826. ความคิดของเทพโลหิต 3
หวังหลินนั่งสมาธิบนแขนซ้ายของต้าซาน ส่วนต้าซานพยายามสร้างระยะห่างระหว่างเขากับเหยาชางตงไปเรื่อยๆ ทว่าอีกฝ่ายก็เร็วเกินไปทั้งยังเข้ามาใกล้ด้วยการระเบิดรอยสักทั้งหมด
จิตสังหารหวังหลินหายไปและถูกแทนที่ด้วยความสงบ พลันหลับตาและพึมพำ “เขตแดนของข้าดั้งเดิมคือเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย จากนั้นก็กลายเป็นเขตแดนเวรกรรม สิ่งใดในโลกสามารถหลบรอดจากชีวิตและความตายไปได้แต่ไม่สามารถหลบพ้นจากเวรกรรมไปได้!”
มีพลังหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังดั้งเดิม ไม่ใช่สมบัติ แต่เป็นเต๋าของเซียนคนนั้น มันถือเป็นความเชื่อ เป็นความเข้าใจอีกด้วย
ความเข้าใจของหวังหลินหลังจากบ่มเพาะเซียนมาพันปีคือเขตแดนของตัวเอง!
ในจังหวะชีวิตและความตาย หวังหลินใช้เขตแดนของตัวเองซึ่งไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว!
การต่อสู้ของเขตแดนคือการต่อสู้ระหว่างเต๋า การต่อสู้ระหว่างเต๋าเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่มีแพ้หรือชนะ มีเพียงรอดหรือตายเท่านั้น!
หวังหลินอ้าแขนและกล่าวด้วยความสงบ “แขนซ้ายกุมเหตุแห่งกรรมของโลก แขนขวากุมผลแห่งกรรมของโลก นี่คือเวรกรรม เวรกรรมของข้า!”
หวังหลินลืมตาขึ้น ดวงตาซ้ายบรรจุดวงอาทิตย์ ดวงตาขวาบรรจุดวงจันทรา มองเหยาชางตงและชี้เข้าใส่
เหตุแห่งกรรม ปรากฏ!
เมื่อเขตแดนปรากฏ ดวงดาวไร้การคงอยู่ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหายไป ร่างเหยาชางตงพลันหยุดชะงัก
เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดตัวลง ตอนนี้ร่างหวังหลินขยายออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ในมือหวังหลินราวกับมีแส้อยู่ตรงนั้น สุดปลายของแส้เชื่อมต่อกันเป็นวงกลม
นั่นคือวงกลมแห่งเวรกรรม เหยาชางตงรู้สึกว่าถ้าเขาก้าวออกไปย่อมตกเข้าไปในเขตแดนของหวังหลินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะสามารถฆ่าหวังหลินได้เขาก็จะถูกขังอยู่ในเขตแดนนี้ เขากลัวว่าจะถูกขังอยู่ในเวรกรรมนั้นตลอดกาลและไม่มีวันตื่น
การต่อสู้ระหว่างเต๋าสามารถใช้เต๋าต่อสู้ได้เท่านั้น อย่างไรนักก็มีคนน้อยมากที่สามารถแสดงเต๋าได้เต็มกำลัง ซึ่งบอกได้เพียงว่ามีแค่ไม่กี่คนที่ทำได้!
นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับการบ่มเพาะแต่เป็นความเข้าใจรู้แจ้ง เข้าใจโลก เข้าใจชีวิตและเข้าใจเต๋าของตนเอง
เหยาชางตงไม่เคยคิดว่าซิ่วมู่จะสามารถแสดงเต๋าของตนเองได้แบบนี้ ใบหน้าเขามืดมนแต่ไม่ได้ล่าถอย น่งลงห่างจากหวังหลินสามสิบฟุตและหลับตาแทน เงาสีทองพลันปรากฏเหนือศีรษะ
เงาสีทองนี้คือกลิ่นอายของเทพตนหนึ่งและสง่างามยิ่งนัก มันคือเทพอย่างเห็นได้ชัด!
“ดิ้นรนจนตาย ข้าจะให้เจ้าได้เห็นเต๋าของตระกูลเหยาของข้า! ตระกูลเหยาคือลูกหลานของเหล่าเทพ แม้เทพไม่มีเขตแดน ตระกูลข้าเปลี่ยนความทรงเกียรติของการเป็นลูกหลานแต่ละคนใก้กลายเป็นเขตแดนของเรา ความรุ่งโรจน์ของเหล่าบรรพชนเทพเราคือเต๋าแห่งตระกูลเหยา!”
