช้าๆพร้อมกับเสียงดังสนั่นกึกก้อง ร่างสตรีนั้นกรีดร้องแหลมออกมาจากด้านหลังประตูทันที ชายชราสั่นเทาพลางกระอักโลหิต ร่างกายยิ่งท้อแท้
ขณะที่ประตูกำลังจะปิดลงและนางกำลังจะพุ่งออกไป ดวงตาหวังหลินส่องสว่างพลางตบกระเป๋าและนำพู่กันสวรรค์ออกมา เขาวาดลวดลายอักขระหกเส้นส่งออกไปดุจปราณกระบี่ขัดขวางไม่ให้ร่างนางพุ่งออกไปได้
เงาสตรีหยุดชะงักและเกิดเสียงดังก้อง ครานี้ประตูปิดลงและขวางนางเอาไว้
ต้าซานตกตะลึงยิ่งนัก เขาจ้องประตูและหนังศีรษะด้านชา
“นั่นมันอะไรกัน!?”
“จิตวิญญาณของเตาหลอมหยินลี้ลับ!” บรรพชนของเผ่าอมตะที่ถูกเลือกเอ่ยขึ้นมาพลางกวาดโลหิตออกจากมุมปาก เผยสีหน้าซับซ้อน
หวังหลินสีหน้ามืดมนและนั่งลง “พวกเจ้าสองคนไปเถอะ อย่าปล่อยให้ใครก็ตามเข้ามาที่นี่ภายในระยะพันลี้!”
หวังหลินขบคิดเงียบๆและพยักหน้าด้วยความเคารพ เขาและต้าซานกลายเป็นลำแสงลอยออกไปด้านนอก
หวังหลินจ้องไปที่ประตู ตอนที่ชายชราเปิดประตูเขาเห็นชัดว่าได้ใช้รอยสักจากระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นรอยสักแห่งชีวิต
หวังหลินตบกระเป๋าพลางขบคิดไปด้วย ตอนที่เขายังอยู่บนดาวซูซาคุเขาได้รับกะโหลกจำนวนมากจากเผ่าละทิ้งอมตะ ซึ่งเขานำมันออกมาจากกระเป๋าหลายชิ้น
กะโหลกแต่ละหัวมีรอยสักอันซับซ้อน หลังจากมองดูอย่างใกล้ชิดหวังหลินก็เก็บพวกมันกลับไป ดวงตาส่องสว่างและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ท้องฟ้าสีฟ้าแต่สายตาหวังหลินสามารถเห็นขอบก้อนเมฆสีขาวอันเลือนลางได้ กำแพงเนื้อยังอยู่ตรงนั้น
‘ถ้าที่นี่ถูกผนึกไว้จริงๆ เช่นนั้นข้าถูกส่งมาที่นี่ได้อย่างไร…สถานที่แห่งนี้ไม่เป็นมิตรนัก ข้าต้องหาทางออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้! แต่เมื่อที่นี่อันตราย มันก็เป็นสถานที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดเช่นกัน!’ หวังหลินขบคิดพลางตบกระเป๋านำของออกมา
ของชิ้นนี้ยาวร้อยห้าสิบฟุตและกว้างสี่สิบฟุต ขณะที่ปรากฏขึ้นมันปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นออกมา ของชิ้นนี้มีหนามแหลมนับไม่ถ้วนปลดปล่อยสัมผัสดุร้ายรุนแรง หากใครมองมาคงทำให้เกิดความหวาดกลัวได้ทีเดียว
ราชรถสังหารเทพคันที่สาม!