เงาเทพค่อยๆควบแน่นเหนือร่างเหยาชางตงและในที่สุดก็เดินออกมา มันก้าวเข้าหาวงกลมที่ก่อขึ้นจากเขตแดนของหวังหลิน
“ตระกูลข้าเชื่อในความรุ่งโรจน์ของบรรพชน เขตแดนอื่นๆทั้งหมดจะถูกทำลายภายใต้บรรพชนของเรา!” ใบหน้าเหยาชางตงเต็มไปด้วยความเกรงขาม และความบ้าคลั่งของเขาทำให้เทพกลายเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นไปอีก
“ความรุ่งโรจน์ในอดีตงั้นหรือ ตอนนี้เป็นอะไรเสียแล้วเล่า? ทุกสิ่งต่างเชื่อมกับเวรกรรม ความรุ่งโรจน์ของเหล่าเทพคือเหตุแห่งกรรม!” หวังหลินใบหน้าสงบนิ่ง ลดแขนซ้ายลงและยกแขนขวาขึ้น
“ผลแห่งกรรมนั้นคือการล่มสลายของแดนสวรรค์!” หวังหลินค่อยใช้แขนขวาจับเบาๆและกล่าวขึ้นอีก “เจ้าภูมิใจในความรุ่งโรจน์ แต่เต๋าของเจ้าจะหนีรอดเวรกรรมไปได้หรือ?”
วงกลมเวรกรรมเบื้องหน้าหวังหลินเริ่มหมุนวนก่อเกิดเป็นวังวน ด้านนอกวังวนคือเหตุแห่งกรรมและข้างในวังวนคือผลแห่งกรรม!
“เหล่าเทพสูญสิ้นเพราะไม่สามารถหนีรอดจากเวรกรรมไปได้ ลูกหลานพวกเขาก็ไม่สามารถหนีพ้นเวรกรรมได้เช่นกัน เต๋าของเจ้าช่างบอบบางนัก! แม้เจ้าจะมีวิชาเทพเป็นพันวิชาแล้วยังไงเล่า? เต๋าแห่งความรุ่งโรจน์นั้นหรือ? ช่างน่าขัน!” หวังหลินส่ายศีรษะ เขามองทะลุเต๋าของอีกฝ่ายออก การใช้บางสิ่งบางอย่างเป็นภาพมายาเต๋าแห่งความรุ่งโรจน์และเกรงขามต่อเขตแดนนั้น แม้จะถึงจุดสูงสุดก็ไม่สามารถหลบหนีพ้นเงาของบรรพชนตัวเองไปได้
วงล้อแห่งเวรรกรรมพลันลอยออกมาพุ่งเข้าใส่เงาของเทพตนนั้น เมื่อมันเข้าไปใกล้มันก็หยุดลง
“เหล่าเทพไม่ได้บ่มเพาะเขตแดน การใช้พลังปราณสวรรค์อันทรงพลังของแต่ละคนเพื่อเปิดสวรรค์คือความผิดพลาดร้ายแรง! ไม่เช่นนั้นทำไมแดนสวรรค์ถึงได้ล่มสลาย! แม้จักรพรรดิเทพจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ยังบ้าที่เลือกต่อต้านสวรรค์และตายลงไป บรรพชนเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อเทียบกับจักรพรรดิเทพ? จักรพรรดิเทพไม่ได้บ่มเพาะเขตแดนนั่นคือเหตุแห่งกรรม และความบ้าคลั่งที่ทำให้เขาตายคือผลแห่งกรรม!”
“รูปปั้นเทพและระดับบ่มเพาะของตระกูลเจ้าเทียบไม่ได้กับจักรพรรดิเทพ การไม่บ่มเพาะเขตแดนและบังคับให้ดึงพลังจากสวรรค์มาทำให้บรรพชนเจ้าสูญสิ้น นี่คือเวรกรรม! ในความคิดข้า ความรุ่งโรจน์ของเจ้ามันสูญเปล่า!”
“ถ้าพวกเขาถูกสวรรค์ทำลาย แล้วความรุ่งโรจน์อยู่ที่ไหน? เหยาชางตง เขตแดนที่เจ้าบ่มเพาะ เต๋าที่เจ้าเชื่อถือล้วนไร้ค่า! บรรพชนเทพของเจ้าตายไปแล้ว แต่ยิ่งกว่าการหาเหตุผลว่าทำไม เจ้ากลับเลือกบ่มเพาะตามความรุ่งโรจน์นั้น ไม่เพียงแต่เต๋าของเจ้าจะว่างเปล่า แต่กระทั่งเต๋าของบรรพชนตระกูลเหยาก็ว่างเปล่าด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดตระกูลเหยาของเจ้าจะสูญสิ้น!”
ดวงตาเหยาชางตงเต็มไปด้วยความโกรธเรี้ยว เขากระอักโลหิตคำโตออกมา จิตใจได้รับบาดเจ็บ คำพูดของหวังหลินดุจกระบี่แหลมคมทิ่มแทงหัวใจทำให้เขาไม่อาจหักล้างได้ หลังจากฟังประโยคพวกนั้นแม้กระทั่งในใจก็เกิดร่องรอยความลังเล
เงาเทพด้านนอกกงล้อเวรกรรมกลายเป็นภาพไม่ชัดราวกับสามารถหายไปได้ทุกชั่วขณะ
“เจ้าภูมิใจในความรุ่งโรจน์ของเจ้าและใช้ความรุ่งโรจน์นั้นเป็นเต๋า เต๋าของเจ้าเป็นแค่ภาพมายา เจ้าเคยเห็นความรุ่งโรจน์ของบรรพชนจริงๆหรือเปล่า? ทุกสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมาล้วนว่างเปล่า!”
“เจ้าแค่ขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น แต่เจ้าไม่เข้าใจเต๋าของตัวเองเลยสักนิด ทั้งหมดแค่เกิดมาจากภาพมายา ดังนั้นจะมาต่อกรกับข้าได้อย่างไร!? เต๋าของเข้าเปลี่ยนผ่านประสบการณ์ในชีวิตมากมาย ผ่านความเจ็บปวดหลายแขนง ความเกลียดจากการเข่นฆ่า ความตายอันขมขื่นจากคนรัก ลบล้างความอาฆาตจากลูกชาย ข้ารู้ถึงเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย ทั้งยังเข้าใจโลก แม้ข้าเข้าใจว่าสิ่งนั้นควรจะหายไป ข้าก็เดินเส้นทางต่อต้านสวรรค์และปฏิเสธโชคชะตา! สิ่งนี้ทำให้ข้าเข้าใจเขตแดนแห่งชีวิตและความตายได้สมบูรณ์!”
“จากนั้นเขตแดนของข้าก็เปลี่ยนและข้ารู้แจ้งเขตแดนแห่งเวรกรรม!”
“เต๋าของเจ้าเป็นแค่ความรุ่งโรจน์จอมปลอมเท่านั้น ความรุ่งโรจน์นี้สูญสิ้นไปนานพร้อมกับบรรพชนเจ้าและหายไปพร้อมกับการล่มสลายของแดนสวรรค์แล้ว!! เหยาชางตง เจ้าผิดพลาดอย่างร้ายแรง!”
ร่างเหยาชางตงสั่นสะท้านอีกครั้งและกระอักโลหิตคำโตออกมา ใบหน้าไร้สีโลหิตดุจคนกำลังจะตาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง
เงาของเทพด้านนอกกงล้อเวรกรรมยิ่งพร่ามัวมากขึ้นไปอีก
หวังหลินตะโกนพลางสายตาเผยแสงประหลาด “ตระกูลเหยาของเจ้าต้องการฆ่าข้านั่นคือเหตุแห่งกรรม และเต๋าของเจ้าแตกหักจากเขตแดนเวรกรรมของข้าคือผลแห่งกรรมนั้น!”
ร่างเหยาชางตงสั่นสะท้าน เงาเทพด้านบนแตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง ขณะที่มันแตกสลาย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ ดวงดาวปรากฏอีกครั้ง สำหรับเหยาชางตงแล้วราวกับมันผ่านไปนานหลายปี
เขตแดนแห่งเวรกรรมของหวังหลินหายไปเช่นกัน เศษยันต์เซียนที่เหลืออยู่ระหว่างคิ้วแตกสลายไปในระหว่างใช้เต๋าต่อสู้ พลังดั้งเดิมเต็มไปทั่วร่างกายและทะลักออกมา
ขณะนั้นผีเสื้อข้างกายกระพือปีกเบาๆ ร่างเหยาชางตกแตกกระจุย แม้กระทั่งกระเป๋าก็แตกสลายภายใต้พลังทำลายล้างนี้
ร่องรอยทั้งหมดของเขาถูกลบหายไปจากโลกใบนี้
เมื่อพลังดั้งเดิมหวังหลินกลับคืนมา ใบหน้าซีดเผือดและกระอักโลหิต การต่อสู้ระหว่างเต๋าอันตรายเกินไปดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการใช้มันเว้นแต่ว่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
เต๋าของคนไม่ได้บอบบางตามที่เขากล่าวไปแน่นอน เพียงแค่จิตใจแห่งเต๋าของเหยาชางตงไม่เสถียรเพราะเขาไม่ได้ผ่านประสบการณ์ในชีวิตเพียงพอ เขาเหมือนดอกไม้ในร่มที่ไม่เคยทดสอบว่ามีสายลมและสายฝนอยู่จริงหรือไม่
เทียบกับเขาแล้ว เหล่าเซียนระดับบ่มเพาะเดียวกันในดาราจักรพันธมิตรเซียนนับว่าแข็งแกร่งมากกว่า นอกจากนั้นแล้วในดาราจักรพันธมิตรเซียน เจ้าต้องพึ่งพาตนเอง!
แล้วอาจารย์เล่า? พวกท่านไม่ได้ปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา หากประมาทไปนิดเดียวก็ตายได้แล้ว! มันเป็นกฏของป่า ผู้ล่าคือกฏแห่งสวรรค์! เซียนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่อาจจินตนาการได้ถึงความมืดมิดในดาราจักรพันธมิตรเซียนได้ นอกจากคนเพียงแค่ไม่กี่คน
ถ้านำคนพวกนี้ไปไว้ในดาราจักรพันธมิตรเซียน ยากมากที่พวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้! เว้นแต่จะมีระดับบ่มเพาะทรงพลังเพียงพอที่จะเพิกเฉยทุกกฏเกณฑ์ได้หมด
หลังสูดหายใจลึก หวังหลินเก็บสมบัติกลับมาและต้าซานกลับมาในเงา เขาลากร่างอ่อนแอของตัวเองไปแต่จิตสังหารในแววตาแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
“ตระกูลเหยา ถ้าเจ้าต้องการฆ่าข้า เจ้าจะต้องจ่ายราคาอย่างสาสม!”
หวังหลินก้าวเท้าด้วยความดุดัน สายตาเย็นเฉียบ ใต้ฝ่าเท้าเกิดระลอกคลื่นพลันผสานตัวเข้ากับโลกและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าขณะที่เขาหายตัวไป ระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏใกล้เคียง หญิงสาวเย็นชาสวมชุดสีขาวเดินออกมา นางงดงามยิ่งและถือได้ว่าสมบูรณ์แบบ ใบหน้าเย็นชานั้นคงทำให้ใครต่อใครต้องล่าถอย ทั้งยังทำให้หัวใจเต้นเร็วมากขึ้นอีก
นางขมวดคิ้วเบาบาง เพียงแค่ก้าวเท้านางก็หายตัวไปพลางผสานเข้ากับโลกและไล่ตามหลังหวังหลิน!
ขณะนี้ในฝั่งตะวันตะวันออกบนดาวเคราะห์สีแดงโลหิต มีอารามบรรพชนขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีคำว่า “เหยา” ถูกแกะสลักเอาไว้บนเศษไม้ยักษ์
ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ในอาราม คิ้วโก่งโค้งสีแดงเข้ม
ด้านหลังเขาคือเครื่องหมายหลายชิ้น แต่ละชิ้นปลดปล่อยพลังดั้งเดิมพรั่งพรูออกมา ขณะนี้มีหนึ่งในนั้นแตกร้าวและหักครึ่ง!
ชายชราลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เขามองเครื่องหมายที่แตกหักนั้นและพึมพำ “ในที่สุดก็ตายไปหนึ่ง…หวังหลินมาจากดาราพันธมิตรเซียน ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะฆ่าได้กี่คน! อย่าทำให้เทพโลหิตผู้นี้ผิดหวัง!” ดวงตาชายชราเรืองแสงมืดมัว
เขายกแขนขวาขึ้นมาและชี้นิ้วออกไป ควันสีขาวลอยออกมาจากเครื่องหมายเข้าไปในแขนเสื้อ
“ฆ่าต่อไป…”